แนะนำที่เที่ยว เมื่อมาเยือนศรีสะเกษ
จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดชายแดนในภาคอีสานตอนล่าง ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ อารยธรรม และศิลปวัฒนธรรมของหลากหลายชนชาติ โดยเฉพาะขอมโบราณ ที่ผสมผสานเข้ากับวิถีชีวิตพื้นบ้านแบบไทยอีสานได้อย่างลงตัวและกลมกลืน มีเอกลักษณ์โดดเด่นและน่าสนใจศรีสะเกษยังมีทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ แหล่งน้ำ พืชพรรณ และสัตว์ป่านานาชนิดอันเป็นทั้งสิ่งที่หล่อเลี้ยงชาวเมืองมาเป็นเวลาช้านาน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและไม่ควรมองข้าม
ประสาทห้วยทับทัน
ภาพจาก : //th.wikipedia.org ข้อมูลเบื้องต้น : สร้างขึ้นตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ เป็นศิลปกรรมร่วมสมัยแบบปาปวน ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างบูรณะมาแล้ว 3 ยุค สังเกตได้จากอิฐที่เรียงก้อนกัน สร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ทรงครองราชย์ ราวพุทธศตวรรษที่ 16 ใช้เป็นที่ประดิษฐาน เทพเจ้าตีมูรติ เป็นปราสาทขอมโบราณแห่งหนี่งที่ถูกดัดแปลงในสมัยหลัง เช่นเดียวกับปราสาทศรีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะส่วนหลังคา ซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน แต่มีขนาดสูงกว่า ที่ตั้ง : ตั้งอยูในบริเวณวัดปราสาทพนาราม หมู่ 1 ตำบลปราสาท อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ การเดินทาง : อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอห้วยทับทัน 7 กิโลเมตร อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ 45 กิโลเมตร (ถนนหลวงหมายเลข 226 แยกไปอีก 7 กิโลเมตร) ไฮไลท์ขอบอก : บริเวณปรางค์ขนาบข้างสององค์ มีความเชื่อของชาวบ้านในชุมชนที่ว่าบุคคลใดที่มีความเดือดร้อนมาบนบาน ก็จะได้สมดังปรารถนา จึงมีผู้แวะเวียนมากราบไหว้อย่างต่อเนื่อง ต่อมาจึงมีการริเริ่มจัดงานประเพณีไหว้พระธาตุ โดยจัดขึ้นในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี น้ำตกนาตราว
ข้อมูลเบื้องต้น : เป็นน้ำตกที่อยู่ในระหว่างการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติม มีน้ำไหลในช่วงฤดูฝนและต้นฤดูหนาว และเพิ่งถูกค้นพบ มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติมาก น้ำตกสวยงาม บรรยากาศน่าท่องเที่ยว ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ในท้องที่ตำบลดงรัก อำเภอภูสิงห์ การเดินทาง : ระยะทางจากแยกถนน รพช. บ้านโคกตาล บ้านไพรพัฒนา (บริเวณแยกบ้านโนนจำปา) ประมาณ กม. เป็นถนนลูกรังสลับกับมีหินโผล่ ค่อนข้างขรุขระและลำบากประมาณ 14 กิโลเมตร และเดินทางต่ออีกประมาณ 3 กิโลเมตร ไฮไลท์ขอบอก : นักท่องเที่ยวผู้สนใจสามารถนำรถยนต์ส่วนตัวขับเคลื่อน 4 ล้อ เข้าไปเที่ยวชมได้ โดยเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลาเป็นผู้นำทางให้ ผามออีแดง
ข้อมูลเบื้องต้น : ลานหินธรรมชาติริมหน้าผาสูง ติดเขตแดนไทย-กัมพูชา เป็นจุดชมทัศนียภาพทิวเขาพนมดงรัก แผ่นดินเขมรต่ำ และสามารถมองเห็นปราสาทเขาพระวิหารซึ่งอยู่ห่างออกไป 1 กิโลเมตร และทางด้านทิศใต้ซึ่งเป็นหน้าผาที่อยู่ต่ำลงไปมีภาพสลักหินนูนต่ำศิลปะเขมรอายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 สันนิษฐานว่าเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ การเดินทาง : ตั้งอยู่ปลายสุดของทางหลวงหมายเลข 221 ห่างจากอำเภอกันทรลักษ์ลงไปทางใต้ 36 กิโลเมตร ไฮไลท์ขอบอก : บริเวณผามออีแดง มีวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรก ที่ชาวบ้านเคารพนับถือกันเป็นจำนวนมาก
ปราสาทเขาพระวิหาร
ข้อมูลเบื้องต้น : เป็นปราสาทหินตามแบบศาสนาฮินดูที่ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาพนมดงรัก สูงจากระดับทะเลปานกลาง 657 เมตร ที่ตั้งของศาสนสถานแห่งนี้รู้จักกันในนาม พนมพระวิหาร อันหมายถึง บรรพตแห่งศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ โดยปราสาทพระวิหารมีสถาปัตยกรรมแบบเขมร สร้างตามแนวเหนือใต้ซึ่งผิดแปลกไปจากปราสาทขอมส่วนใหญ่ ที่ตั้ง : อยู่ในพื้นที่ของบ้านภูมิชร็อล ต.เสาธงชัย อ.กัณทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ การเดินทาง : จากศรีสะเกษไปทางอำเภอกันทรลักษณ์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 221 จะผ่านบ้านภูมิซร๊อล มาจนถึงเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จะมีด่านตรวจ ผ่านด่านแล้วให้ขึ้นไปตามทางขึ้นเขา ไฮไลท์ขอบอก : อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารมีทัศนียภาพและทิวทัศน์ที่สวยงามอยู่หลายแห่ง เช่น จุดชมวิวผามออีแดง จุดชมวิวหน้าผาช่องโพย บริเวณป่าและสวนหินรอบสระตราว ถ้ำฤๅษี แหล่งตัดหิน สถูปคู่ ภาพสลักนูนต่ำใต้ผามออีแดง น้ำตกผาช่องโพย จุดชมวิว ภูเซี่ยงหม้อ ปราสาทโดนตวล วัดล้านขวด ข้อมูลเบื้องต้น : สิ่งปลูกสร้างภายในตกแต่งด้วยขวดแก้วหลากสีหลายแบบนับล้านใบที่ชาวบ้านได้ช่วยกันบริจาค เป็นวัดที่มีลักษณะสวยงามแปลกตา โดยเฉพาะ ศาลาใหญ่ที่เรียกว่า ศาลาฐานสโม มหาเจดีย์แก้ว ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในเขตสุขาภิบาล อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ การเดินทาง : จากศรีสะเกษไปอำเภอขุนหาญ สามารถใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 211 และ 2111 ผ่านอำเภอพยุห์ อำเภอไพรบึงไปขุนหาญระยะทางประมาณ 61 กิโลเมตร ไฮไลท์ขอบอก : นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสิมน้ำ (โบสถ์) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ซึ่งมีความวิจิตรงดงามมาก ศรีสะเกษ อะควาเรียม ข้อมูลเบื้องต้น : อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำในการดูแลของเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ซึ่งมีแนวคิดมุ่งเน้นการพัฒนาให้ความรู้ สร้างความเพลิดเพลิน ส่งเสริมการท่องเที่ยวแก่เยาวชน นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป นอกเหนือจากการเรียนรู้ในตำรา หรือในห้องเรียน
ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดศรีษะเกษการเดินทาง : ตั้งอยู่ภายในสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา (เกาะห้วยน้ำคำ) ถ.เลียงเมือง ต.หนองครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ
การเดินทาง : ตั้งอยู่ภายในสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา (เกาะห้วยน้ำคำ) ไฮไลท์ขอบอก : ภายในอาคารได้จัดโซนปลาทะเล ปลาน้ำจืด ปลาสวยงาม โดยมีปลาน้ำจืด 79 ชนิด และปลาทะเล
น้ำตกวังใหญ่
ข้อมูลเบื้องต้น : น้ำตกขนาดใหญ่กลางป่า เกิดจากห้วยขยูงที่มีต้นน้ำจากเทือกเขาพนมดงรัก สายน้ำตกแผ่กว้างด้านล่างเป็นแอ่งกว้าง น้ำค่อนข้างลึก มีโขดหินตั้งเรียงรายและมีต้นไทรขนาดใหญ่ปกคลุมคอยให้ความร่มเย็น ที่ตั้ง : อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก บ้านก่อ หมู่ 7 ตำบลละลาย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
การเดินทาง : เส้นทางการคมนาคม ออกเดินทางจากจังหวัดศรีสะเกษ ถึงอำเภอกันทรลักษ์ระยะทาง 65 กิโลเมตร เมื่อถึงอำเภอกันทรลักษ์เดินทางโดยถนนสายเขาพระวิหาร แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนที่ไปอำเภอขุนหาญ เลี้ยวซ้ายเข้าน้ำตกวังใหญ่ ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร ไฮไลท์ขอบอก : ด้านบนเป็นลานหินกว้างเหมาะสำหรับการนั่งแช่ตัวในน้ำ บรรยากาศโดยรอบจะเป็นป่าทึบ ใครที่ชอบธรรมชาติจริงๆเรียกได้ว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวัง บรรยากาศดีมีลมพัดเย็นสบายตลอด บริเวณน้ำตกจะมีหน่วยพิทักษ์ป่าและเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรักที่คอยให้ความคุ้มครองและดูแลความปลอภัยให้กับเรา ปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่
ข้อมูลเบื้องต้น : เป็นปราสาทขอมที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดของจังหวัด ลักษณะเป็นปรางค์ 3 องค์บนฐานเดียวกันเรียงกันในแนวทิศเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง ก่อด้วยหินทราย มีอิฐแซมบางส่วน มีทับหลังจำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้างบนแท่นเหนือหน้ากาล ส่วนปรางค์อีก 2 องค์ เป็นปรางค์อิฐ มีส่วนประกอบตกแต่งที่เป็นหินทราย เช่น ทับหลัง กรอบหน้าบันและกรอบเสาประตู ด้านหลังปรางค์องค์ทิศใต้มีปรางค์ก่ออิฐอีก 1 องค์ ด้านหน้ามีวิหารก่ออิฐ 2 หลัง ล้อมรอบด้วยระเบียงคดก่อด้วยศิลาแลงและหินทราย มีโคปุระหรือประตูซุ้มทั้ง 4 ทิศ ที่ตั้ง : วัดสระกำแพงใหญ่ บ้านกำแพงใหญ่ ตำบลสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ การเดินทาง : ใช้ทางหลวงหมายเลข 226 ห่างจากตัวจังหวัด 26 กิโลเมตรและห่างจากตัวอำเภอ 2 กิโลเมตร ไฮไลท์ขอบอก : ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้อยู่ในความดูแลของกองโบราณคดี กรมศิลปากร และได้มีการขุดค้นพบโบราณวัตถุจำนวนมาก เช่นทับหลังจำหลักภาพศิวะนาฏราช พระกฤษณะยกเขาโควรรธนะ และยังพบพระพุทธรูปนาคปรก พระพุทธรูปปางสมาธิ พระพิมพ์ดินเผา ฯลฯ ปราสาทวัดสระกำแพงน้อย
ข้อมูลเบื้องต้น : เป็นโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ เป็นศิลปะเขมรแบบบายน สันนิษฐานว่าบริเวณนี้คงจะเป็นที่ตั้งชุมชนโบราณมาก่อน ภาพจำหลักทับหลังบางชิ้นมีอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 16 แต่สิ่งก่อสร้างอื่นที่ปรากฏนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 18 หรือในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทสระกำแพงน้อยเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย และเป็นอโรคยาศาลด้วย ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในบริเวณวัดเทพปราสาท ตำบลขะยูง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ การเดินทาง : อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ 9 กิโลเมตร (ทางหลวงหมายเลย 226) ไฮไลท์ขอบอก : ด้านในปราสาท มีบ่อน้ำที่ถูกสันนิษฐานว่าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและอาจใช้ทั้งการบริโภคและอุปโภคด้วยเพราะมีน้ำขังตลอดปี ปราสาทบ้านเมืองจันทร์
ข้อมูลเบื้องต้น : ปราสาทบ้านเมืองจันทร์เป็นปราสาท หรือ ปรางค์เดี่ยว ฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาด 3.40 เมตร สูง 15 เมตร มี 4 ชั้น สร้างด้วยอิฐสอปูน รูปทรงสี่เหลี่ยมย่อมุม ยอดเ รียวแหลม ซุ้มประดูทั้งสี่ด้านเป็นประตูหลอก ไม่มีกำแพงแก้ว ทับหลังหรือศิลาจำหลักใดๆ ทั้งสิ้น รูปทรงและขนาดมีลักษณะคล้ายกับปราสาทบ้านโนนธาตุหรือปราสาทห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ มากที่สุด จะแตกต่างก็เพียงเป็นปราสาทเดี่ยว แต่ปราสาทที่บ้านโนนธาตุ เป็นปราสาท 3 องค์ ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ในบริเวณวัดเมืองจันทร์ หมู่ 1 ตำบลเมืองจันทร์ อำเภอเมืองจันทร์ จังหวัดศรีสะเกษ การเดินทาง : อยู่ห่างจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ 15 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ประมาณ 42 กิโลเมตร (ถนนหลวงหมายเลย 226 แยกอุทุมพรพิสัย เมืองจันทร์) ไฮไลท์ขอบอก : ในบริเวณปราสาทบ้านเมืองจันทร์ มีการขุดพบในเสมาหิน สลักเป็นรูปดอกบัวตูม และอาจารย์ศรีศักรวิลลิโภดม ได้ให้ข้อสันนิษฐานไว้ว่า เสมาหินในภาคอีสาน มีมากมายหลายแบบกว่าภาคอื่นๆ เป็นลักษณะพิเศษของวัฒนธรรมอีสาน ที่มีการเกี่ยวโยงกับลัทธิความเชื่อเรื่องการถือผี และการเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่เข้ามาปะปนกับการนับถือพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้ใบเสมาหินที่สลักเป็นรูปดอกบัว หรือกลีบบัว จึงเป็นสัญลักษณ์ของพุทธศาสนา"
ที่มา //www.painaidii.com/diary/diary-detail/001114/lang/th/
Create Date : 19 มกราคม 2560 |
Last Update : 20 มกราคม 2560 0:25:21 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1115 Pageviews. |
|
|