Group Blog
 
 
ตุลาคม 2557
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
21 ตุลาคม 2557
 
All Blogs
 
แผนร้าย อุบายรัก - 4 - ชักธงรบ!




“นี่เราต้องทานข้าวร่วมโต๊ะกับพี่ชายของแกด้วยใช่มั้ย?” มุกตาภาถามด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ เมื่อภวัตบอกว่าได้เวลาอาหารเย็นแล้ว

“ยัยน้ำหวานนั่นด้วย” เขาบอกด้วยความรู้สึกชนิดเดียวกับเพื่อนรัก เมื่อนึกถึงใบหน้าหวานละมุนขัดกับนิสัยแสบสะบัดได้ใจของมาธวี

หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก “อาหารมื้อนี้คงอร่อยดีพิลึก”

“ก็คงงั้น แต่ฉันว่าแกก็ใช้ได้เลยนะ เป็นคู่ปรับที่สูสีกับยัยน้ำหวานมาก อย่างนี้ค่อยน่าวางใจหน่อยว่าแกจะช่วยปกป้องความโสดของฉันจากผู้หญิงร้ายกาจอย่างยัยน้ำหวานได้”

มุกตาภาส่ายหน้าอย่างหมั่นไส้ “แกเองก็ร้ายพอกันนั่นแหละ”

เขาจุปากพลางส่ายหน้าอย่างขัดใจที่โดนเพื่อนเบรกจนหัวทิ่ม “พูดมาก ไปเถอะ ป่านนี้สองคนนั่นรอแย่แล้ว”

ว่าแล้วก็ออกเดินนำหญิงสาวลงไปที่ห้องรับประทานอาหาร



เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงจุดหมายปลายทางก็เห็นภรัณยูกับมาธวีนั่งรออยู่ด้วยใบหน้าตึงๆ เหมือนนัดกันไว้

ภวัตก้มลงกระซิบกระซาบเพื่อนรักให้ได้ยินกันแค่สองคน “เราคงต้องเตรียมรับมือกับยัยน้ำหวานให้ดี ป่านนี้คงคิดหาวิธีกลั่นแกล้งแกสารพัดแล้ว ระวังตัวด้วยนะ”

หญิงสาวไหวไหล่ ส่งยิ้มหวานหยดให้เพื่อนแล้วกระซิบตอบด้วยท่าทีอ้อนอ้อนดัดจริต เพราะรู้ว่าขณะนี้มีสายตาสองคู่คอยจับตามองการเคลื่อนไหวของเธออยู่เงียบๆ “งั้นก็ถึงเวลาต้องชักธงรบแล้วสิ”

เรื่องนี้น่าสนุกและท้าทายกว่าที่คิดไว้เยอะ...

ชายหนุ่มอมยิ้มอย่างขบขัน ก่อนกุลีกุจอไปเลื่อนเก้าอี้ให้มุกตาภาอย่างเอาใจ เรียกว่าโอเว่อร์แอคติ้งกันสุดฤทธิ์ “นั่งตรงนี้เลยจ้ะมุก ระวังนะ เดี๋ยวลูกตกใจ”

มุกตาภายิ้มขำกับท่าทางเห่อจัดที่เพื่อนตั้งใจแสดงต่อหน้าพี่ชายและว่าที่เจ้าสาว แล้วช่วยกันทำมาหากินด้วยการหันไปส่งยิ้มหวานให้ภวัตพร้อมเอื้อมมือไปหยิกแก้มเขาด้วยอาการหยอกเย้าจนน่าหมั่นไส้

“ขอบคุณค่ะวัต น่ารักจัง”

“เราทานอาหารเย็นเวลาหนึ่งทุ่มตรง ถ้าอยากจะอยู่ร่วมกับคนที่นี่ก็รักษาเวลาด้วย สมบัติผู้ดีน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมุกรู้จักรึเปล่าคะ?”

มาธวีรู้สึกหมั่นไส้ทั้งสองคนเป็นกำลังจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานบาดใจ แต่รอยยิ้มที่ตามไปนั้นกลับฉาบด้วยยาพิษชนิดร้ายแรง

มุกตาภาไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองสาวน้อยคนนี้แต่อย่างใด ทว่ากลับรู้สึกขบขันและสนุกมากกว่าที่เห็นมาธวีตั้งหน้าตั้งตาหาเรื่องเธอทั้งที่ไม่จำเป็นสักนิด เพราะเธอกับภวัตไม่ได้เป็นอะไรนอกจากเพื่อนสนิท

หญิงสาวแสร้งทำสีหน้าเอียงอายให้สมบทบาท ขณะยั่วโมโหอีกฝ่ายให้เต้นตาม “ขอโทษนะคะ มุกบอกวัตแล้วว่าให้รีบๆ เดี๋ยวคุณน้ำหวานกับพี่รัณจะรอทานข้าว แต่วัตสิคะ ซนจนได้เรื่อง”

มาธวีมองท่าทางดัดจริตเอียงอายของมุกตาภาแล้วแทบเต้น เมื่อเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการบอกสิ่งใดกับเธอ ริมฝีปากอิ่มขบกันแน่น

แต่ก่อนที่เธอจะได้ลุกขึ้นมาฟ้อนเล็บกลางโต๊ะอาหาร ภรัณยูก็ตัดบทสนทนาอันเยิ่นเย้อนี้ลงด้วยถ้อยคำที่จงใจเชือดเฉือนผู้หญิงหน้าไม่อายโดยเฉพาะ

“งั้นก็ทานข้าวกันได้แล้ว ทีหลังก็อย่าซนนักล่ะนายวัต ที่นี่คือบ้าน ไม่ใช่ม่านรูด”

ฉึก!

ดอกที่หนึ่งตรงเข้าตัดขั้วหัวใจฝ่ายตรงข้ามจนแทบกระอัก ทั้งภวัตและมุกตาภาต่างก็อึ้งงันเป็นใบ้บื้อไปตามๆ กัน โดยเฉพาะหญิงสาวที่จ้องคนหน้านิ่งปากร้ายด้วยดวงตาวาววับ

หน็อย...มันจะดูถูกกันมากไปแล้ว!

มาธวียิ้มเยาะ มองทั้งสองคนด้วยแววตาหมิ่นแคลน สำทับคำพูดของภรัณยูอย่างสาแก่ใจ “ก็ดีค่ะ รอนานจนอาหารเย็นชืดหมดแล้ว ท่าทางพี่วัตจะไม่ชอบอะไรจืดๆ ซะด้วย คงชอบอาหารรสจัดจ้านที่ไม่มีประโยชน์กับร่างกายมากกว่า งั้นก็ทนๆ หน่อยแล้วกันนะคะ บ้านหลังนี้ไม่มีใครทานรสจัด”

ภวัตหันขวับ จ้องอีกฝ่ายเขม็ง ปากคอเราะราย น่าจับมาหักคอจิ้มน้ำพริกนัก

เขาอยากจะรู้จริงๆ ว่าผู้หญิงปากร้ายแบบนี้ ใครจะรักลง!

มุกตาภาพยายามข่มความไม่พอใจเอาไว้ หันไปแตะแขนภวัตเบาๆ เตือนให้เขาใจเย็น มิฉะนั้นอาจพลาดพลั้งเสียทีให้คู่ปรับได้ง่ายๆ เธอแน่ใจว่าถ้าจะต่อกรกับคนอย่างภรัณยูคงต้องใช้สมองให้มากกว่าอารมณ์

“งั้นเราก็ทานกันเลยดีกว่านะคะวัต อาหารเย็นแล้วจะไม่อร่อย วัตขา ตักแกงเขียวหวานให้มุกหน่อยสิคะ มุกอยากทาน” เธอเกลื่อนความไม่พอใจด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงหวานหยด แสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้กับคำพูดกระทบกระทั่งของภรัณยูและมาธวี

ก็ให้มันรู้กันไปสิ ถ้าเธอไม่รับคำพูดพวกนั้นซะอย่าง ใครกันที่ต้องเต้น!

ภวัตหรี่ตามองมาธวีอย่างคาดโทษ ก่อนจะหันมาแสดงซีนหวานจัดกับมุกตาภาจนมื้ออาหารเย็นจบลง และก็ได้เข้าใจคำพูดที่ว่า ‘หัวเราะทีหลังดังกว่า’ อย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ก็วันนี้เอง

เขาต้องกลั้นหัวเราะแทบตายกับท่าทางโมโหโกรธาของมาธวี สู้อดทนไว้ ให้น้ำหนักความสนใจพุ่งไปที่มุกตาภาเพียงคนเดียวโดยไม่แคร์ว่าจะถูกใครจับตามองอยู่บ้าง

ภรัณยูกินข้าวไปเงียบๆ แต่ดวงตาคมกริบลอบมองมุกตาภาเป็นระยะ เขาไม่นิยมผู้หญิงประเภทใจเร็วด่วนได้อย่างเธออยู่แล้ว ยิ่งได้ยินได้ฟังคำพูดจาฉอเลาะและท่าทางดัดจริตออเซาะของเจ้าหล่อน ก็ยิ่งไม่พอใจ และสิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เขามีความรู้สึกติดลบกับหญิงสาวมากขึ้น ถึงขนาดนึกค่อนเธอในใจอย่างดูถูก

ผู้หญิงหน้าไม่อาย!

เขาต้องเขี่ยเธอออกไปจากชีวิตของภวัตให้เร็วที่สุด!

“ทานข้าวเสร็จไปคุยกับพี่ที่ห้องทำงานหน่อยนะวัต” ภรัณยูบอก

เสียงเรียบเมื่อรวบช้อนส้อมไว้ข้างจาน ห้องทำงานที่เขาพูดถึงคือห้องห้องหนึ่งภายในบ้านหลังนี้ที่จัดให้เป็นห้องทำงานส่วนตัวของเขาเอง

ภวัตสบตาพี่ชายอย่างระแวดระวัง ฝ่ายนั้นยังคงวางหน้านิ่งเช่นเคย เขาจึงหันไปสบตามุกตาภาที่นั่งอยู่ข้างๆ หญิงสาวพยักหน้า ชายหนุ่มจึงตอบพี่ชาย “ครับ”

“น้ำหวานด้วยนะ พี่จะคุยเรื่องงาน” ภรัณยูหันไปบอกกับมาธวีที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างเขา

“ได้ค่ะพี่รัณ” หญิงสาวรีบตอบอย่างยินดีพลางส่งสายตาเยาะเย้ยให้มุกตาภาที่ถูกกีดกันออกจากภวัตได้สำเร็จ แม้จะเป็นเพียงเรื่องงานก็ตาม

“งั้นเสร็จธุระแล้วรีบกลับห้องนะคะวัตขา มุกจะรอ” มุกตาภาเอ่ยกับภวัตเสียงหวานพลางทำสีหน้าเอียงอาย ไม่ใส่ใจกับสายตาคมดุคู่หนึ่งกับดวงตาแวววาวอีกคู่ที่ขยันส่งให้เธอแม้แต่น้อย

“ได้จ้ะมุก วัตจะรีบกลับนะ อย่าเพิ่งหลับไปก่อนล่ะ ไม่งั้นจะทำโทษทั้งคืนเลย” ภวัตทำเสียงออดอ้อนหญิงสาว ซึ่งก็ได้รับรางวัลเป็นการตีแขนอย่างหยอกเย้าเพียงเบาๆ

อีกสองคนได้แต่เคืองใจ โดยที่หนึ่งในนั้นแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง ส่วนอีกคนซ่อนความขุ่นเคืองไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบคมเป็นนิจ

ภวัตอมยิ้มพลางนึกในใจว่าหากมุกตาภาสนใจจะเป็นนักแสดงก็ท่าทางจะรุ่งเอาการอยู่เหมือนกัน เพราะเธอตีบทสาวเปรี้ยวช่างเอาอกเอาใจได้แตกกระจายเข้าขากับเขาเป็นอย่างดี

งานนี้เขาต้องสู้ให้ถึงที่สุด ไม่เคยมีคำว่า ‘แพ้’ ในพจนานุกรมของนายวัต!



“งานเลี้ยงฉลองครบรอบสิบปีของบริษัทเคจี กรุ๊ป ที่จะจัดขึ้นอาทิตย์หน้า พี่อยากให้วัตกับน้ำหวานช่วยกันดูแลและเตรียมงาน” ภรัณยูเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่ในห้องทำงานพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งสามคน

“ที่ไหนคะพี่รัณ เราได้สถานที่จัดงานแล้วเหรอคะ” มาธวีถามอย่างสนใจ

เธอเข้ามาทำงานกับภรัณยูที่บริษัทของเขาตั้งแต่เรียนจบ มีหน้าที่เป็นทั้งพีอาร์และประชาสัมพันธ์ด้วย เกี่ยวกับงานด้านการรับรองแขกหรือการเตรียมสถานที่นั้นเธอก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบด้วยเหมือนกัน

“ลูกค้าต้องการจัดงานเลี้ยงบนเรือสำราญ พี่ส่งเรื่องให้ทีมงานออกแบบแล้ว เหลือก็แต่ให้ทีมจัดสถานที่เข้าไปจัดการให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องอาหารและการแสดงต่างๆ น้ำหวานจัดการได้ใช่ไหม”

หญิงสาวยิ้มรับ “ค่ะพี่รัณ แต่ถ้าจะจัดบนเรือสำราญละก็น้ำหวานคงต้องกำชับเกี่ยวกับเรื่องอาหารให้ดูคลาสสิกนิดนึง จะได้เหมาะกับบรรยากาศโรแมนติกบนเรือ”

“ดีมาก พี่ฝากด้วยแล้วกันนะ” ภรัณยูยิ้มบางๆ ก่อนหันไปมองหน้าภวัตที่นั่งฟังนิ่งๆ ตั้งแต่เข้ามาในห้องแล้ว

“นายว่ายังไง มีปัญหาอะไรรึเปล่าที่ต้องไปค้างบนเรือซักวันสองวันเพื่อเตรียมงาน หรือว่าต้องพาเมียไปทำงานด้วย”

น้องชายยักไหล่กวนๆ นั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ เป็นที่ขัดตาอีกสองคนนัก ตอบด้วยมาดยียวนตามสไตล์ “ไม่มีปัญหาอะไรนี่ครับพี่รัณ งั้นผมฝากมุกให้พี่ช่วยดูแลแทนหน่อยละกัน แค่นี้ใช่มั้ยครับ ผมจะได้กลับไปหาเมียผมซะที คิดถึงจะแย่แล้ว”

“เชิญค่ะ เดี๋ยวคู่นอนเอ๊ย...เมียพี่วัตจะรอแย่” คำพูดแดกดันนี้เป็นของมาธวี ทั้งปากทั้งตาบอกชัดว่าหมั่นไส้สุดจะทน

ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก ยันกายลุกขึ้น “รู้ก็ดีแล้ว พี่จะได้ไม่ต้องพูดบ่อยๆ”

แล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องทำงานของพี่ชายด้วยท่าทางสบายอารมณ์

ภวัตรู้ว่ามาธวีเองก็ไม่ได้พิศวาสอะไรเขานัก เพียงแต่เธอรู้สึกเสียหน้าที่ถูกเขามองข้ามแล้วพาผู้หญิงอื่นเข้ามาหยามถึงในบ้านก็เท่านั้น

ดี ทนไม่ไหวเมื่อไหร่จะได้ถอนตัวจากตำแหน่งเจ้าสาวของเขาซะที!

มาธวีเม้มปากแน่นกับท่าทียโสและอวดดีของภวัต แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากระบายลมหายใจหนักๆ แทนการขว้างปาข้าวของที่อยู่ใกล้มือ เพราะภรัณยูยังอยู่ในห้องด้วยอีกคน

“ไปค้างบนเรือสองคืน ช่วงนี้มุกตาภาไม่ได้อยู่ด้วย น้ำหวานต้องทำให้ทุกคนรู้ว่าน้ำหวานเป็นว่าที่เจ้าสาว และจะเป็นเจ้าของของภวัต ส่วนทางนี้พี่จัดการเอง” ภรัณยูบอกกับสาวน้อยที่ยังยืนทำหน้าบึ้งอยู่กับเขา

หญิงสาวมองสบตาคมดุอยู่ชั่วครู่ ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ พูดอย่างเหนื่อยใจ “พี่รัณคิดว่าพี่วัตรักผู้หญิงคนนั้นจริงไหมคะ น้ำหวานไม่แน่ใจว่าจะทำได้อย่างที่พี่รัณต้องการรึเปล่า”

ภรัณยูเดินเข้าไปใกล้ ลูบศีรษะเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมดกดำลื่นมืออย่างอ่อนโยน

“มุกตาภาไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีพอสำหรับนายวัต ผู้หญิงที่ทำตัวไร้ค่า หอบเสื้อผ้าตามผู้ชายมาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานกันแบบนั้นไม่คู่ควรกับความรักของผู้ชายคนไหนทั้งสิ้น น้ำหวานเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เหมาะสมกับนายวัต พี่เชื่อว่าเขาจะต้องเข้าใจความหวังดีของเราในซักวัน อย่าเพิ่งท้อนะ”

มาธวีสบสายตาอบอุ่นนั้นอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจนัก เธอไม่รู้ว่าทำถูกหรือผิดกับการพยายามยัดเยียดตัวเองให้ภวัต ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยต้องการเธอเลย แต่เมื่อภรัณยูบอกว่านี่คือความหวังดีและเป็นการทำเพื่อภวัต หญิงสาวจึงเชื่อฟังโดยดี

แม้เธอกับภวัตจะไม่ค่อยกินเส้นกัน แต่นอกจากบิดามารดาที่เสียไปแล้ว ชีวิตของเธอก็เหลือแค่ภรัณยูกับภวัตเท่านั้นที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบ เธอแน่ใจว่าภรัณยูหวังดีกับทั้งเธอและภวัต แต่ไม่แน่ใจว่าภวัตจะยอมรับรู้ถึงความหวังดีนี้ด้วยหรือไม่

“น้ำหวานจะพยายามค่ะพี่รัณ” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ให้เขา

“ดีมาก พี่เชื่อว่านายวัตต้องเห็นความดีของน้ำหวาน” เขาบอกด้วยรอยยิ้มบางๆ รู้ดีว่ามาธวีนั้นยังเด็กและค่อนข้างเอาแต่ใจอยู่มาก แต่นอกจากนี้แล้วเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักทีเดียวโดยเฉพาะกับพี่ชายอย่างเขา

มาธวีลอบถอนใจ ไม่ว่าภวัตจะเห็นถึงความหวังดีของเธอหรือไม่ เธอก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

ภรัณยูมองใบหน้าสวยหวานที่เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจของหญิงสาวอย่างให้กำลังใจ การที่ภวัตกับมาธวีลงเอยกันจะทำให้เขาเบาใจว่าได้เห็นคนที่รักและดูแลมาตั้งแต่เด็ก เดินไปในเส้นทางที่ถูกต้องดีงามโดยไม่หลงไปไหนจนหาทางกลับไม่เจอ

ถ้าหากว่าสองคนนี้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียได้ เขาก็จะได้วางมือจากการเป็นผู้ปกครองแทนพ่อกับแม่และคุณอาทั้งสองที่เสียไปแล้วอย่างสบายใจ



“ว่าไงนะ!” มุกตาภาร้องเสียงหลงจนภวัตต้องรีบเข้ามาปิดปากเธอไว้ด้วยมือใหญ่ของเขา

“เบาๆ หน่อยมุก เดี๋ยวคนอื่นได้ยินหมด” เขาบอกเสียงเบา

หญิงสาวทำหน้าบึ้ง จ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่องแล้วกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ “แล้วแกจะปล่อยฉันไว้กับพี่ชายหน้าดุของแกสองต่อสองงั้นเหรอ เกิดเขาบ้าขึ้นมา จับฉันฆ่าหักคอหมกป่าแล้วทำไง แกรับผิดชอบไหวเหรอ”

“ถ้าแกหนักใจเรื่องนั้นก็วางใจได้ พี่รัณไม่โง่ขนาดนั้นหรอก ถ้าเขาจะจัดการกับแกรับรองว่าเขาไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางแน่” ภวัตบอกยิ้มๆ

“ยังมีหน้ามาตลกอีกนะ ฉันไม่ขำซักนิดเลยขอบอก ทำไมแกต้องไปตั้งสองคืนด้วยล่ะ ให้ฉันไปด้วยไม่ได้เหรอ ฉันไม่อยากอยู่ทะเลาะกับพี่แกคนเดียว มันไม่หนุก” หญิงสาวบ่นอย่างไม่พอใจ

ภวัตยิ้มน้อยๆ อธิบายเสียงอ่อน “งานนี้ยัยน้ำหวานไปด้วย ความจริงฉันก็อยากให้แกไปด้วยกันนั่นแหละ จะได้ช่วยจัดการยัยนั่นให้ด้วย แต่แกลืมไปแล้วหรือไงว่าถ้าฉันพาแกออกงานต่อหน้ายัยน้ำหวาน ฉันก็ต้องบอกคนอื่นด้วยว่าเราเป็นอะไรกัน แล้วทีนี้ก็จะมีคนร่วมรับรู้ว่าแกกับฉันเป็นสามีภรรยากัน แล้วมันก็จะผิดข้อตกลงที่ฉันรับปากแกไว้ จำได้ไหม?”

มุกตาภาคิดตามก็เห็นจริง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากอยู่ที่นี่โดยไม่มีภวัต เห็นได้ชัดว่าภรัณยูไม่รับเธอเป็นน้องสะใภ้ แม้จะนิ่งแต่เธอรู้ว่ามีคลื่นใต้น้ำซ่อนอยู่เงียบๆ การที่เขากันภวัตกับเธอออกจากกันในคราวนี้ แปลว่าเขาต้องมีแผนการอะไรแน่ และเธอไม่อยากรับมือเพียงลำพัง มันเสี่ยงเกินไป

ภวัตยิ้มขณะมองใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ครุ่นคิดอะไรเงียบๆ เอ่ยขึ้นอย่างให้กำลังใจ “ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ถึงพี่รัณจะดุแต่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษ

ฉันรับรองด้วยเกียรติว่าเขาจะไม่ทำอะไรแกแน่”

“เกียรติของใครยะ ถ้าของแก ฉันไม่เชื่อหรอกนะ” หญิงสาวสวนทันควัน

ชายหนุ่มหัวเราะน้อยๆ “หรือแกจะไปด้วยแล้วให้ฉันบอกกับคนอื่นว่าเราเป็นอะไรกันล่ะ”

“เรื่อง? แบบนั้นฉันก็แย่สิ เกิดมีใครมาแอบปิ๊งปั๊งฉันเข้าก็จะพากันเข้าใจผิดหมด จริงๆ เลยนะ ฉันไม่น่ารับปากจะช่วยแกเลยให้ตาย!” หญิงสาวว่าเสียงขุ่น รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ว่าต้องรับมือกับภรัณยูเพียงลำพัง

ภวัตหัวเราะร่วน คราวนี้เสียงดังจนมุกตาภาต้องเขวี้ยงหมอนใส่หน้าเขาอย่างหมั่นไส้ ชายหนุ่มยกมือกันไว้แล้วเผ่นเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้เพื่อนสงบสติอารมณ์ในห้องไปคนเดียว ก่อนที่เขาจะโดนลูกหลงของเธอเข้าด้วย



เมื่อภวัตออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าหญิงสาวเตรียมตัวจะอาบน้ำแล้ว

“เธอนอนที่เตียงละกัน ส่วนฉันจะนอนโซฟาเอง” เขาบอกเมื่อเห็นสายตาหวาดระแวงที่เพื่อนมองมา

“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้วย่ะ ฉันไม่นอนเตียงเดียวกับแกแน่ แล้วฉันก็ไม่มีทางเสียสละไปนอนที่โซฟาอีกเหมือนกัน” เธอว่าเสียงขุ่นก่อนเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับชุดที่เตรียมไว้ใส่นอน

ชายหนุ่มหัวเราะอย่างขบขันแต่ไม่ว่าอะไร นอกจากทิ้งร่างลงบนโซฟามุมห้อง กดรีโมตคอนโทรลเปิดทีวีดูรายการไปเรื่อยๆ ฆ่าเวลา เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานอนของเขา ปกติแล้วตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่ผับหรือคลับหรูๆ สักแห่งมากกว่า

เมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นภวัตนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา ตาจ้องทีวีเขม็ง มุกตาภาก็ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก แม้เธอจะไม่ค่อยถือสาและแบ่งแยกเพศในการคบเพื่อน แต่เธอก็ยังไม่เคยนอนร่วมห้องสองต่อสองกับชายหนุ่มแบบนี้มาก่อน และไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองต้องทำแบบนี้จริงๆ

แต่ในเมื่อตกปากรับคำจะช่วยแล้วก็จำเป็นอยู่นั่นเองที่ต้องดำเนินการตามแผนจนกว่าจะจบเกมกันไป

“นี่! ถ้าแกข้ามเขตมาที่เตียง อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ!” หญิงสาวตะโกนบอกเพื่อนเสียงเขียวขณะซุกตัวลงใต้ผ้าห่มหนา

ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ เบาๆ ของเขาก็นึกอยากจะปาหมอนใส่สักที แต่เมื่อเห็นว่าหมอนบนเตียงนั้นเหลือเพียงใบเดียว จึงเปลี่ยนใจเหลือไว้หนุนเองดีกว่า

เธอหลับตาลงแล้วหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้









Create Date : 21 ตุลาคม 2557
Last Update : 21 ตุลาคม 2557 13:02:36 น. 3 comments
Counter : 668 Pageviews.

 
เริ่มสนุกแล้ว
มาลงชื่อให้กำลังใจคนเขียนค่ะ


โดย: manee IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 ตุลาคม 2557 เวลา:18:14:39 น.  

 
พี่พริก...จำกันได้มั้ยคะ

พังพอนเอ้ง....
สะดุดตาตั้งแต่เห็นชื่อเรื่องแล้ว
พังพอนเอานิยายเก่ามาปัดฝุ่นเหมือนกันค่ะ
ดีใจจังเลย...คิดถึงนะคะ


โดย: พังพอน IP: 110.78.151.184 วันที่: 21 ตุลาคม 2557 เวลา:21:44:38 น.  

 

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและเป็นกำลังใจให้กันค่ะ

พังพอน จำได้จ้า ไม่เจอกันนานเลยนะ หายไปอยู่ไหนมาเนี่ย หวังว่าคงสบายดีเน้อ คิดถึงเหมือนกันจ้ะ



โดย: พวงพริก (nawapat ) วันที่: 22 ตุลาคม 2557 เวลา:0:04:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.