Nostalgia คำนี้เป็นคำนาม แปลตามพจนานุกรมว่า "การครุ่นคิดอยากให้กลับมาซึ่งประสบการณ์,สิ่งของหรือความคุ้นเคยในอดีต" ในปัจจุบันมีการนำคำๆ นี้มาใช้กันอย่างกว้างขวาง โดยมักใช้เมื่อพูดถึง "อารมณ์ถวิลหาอดีต" การถวิลหาอดีตเกิดขึ้นในหลายๆ วงการ ไม่ว่าจะเป็นวงการภาพยนตร์ อย่างเช่น หนังเรื่อง "แฟนฉัน" ที่โด่งดังมากเมื่อหลายปีก่อน หรือวงการแฟชั่นก็มีแนวย้อนยุค ..... แม้กระทั่งในแวดวงการท่องเที่ยวก็มีการนำอารมณ์ถวิลหาอดีตมาเป็นจุดขาย อย่างเช่น "เพลินวาน" สถานที่ท่องเที่ยวในรูปแบบย้อนยุคชื่อดังในเมืองหัวหิน นอกจากนี้ก็ยังมีตลาดโบราณหลายแห่งซึ่งเคยซบเซาไปแล้วในอดีต สามารถกลับมาพัฒนาเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ อยู่มากมายหลายแห่ง เช่น ตลาดโบราณนครเนื่องเขต ที่ผมเคยพาไปเที่ยวชมมาแล้วนั่นเอง .....+++ Nostalgia @ Bangplee +++ เพื่อให้เข้ากับกระแสการถวิลหาอดีต ประกอบกับผมมีเวลาว่างช่วงสั้นๆ ในวันหยุดช่วงวันแรงงานที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ว่างขนาดจะเดินทางไปเที่ยวค้างคืนไกลๆ ได้ ก็เลยตัดสินใจเลือกไปเที่ยวตลาดโบราณที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมนัก สามารถไปเที่ยวแบบ one day trip ได้ นั่นคือ "ตลาดโบราณบางพลี" ซึ่งผมเคยได้ยินชื่อมานานแล้ว แต่เพิ่งจะได้มีโอกาสไปเที่ยวเองก็คราวนี้ .....+++ ไปย้อนอดีตวันวาน ที่ตลาดโบราณบางพลีกันนะครับ วันที่ไปฟ้าไม่เป็นใจเลย ขาวจั๊วะเชียว +++ จากปราจีนบุรีบ้านผมมาถึงตลาดโบราณบางพลีใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง ถ้ามาด้วยรถส่วนตัวสามารถจอดรถได้ที่วัดบางพลีใหญ่ใน แล้วเดินเข้าไปเที่ยวในตลาดได้ หรือถ้าที่จอดรถที่วัดเต็มก็เลี่ยงไปจอดรถที่ห้างบิ๊กซีบางพลี แล้วเดินข้ามคลองมาเที่ยวตลาดได้เช่นกัน โดยจะมีเรือข้ามฟากให้เดินข้ามคลอง ค่าบริการคนละ 1 บาท เป็นการเอาเรือสองลำมาต่อกันให้เดินข้าม มีรอกผูกไว้สำหรับดึงเรือมาฝั่งเดียวกันเพื่อเปิดทางเวลามีเรือวิ่งผ่านมาตามคลอง นับเป็นภูมิปัญญาของชาวบางพลีที่น่าสนใจดี .....+++ ทางเข้าตลาดโบราณบางพลีทางด้านวัดบางพลีใหญ่ใน ++++++ ถ้ามาจากทางด้านห้างบิ๊กซี จะต้องข้ามคลองผ่านเรือข้ามฟากแบบนี้ +++ "ตลาดโบราณบางพลี" ตั้งอยู่ในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ตลาดแห่งนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 150 ปี สันนิษฐานว่าชาวจีนเข้ามาเปิดร้านในตลาดแห่งนี้ราว พ.ศ.2400 เดิมชื่อ ตลาดศิริโสภณ ตามนานสกุลของผู้ก่อสร้าง ต่อมานายป้อ โตเจริญ (ขุนเจริญ) อดีตกำนันตำบลบางพลีใหญ่และนางเจียม โตเจริญ ได้สร้างตลาดต่อจนถึงบริเวณปากคลองบัวคลี่ รวมเรียกทั้ง 2 ตลาดว่า ตลาดยายเจียม และได้มีการสร้างต่อเติมอีกในช่วงสุดท้ายไปจนถึงวัดบางพลีใหญ่ใน เรียกว่าตลาดอาจารย์สุข .....+++ ตลาดแห่งนี้เมื่อก่อนมีชาวจีนเข้ามาทำมาค้าขายกันมาก และสืบทอดกิจการมาจนถึงเดี๋ยวนี้ ++++++ บรรยากาศแบบย้อนยุคที่ตลาดโบราณบางพลี +++ "ตลาดโบราณบางพลี" แห่งนี้เป็นตลาดโบราณริมคลองสำโรงเพียงแห่งเดียวที่รอดพ้นจากไฟไหม้ และยังคงสภาพเดิมเหมือนแรกสร้าง มีความรุ่งเรืองมากในอดีต เป็นตลาดขนส่งสินค้าและผู้โดยสารจากภาคตะวันออกชายฝั่งทะเลสู่กรุงเทพฯ นั่นเพราะการเดินทางในสมัยก่อน ใช้เรือเป็นพาหนะเดินทางโดยการแจว พาย และแล่นใบเดินทางมาค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าจะอยู่ในคลองสำโรง .....+++ ตลาดโบราณบางพลีตั้งอยู่ริมคลองสำโรง +++ ทันทีที่เราก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณตลาดโบราณบางพลี ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่อดีต ร้านรวงและบ้านเรือนที่นี่จะเป็นบ้านไม้ทั้งหลังซึ่งยังคงอยู่ในสภาพเดิมๆ หน้าบ้านจะเป็นทางเดินทำด้วยไม้เป็นแนวยาวสามารถเดินเที่ยวได้ตลอดแนว ความยาวราว 500 เมตร พ่อค้าแม่ขายที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ และสืบทอดกิจการค้าขายมาหลายชั่วอายุคนแล้ว .....+++ ร้านค้าในตลาดแห่งนี้ยังคงเป็นบ้านไม้แบบเดิมๆ และเป็นเช่นนี้มานับร้อยปีแล้ว ++++++ ร้านค้าส่วนใหญ่เป็นของชาวบ้านในพื้นที่ เปิดขายมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายแล้ว ++++++ ลักษณะบ้านเรือนยังคงเอกลักษณ์แบบเก่าๆ ไว้อย่างเหนียวแน่น ++++++ บางบ้านมีการนำของเก่าที่สะสมไว้มาจัดแสดงให้ชมกันด้วย ++++++ ป้ายบทกลอนของสุนทรภู่ แสดงถึงอารมณ์สุนทรีย์ของคนที่นี่ ++++++ แพอาหารริมน้ำ ได้บรรยากาศดีเหมือนกัน ++++++ บ้านเรือนในตลาดจะสร้างเลียบขนานกันไปริมคลองสำโรง ++++++ เรือนไม้แบบโบราณมีให้ชมอยู่ตลอดสองฝั่งคลอง ++++++ ทางเดินในตลาดเป็นไม้ตลอดแนว ดูคลาสสิกดี ++++++ วันหยุดแรงงานแบบนี้ มีคนมาเดินเที่ยวตลาดกันไม่ขาดสาย ทำให้ถ่ายรูปยากมาก +++ ของที่ขายที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นของที่ใช้จริงในชีวิตประจำวัน ทั้งของใช้และอาหารการกิน โดยแทบจะไม่พบการปรุงแต่งหรือที่หลายคนชอบบอกว่า "เฟค" (Fake) เลย อย่างขนมเด็กๆ โบราณหรือของเล่นสังกะสีที่มักจะพบเห็นในตลาดโบราณแห่งอื่นๆ แต่ที่ "ตลาดโบราณบางพลี" นี้เราแทบจะไม่ได้เห็นกันเลย ผมเดินผ่านร้านขนมเด็กของอาม่าท่านหนึ่ง ลองดูขนมที่ขายแล้วก็เป็นขนมขบเคี้ยวแบบที่เด็กสมัยนี้ชอบกินกัน แล้วก็ขายให้เด็กๆ แถวนั้น ของเล่นเด็กก็เป็นของเล่นปัจจุบันจำพวกรถพลาสติกและของเล่นพลาสติกอื่นๆ ทั่วไป ใครที่ไม่ชอบตลาดโบราณแบบเฟคๆ แนะนำให้มาเดินที่นี่รับรองไม่เฟคแน่นอน ..... ด้วยความที่ไม่เฟคนี่เอง เราจึงได้พบว่าที่นี่ส่วนใหญ่จะขายสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ มีตั้งแต่เครื่องสังฆภัณฑ์ เครื่องใช้จำพวกมีด ขวาน จอบเสียม เครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายเครื่องยนต์เรือ เครื่องจักสาน ตลอดจนร้านขายของชำ ซึ่งเปิดขายกันในร้านรวงบรรยากาศย้อนยุคแบบเดิมๆ ส่วนร้านจำพวกขายของที่ระลึกเก๋ๆ แบบที่ตลาดโบราณอื่นๆ มีนั้น ที่นี่มีน้อยจนแทบนับร้านได้ เราเลยไม่ค่อยได้อะไรติดไม้ติดมือมาเท่าไหร่ .....+++ ร้านหมอดู ที่ตลาดโบราณบางพลีนี่จะมีเยอะเป็นพิเศษเลย ++++++ สินค้าที่มีขายในตลาดส่วนใหญ่จะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างเครื่องจักสานแบบนี้ ++++++ หมวกสวยๆ ที่วางขายในตลาด ++++++ หมวกผ้าสีสันสดใสดี ++++++ ร้านขายเสื้อผ้าสีฉูดฉาดสดใส ช่วยเพิ่มสีสันให้ตลาดโบราณได้เป็นอย่างดีเลย ++++++ ห่อหมกหน้าตาน่าทานดี เห็นแล้วน้ำลายแทบหกเลยทีเดียว ++++++ ขนมอร่อยๆ ให้เลือกซื้อทานกันมากมายหลายอย่าง ++++++ ขนมถ้วยแบบนี้ ไม่ได้ทานมานานแล้ว ++++++ คุณตาท่านนี้ กำลังทำขนมหวานน้ำตาลปั้นเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ++++++ สินค้าสมัยใหม่อย่างโปสการ์ดสวยๆ แบบนี้มีน้อยจนนับร้านได้เลย ++++++ ของที่ระลึกน่ารักๆ ก็พอมีให้เลือกซื้อกันอยู่บ้าง ++++++ โคมไฟสวยๆ ++++++ ของตกแต่งร้าน น่ารักดีนะ +++ บริเวณช่วงกลางๆ ของตลาด จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งจะมีการจัดแสดงภาพถ่ายสมัยเก่าตั้งแต่เริ่มมีการสร้างตลาด พร้อมนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมา วัฒนธรรม ตลอดจนวิถิชีวิตของชาวบ้านในชุมชนตลาดบางพลีแห่งนี้ด้วย ลองแวะชมกันดูจะได้รู้จักกับตลาดโบราณแห่งนี้มากขึ้น เราใช้เวลาเดินเที่ยว "ตลาดโบราณบางพลี" อยู่เกือบสองชั่วโมง ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศถวิลหาอดีตจนพอใจแล้ว หลังจากนั้นเราก็แวะไปกราบนมัสการพระหลวงพ่อโตเพื่อเป็นศิริมงคลกันที่ "วัดบางพลีใหญ่ใน" .....+++ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ช่วงกลางๆ ของตลาด ++++++ ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวชุมชนบางพลีด้วย ++++++ มุมยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ++++++ โมเดลจำลองเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่แถบตลาดบางพลี ++++++ ส่วนอันนี้เป็นโมเดลจำลองของพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นตลาดเก่าบางพลี ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ดำเนินการสร้าง ++++++ มุมถ่ายภาพแบบย้อนยุค ภายในศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ++++++ เดินเที่ยวตลาดกันเสร็จแล้ว เดี๋ยวเราไปไหว้พระกันต่อที่วัดบางพลีใหญ่ในนะครับ ++++++ วัดบางพลีใหญ่ใน ตั้งอยู่ริมคลองสำโรง ติดกันกับตลาดโบราณบางพลี ++++++ สะพานข้ามคลองสีสันสดใส หน้าวัดบางพลีใหญ่ใน ++++++ มุมมองจากบนสะพาน +++ ภายในอุโบสถของวัด จะประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็คือ "หลวงพ่อโต" ที่ชาวบางพลีให้ความเคารพศรัทธากันมากนั่นเองครับ หลวงพ่อโตองค์นี้มีตำนานเล่ากันมาว่าเป็นพระ 3 พี่น้อง โดยเมื่อประมาณ 200 กว่าปีก่อนมีพระพุทธรูปสมัยล้านช้าง 3 องค์ ประกอบด้วย หลวงพ่อวัดบ้านแหลม ปางอุ้มบาตร หลวงพ่อโสธร ปางสมาธิ และหลวงพ่อโต ปางสมาธิ พระพุทธรูปทั้งสามได้แสดงปาฏิหาริย์ โดยการลอยน้ำมาจากทางเหนือ ล่องมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา พอถึงตำบลหนึ่งก็แสดงองค์ให้ประชาชนเห็น จึงอาราธนาพระพุทธรูปทั้งสามขึ้นจากน้ำ โดยเกณฑ์จำนวนคนมาช่วยกันฉุดถึงสามแสนคน แต่ฉุดเท่าไรก็ไม่ขึ้น ต่อมาตำบลนี้จึงได้ชื่อว่าตำบลสามแสน แล้วกลายมาเป็นสามเสนในปัจจุบัน ..... จนในที่สุดหลวงพ่อบ้านแหลม ได้ลอยไปตามแม่น้ำแม่กลอง แล้วขึ้นประดิษฐานที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร จ.สมุทรสงคราม ส่วนหลวงพ่อโสธร กลับลอยทวนน้ำไปที่แม่น้ำบางปะกงถึงวัดเสาทอน หรือในปัจจุบันคือ วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา และพระองค์สุดท้าย คือ หลวงพ่อโต ลอยเข้าไปในคลองสำโรง แล้วขึ้นประดิษฐานที่วัดบางพลีใหญ่ใน หรือ วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม จ.สมุทรปราการ แห่งนี้นั่นเอง .....+++ หลวงพ่อโต พระพุทธรูปที่ชาวบางพลีศรัทธาเป็นอย่างมาก ++++++ หลวงพ่อโสธรองค์จำลอง ที่มีตำนานว่าลอยน้ำมาด้วยกันกับหลวงพ่อโต +++ หลังจากไปกราบนมัสการหลวงพ่อโตกันแล้ว ที่วัดแห่งนี้ยังมีความพิเศษอีกอย่างที่ไม่ควรพลาด นั่นคือ "สุขาไฮเทค" ซึ่งว่ากันว่าใช้ทุนสร้างเกือบห้าล้านบาท ภายในสุขาติดแอร์เย็นฉ่ำ มีสวนสวยอยู่ตรงกลาง วัสดุตกแต่งหรูหราสวยงามไม่น้อยหน้าสุขาหรูๆ ตามโรงแรมห้าดาวเลยล่ะครับ เรียกว่าถ้าใครมาเยือนวัดบางพลีใหญ่ในแล้ว ก็ต้องแวะไปทำธุระที่สุขานี้กันด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึงครับ .....+++ ไปชมสุขาไฮเทคที่โด่งดังของวัดบางพลีใหญ่ในกันเลยนะครับ ++++++ ด้านในห้องสุขา ตกแต่งหรูหราไม่แพ้โรงแรมห้าดาว ++++++ มีสวนหย่อมสวยๆ อยู่กลางห้องน้ำด้วย ++++++ รูปภาพสวยๆ บนแผ่นกระเบื้อง หน้าห้องสุขาไฮเทควัดบางพลีใหญ่ใน +++ สำหรับทริปถวิลหาอดีตของผมที่ "ตลาดโบราณบางพลี" ในวันนี้ ก็ทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยกับตลาดแห่งนี้เหมือนได้รู้จักกันมานาน และเหมือนได้เปิดลิ้นชักในสมอง ทำให้ภาพวันวานเก่าๆ สมัยยังเป็นเด็กที่เคยหลงลืมไปนานจนกลายเป็นความทรงจำสีจางๆ กลับมาแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง หากใครมีเวลาว่างช่วงวันหยุด อยากหาที่เที่ยวใกล้กรุง สามารถไปกลับได้ในวันเดียว โดยเฉพาะผู้ที่อยากสัมผัสกับตลาดเก่าจริงๆ ที่ไร้การปรุงแต่ง ก็อยากจะแนะนำให้มาเที่ยวกันที่ตลาดโบราณบางพลีแห่งนี้ครับ ทริปนี้ของผมก็คงต้องจบลงเพียงเท่านี้ก่อน แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า สวัสดีครับ .....