Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2558
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
1 มิถุนายน 2558
 
All Blogs
 
รักเล่ห์บุพเพลวง @ 1 @ สิบแปดมงกุฎสะดุดโจทก์




ร่างสูงในชุดทักซิโด้สีขาวก้าวออกจากลิฟต์ นัยน์ตาเรียวคมกวาดมองไปจนทั่วล็อบบี้เพื่อสแกนหาแม่สาวชุดดำที่เขาจะจดจำวีรกรรมของเธอไปจนตาย เมื่อไม่พบเป้าหมายขายาวก็ก้าวพรวดๆ ออกไปด้านหน้าของโรงแรมเพื่อตรวจจับรถยนต์ส่วนตัวทุกคันที่ผ่านออกไปอย่างถ้วนถี่

เตชิตเชื่อว่าหญิงสาวต้องเอารถมาเอง อาจจะขับมาหรือมีคนขับให้ก็ได้ เพราะเห็นได้ชัดว่าเจ้าหล่อนเตรียมตัวมาอย่างดีเพื่อทำลายงานแต่งงานของเขา ถนนด้านข้างฝั่งทิศตะวันตกคือเป้าหมายแรก

ชายหนุ่มดักรอฝั่งตรงข้ามกับป้อมยามเพราะจุดนั้นจะสามารถมองเห็นคนขับรถแต่ละคันได้ชัดเจนที่สุด นัยน์ตาคมกริบหรี่ลึกและเพ่งมองเข้าไปในคัมรี่สีขาวซึ่งกำลังจอดแลกบัตร แม้บริเวณนั้นจะไม่สว่างมากนักหากก็พอจะมองเห็นคนที่นั่งหลังพวงมาลัยได้บ้าง เมื่อพบว่าเป็นผู้ชายรูปร่างอวบท้วมเขาจึงเลื่อนสายตาไปยังรถยนต์อีกสามคันที่แล่นตามกันมาต่อท้ายคัมรี่ แต่ก็มองไม่เห็นหน้าคนขับรถเลยจึงได้แต่ยืนกอดอกรอคอยด้วยใจจดจ่อ

เมื่อคัมรี่ผ่านไปซีวิคก็แล่นมาแทนที่ คนขับรถคันนี้เป็นผู้ชายอีกตามเคย รูปร่างผอมกะหร่องเกินไป ดูไม่ใกล้เคียงกับแม่สาวชุดดำนั่น เขาจึงปล่อยผ่านไปอีกคัน แต่ยังตั้งอกตั้งใจว่ายังไงคืนนี้ก็ต้องจับตัวแม่สาวปริศนาแล้วลากคอไปสารภาพความจริงกับมนสิการ์ให้ได้ ต่อให้เห็นว่าเป็นผู้ชายขับรถ เขาก็ต้องดูให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ปลอมตัวเพื่อหลบหนี



ร่างเพรียวระหงในชุดดำก้าวฉับๆ เข้าไปในลานจอดรถของโรงแรมมณีดินด้วยท่วงท่างามสง่ามาดมั่น เมื่อหย่อนก้นลงนั่งประจำตำแหน่งคนขับแล้วแว่นดำก็ถูกถอดออกและโยนทิ้งไว้ที่เบาะข้างตัวอย่างไม่แยแส รอยยิ้มอิ่มอกอิ่มใจระบายทั่วใบหน้างามจัดขณะนึกถึงรายได้ก้อนโตจากภารกิจในคืนนี้

พอคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้วฮอนด้าแจ๊สสีเหลืองคันกะทัดรัดก็แล่นฉิวไปยังทางออกอย่างรวดเร็ว เมื่อใกล้ถึงป้อมยามซึ่งเป็นจุดแลกบัตรคืนเธอก็ควานมือหาบัตรจอดรถ แต่พอเงยหน้าขึ้นอีกทีก็พบชายหนุ่มร่างสูงในชุดทักซิโด้สีขาวเต็มยศยืนกอดอกเพ่งมองมาเหมือนกำลังตามหาใครบางคน

หญิงสาวตัวแข็งทื่อ “ซวยแล้ว!”

สิ้นเสียงอุทานตื่นตระหนก ใจของเธอก็เต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่ง ขณะควานมือหาแว่นดำมาสวมอย่างลนลานเพื่อปกปิดใบหน้าที่แท้จริงเอาไว้ แม้ว่าเธอจะบรรจงแต่งหน้ามาแล้วชนิดอย่างหนาตราช้างถึงขั้นล้างเครื่องสำอางออกเมื่อไหร่อาจจำไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกันก็ตาม แต่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเธอต้องป้องกันไว้ก่อน

ฮอนด้าแจ๊สสีเหลืองซึ่งรอคิวอยู่เป็นคันสุดท้ายทำให้ม่านตาของเตชิตขยายกว้างขึ้น เขาเดินช้าๆ เข้าไปหารถยนต์คันนั้นด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง และทันทีที่เห็นว่าคนนั่งหลังพวงมาลัยเป็นผู้หญิง ใส่แว่นดำ แถมยังแต่งชุดดำอีกต่างหาก เลือดลมในกายก็ฉีดพล่าน

“ยายตัวแสบ เราเจอกันแน่!” เสียงคำรามต่ำลึกดังขึ้นขณะที่ขายาวก้าวพรวดๆ เข้าไปหาเป้าหมายราวกับพายุ

‘ภาวิกา’ ลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอขณะมองหาทางหนีทีไล่ด้วยใจที่เต้นระทึก เธอรู้สึกเหมือนถูกสวรรค์ลงโทษ เมื่อคิดจะเลี้ยวกลับเข้าไปในลานจอดรถอีกครั้ง แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะตรงนี้ไม่มีเส้นทางเชื่อมต่อ ผ่านป้อมยามไปเพียงห้าเมตรก็ถึงถนนใหญ่ ตอนนี้จะหลบไปทางไหนก็ไม่ได้แล้ว

“จอดรถแล้วลงมาเดี๋ยวนี้นะยายตัวแสบ! อย่าคิดหนีเป็นอันขาด!”

ชายหนุ่มกัดฟันสั่งอย่างดุดันพลางทุบกระจกปังๆ เหมือนอยากให้มันแตกละเอียดคามือ อีกมือพยายามงัดประตูรถด้วยความโมโหที่เดือดพล่านอยู่ในอก

ผู้หญิงคนนี้จะต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างสาสม!

คนที่นั่งอยู่ในรถถึงกับสะดุ้ง ยิ่งเห็นใบหน้าถมึงทึงของคนด้านนอกกอปรกับดวงตากร้าวกระด้างส่องแสงวาวโรจน์คู่นั้นเธอก็ยิ่งผวา มองหาตัวช่วยก็ไม่มีรถขับตามมาสักคันพอให้ใครเห็นว่าเธอกำลังถูกคุมคาม รถคันหน้าก็เคลื่อนไปเรื่อยๆ เพื่อแลกบัตรออกสู่ถนนใหญ่ ครั้นจะบีบแตรขอความช่วยเหลือก็เกรงเรื่องราวบานปลาย

เขาไม่ปล่อยเธอแน่ หากเรื่องไปถึงตำรวจคนที่ซวยสุดย่อมเป็นเธอ ดังนั้นเธอต้องหนีแบบเงียบสุดชีวิต

“ลงมาเดี๋ยวนี้นะ ลงมา!” เขาตะโกนสั่ง สีหน้าสีตาบอกชัดว่าโกรธชนิดไม่เผาผีและอาจถึงขั้นลงมือฆ่าคนได้อย่างเหี้ยมโหด

“ลงก็โง่น่ะสิ อีตาบ้าเอ๊ย...ตามฉันมาทำไมเนี่ย ทำไมไม่ตามเจ้าสาวตัวเองไปเล่า” หญิงสาวบ่นอย่างร้อนใจ เห็นท่าทางคลั่งจัดของชายหนุ่มก็ยิ่งหวาดหวั่นและลนลานไปกันใหญ่ เหลือบตามองรถคันหน้าและเหยียบคันเร่งเบาๆ ตามไปเป็นระยะ เมื่อคนข้างนอกยังตามติดไม่ลดละก็อดจะหลุบตามองมือใหญ่ที่คอยงัดประตูรถและทุบกระจกปังๆ ไม่ได้ น่ากลัวจะพังคามือซะจริงๆ

“จะทุบทำไมเนี่ย เดี๋ยวรถก็พังหรอก โธ่เอ๊ย...เมื่อไหร่จะเสร็จซะทีวะ” เธอบ่นพึม หลุดปากพูดคำไม่สุภาพออกไป พอนึกได้ก็เอามืออุดปากตัวเองฉับ

“ไม่ได้ๆ พูดคำหยาบคายไม่ได้นะวิกกี้จ๋า เธอต้องเป็นผู้ดี...ผู้ดี ท่องไว้จ้ะท่องไว้” หญิงสาวปลอบตัวเองพลางมองป้อมยามด้วยท่าทีร้อนรน แต่แล้วก็ตัวแข็งทื่อ ใจหายวาบเมื่อนึกอะไรได้

“บรรลัยละ! ใบขับขี่มันมีทั้งชื่อและนามสกุลจริงของเรานี่หว่า ถ้าอีตาบ้านี่เห็นเข้าก็จบกันเท่านั้น งานนี้ถึงกับหมดอนาคตเชียวนะเว้ย” เสียงครางร้อนรน ไม่สนแล้วว่าจะสบถคำไม่สุภาพออกมาอีกกี่คำ

“ผมบอกให้ลงมาเดี๋ยวนี้ ลงมาคุยกันดีๆ หรือจะให้ผมจับคุณส่งตำรวจฮะ”

เสียงข่มขู่เข้มข้นดังขึ้นอีกระลอกทำให้นางละครมืออาชีพรู้สึกร้อนรนปนวิตกจริตอย่างหนัก ตั้งแต่ทำงานแบบนี้ไม่เคยมีครั้งไหนที่โจทก์จะตามล่าตัวเธอก่อนเคลียร์กับคนของตัวเองได้ ถ้าเขาไม่ผิดปกติก็อาจแปลว่าถึงคราวเคราะห์ของเธอจริงๆ

เตชิตเห็นหญิงสาวทำคอยืดคอยาวไปข้างหน้าอย่างลุกลี้ลุกลนจึงมองตาม เมื่อสังเกตเห็นว่ารถคันข้างหน้าของเธอกำลังแลกบัตร ชายหนุ่มก็นึกอะไรออก รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมปรากฏบนมุมปากหยักพลางหันกลับมาจ้องหน้าสาวชุดดำอย่างอาฆาต แล้วเขาก็วางมือจากการประทุษร้ายยานพาหนะของเธอ เดินลิ่วไปที่ป้อมยามอย่างรวดเร็ว

สาวสวยเบิกตาโพลงเมื่อเห็นเขาพูดอะไรบางอย่างกับ รปภ. พร้อมยื่นมือไปข้างหน้า ไม่มีเวลาให้เธอคิดมากอีกแล้ว

“เอาวะ ตายเป็นตาย!”

เมื่อรถคันหน้าแลกบัตรเสร็จและเคลื่อนตัวออกไปแล้ว หญิงสาวก็เหยียบคันเร่งไปจอดข้างป้อมยาม รีบควานหาบัตรจอดรถของโรงแรมในกระเป๋าถือปราด้าใบโปรดแล้วผลักประตูรถออกไปโดยเร็วเพื่อแย่งชิงหลักฐานชิ้นสำคัญกลับมาให้ได้

“เอาใบขับขี่มาให้ฉัน นี่ค่ะบัตรจอดรถ” เธอตะโกนเสียงดังลั่น

“คือว่า...เราทะเลาะกันนิดหน่อยครับ ถ้าเธอได้ใบขับขี่ก็อาจขับรถหนีผมไปอีก เธอกำลังโกรธ ผมกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ขอใบขับขี่ของเธอให้ผมเถอะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ หากดวงตาหรี่ลึก จ้องหน้าหญิงสาวที่ก้าวฉับๆ เข้ามาใกล้ทุกขณะอย่างมาดหมาย

“ไม่ใช่นะคะ เราไม่รู้จักกัน อย่าให้เขานะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งจับคุณด้วยอีกคน ผู้ชายบ้าคนนี้พยายามจะทุบรถฉัน เขาเป็นผู้ร้าย อย่าไปเชื่อเขานะ” หญิงสาวตะโกนบอกอย่างร้อนรนพลางวิ่งหน้าตั้งอยู่บนรองเท้าปราด้าแสนรักที่กัดฟันซื้อมาในราคาหลายหมื่นด้วยท่าทีคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างเหลือเชื่อ

เตชิตแค่นหัวเราะแล้วบอกหน้าตาเฉย “เธอกำลังโกรธเลยพูดแบบนี้ พี่น่าจะรู้ดีนะครับ ผู้หญิงทำได้ทุกอย่างที่พวกเธออยากจะทำ”

“กรี๊ด! ไม่จริงนะ เขาโกหก” หญิงสาวกัดฟันกรอด ถลึงตาจ้องคนโกหกหน้าด้านๆ อย่างโมโห

ชายหนุ่มยักไหล่พลางทำสีหน้าเพลียใจสุดฤทธิ์โดยไม่พูดอะไร

รปภ. ที่ประจำอยู่ในป้อมยามมีสีหน้าลำบากใจ มองหนุ่มสาวทั้งสองคนสลับกันไปมาก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมพร้อมยื่นมือไปรับบัตรจอดรถจากหญิงสาว

“เชิญคุณผู้หญิงขับรถไปจอดชิดกำแพงด้านซ้ายก่อนนะครับ ผมขอตรวจสอบอะไรเล็กน้อย เพื่อความปลอดภัยของพวกคุณทั้งสองคน”

“ไม่! เอาใบขับขี่ของฉันมาเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวแทบกรี๊ดลั่น เมื่อบัตรจอดรถหลุดจากมือไปแล้ว ได้แต่ยืนกำหมัด เกาะป้อมยามด้วยสีหน้าเอาเรื่อง

เหมือนสวรรค์จะเข้าข้างคนดีมากกว่า บัตรจอดรถของผู้ร้ายตัวจริงหล่นลงบนพื้น รปภ. หนุ่มจึงก้มเก็บ

เตชิตอมยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ อาศัยจังหวะนั้นคว้าข้อมือเล็กไว้อย่างเหนียวแน่น “คุณเสร็จผมแน่!”

หญิงสาวหันขวับ ใจหายวาบ ก่อนจะอ้าปากโวยวาย หากถูกมือใหญ่ตะปบไว้โดยเร็วทำให้เสียงที่เล็ดลอดออกมาฟังอู้อี้ไม่ได้ศัพท์

“ปล่อยให้โง่ มานี่เลยยายตัวแสบ บอกมาว่าคุณเป็นใคร ทำไมต้องมาก่อกวนงานแต่งของผมด้วย บอกมาให้หมด โทษหนักจะได้เป็นเบา” ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าเธอคิดจะพูดอะไรจึงกัดฟันข่มขู่เสียงเย็นพร้อมทั้งลากร่างระหงให้ตามเข้าไปในลานจอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรมเพื่อจะได้พูดคุยกันถนัดขึ้น โชคดีของเขาที่ตอนนั้นไม่มีรถคันอื่นวิ่งตามรถของหญิงสาวมา



เสียงบีบแตรจากรถคันหนึ่งดังถี่ๆ รปภ. เจอบัตรจอดรถที่หล่นพอดีจึงเงยหน้าขึ้น หากไม่เห็นแม้แต่เงาของหญิงสาวและชายหนุ่มที่เหมือนว่ากำลังมีปัญหากันอยู่ แต่รถยนต์ของเธอยังติดเครื่องและจอดที่เดิมอย่างน่าสงสัย

“หายไปไหนแล้ววะ?”

รปภ. ประจำป้อมเกาหัวแกรกขณะมองหาเจ้าของรถ เมื่อไม่เห็นวี่แววจึงรีบวิ่งออกมาจัดการกับรถเจ้าปัญหาเพื่อเคลียร์เส้นทางจราจรให้กับลูกค้ารายอื่น พอถนนโล่งก็รีบติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงแรมให้มาช่วยตามหาหนุ่มสาวทั้งสองคนอย่างเร่งด่วน



หญิงสาวเบิกตาโพลง เอื้อมมือไขว่คว้าสะเปะสะปะกลางอากาศเพื่อขอความช่วยเหลือ พยายามจะส่งเสียงแต่ก็ไม่สามารถอ้าปากได้จึงมีเพียงเสียงอู้อี้ในลำคอ ร่างบางดิ้นรนฮึดฮัดสุดกำลัง ทั้งถีบ เตะ ต่อย จิกและข่วน สารพัดวิธีเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่สุดท้ายก็ถูกลากลงมาที่ชั้นใต้ดินอันร้างไร้ผู้คนจนได้

ร่างเพรียวบางถูกตรึงไว้ด้วยร่างใหญ่จนแผ่นหลังแนบติดกำแพงปูน ด้านหน้าเบียดกับแผ่นอกกว้างที่ทั้งแข็งและแน่น ไม่ว่าเธอจะผลักอย่างไรก็ไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด แถมใบหน้าคมดุที่ก้มต่ำลงมาอย่างคุกคามนั่นยิ่งทำให้หญิงสาวใจคอไม่ดีเข้าไปใหญ่ ได้แต่หลับตาปี๋นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งที่ปกติไม่เคยเฉียดใกล้วัดเลยด้วยซ้ำ แถมยังคิดติดสินบนด้วยอาหารที่วัยรุ่นเขานิยมกันเพราะนึกอะไรไม่ออกจริงๆ

‘คุณพระคุณเจ้าขา...ถ้ารอดจากไอ้หมอนี่ไปได้ ลูกช้างจะถวายพิซซ่า 9 ถาดกับสลัดบาร์ชุดใหญ่ แถมไก่ทอด KFC ให้อีกด้วย โปรดช่วยลูกช้างด้วยนะคะ เจ้าประคู้ณ...’

เตชิตแค่นยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมเมื่อค้นพบเขตปลอดคนพอที่จะจัดการกับแม่สาวชุดดำได้สะดวก เขาเลื่อนมือที่ปิดปากหญิงสาวขึ้นไปแตะขาแว่นกันแดดของเธอ “ไหนขอดูหน้าคนโกหกให้ชัดๆ หน่อยซิ”

ได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวก็เบิกตากว้าง จะให้ใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่ได้เด็ดขาด ถึงตายก็ยอมไม่ได้!

เธอรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายไว้ที่หัวเข่า ยกขาขึ้นกระแทกเป้าศัตรูสุดแรงเกิด เป็นผลให้มือใหญ่ชะงักค้าง ใบหน้าคมเขียวคล้ำสลับแดง ดวงตาเหลือกโพลง ทั้งจุกและเจ็บจนพูดไม่ออก ร่างสูงทรุดลงคุกเข่า ตัวงอเป็นกุ้ง กุมเป้ากางเกงด้วยมือทั้งสองข้าง ขณะเหลือบตาลุกวาวขึ้นจ้องสาวชุดดำอย่างอาฆาตแค้น กว่าจะกัดฟันพูดแต่ละคำออกมาได้แสนยากเย็น

“ยาย-ตัว-แสบ!”

หญิงสาวหอบหายใจหนักๆ ด้วยความตื่นเต้น พิงกำแพงอยู่เป็นนานเพราะต้องใช้พลังงานไปมากโข เมื่อตั้งสติได้ก็รีบจับขาแว่นที่เอียงกะเท่เร่ให้เข้าที่เข้าทางก่อนที่มันจะเลื่อนหลุดและเผยให้เห็นใบหน้าของเธอชัดขึ้น

ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นดำหลุบมองสภาพของชายหนุ่มด้วยความรู้สึกหวาดๆ ก่อนจะกระดืบไปตามกำแพงด้วยขาที่สั่นพั่บๆ พึมพำเบาๆ “คุณหาเรื่องเองนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ขอโทษละ อยากกัดไม่ปล่อยเองนี่ ฉันไปละนะ หวังว่าเราจะไม่ต้องพบกันอีก ลาก่อน”

เธอสูดลมหายใจลึกแล้วหันหลังวิ่งกลับออกไปข้างนอกเพื่อขอใบขับขี่คืน จะได้จากไปโดยเร็ว หากเพียงก้าวเดียวเท่านั้นก็ทรุดฮวบพร้อมกรีดร้องด้วยความตกใจ โชคดีที่เธอมีสติพอจะเอาด้านข้างลงและใช้มือยันตัวไว้ได้ทันก่อนที่ศีรษะจะฟาดพื้นซีเมนต์จนเลือดสาด แต่แรงกระแทกที่สะโพกก็ทำให้เจ็บและจุกจนขยับไม่ได้ไปชั่วครู่

“จะหนีไปไหน!” เตชิตคำราม ร่างใหญ่นอนราบอยู่กับพื้นเพราะทุ่มทุนสร้างด้วยการโถมตัวคว้าข้อเท้าของเธอเอาไว้ เสื้อผ้าหน้าผมตอนนี้สกปรกมอมแมมจนหมดสง่าราศี แต่จะปล่อยให้ผู้ร้ายหนีไปง่ายๆ ก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน เธอทำลายงานแต่งงานของเขาแถมยังทำร้ายร่างกายเขาด้วย งานนี้เขาไม่ยอมให้เธอเสียค่าปรับแค่ห้าร้อยบาทแน่

ภาวิกานิ่วหน้า ขบปากกลั้นเสียงคราง ยืดแขนออกไปคว้าแว่นกันแดดที่กระเด็นหลุดมาสวม ก่อนจะสะบัดหน้ากลับไปจ้องคู่กรณีที่กัดไม่ปล่อยด้วยแววตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”

“ฝันไปเถอะ ผมจับคุณส่งตำรวจแน่ถ้าไม่ยอมพูดความจริง” เขากัดฟันตอบดุเดือด มือใหญ่กำรอบข้อเท้าเรียวแน่นขึ้น

“ฉันไม่มีอะไรจะพูด ปล่อย!” เธอพยายามสะบัดเท้าออกจากการเกาะกุมของเขาหากไม่เป็นผลสำเร็จ

“พูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่องใช่มั้ย ได้!”

เขากระตุกข้อเท้าของเธอดึงเข้าหาตัวอย่างแรง เป็นผลให้ร่างบางไถลกลับ ชุดสวยครูดไปกับพื้นซีเมนต์จนเสียหายแถมยังต้องเจ็บตัวเพราะแรงเสียดทานที่สะโพกอีกด้วย

“อีตาบ้า...ฉันเจ็บนะ!” เธอแว้ดสุดเสียง มือหนึ่งจับแว่นตาไว้ไม่ให้เลื่อนหลุด อีกมือกำหมัดทุบไหล่หนาแบบไม่นับเมื่อถูกรวบตัวไว้ใต้ร่างใหญ่อย่างหมดหนทางหนี

เขารวบมือเล็กทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะ ตอบด้วยเสียงลอดไรฟัน “แล้วที่คุณทำน่ะผมไม่เจ็บรึไงฮะ หยุดแผลงฤทธิ์ซะที ไม่งั้นผมฆ่าคุณแน่!”

เธอหุบปากฉับ เห็นแววตาแข็งกระด้างของเขาก็ใจแป้วลงเป็นกอง ไม่กล้าโวยวายและออกฤทธิ์อีก เพราะกลัวถูกฆ่าหมกศพกลายเป็นผีเฝ้าลานจอดรถอยู่ที่นี่ เธออายุยี่สิบเจ็ดปีแล้วยังไม่ได้แต่งงานเลย ยังไงก็ไม่ยอมตายก่อนแต่งเด็ดขาด!

ชายหนุ่มหรี่ตา ยิ้มเหี้ยมพลางเอ่ยเสียงต่ำ “ไหน ขอดูหน้าให้ชัดๆ ทีเถอะ”

หญิงสาวตัวแข็งเมื่อมือใหญ่แตะที่ขาแว่นตาของเธอแล้วกระชากออกอย่างแรง

“เฮ้ย!” เตชิตผงะ สีหน้าตื่นตะลึงอึ้งงันสุดขีดเมื่อเห็นใบหน้าของสาวชุดดำเต็มตา

ภาวิกาทำปากเบี้ยว ตาเหล่ ขมวดคิ้ว เรียกว่าบิดเบือนใบหน้าที่แท้จริงสุดความสามารถ ใบหน้าที่เขาเห็นในตอนนี้จึงอัปลักษณ์สุดๆ

‘อีตาบ้า! คอยดูนะ ถ้าหน้าฉันมีริ้วรอยก่อนวัย นายไม่ได้ตายดีแน่ ฉันสาบาน!’

เขากัดฟันกรอด นึกไม่ถึงว่าเธอจะมาไม้นี้

“ทำหน้าให้มันดีๆ ไม่งั้นผมจะ...จะ...”

เตชิตนึกไม่ออกว่าจะขู่ยังไงเธอถึงจะยอมทำตาม พอเขาชะงักไปก็ดูเหมือนหญิงสาวจะยิ่งได้ใจ ทำหน้าทำตาพิลึกพิลั่นจนสุดที่จะทนดูได้จริงๆ

‘โธ่เว้ย...เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น ผู้หญิงบ้าอะไรอย่างงี้วะ!’

หญิงสาวอยากจะขำก๊ากออกมาเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก็สู้อดทนอดกลั้นเอาไว้เพราะกลัวว่าการบรรจงแต่งหน้ามาอย่างหนาเตอะของเธออาจจะยังไม่พอปกปิดใบหน้าที่แท้จริงได้เมื่อคู่กรณีจ้องมองในระยะเผาขนจึงได้แต่หัวเราะเยาะเขาในใจ

‘โฮะๆๆ ไม่รู้จักนางละครพันหน้าอย่างภาวิกาซะแล้ว อยากเห็นหน้าฉันเหรอ ฝันไปก่อนเถอะ เร็วไปสิบชาติย่ะ!’

ชายหนุ่มขบกรามแน่น ดวงตาคมขุ่นหรี่ลึกอย่างโกรธแค้น เค้นเสียงข่มขู่อย่างหงุดหงิด “ผมบอกให้ทำหน้าดีๆ ถ้ายังขืนดื้อด้านอีก ผมจะจูบคุณให้ขาดใจตายอยู่ตรงนี้!”

คนถูกขู่ใจหายวับ เสียวสันหลังวูบจนแทบจะเผยใบหน้าปกติให้เขาเห็น แต่พอได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งใกล้เข้ามาก็รู้สึกถึงความหวัง พอหันไปมองก็พบชายฉกรรจ์หลายคนมุ่งหน้ามาทางนี้ เตชิตได้ยินเช่นกันจึงหันไปมองบ้าง

“บ้าฉิบ!” เขาสบถอย่างหัวเสียแล้วหันกลับมาข่มขู่หญิงสาวด้วยเสียงเย็นเยียบ “บอกพวกเขาว่าเราเป็นสามีภรรยากัน มีเรื่องต้องเคลียร์นิดหน่อย”

เธอตะแคงหน้าให้เขาเห็นข้างเดียว กัดริมฝีปากล่างข้างหนึ่งไว้พร้อมเข่นเขี้ยว แม้จะไม่ชัดนักแต่ก็จับใจความได้ว่า “ไม่ ฉันจะบอกว่าถูกคุณลวนลาม”

“เอางั้นก็ได้ แต่ถ้าเรื่องถึงตำรวจและเป็นข่าวขึ้นมา ผมจะแจ้งจับคุณข้อหาป่วนงานแต่งของผมจนพังยับในคืนนี้ ถ้าฉลาดพอก็ควรจะรู้นะว่าต้องเลือกทางไหน”

เขาขู่ก่อนจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระแล้วผุดลุกขึ้น ยื่นมือให้หญิงสาวที่ยังนั่งทำหน้าตาอัปลักษณ์อยู่บนพื้นพร้อมกัดฟันสั่ง “ลุกขึ้น!”

ภาวิกาหันไปหยิบแว่นดำที่หล่นอยู่บนพื้นมาสวม ได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะส่งมือให้เขาช่วยฉุดเธอลุกขึ้นยืนข้างกันในตอนที่หน่วยรักษาความปลอดภัยกลุ่มนั้นเดินมาถึงตัวพอดี

“มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าครับคุณผู้หญิง ยามที่ป้อมบอกว่ามีผู้หญิงจอดรถทิ้งไว้แล้วหายตัวไปกับผู้ชายคนนึง เขาสงสัยว่าเธออาจตกอยู่ในอันตราย ไม่ทราบว่าหมายถึงพวกคุณสองคนรึเปล่า”

หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นพลางหรี่ตามองเตชิตอย่างไม่ไว้ใจ เนื่องจากสภาพของพวกเขาเหมือนเพิ่งไปฟัดกับหมาทั้งฝูงมาหยกๆ จึงสันนิษฐานไว้ก่อนว่าหญิงสาวอาจถูกทำร้ายร่างกาย

“อ๋อ ครับ น่าจะใช่ เราทะเลาะกันนิดหน่อยแต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี ขอบคุณมาก” เตชิตส่งยิ้มสุภาพพลางโอบแขนไปรอบไหล่บางของหญิงสาวอย่างสนิทสนม

ภาวิกากัดฟันข่มกลั้นโทสะเอาไว้สุดฤทธิ์ ก่อนจะฉีกยิ้ม ทำมือเป็นเครื่องหมายโอเคแล้วเอ่ยเสียงหวานหยดได้อย่างน่าทึ่ง “โอเคค่ะ เราเข้าใจกันดีแล้ว ขอบคุณมากนะคะ”

“แน่ใจนะครับ ท่าทางพวกคุณดู...สะบักสะบอมไม่น้อย” อีกคนถามอย่างสงสัย เมื่อกวาดสายตาสำรวจหนุ่มสาวทั้งสองซึ่งมีสภาพสกปรกมอมแมมไปทั้งตัว

“แน่สิครับ เขาว่าผัวเมียยิ่งทะเลาะกันบ่อยก็ยิ่งมีลูกดก จริงมั้ยจ๊ะที่รัก” เตชิตอมยิ้มพลางก้มลงถามหญิงสาวด้วยเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล ผิดจากเมื่อสองนาทีก่อนลิบลับ

“ถูกต้องที่สุดเลยค่ะ” เธอรับคำเสียงหวานไม่แพ้กัน

ชายฉกรรจ์ในชุดฟอร์มทั้งสี่คนจึงหันมาสบตากันเพื่อระดมความคิดเห็น แล้วหนึ่งในนั้นก็เป็นคนตัดสินใจ

“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญพวกคุณกลับออกไปด้านนอกดีกว่านะครับ รถของคุณผู้หญิงจอดอยู่ข้างกำแพงด้านซ้าย เชิญไปรับใบขับขี่ที่นั่นได้เลยครับ”

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มแล้วขยับขาจะก้าวตามชายทั้งสี่คนไปด้วยความยินดี แต่ถูกชายหนุ่มข้างตัวรั้งต้นแขนไว้แน่นจนต้องหันกลับไปถลึงตาขุ่นใต้แว่นดำอย่างไม่พอใจ

“มาด้วยกันก็กลับพร้อมกันสิจ๊ะที่รัก” เขากัดฟันกระซิบพร้อมรอยยิ้มเยาะ ก่อนจะบีบต้นแขนเธอให้เดินไปด้วยกัน

หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเขากึ่งลากกึ่งจูงเธอให้เดินไปอย่างไม่ปรานี รู้สึกปวดระบมที่สะโพกและข้อเท้าจนต้องเดินกะเผลกบนส้นสูง ดูแล้วทั้งตลกและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน

เมื่อมาถึงรถก็มีคนส่งใบขับขี่คืนให้ ภาวิกาว่องไวใช้ได้ เธอรีบคว้ามันก่อนที่คนข้างๆ จะฉวยไปแล้วกล่าวขอบคุณเสียงหวาน

เตชิตเหล่มองหลักฐานสำคัญในมือเธอด้วยแววตากระเหี้ยนกระหือรืออยากจะได้มาครอบครอง แต่ก็สู้อดทนไว้เพราะสายตาของวีรบุรุษรักษาความปลอดภัยทั้งสี่เพ่งเล็งมาที่เขาอย่างไม่ไว้ใจ

ก็น่าอยู่หรอกเพราะสภาพสะบักสะบอมของแม่สาวชุดดำมันฟ้อง แถมทักซิโด้สีขาวของเขาก็ยังสกปรกได้ใจ ถ้าใครคิดว่าเขาและเธอตกลงกันได้ด้วยสันติวิธีก็โง่เต็มทน

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” หญิงสาวยิ้มพลางก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองคนข้างๆ แล้วเอ่ยเสียงหวานอย่างเสแสร้ง “เจอกันที่บ้านนะคะที่รัก รีบกลับขึ้นไปเอารถเถอะค่ะ ป่านนี้ลูกๆ รอแย่แล้ว ไปสิคะ มัวรออะไรอยู่ล่ะ”

“เชิญทางนี้เลยครับ เดี๋ยวผมไปส่ง ไม่ทราบว่ารถของคุณผู้ชายจอดที่ชั้นไหน” หนึ่งในทีมรักษาความปลอดภัยเอ่ยขึ้น เจตนาก็เพื่อจะคุมชายหนุ่มกลับไปที่รถโดยไม่ให้ตามไปรังควานหญิงสาวอีก

ไม่มีใครเชื่อว่าทั้งสองคนตกลงกันได้แล้ว แต่ในเมื่อเธอไม่พูดอะไร พวกเขาจึงช่วยไม่ได้ หากก็ยินดีจะกันหนุ่มคนนี้ออกให้เพราะเห็นชัดว่าเธอไม่ต้องการเดินทางไปกับผู้ชายที่อ้างว่าเป็นสามีของเธอ

เตชิตกัดฟันกรอด ถลึงตาใส่แม่สาวตัวแสบ ก่อนจะหันไปยิ้มให้ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นด้วยความกล้ำกลืนฝืนใจ

“เชิญครับ” หนุ่มในชุดฟอร์มเร่งเร้าอีก

เขาได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วหันไปจ้องหน้าสาวแสบด้วยแววตาอาฆาต

ภาวิกาเปิดประตูรถ ชูกุญแจขึ้นโบกพลางยิ้มเย้ยหวานหยด “แล้วเจอกันนะคะที่รัก”

เขากำหมัด กัดฟันแน่น เขม้นมองป้ายทะเบียนรถของเธอและจดมันไว้ในสมองด้วยความแค้นจัด ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างสะใจ

‘วันพระไม่ได้มีหนเดียว ฝากไว้ก่อนเถอะยายปีศาจชุดดำ เราเจอกันอีกแน่!’








Create Date : 01 มิถุนายน 2558
Last Update : 1 มิถุนายน 2558 8:49:59 น. 0 comments
Counter : 693 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.