Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
20 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
พระจันทร์ร้อยเล่ห์ - 4 - บุญคุณ




ชานนท์เคาะนิ้วกับพวงมาลัยอย่างครุ่นคิดเมื่อหยุดรถลงตรงหน้าคฤหาสน์หลังงามของครอบครัว ‘พิทักษ์พาณิชย์’

‘เอาอย่างนี้ดีกว่าจ้ะนนท์ นนท์ช่วยเอาเอกสารนั่นไปฝากไว้กับตาเชนทร์ก็แล้วกันนะ พี่เขาจะรู้เองว่าต้องทำยังไงต่อ นนท์จะได้ไม่ต้องวุ่นวายส่งเอกสารให้ยุ่งยาก แวะที่บ้านเดี๋ยวเดียวนะนนท์ ตอนนี้น้าต้องไปแล้วนะ ดูแลตัวเองด้วยจ้ะ’

คำสั่งเสียรัวเร็วของคุณจิตตราแว่วเข้ามาในหัว เขาพยายามจะคัดค้านแต่ก็ไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายรีบตัดสายและปิดมือถือเอาดื้อๆ คล้ายจะรู้ดีว่าหากตัดบทสนทนาช้ากว่านี้อีกสักหน่อยคำตอบของเขาจะออกมาในรูปแบบใด ดังนั้นเขาจึงไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากทำตามความต้องการของผู้เป็นน้า

เสียงถอนใจยาวดังขึ้นพร้อมนิ้วแข็งแรงเลื่อนไปที่แตรรถ แต่ยังไม่ทันได้กดเรียกคนในบ้านให้ออกมาเปิดประตูรั้ว เสียงเรียกเข้ามือถือก็ดังขึ้นในความเงียบจนแม้แต่ตัวเองยังสะดุ้ง

เขาส่ายหน้า พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วเอื้อมหยิบเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่บนเบาะข้างคนขับมากดรับ

“สวัสดีค่ะ ใช่เบอร์คุณนนท์รึเปล่าคะ” เสียงถามเป็นของผู้หญิงและฟังดูเกรงอกเกรงใจเป็นพิเศษ

ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ด้วยก่อนกดรับไม่ได้ดูว่าใครโทร. เข้า แต่คงสายเกินไปที่จะกลับไปทำแบบนั้น “ครับ”

“ดิฉันโทร. จากโรงพยาบาลนะคะ ตอนนี้คุณศศธรได้รับบาดเจ็บ...”

“เดี๋ยวนะครับ ศศธรคือใคร?” เขาย้อนถามด้วยสีหน้างุนงงก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ

“ก็คุณเป็นเจ้าของไข้ของเธอไงคะ คุณศศธรน่ะค่ะ” ฝ่ายนั้นเตือนด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ

ชายหนุ่มครุ่นคิดสักพักก็ถึงบางอ้อ “อ้อ ครับ ผมเข้าใจแล้ว ว่าแต่เธอเป็นอะไรนะครับ”

“หกล้มค่ะ กระดูกร้าวต้องเข้าเฝือก ตอนนี้เธอช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ดิฉันจึงโทร. มาแจ้งให้คุณซึ่งเป็นเจ้าของไข้ทราบและจะถามด้วยว่าต้องการรับพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลเธอมั้ยคะ”

“ไม่ครับ ผมจะดูแลเธอเอง ขอบคุณมากนะครับ” เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเหตุใดจึงตอบออกไปแบบนั้น รู้เพียงว่าตอนนี้โล่งใจมากมายที่มีข้ออ้างกับคุณจิตตราแล้ว

ชายหนุ่มอมยิ้มอย่างพึงพอใจ บีบแตรเรียกคนในบ้าน ขณะเดียวกันก็ขยับพวงมาลัย ถอยหน้ารถออกมาจากทางเข้า เตรียมพร้อมสำหรับการชิ่งหนีอย่างรวดเร็ว



“คุณน้องคะ ไหนบอกว่าเป็นแฟนกัน แล้วทำไมคุณผู้ชายไม่รู้จักชื่อคุณน้องล่ะคะ”

แม่บ้านวัยกลางคนของโรงพยาบาลเอ่ยถามด้วยความสงสัยพลางส่งกระดาษที่ศศธรเขียนข้อความให้เธออ่านตามขณะโทรศัพท์คืนให้

หญิงสาวกะพริบตามองสีหน้าฉงนฉงายของอีกฝ่ายในขณะที่สมองกำลังทำงานอย่างหนัก สักพักรอยยิ้มก็ปรากฏบนเรียวปากอิ่ม ดีดนิ้วเปาะก่อนฉอเลาะด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

“คืออย่างนี้ค่ะคุณพี่ แฟนของคุณน้องเป็นโรคขี้ลืมน่ะค่ะ ลืมแม้กระทั่งแฟนตัวเอง เพราะอย่างงี้ไงคะ คุณน้องถึงต้องเรียกร้องความสนใจจากเขาด้วยวิธีนี้ ผู้ชายอะไร้...บ้างานที่สุด ใช้ไม่ได้ คุณพี่ว่ามั้ยคะ”

แม่บ้านมีสีหน้าประหลาด แต่พอสบตาคู่สวยของคนไข้สาวแล้วก็รู้สึกเคลิ้มๆ มึนๆ เลยพยักหน้าเออออห่อหมกไปทั้งที่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างเดียว

ศศธรอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเหยื่อหลงกลแล้ว จากนั้นก็ป้อนคำถามที่อยากรู้เต็มแก่กับคุณแม่บ้านผู้ใสซื่อ “แล้วตกลงว่ายังไงคะ คุณนนท์ว่ายังไงบ้าง”

“อ้อ เขาบอกว่าไม่รับพยาบาลพิเศษค่ะ”

คนรอทำหน้าเซ็ง ขมุบขมิบปากพึมพำเบาๆ “หรือว่าเขาจะไม่สนใจเราจริงๆ นะ?”

“แต่เขาบอกว่าจะมาดูแลคุณน้องด้วยตัวเองค่ะ”

หญิงสาวหันขวับ อ้าปากค้างพลางกะพริบตางุนงง ก่อนจะร้องเสียงหลงด้วยความตื่นเต้นยินดีสุดๆ “โอ้ก๊อด!”

จากนั้นร่างบางก็กระโดดผลุงลงจากเตียงคนไข้ กอดอกเท้าคาง เดินไปเดินมาอย่างครุ่นคิด ที่เธอเขียนข้อความให้แม่บ้านโทร. ไปบอกแบบนั้นก็เพราะต้องการหยั่งเชิงว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เธอหวังผลเพียงแค่การติดต่อกันในวันข้างหน้าเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าเขาจะเป็นเอามากถึงขนาดนี้

ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าเขาต้องสนใจเธออยู่เหมือนกัน และที่สำคัญเขายังไม่มีครอบครัวอย่างแน่นอน เธอขอฟันธง ไม่อย่างนั้นดึกดื่นเที่ยงคืนแบบนี้มีหรือจะแวะมาดูแลเธอด้วยตัวเองได้

สุดท้ายแล้วเทพบุตรในฝันก็ตกหลุมรักสาวสวยสามร้อยหกสิบองศาจนได้ โฮะๆ...

แม่บ้านมองดูท่าทางแปลกประหลาดของสาวสวยด้วยความสงสัย เกาหัวยิกๆ ก่อนจะใช้นิ้วสะกิดเจ้าหล่อนด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ

คนกำลังฝันหวานหุบปากที่ฉีกยิ้มลงทันทีเมื่อมีคนปลุกให้ตื่นโดยไม่เต็มใจ “มีอะไรเหรอคะ”

อีกฝ่ายยิ้มแหยแล้วชี้นิ้วไปที่ขาของหญิงสาว “แต่ขาของคุณน้องไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ ถ้าแฟนคุณน้องมาเห็นแล้วจะว่ายังไง หรือว่าพอมาถึงก็อาจจะลืม เพราะคุณน้องบอกว่าแฟนเป็นคนขี้ลืม”

คนแผนสูงมองตามนิ้วชี้ของแม่บ้านแล้วก็พลันนึกได้ ยกมือขึ้นปิดปาก ทำตาโต “โอ้ก๊อด!”



“ผมไม่เข้าใจคุณจริงๆ นะครับ ปกติแล้วไม่มีคนไข้ที่ขอให้หมอใส่เฝือกให้ทั้งที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย” คุณหมอวัยกลางคนเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ อันที่จริงเขาใช้คำพูดผิดไปเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย จริงๆ แล้วต้องบอกว่าผลเอกซเรย์ไม่พบความผิดปกติเลยต่างหากล่ะ

ศศธรมองหน้าคุณหมอด้วยดวงตาวิบวับออดอ้อนพลางโปรยยิ้มสวย

“แต่วันจันทร์เจ็บจริงๆ นะคะคุณหมอ เจ็บจนเดินไม่ไหว คุณหมอพูดมาก็ถูก คงไม่มีใครบ้าพอจะขอใส่เฝือกทั้งที่ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ สงสัยว่าเครื่องเอกซเรย์ของโรงพยาบาลจะมีปัญหาถึงไม่พบความผิดปกติที่ขาของวันจันทร์ แต่ถึงยังไงวันจันทร์ก็ต้องขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเป็นธุระให้ รบกวนจริงๆ เลยค่ะ”

พูดจบก็ยิ้มแฉ่ง ใบหน้าแลดูเบิกบานผิดวิสัยคนเจ็บ

“ดูเหมือนคุณจะดีใจมากนะครับที่ได้ใส่เฝือก”

รอยยิ้มสดใสชะงักค้าง เปลือกตาบางกะพริบถี่ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเป็นเหยเก ร้องครางหงิงๆ ราวกับลูกหมาน้อยขี้อ้อน “โอ๊ย...เจ็บมากเลยค่ะคุณหมอ วันจันทร์เจ็บจริงๆ นะคะ ไม่ไหวๆ ปวดไปหมดเลยค่ะ”

อีกฝ่ายย่นคิ้ว มองหน้าคนไข้สาวสวยอย่างจับผิด สักพักก็อมยิ้มน้อยๆ คล้ายขบขัน บอกกลั้วเสียงหัวเราะ “โอเคครับ ถ้าคุณต้องการแบบนั้น”

เมื่อคุณหมอพูดเหมือนจะรู้เท่าทันหญิงสาวจึงคว้าหมับที่เสื้อกาวน์สีขาวนั้นโดยเร็ว

“ทุกอาชีพต้องมีจรรยาบรรณใช่มั้ยคะคุณหมอ”

อีกฝ่ายทำหน้าสงสัย “ครับ”

“การรักษาความลับของคนไข้ก็คือหนึ่งในจรรยาบรรณแพทย์ ถูกต้องรึเปล่าคะ” เธอพูดต่อด้วยท่าทีขึงขังแต่ก็ดูออกว่าเสแสร้ง

คราวนี้คุณหมอเลิกทำหน้างงแต่หันมาเก๊กดุแทน

หญิงสาวส่งยิ้มออดอ้อน “พลีส...”

คุณหมอยังไม่ทันรับปาก ประตูห้องพักฟื้นก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมการปรากฏตัวของชานนท์

หญิงสาวเห็นดังนั้นก็จับแขนคุณหมอเขย่าแล้วอ้อนวอนเสียงเบาอีกครั้ง “พลีส...”

คุณหมอถอนใจยาว พ่ายแพ้ให้แก่ดวงตาวิบวับของคนไข้สาวสวยจนหมดรูป เมื่อชานนท์ถามถึงอาการของเธอ เขาจึงทำได้เพียงตอบไปตามน้ำเท่านั้น

“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ” ชายหนุ่มเจ้าของไข้เอ่ยขึ้นหลังจากซักถามอาการของหญิงสาวจากคุณหมอเรียบร้อยแล้ว

“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว”

“ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ” ศศธรยกมือไหว้ คราวนี้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ

คุณหมออมยิ้ม ก้มศีรษะเล็กน้อยพลางขยิบตาให้คนไข้สาวเห็นเพียงคนเดียว “ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็มีลูกสาววัยเดียวกับคุณนี่แหละ”

เมื่อคุณหมอจากไปแล้วชานนท์จึงหันมาทักทายและถามไถ่หญิงสาวตามมารยาท “เป็นยังไงบ้างครับ”

เธอยิ้มเขินพลางส่ายหน้า “ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ ความจริงคุณไม่น่าลำบากมาดึกๆ ดื่นๆ เลยนะคะ เกรงใจจัง”

เขามองดวงตาวิบวับของเจ้าหล่อนกับพวงแก้มเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อแล้วก็ให้สงสัย สีหน้าเธอไม่เหมือนคนเจ็บสักนิด

คนเจ้าเล่ห์เห็นอีกฝ่ายทำหน้าแปลกๆ คล้ายระแวงจึงเอื้อมมือลูบที่ขาซ้ายซึ่งได้รับการเข้าเฝือกจากคุณหมอใจดีแล้วแสร้งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดคล้ายกำลังพยายามอดทนกับความเจ็บปวดสุดกำลัง ไม่รู้จักนางเอกจำแลงซะแล้ว!

เขาเห็นดังนั้นจึงอมยิ้มบางๆ “ไม่ลำบากอะไรหรอกครับ ผมกำลังหาที่ซุกหัวนอนพอดี”

เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างสงสัย

คราวนี้ไม่ได้แสดงละครนะ คำพูดเขาชวนสงสัยจริงๆ...

“บ้านผมไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ ครับ พอดีแวะมาทำธุระแล้วบังเอิญว่าเพิ่งเสร็จ”

หญิงสาวขมวดคิ้ว สีหน้าประหลาดใจ “แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหนคะ”

“โคราชครับ”

ชานนท์ทรุดตัวลงข้างเตียงด้วยท่าทีผ่อนคลายมากกว่าเดิมเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะมีสาวคนไหนปลื้มกับคำตอบนี้หรอก โดยเฉพาะสาวเปรี้ยวทันสมัยอย่างผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้

“คือที่ไหนเหรอคะ” เธอไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย

เป็นคราวที่เขาต้องแปลกใจบ้าง “คุณไม่รู้จักโคราช?”

“วันจันทร์โตที่อเมริกาค่ะ กลับมาเที่ยวเมืองไทยแค่ไม่กี่ครั้ง” พูดจบก็ลอบยิ้มเจ้าเล่ห์โดยที่อีกฝ่ายไม่เห็น

คราวนี้เขาก็รู้จักชื่อเธอแล้วละ...

“คุณพูดไทยชัดมาก” เขามีสีหน้าพิศวง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูดีมากในสายตาของเธอ

รอยยิ้มหวานไหวถูกโปรยส่งให้อย่างจงใจ “แน่นอนซิคะ วันจันทร์ถูกมัมบังคับให้เรียนภาษาไทยวันละห้าชั่วโมงแน่ะ”

เขาพยักหน้าหงึกหงักแล้วก็พลันนึกได้จึงเอ่ยถาม “คุณติดต่อเพื่อนได้รึยังครับ”

คำถามนี้ทำให้หญิงสาวต้องรีบปรับโหมดทันที สีหน้าสลดลง แสร้งถอนใจยาวแล้วเงียบงันแทนคำตอบ เท่านี้เขาก็คงเดาไปเองว่าเธอติดต่อใครไม่ได้ หลังจากนั้นก็ลงล็อกโดยไม่ต้องทำอะไรมากเลย

ฉลาดล้ำเลิศอะไรเช่นนี้หนอวันจันทร์...

“แล้วคุณไม่รู้จักใครอื่นเลยเหรอ ญาติๆ หรือคนรู้จักน่ะครับ” เขาถามอย่างลำบากใจ เห็นเค้าความยุ่งยากวุ่นวายอยู่รางๆ

เธอส่ายหน้า ทำตาเศร้า “วันจันทร์ไม่มีญาติที่เมืองไทยเลยค่ะ ครอบครัวเราย้ายไปอยู่อเมริกาตั้งนานแล้ว วันจันทร์บอกคุณไปแล้วนี่คะ”

ชานนท์นิ่งอึ้ง รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่เธอพูดเท่าที่ควรจึงเสหลบตามองไปที่โต๊ะข้างเตียงซึ่งอยู่คนละฝั่งกับด้านที่เขานั่ง นานแล้วที่เขาไม่มีพื้นที่ในสมองไว้สำหรับจดจำเรื่องของผู้หญิงคนไหน

หญิงสาวมองตามสายตาของเขาอย่างไม่พอใจนัก แต่พอเหลือบเห็นแผ่นกระดาษที่เธอเขียนข้อความให้แม่บ้านโทร. ไปปดหนุ่มในฝัน ดวงตาคู่สวยก็เบิกโตด้วยความตกใจแกมร้อนรน ไพล่นึกไปว่าเขากำลังมองสิ่งเดียวกันจึงผวาไปตะครุบกระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว

“กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจแกมเจ็บปวดดังขึ้น ตามด้วยเสียงวัตถุตกกระทบพื้นอย่างจังดังตุ้บ

โชคไม่ดีนักเพราะโต๊ะอยู่ในระยะห่างเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมถึงโดยที่ยังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ร่างบางจึงหล่นลงไปนอนจุกแอ้กอยู่ข้างเตียง แต่โชคดีในโชคร้ายก็ยังพอมีบ้าง กระดาษเจ้าปัญหาอยู่ในมือเธอแล้วตอนนี้ หากหญิงสาวไม่แน่ใจว่าคุ้มกันหรือไม่ที่ต้องมาเจ็บตัวเพราะมัน

ชานนท์สะดุ้ง ลุกพรวดด้วยความตกใจ พอตั้งสติได้ก็ถลาเข้าไปหาหญิงสาวโดยเร็ว “คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ เจ็บตรงไหนบ้าง”

หญิงสาวจิกเล็บลงไปกับเนื้อนุ่มๆ ของตัวเอง กัดฟันข่มกลั้นความเจ็บปวดที่เรียวขาด้านขวาจนน้ำตาเล็ดน้ำตาลอด ตอนนี้เจ็บจนพูดอะไรไม่ออกสักคำ

เขาเห็นดังนั้นจึงช่วยประคองร่างบางให้ลุกขึ้น “ระวังนะครับ”

“ไม่ไหว เจ็บ...” คราวนี้เธอกัดฟันบอก ริมฝีปากสั่นระริก น้ำตาไหลพรากอย่างกลั้นไม่อยู่

ชายหนุ่มเห็นสีหน้าบิดเบ้เหยเกนั้นแล้วจึงตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างระมัดระวัง

“เจ็บมากไหม เดี๋ยวผมเรียกหมอให้นะ”

หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ แทนคำตอบ รู้สึกปวดแปลบที่ขาทุกครั้งของการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อย ขนาดจะหายใจแรงๆ เธอยังไม่กล้า

ชานนท์กดออดที่หัวเตียงเรียกพยาบาล ได้แต่มองคนที่หลับตาเม้มปากแน่นด้วยความห่วงใย หากยังไม่วายตำหนิการกระทำของเธอ “คุณจะเอาอะไรทำไมไม่บอกผม คุณเป็นคนป่วยอยู่นะครับ”

เธอไม่มีปฏิกิริยาตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ ทั้งสิ้น ได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจอย่างโมโห

ต่อให้เขาหล่อกว่านี้ เสียงเพราะกว่านี้ แต่ถ้าให้เธอต้องเจ็บตัวอย่างวันนี้อีก ไม่เอาเด็ดขาดเลย!

เมื่อเห็นหยาดน้ำตาที่ร่วงลงข้างแก้มเนียนก็ใจอ่อนยวบๆ อีกแล้ว น้ำตาผู้หญิงคือจุดอ่อนของเขาเสมอ นิ้วแข็งแรงเอื้อมไปเกลี่ยซับรอยน้ำตาให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยนโดยไม่ทันรู้ตัว คนที่หลับตากัดฟันแน่นจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ดวงตาคู่สวยแดงก่ำช้อนมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ

“เจ็บมากเหรอคุณ อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวหมอกับพยาบาลคงมา” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนดุจดวงตาและสัมผัส

หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ด้วยความมึนงงดั่งต้องมนต์ หัวใจเต้นแรง ใบหน้าร้อนผ่าว ลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ

‘พระเจ้าคะ วันจันทร์ขอถอนคำพูดก่อนหน้านี้ค่ะ!’



“คราวหลังก็ระวังหน่อยนะครับ แม้จะอยู่ในโรงพยาบาลอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้เสมอ” เสียงคุณหมอใจดีคนเดิมเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มจริงใจหลังจากเข้าเฝือกที่ขาขวาให้คนเจ็บเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คนเจ็บทำหน้าจ๋อยๆ “ขอบคุณมากค่ะ คราวต่อไปวันจันทร์จะระวังให้มากกว่านี้”

คุณหมอหัวเราะเบาๆ ด้วยความรู้สึกเอ็นดู หันซ้ายหันขวามองหาเจ้าของไข้ เมื่อไม่เห็นเขาอยู่ในห้องนี้ด้วยจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ “คราวนี้ก็ไม่ต้องแกล้งเจ็บแล้วนะครับ หวังว่าแฟนคุณคงดูแลคุณเป็นอย่างดีนะ”

ใบหน้าสวยซึ้งงอง้ำเล็กน้อย แต่เย้าแหย่คุณหมออย่างเป็นกันเองโดยไม่ปฏิเสธความเข้าใจผิดนั้นสักคำ “คุณหมอแอบแช่งวันจันทร์รึเปล่าคะเนี่ย”

อีกฝ่ายหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ไม่มีหมอคนไหนอยากเห็นคนไข้อาการหนักขึ้นหรอกครับ ผมจะยินดีมากกว่าหากคุณจะแกล้งเจ็บเฉยๆ โดยไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”

“จุ๊ๆ ค่ะคุณหมอ ไม่เอาค่ะไม่พูด วันจันทร์ไม่ได้แกล้งนะคะ มันเป็นอุบัติเหตุทั้งขาซ้ายและขวาเลยค่ะ จำได้ใช่มั้ยคะ จรรยาบรรณแพทย์ค่ะ อย่าลืมซิคะ” หญิงสาวแตะนิ้วที่ริมฝีปากอิ่มพร้อมทำเสียงกระซิบกระซาบ

คุณหมอหัวเราะอีกครั้งพลางทำท่าทางล้อเลียนหญิงสาวอย่างเป็นกันเอง “โอเคครับ จุ๊ๆ”

เธอยิ้มจนตาหยีแล้วชวนคุณหมอใจดีคุยในระหว่างที่รอชานนท์ออกไปหากาแฟจิบข้างนอก “คุณหมอบอกว่ามีลูกสาวอายุพอๆ กับวันจันทร์ใช่มั้ยคะ แล้วตอนนี้ลูกสาวของคุณหมอทำอะไรคะ เป็นคุณหมอใจดีเหมือนที่คุณหมอเป็นรึเปล่า”

หมอใหญ่วัยกลางคนมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อยก่อนจะปรับให้เป็นปกติแล้วตอบคำถามด้วยรอยยิ้มบางเบา “ไม่ใช่หรอกครับ เธอไม่ชอบอาชีพหมอ”

คนถามเห็นแล้วก็รู้สึกเสียใจ “วันจันทร์ขอโทษนะคะคุณหมอ...”

“ไม่เป็นไร คนเราชอบอะไรไม่เหมือนกัน เราบังคับให้คนอื่นชอบในสิ่งที่เราชอบไม่ได้พอๆ กับที่เราเองก็ไม่สามารถชอบในสิ่งที่คนอื่นชอบได้เหมือนกัน” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเนิบช้า

สักพักประตูห้องก็เปิดออกพร้อมการกลับมาของชานนท์ คุณหมอจึงถือโอกาสขอตัวในจังหวะนั้น

ชายหนุ่มเดินเข้ามาด้านในพร้อมโกโก้ร้อนที่นำมาเผื่อคนเจ็บด้วย “ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ”

“ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็ช่วยดูแลเธอดีๆ ด้วยล่ะ แฟนคุณเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก” อีกฝ่ายบอกพร้อมรอยยิ้ม ก่อนหันมาขยิบตาให้คนเจ็บอย่างล้อเลียน

ชานนท์หน้าเอ๋อ กะพริบตาด้วยความงุนงง หากยังไม่ทันได้ปฏิเสธคุณหมอก็จากไปแล้ว เขายืนเก้ๆ กังๆ อยู่กลางห้องสักครู่ ก่อนจะเดินมาหาหญิงสาวที่นั่งแก้มแดงอยู่บนเตียง ยื่นโกโก้ในมือให้เธอพร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่พยายามวางฟอร์มไว้เต็มที่

“โกโก้ครับ คงช่วยให้คุณหลับสบายขึ้น เอ่อ...สงสัยว่าคุณหมอจะเข้าใจผิด ขอโทษด้วยนะครับ”

หญิงสาวไปรับแก้วโกโก้อุ่นมาจากเขา ส่งยิ้มขัดเขินไปให้พร้อมตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

เขาเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือพบว่าเป็นเวลาเกือบตีสามแล้วจึงหันไปบอกหญิงสาว “หมดโกโก้แก้วนี้คุณก็ควรจะนอนได้แล้วนะครับ ดึกมากแล้ว”

“ค่ะ” เธอยิ้มสดใส ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายเจิดจ้าจ้องเขาไม่กะพริบ

“ผมก็จะนอนแล้วเหมือนกัน ถ้าคุณจะเอาอะไรบอกผมนะครับ อย่าลงจากเตียงเองเด็ดขาด” ประโยคสุดท้ายเขาเน้นเสียงหนักคล้ายต้องการสั่งมากกว่าจะเป็นการขอร้อง

หญิงสาวยิ้มเขินๆ มองที่ขาขวาของตัวเองด้วยสายตาละห้อย ก่อนตอบเสียงแห้ง “ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นราตรีสวัสดิ์นะครับ” เขาบอกแล้วทรุดตัวลงที่โซฟา

“กูดไนต์ค่ะ” เธอบอกเสียงใส ดื่มโกโก้อึกสุดท้ายแล้วทิ้งแก้วพลาสติกลงในถังขยะข้างเตียง ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วหลับฝันหวานไปในเวลาอันรวดเร็ว

ชานนท์ลอบมองหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงด้วยความอัศจรรย์ใจ เขาไม่เคยเห็นใครที่ได้รับบาดเจ็บแล้วจะมีท่าทางมีความสุขและสบายอกสบายใจเหมือนเธอเลย พิลึกคนจริงๆ...



เสียงนุ่มทุ้มที่ดังแว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะทำให้หญิงสาวขยับเปลือกตาอย่างไม่เต็มใจ แต่เมื่อเห็นเพดานสีขาวโล่งโจ้งบนหัวก็พลันนึกได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน มองไปที่โซฟาไม่เจอร่างสูงของหนุ่มหล่ออยู่ตรงนั้นก็ผุดลุกพรวดพราดและขยับขาก้าวลงจากเตียงด้วยความรีบร้อน ทำให้เกิดความรู้สึกปวดแปลบและหนักอึ้งที่ขาขวาจนต้องหลับตาครวญคราง “โอย...”

ชานนท์หันขวับ พูดกับปลายสายอีกสองสามคำเพื่อตัดบทสนทนาแล้วรีบเข้ามาหาคนเจ็บที่ชอบทำตัวซุกซนเกินงาม

“ตื่นแล้วเหรอครับ คุณจะเอาอะไรบอกผมสิ”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขาด้วยความยินดี ใบหน้ากระจ่างใส ดวงตาเป็นประกายน่ามองจนเขาอึ้งไป มือบางคว้าหมับที่ต้นแขนอีกฝ่ายอย่างลืมตัว

“วันจันทร์นึกว่าคุณหนีไปแล้วซะอีก ดีใจจังเลยค่ะที่ตื่นขึ้นมาแล้วยังเห็นหน้าคุณ”

คนพูดพูดไปตามประสาซื่อ คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น หากคนฟังกลับคิดว่าเธอพูดออกมาโดยไม่ได้คิด ทำให้เขาอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้

“ผมต้องกลับโคราชวันนี้แล้ว คุณจะทำยังไงต่อไปครับ”

น้ำเสียงถามไถ่ราบเรียบพอกันกับสีหน้าและแววตา กระแสแห่งความเย็นชาแผ่กระจายจนเธอสัมผัสได้ มือบางค่อยๆ ละจากต้นแขนแกร่งด้วยท่าทีประดักประเดิด สีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่เข้าใจว่าเขาโกรธอะไรถึงได้แสดงท่าทางห่างเหินกับเธอกะทันหันแบบนี้

ชานนท์เห็นสีหน้าสลดนั้นแล้วก็ใจอ่อนยวบ ประโยคต่อมาจึงใช้น้ำเสียงอ่อนลงและผ่อนคลายมากขึ้น

“คุณพักรักษาตัวต่อที่นี่ได้ตามสบายนะครับ ผมให้ทางโรงพยาบาลเรียกเก็บค่ารักษาที่ผมเมื่อคุณออกไปแล้ว คุณคงต้องการพยาบาลพิเศษมาดูแลซักคน เดี๋ยวผมจะจัดการให้ ไม่ต้องกังวลนะ แต่ผมต้องรีบกลับโคราชวันนี้ คงอยู่เป็นเพื่อนคุณไม่ได้”

“โคราชนี่อยู่ไกลมั้ยคะ” เธอถามเสียงเศร้า

เขามองตาเธอแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนใจร้ายอย่างไรไม่รู้จึงเมินมองไปที่อื่นขณะตอบคำถาม “ก็ไม่ไกลมากหรอกครับ ขับรถประมาณสองสามชั่วโมง แต่ถ้าไม่มีธุระจริงๆ ผมก็ไม่ค่อยได้เข้ากรุงเทพฯ”

เธอเม้มปากแน่น มองเขาตาละห้อย

ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าเธออาจจะไม่ได้เจอเขาอีกใช่ไหม ไม่ได้นะ แบบนี้ก็เจ็บตัวฟรีน่ะสิ!

คิดได้ดังนั้นสมองอันชาญฉลาดก็พยายามเค้นหาวิธีพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส สักพักรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏบนเรียวปากอิ่ม ก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมการปรับโหมดอารมณ์ใหม่เพียงชั่วเสี้ยววินาทีด้วยมีแผนการอันแยบยลอยู่ในหัว

“คุณจะทิ้งวันจันทร์ไว้ที่นี่จริงๆ เหรอคะ ตอนนี้วันจันทร์ติดต่อเพื่อนไม่ได้ ไม่มีอะไรติดตัวซักอย่าง ถึงคุณจะมีน้ำใจช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แต่หลังจากนั้นล่ะคะ วันจันทร์จะทำยังไงต่อไป คุณไม่คิดบ้างเหรอ”

เธอต่อว่าเขาด้วยน้ำเสียงรันทดหดหู่ สีหน้าสลด น้ำตาคลอเบ้า ยกมือขึ้นบดบังดวงตาเพื่อไม่ให้เขาเห็นว่าที่แท้แล้วน้ำตาเธอไม่ได้ไหล แต่หากอีกฝ่ายจะคิดว่าเธอกำลังเช็ดน้ำตาอยู่มันก็ช่วยไม่ได้

ชานนท์อึ้ง ได้แต่มองคนที่ร้องไห้กระซิกๆ อยู่บนเตียงด้วยความหนักใจสุดบรรยาย ทั้งที่คิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องคิดแทนหญิงสาวว่าจากนี้ไปเธอจะทำยังไงต่อ แต่บอกแล้วว่าน้ำตาผู้หญิงคือจุดอ่อนของเขา มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่เขาจะรู้สึกผิดกับเรื่องนี้

“เอ่อ...คุณ...”

เธอชื่ออะไรนะ เขาจำไม่ได้...

สาวเจ้าเล่ห์เงยหน้าขึ้นบอกเสียงขุ่น “วันจันทร์ค่ะ” แล้วก็หันไปแสร้งบีบน้ำตาต่อ

เขาถอนใจยาว เอ่ยอย่างลำบากใจ “ครับคุณวันจันทร์ คือว่าผมต้องกลับโคราชจริงๆ ผมมีงานต้องทำ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะคอยดูแลคุณตลอดไป คุณเข้าใจรึเปล่าครับ”

เธอแสร้งสูดน้ำมูกฟืดฟาด ขยี้ตาให้แดงเข้าไว้ ทำทีเป็นปาดน้ำตาออกไปให้หมดแล้วช้อนดวงตาสวยเศร้ามองเขา พยักหน้าหงักหงักเหมือนจะเข้าใจ

“ค่ะ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะอยู่ดูแลวันจันทร์ที่นี่ตลอดไป”

ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างโล่งใจ คิดว่าเธอคงเข้าใจทุกอย่างแล้ว แต่โชคไม่ค่อยดีนัก เขาเข้าใจผิดถนัด

“แต่มันเป็นไปได้ที่คุณจะพาวันจันทร์ไปโคราชด้วย” หญิงสาวบอกด้วยสีหน้าใสซื่อพลางสบตาชายหนุ่มอย่างอ้อนวอน

เขาอึ้งกิมกี่ รู้สึกปวดหัวตุบๆ พยายามอย่างมากที่จะอธิบายกับเธอด้วยเหตุผล “ผมว่าคุณยังไม่เข้าใจนะครับ”

“เข้าใจสิคะ เข้าใจดีมากด้วย คุณเป็นผู้มีพระคุณของวันจันทร์ ช่วยวันจันทร์ไว้จากไอ้แท็กซี่ตัณหากลับนั่น แถมยังมีน้ำใจช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้อีก วันจันทร์เป็นหนี้คุณอยู่ วันจันทร์อยากตอบแทนจริงๆ ให้วันจันทร์ไปด้วยเถอะนะ วันจันทร์ทำได้ทุกอย่างเลยนะคะ มีความสามารถรอบตัว รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังเลยที่รับวันจันทร์ไปอยู่ด้วย นะคะคุณนนท์ นะคะนะ...”

สาวเจ้าเล่ห์บอกด้วยท่าทีขึงขังในตอนแรก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นออดอ้อนในตอนท้าย

เขามองราวกับว่าเธอเสียสติไปแล้ว ส่ายหน้าช้าๆ พยายามทำใจให้เย็นแล้วเริ่มใหม่

“ผมมีคนงานเพียงพอแล้วครับ ขอบคุณมาก”

“งานบ้านงานเรือนวันจันทร์ก็ทำได้นะคะ ทำได้ทุกอย่างจริงๆ นะ วันจันทร์แค่ขออาศัยอยู่ด้วยชั่วคราวเท่านั้น แค่ให้วันจันทร์ชดใช้ค่ารักษาพยาบาลที่คุณต้องจ่ายไปก็ได้ค่ะ คุณไม่ต้องกลัวว่าวันจันทร์จะเกาะคุณไปจนตายหรอกนะ ค่าตั๋วกลับอเมริกาวันจันทร์ก็ไม่เอาค่ะ คุณไม่ต้องจ่ายอะไรให้วันจันทร์เลย วันจันทร์แค่อยากตอบแทนบุญคุณเท่านั้น ให้วันจันทร์ไปด้วยนะคะ น่านะ...”

เธอไม่ยอมแพ้ จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินคำพูดประมาณว่า ‘ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก’

เขาถอนใจครั้งที่เท่าไรไม่อาจนับ แล้วพยายามใหม่ “ผมมีแม่บ้านมากพอแล้วเหมือนกัน ส่วนเรื่องบุญคุณอะไรนั่นคุณอย่าคิดมากเลย ผมบอกแล้วว่าทำไปเพราะมันคือสิ่งที่ถูกต้องและควรทำอย่างยิ่ง คุณไม่ต้องคิดมาตอบแทนอะไรผมหรอก”

สาวสวยทำหน้าบึ้ง ถอนใจเสียงดัง จ้องเขาตาขุ่น ยกมือกอดอก ก่อนจะหันข้างให้อย่างมึนตึง

“คุณก็รู้ว่าวันจันทร์ไม่มีที่ไป ไม่มีญาติ ไม่มีเพื่อน แล้วตอนนี้ก็ถังแตกสุดๆ ด้วย คนใจร้าย จะไปไหนก็ไปเลย ปล่อยวันจันทร์ไว้ที่นี่แหละ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ ลาก่อน!”

พูดจบก็ล้มตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่าต้องการกรวดน้ำคว่ำขันกับเขาแล้วอย่างถาวร

คนใจร้ายพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กลอกตาไปมา มือหนึ่งกุมขมับ อีกมือเท้าสะเอว พ่นลมหายใจหนักหน่วง เงียบงันไปนานนับนาทีก่อนจะไหวไหล่และปลง

หากจะว่าเธอพิลึกคน เขาเองก็คงเข้าข่ายเดียวกันนั่นแหละ เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไม่น่าจะเกินเดือนสองเดือนหรอก!

“ผมจะไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล” เขาเอ่ยขึ้น

“เชิญ!” อีกฝ่ายสวนกลับทันใจทั้งที่ยังนอนคลุมโปงอยู่

“ถ้าคุณคิดว่าจะทนนั่งรถได้ซักสองสามชั่วโมงก็ลุกขึ้นเถอะครับ”

ผ้าห่มค่อยๆ ร่นลงจากกลุ่มผมสีน้ำตาลทองยุ่งเหยิง ตอนแรกเปิดให้เห็นแค่ดวงตาฉงนฉงาย ต่อมาก็ร่นลงไปทีละนิดพร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไปด้วย

“คุณพูดจริงนะ”

คราวนี้เขาได้เห็นดวงหน้าสะสวยยิ้มแฉ่งเบิกบานใจจึงได้แต่ถอนใจยาวก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ทั้งขบขันระคนหมั่นไส้คนเจ็บอย่างบอกไม่ถูก

“ผมจะเรียกพยาบาลมาช่วยคุณอาบน้ำแต่งตัวนะครับ เรามีเวลาไม่มาก รักษาเวลาด้วยแล้วกัน”

พูดจบเขาก็เดินออกไปจากห้องโดยเร็ว

เมื่อบานประตูปิดลงหญิงสาวก็ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยอาการกระดี๊กระด๊าราวปลากระดี่ได้น้ำ ริมฝีปากอิ่มค่อยๆ ขยับยิ้มกว้างขวางพร้อมชูมือขึ้นเหมือนนักกีฬาที่กำชัยชนะไว้ในมือ

“เยส...สำเร็จแล้ววันจันทร์!”









Create Date : 20 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2557 11:04:22 น. 1 comments
Counter : 592 Pageviews.

 
กำลังสนุกเลยครับ

ไม่อยากบอกเลยว่า ผมกำลังเขียนเกี่ยวกับ ร.พ.เหมือนกัน
แต่จะน่ารักแบบนี้หรือเปล่าไม่รู้นะครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 20 พฤศจิกายน 2557 เวลา:12:31:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.