นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้ไปเที่ยว "อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่" ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้บ้านแค่ไม่ถึง 60 กิโลเมตร มานึกทบทวนดูก็เกือบสองปีแล้วตั้งแต่เจ้าดื้อเล็กเกิดมา ที่เราไม่ได้ไปเที่ยวแบบ camping กางเต๊นท์นอนกันตามป่าตามเขาเลย ทั้งที่เมื่อก่อนก็ไปออกบ่อยๆ เต๊นท์ที่ซื้อมาก็ถูกวางกองไว้จนจะฝุ่นจับแล้ว ก็เลยต้องหาเวลาปัดฝุ่นเต๊นท์กันซะที ได้ฤกษ์ดีเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 23-24 มกราคม ทุกคนว่างจากงานประจำก็เลยนัดแนะกันไปกางเต๊นท์นอนเล่นกินลมชมวิวสัมผัสธรรมชาติ ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายบนเขาใหญ่ แล้วหลังจากนั้นก็จะแวะไปเที่ยวรีสอร์ทสไตล์คาวบอย "Panther Creek" กันต่อคิดถึงเขาใหญ่ทีไร ก็คิดถึงทุ่งหญ้าสีเขียวๆ แบบนี้ทุกที ก่อนถึงวันเดินทาง เราไม่ลืมที่จะจองพื้นที่กางเต๊นท์กันไปล่วงหน้าผ่านทาง internet จะได้เลือกที่ดีๆ ได้ และไม่ต้องไปวุ่นวายหาที่กางเต๊นท์กันตอนที่ไปถึง ผมเข้าไปหาข้อมูลจากห้อง Blueplanet ก็พบว่ามีผู้แนะนำทำเลกางเต๊นท์ดีๆ ที่ "ลานกางเต๊นท์ลำตะคองโซน A" บริเวณ A3-01 ถึง A3-03 ซึ่งว่ากันว่าเช้าๆ จะมีร่มเงาจากภูเขาบังแดดได้ดีไม่ร้อน และยังอยู่ใกล้ร้านค้าสวัสดิการและลานจอดรถ แถมยังไม่ไกลจากห้องน้ำด้วย ผมก็เลยไม่รอช้า click จองไปในทันทีสองที่ (เป็นที่สำหรับสามคน) ราคาที่ละ 90 บาท ถ้าใครอยากจองพื้นที่กางเต๊นท์ในระบบออนไลน์แบบผม ก็ตามไปดูได้ที่ link นี้เลยครับ "ระบบจองเต็นท์และพื้นที่กางเต็นท์ออนไลน์"ออกเดินทางกันเลยดีกว่า แค่ 51 กิโลเมตรจากปราจีนบุรีบ้านผมก็ถึงเขาใหญ่แล้วถึงแล้วครับ แวะเก็บภาพเป็นที่ระลึกกันหน่อย ตามธรรมเนียม จากทางขึ้นเขาใหญ่ฝั่งปราจีนบุรี เราขับรถผ่านน้ำตกเหวนรกเป็นที่แรก แต่เนื่องจากเคยมาเที่ยวกันแล้ว และวันนี้แม่บ้านผมเขาขี้เกียจเดินลงไปน้ำตก ก็เลยไม่ได้แวะเที่ยว ขับรถเลยมาอีกหน่อยก็มาเจอทางแยกขึ้นไป "จุดชมวิวผาเดียวดาย" มาครั้งก่อนๆ ไม่เคยแวะไปเลย ครั้งนี้เลยต้องไปดูซะหน่อย หน้าผาอยู่ห่างจากที่จอดรถประมาณ 466 เมตร ทางไม่ชันมากเดินสบายๆ วันที่ไปเป็นช่วงมรสุมเข้าพอดี ฟ้าเลยมัวๆ ซัวๆ ไม่สดใสเท่าที่ควร แต่ไปถึงหน้าผาแล้วก็พอจะมองเห็นวิวมุมกว้างของป่าเขาใหญ่ได้ชัดเจนพอสมควรระหว่างทาง เราแวะจอดรถให้สองเด็กดื้อทักทายเพื่อนๆ กันก่อนถึงแล้วครับ จุดชมวิวผาเดียวดายป่าเขาใหญ่ในวันอากาศขมุกขมัว มุมมองจากผาเดียวดายครับ ออกจากผาเดียวดายก็บ่ายแก่ๆ แล้ว เราก็เลยรีบมุ่งตรงไปยัง "ลานกางเต๊นท์ลำตะคอง" กันเลย ระหว่างทางมีฝนตกปรอยๆ เล็กน้อย โชคดีที่ตกแค่พักเดียวก็หยุด ถ้าฝนตกหนักคงได้เปลี่ยนใจกลับไปนอนบ้านแน่ๆ ปีนี้อากาศแปรปรวนเหลือเกิน หน้าหนาวแบบนี้ยังมีมรสุมอีก ไปถึงลำตะคองก็เริ่มมีแดดออกพอให้ใจชื้นว่าคืนนี้คงไม่ต้องนอนเต๊นท์กลางสายฝนแน่ๆ ก่อนไปกางเต๊นท์เราต้องเอาใบจองไปยื่นที่เคาน์เตอร์ที่ทำการลำตะคองกันก่อน เจ้าหน้าที่จะลงทะเบียน และชี้ให้เราดูพื้นที่กางเต๊นท์ซึ่งก็อยู่ติดกับที่ทำการนั่นเอง ตรงพื้นที่ที่เราจองจะขึงเชือกกั้นไว้และมีป้ายติดบอกหมายเลขไว้เรียบร้อย ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนโมเม มากางเต๊นท์ทับที่เราจองไว้กางเต๊นท์เสร็จแล้วครับ เต๊นท์เราเป็นเต๊นท์ใหญ่สำหรับหกคน มีห้องโถงตรงกลางด้วยดื้อเล็กเพิ่งเคยมานอนเต๊นท์เป็นครั้งแรก ก็เลยสนุกใหญ่ร้านค้าสวัสดิการอุทยานอยู่ตรงข้ามเต๊นท์เราเลยครับ สะดวกดีเวลาซื้อของไม่ต้องเดินไกลกวางตัวนี้เดินอยู่ใกล้ๆ ที่ทำการ เห็นที่คอมีแผลแบบนี้ มีคนบอกว่าแสดงถึงการพร้อมผสมพันธุ์ครับดื้อเล็กตื่นเต้นมากที่ได้เห็นกวางแบบใกล้ชิดดื้อใหญ่กำลังเตรียมตัวไปเดินลุยน้ำเล่นที่ลำตะคอง โชคร้ายโดนขโมยรองเท้าที่ถอดไว้ด้วย วันที่เราไปที่ยว มีคนมากางเต๊นท์ที่ลานกางเต๊นท์ลำตะคองกันหนาแน่นทีเดียว เรียกว่าแทบไม่มีที่จอดรถเลยล่ะครับ แต่โชคดีที่โซน A ที่เราพัก คนค่อนข้างหลวมๆ แถมเพื่อนเต๊นท์ข้างเคียงยังมีมารยาทดี ไม่มีพวกขี้เมาส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย ค่ำนั้นอากาศไม่ถึงกับหนาว แต่ก็เย็นสบายดี บรรยากาศที่ลานกางเต๊นท์ลำตะคองนี่จัดว่าดีทีเดียว เสียตรงห้องอาบน้ำชาย จะเป็นห้องน้ำรวมแบบตักอาบ แถมยังโล่งโจ้งไม่มีการกั้นเป็นห้องๆ ด้วย อาบทีเห็นกันหมด ควรเอาผ้าขาวม้าติดไปไว้อาบน้ำด้วยนะครับ ส่วนห้องน้ำหญิงไม่มีปัญหาเพราะกั้นห้องเป็นสัดส่วน แถมมีฝักบัวให้อาบสบายๆ ด้วย คืนนั้นโชคดีฝนไม่ตก เลยนอนหลับกันสบาย เช้ามามีหมอกให้เห็นด้วย แบบนี้ค่อยดูสมกับเป็นฤดูหนาวหน่อยมาเที่ยวแบบนี้ ต้องรีบตื่นมารับแสงตะวันยามเช้ากันหน่อยลานกางเต๊นท์ยามเช้า มีหมอกปกคลุมไปทั่วเลยที่ทำการลำตะคองกลางสายหมอกยามเช้าอาหารเช้าวันนี้ ทำกันเองแบบง่ายๆระหว่างเดินเล่น เจอคุณลุงท่านนี้กำลังเล่นเพลงจากการถูแก้วน้ำอยู่ เพลงเพราะทีเดียว หลังอาหารเช้า เราใช้เวลาช่วงเช้าเดินเล่นชมบรรยากาศสายหมอกยามเช้ากัน พอสายหน่อยเราก็เก็บเต๊นท์เก็บข้าวของเพื่อออกเดินทางไปเที่ยวกันต่อ วันนี้เรามีโปรแกรมไปเที่ยวชมเมืองคาวบอย ที่ "Panther Creek Western Resort" รีสอร์ทแห่งนี้ ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก เคยได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้มีปัญหาภายในบางอย่าง ทำให้ยังไม่สามารถยังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ตอนนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าเปิดตัวเต็มที่หรือยัง แต่ก็มีคนไปพักกันอยู่บ้างแล้ว และก็มี website เป็นทางการแล้วด้วย ถ้าอยากทราบรายละเอียดของรีสอร์ทก็ลองเข้าไปดูที่ website ของรีสอร์ทได้ที่ link นี้ "Panther Creek Resort"แผนที่เส้นทางไป Panther Creek Resortวันนี้บอกลาเขาใหญ่กันก่อน แล้วเจอกันใหม่วันหน้าจากเขาใหญ่ ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึง Panther Creek Resort กันแล้ว "Panther Creek Resort" เป็นรีสอร์ทสไตล์เมืองคาวบอยพื้นที่ 17 ไร่ มีการจำลองบรรยากาศแบบเมืองตะวันตกยุคโบราณ ได้อย่างสมบูรณ์แบบราวกับได้ย้อนเวลากลับไปอยู่ในยุคของ Indian - Cowboy เลยล่ะครับ สำหรับผู้ที่จะไปเข้าเยี่ยมชมเมืองอย่างเดียวโดยไม่ได้เข้าพัก ก็สามารถทำได้ โดยต้องเสียค่าบัตรเข้าชมเมืองคนละ 50 บาท ซึ่งสามารถนำบัตรไปแลกน้ำอัดลมได้ 1 กระป๋องที่ร้านอาหารของรีสอร์ท นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำอีกด้วย เช่น การขี่ม้าชมเมืองหรือยิงธนู วันที่เราไปแทบไม่เห็นคนมาเที่ยวที่นี่เลย จึงสามารถเดินถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายไม่ต้องรอคิวถ่ายรูปเหมือนที่เที่ยวดังๆ ที่อื่นค่าเข้าชมและกิจกรรมต่างๆ ดูตามป้ายนี้ได้เลยผ่านประตูเข้าไปก็เจอมุมสวยๆ แบบนี้เลยครับตู้ไปรษณีย์สีแดง ที่นี่ก็มีห้องพักที่นี่มีหลายรูปแบบครับ มีทั้งที่เป็นกระโจมอินเดียนแดง เป็นโบกี้รถไฟ และเป็นเมืองคาวบอยตะวันตก ราคาก็ต่างกันไปตามชนิดและขนาดห้อง นอกจากนี้ยังมีห้องประชุมและร้านอาหารครบครันด้วยครับ ไปดูบรรยากาศในเมืองคาวบอยแห่งนี้กันเลยดีกว่าครับด้านหน้าสุดเป็นห้องพักแบบ Apache & Indian Houseห้องพักสร้างเลียนแบบกระโจมอินเดียนแดงเดินเข้าไปอีกหน่อยก็จะเจอกับห้องประชุมสัมมนาอีกมุมหนึ่งของห้องประชุมฝั่งตรงข้ามจะเห็นสวนสวยและห้องพักแบบ Garden viewเดินต่อเข้าไปด้านใน ก็จะเจอรถไฟขบวนนี้จอดอยู่หัวรถจักรจำลองมาได้เหมือนจริงมากโบกี้รถไฟสีสวยสดดีแต่ละโบกี้ก็จะเป็นห้องพักแบบ Westwood Trainห้องนี้เปิดอยู่ เข้าไปชมด้านในกันดีกว่าภายในห้องพักแบบโบกี้รถไฟ ตกแต่งแบบตะวันตกไปชมเมืองคาวบอยกันบ้างดีกว่า เดินผ่านป้าย Panther Creek County นี่เข้าไปเลยตึกสไตล์เมืองคาวบอยสวยๆ เต็มไปหมดแต่ละหลังก็ตกแต่งเป็นสถานที่ต่างๆ กันไป อย่างในรูปก็เป็นแกลเลอรี่ และคาสิโนภายในตึกทุกตึกก็จะเป็นห้องพักแบบ City viewดื้อเล็กเดินดูเมืองคาวบอยเพลินไปเลยครับดื้อใหญ่วันนี้เตรียมตัวมาพร้อม แต่งชุดคาวบอยมาเลยบรรยากาศเหมือนเมืองตะวันตกแบบที่เคยเห็นในหนังคาวบอยที่นี่มีมุมสวยๆ น่าถ่ายรูปเต็มไปหมดคุณแม่คุณลูกถ่ายรูปกันเพลินไปเลยคาวบอยตัวน้อย ปีนขึ้นลงรถม้าสนุกใหญ่เลยอีกมุมหนึ่งในเมืองคาวบอย มีกังหันลมด้วยหลังนี้ตกแต่งเป็นที่ทำการนายอำเภอมีบางห้องทำเป็นคุกด้วยนะครับ ท่าทางห้องนี้คนคงไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่นะมุมนี้สีสันสดใสดี เลยต้องเก็บภาพมาซะหน่อยสองเด็กดื้อก็ชอบที่นี่เหมือนกันตรงนี้เป็นห้องพักส่วน Garden Viewแต่ละหลังสีสวยสดดีเหลือเกินด้านหน้าห้องพักจะมีระเบียงให้นั่งชมสวนด้วยมุมหนึ่งในเมืองหลังสีแดงที่เขียนว่า Restaurant จริงๆ แล้วจะเป็นห้องน้ำดื้อใหญ่ยังติดใจรถม้านี่เป็นร้านอาหารของรีสอร์ท เอาบัตรเข้าชมมาแลกน้ำอัดลมได้ที่นี่ เราใช้เวลาเดินเที่ยวชมเมืองคาวบอย "Panther Creek" และเก็บภาพสวยๆ กันอย่างเพลิดเพลินเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง จากนั้นจึงออกเดินทางต่อเพราะเราอยากแวะไปเดินเที่ยวที่ Shopping Street แห่งใหม่ของเขาใหญ่ที่ "Palio" ด้วย แต่โชคไม่ดี ระหว่างขับรถไปถึง Palio ดันมีฝนตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกซะด้วย หลังจากจอดรถดูท่าทีอยู่พักหนึ่งเราก็ต้องขอยอมแพ้ต่อฝนฟ้า ตัดใจว่าไว้มาใหม่วันหลังในวันที่อากาศดีกว่านี้ก็ได้เพราะอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ ระหว่างทางกลับบ้านก็ยังมีฝนตกพรำๆ ตลอดช่วงเขาใหญ่ฝั่งปากช่อง แต่ที่น่าเจ็บใจคือพอข้ามมาฝั่งปราจีนบุรีปรากฏว่าแดดเปรี้ยงไม่มีฝนเลยซักนิด แม้ทริปนี้จะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไปซะทุกอย่าง แต่ก็ไม่นับว่าสร้างความผิดหวังหรอกครับ เขาใหญ่ก็ยังคงสร้างความประทับใจให้กับผมได้ทุกครั้งที่ไปเยือน และหวังว่าคงมีโอกาสได้กลับไปเที่ยวเขาใหญ่ โดยไม่ต้องห่างหายไปนานเหมือนเมื่อก่อน ทริปนี้ก็คงต้องขอจบเพียงเท่านี้ ไว้พบกันใหม่ทริปหน้า สวัสดีครับ