ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ตำนานการลงนะหน้าทอง

เป็นวิธีการเสริมดวงชะตาในด้านเมตามหาเสน่ห์ และเพิ่มโชคลาภ ทำให้ชีวิตของผู้ที่ได้ถูกลงนะหน้าทองเจริญรุ่งเรือง...แต่จะมีใครทราบบ้างว่าการลงนะหน้าทองนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรและนิยมทำกันที่ส่วนไหนไปดูเรื่องราว "การลงนะหน้าทอง" กันเลยค่ะ

การลงนะหน้าทอง

การลงนะหน้าทอง เป็นศาสตร์ที่มีอำนาจสูงส่งทางด้านการส่งเสริมดวงชะตาบารมี เสริมสิริมงคล รวมไปถึงเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ และโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง ผู้ใดได้ลงนะหน้าทองถือเป็นวาสนาแห่งบุคคลผู้นั้น ที่ไม่เคยมีใครรักก็กลับมามีคนเมตตารักใคร่ ที่ทำมาหากินไม่ดีก็กลับมาค้าขายดีมีกำไร ชีวิตที่อับเฉาก็จะไม่แห้งเหี่ยวอีกต่อไป จะบังเกิดสิ่งที่ดี ๆ เข้ามาในชีวิต พลิกชะตาจากที่ร้ายกลายเป็นดีอย่างไม่น่าเชื่อ จะบังเกิดสิ่งที่ดี ๆ ขึ้นในชีวิต

พระลักษณ์


วิชานะหน้าทองเป็นวิชาไสยศาสตร์ตามลัทธิพราหมณ์ สืบเนื่องมาจากวรรณคดี "เรื่องรามเกียรติ์" กล่าวคือ ภายในเรื่องรามเกียรติ์นั้นมี "พระลักษณ์" ซึ่งมีรูปกายเป็นสีทอง มีศักดิ์เป็นน้องของพระราม พระลักษณ์นี้มีลักษณะ สง่างาม เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา ด้วยคุณของพระลักษณ์ดังกล่าวมานี้ ในกาลต่อมาจึงได้ถือเป็นคติในการสร้างวิชาสายเมตตามหานิยม และมหาเสน่ห์ นะหน้าทองคือวิชาไสยศาสตร์ที่มีอำนาจ ทางเมตตามหานิยม จัดเป็นวิชาชั้นสูงที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธคุณ ไม่ใช่วิชาสายต่ำหรือมนต์ดำ

ที่เรียกว่านะหน้าทองเนื่องจาก มีการใช้ทองคำเปลวบริสุทธิ์ (ถือว่าเป็นของสูง) มาลงที่ใบหน้าของผู้ที่ประสงค์ให้คนมีสง่าราศี ประกอบกับอักขระที่ลงนั้นมีสูตรการเรียกเฉพาะตนว่าตัวนะหน้าทอง และยันต์ที่ลงก็จะมีสูตรถือเป็นเคล็ดของครูบาอาจารย์แต่ละท่านจะไม่เหมือนกัน ใครสำเร็จยันต์ไหน ตัวนะอักขระตัวใดก็ลงตามที่ตนเชึ่ยวชาญ


เหตุที่ต้องใช้ทองในการลง นะหน้าทองนั้นเป็นวิชาโบราณที่มีการใช้ "ธาตุทอง" เป็นตัวลง การใช้ธาตุทองนั้นเนื่องจากธาตุทองเป็นธาตุที่มีความเป็นสิริหรือแสงสว่างภายในตัว โดยตามธรรมชาตินั้นธาตุทองจะซึมซับเอาสิริ หรือแสงสว่างจากพระอาทิตย์ และพระจันทร์ไว้ในตัว

นอกจากนี้แล้วธาตุทอง ยังถือว่าเป็นสิ่งอันเป็นมงคลด้วย เพราะเป็นธาตุที่ถือว่าเป็นตัวแทนของความดี ความงาม ความสว่าง และนอกจากนี้ ทองคำยังเป็นธาตุที่ไม่มีวันเสื่อมคุณค่า ไม่ว่าจะโดนน้ำ โดนไฟ โดนลม ก็ไม่ทำให้เสื่อมคุณภาพ หรือคุณค่าในตัวเองลง เมื่อทองคำมีคุณค่าเช่นนี้ โบราณจารย์ จึงได้คิดค้นวิชานะหน้าทองขึ้น เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ลง


จุดที่ลงนะหน้าทอง โดยมากเรามักเห็นการลงนะหน้าทอง จะลงกันที่บริเวณหน้าผาก แต่ทั้งนี้การลงนะหน้าทองนั้นหากลงเต็มสูตรจริง ๆ จะมีตำแหน่งต่าง ๆ ดังนี้


1. หน้าผาก เป็นจุดใหญ่ที่สุดของใบหน้าและถือเป็นจุดที่สามารถเห็นเด่นชัด จุดนี้ถือว่าเป็นที่รวมของสิริบนใบหน้า และเป็นจุดสำคัญที่สุดในการลงนะหน้าทอง

2. เปลือกตา หรือใต้ตา จุดนี้เพื่อให้ยามที่ใครสบตาเรา หรือยามที่เรากระพริบตา ผู้ที่มองเราอยู่จะรู้สึกนึกรักและนิยมในตัวเรา

3. แก้ม เพื่อให้เป็นที่รัก การลงที่แก้มจะเรียกว่าวิชาพรหมสี่หน้า เป็นเมตตาอย่างประเสริฐ

4. กราม เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือยามพูด

5. ที่ติ่งหูสองด้าน เป็นที่สถิตของเทวดารักษาอายุ

6. ท้ายทอย เพื่อเป็นที่รักยามที่คนมองเราจากด้านหลัง

7. ลิ้น เรียกว่าสาลิกาลิ้นทอง เป็นวิชาลงทองที่มีสูตรเฉพาะแยกออกมาอีกสาขาหนึ่ง

8. กระหม่อม เป็นจุดเข้าออกของวิญญาณและปราณพลังชีวิต เป็นจุดศูนย์รวมของพลังชีวิตมนุษย์และเป็นที่สถิตของเทวดา

9. คาง เป็นส่วนที่ต่ำสุดของใบหน้า ลงจุดนี้เพื่อเป็นที่เคารพยำเกรง

แต่โดยมากการลงนะน้อยคนนักที่จะได้ลงครบสูตรตามนี้ ส่วนมากมักจะลงที่หน้าผาก แก้ม คาง ก็เพียงพอแล้ว อาจจะไม่ใช่มาตรฐานตายตัว แต่ก็นับได้ว่าเป็นความรู้ เป็นศาสตร์และศิลป์ที่น่าสนใจ จึงนำมาบอกกล่าวเล่าสู่กัน

และนี้ก็เป็นเรื่องราวตำนานของการลงนะหน้าทองที่นำมาฝากกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่างที่ทาง Sanook! Horoscope ได้บอกกันไว้บ่อยๆ ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแบบนี้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ และที่สำคัญไม่ควรงมงายจนเกินไป ต้องใช้วิจารณ์ญาณในการเข้าใจด้วยเหตุและผลประกอบกันค่ะ



ขอบคุณข้อมูลจาก //guru.google.co.th/
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com




Create Date : 29 มีนาคม 2557
Last Update : 29 มีนาคม 2557 22:05:18 น. 0 comments
Counter : 2409 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]