ย้อนรอย "เสน่หานาวี"
สวัสดีค่ะ
แวะมาสวัสดีทักทายกันบ้าง ไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้ามาทักทายกันเท่าไหร่ หลายท่านไม่คุ้นชื่อ "นาวีภิรตา" ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนัก เพราะตัวของข้าพเจ้า เพิ่งหัดก้าวบนถนนสายวรรณกรรมนี้ ขออนุญาตแทนตัวเองว่า "บี" นะคะ เพราะเป็นชื่อเล่นของตัวเอง แล้วก็แทนตัวจนคุ้นชินแล้ว
- หน้าที่การงานทำอะไร ทำงานประจำค่ะ เป็นพนักงานตัวเล็กๆ กินเงินเดือน เพราะยังต้องดูแลครอบครัว
- ผลงานการประพันธ์ ได้เริ่มมีผลงานปรากฏเป็นรูปเล่มเมื่อ ปี 2554 ค่ะ คือ นวนิยาย เรื่อง "เสน่หานาวี" ภายใต้นามปากกา "นาวีภิรตา"
เรื่องที่สองที่เขียนสำเร็จไปแล้ว ส่งสำนักพิมพ์ไปแล้ว เมื่อ สิงหาคม 2554 แต่มีความจำเป็นบางอย่างต้องขอนวนิยาย เรื่องนั้น กลับมาปรับปรุงใหม่ นั่นคือ เรื่อง "ดวงหทัยนาวี"
เรื่องที่สามที่ได้รับการพิจารณาตีพิมพ์ ในปี 2555 คือ นวนิยาย เรื่อง "หะเบสสมอใจ (เสน่หานาวี ภาค 2)" ภายใต้นามปากกา "นาวีภิรตา" ซึ่งคาดว่า ประมาณ เดือน มิถุนายน 2555 คงได้ปรากฏโฉมบนแผงหนังสือ ในร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปค่ะ
มีสาวๆ นักอ่านหลายท่าน สนใจใคร่รู้ว่าการทำงาน ในมุมนักเขียน สไตล์นาวีภิรตา เป็นอย่างไร
โอ! ฮาละค่ะ มือสมัครเล่น แถมเป็น มือใหม่หัดปั่น จะมีวิธีการทำงานอย่างไรได้ นอกจาก 'ทันทีที่ว่าง ต้องรีบทำค่ะ' ไม่ได้มีวิธีการหรูหราอะไรเลย เพราะไม่รู้ว่านักเขียนเก่งๆ นักเขียนระดับพระกาฬ ท่านทำงานกันอย่างไร แต่สิ่งหนึ่ง ที่ บี ชอบทำคือ 'ลงพื้นที่จริง' ค่ะ ชอบเพราะได้เที่ยว อีกอย่างนึง บี ชอบ 'เรือรบ' 'หน่วยรบ' ไม่ว่าจะรบกับปากท้องของทหารเรือไทย หรือ หน่วยรบ ที่เป็นหน่วยยุทธการ ชอบทั้งสิ้น มองได้ ดูได้ ชมได้ เดินได้ ปีนได้ สัมผัสได้ ไม่รู้เบื่อ ที่สำคัญ "ท่าน" ที่บ้านพอใจมาก เพราะการไปท่องเที่ยวในหน่วยต่างๆ ท่านก็ได้พบเพื่อน พ้อง น้อง พี่ ได้ติดตามงานของท่าน ที่สำคัญไม่เปลืองเงิน (ฮา+) อีกอย่างหนึ่งก็คือ 'ท่าน' ขี้เกียจตอบ 120 คำถาม เพราะ บี จะถามซอกแซกจนท่านรำคาญ
มี น้องๆ สาวๆ ที่ขอประกาศตนเป็นแฟนคลับ (มีกะเขาด้วย ดีใจค่ะ ตื่นเต้น ราวกับเป็นคนดังแน่ะ) น้องมาขออนุญาต ตามไปดูวิธีการทำงาน แบบ 'นาวีภิรตา' สองคนสามีภรรยา (บี กับ "ท่าน" ที่บ้าน) หัวเราะซะงอหาย ท่านว่า
"ไม่น่าเชื่อ มีคนอยากดู บี ทำงาน เขาจะผิดหวังมั๊ยนะ"
แต่ว่าเราก็ตัดสินใจพาน้องไปลำเค็ญกับเราค่ะ ไม่ได้พาไปหลายท่าน เพราะการเดินทางไปฐานทัพเรือสัตหีบในครานี้ ท่านพาข้าราชการที่กรมฯ และ น้องๆ ที่ร่วมงานไปพักผ่อน
ไปย้อนรอย "เสน่หานาวี" กันก่อนนะคะ แล้วจึงไปดูวิธีการเก็บข้อมูลแบบซอกแซกของ บี
ย้อนรอย "เสน่หานาวี"
เช้าตรู่ 28 เมษายน 2555
เรา (บี กับ ท่าน) ไปรับน้องที่ถนนศรีนครินทร์ค่ะ เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา แล้วก็ขับรถออกทางมอเตอร์เวย์ มาแวะทานข้าวเช้าที่ร้าน "นายถึกไก่หุบบอน" ออกจากนายถึกไก่หุบบอน ก็ตรงดิ่งไป แสมสาร ก่อน เพื่อซื้ออาหารทะเลสดๆ สำหรับ มื้อค่ำ
จากนั้นก็รีบบึ่งเข้า ฐานทัพเรือสัตหีบเลย แต่เราเข้ามาที่นี่ก่อนค่ะ สนามบินอู่ตะเภา มาดูความยิ่งใหญ่ที่อเมริกันมาสร้างไว้เพื่อใช้ขนถ่าย ยุทโธปกรณ์ในช่วงสงครามโลก จริงๆ มีรูปมากกว่านี้แต่ ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงก็ เลยเอามาแต่เล็กๆ
แล้วก็วนรถออกไปเข้าทาง สอรฝ. ค่ะ วันนั้นบังเอิญว่า สัตหีบ คึกคักเป็นพิเศษ เพราะท้้ง สมาคมภริยา และ บรรดานายทหารชั้นผู้ใหญ่มารอต้อนรับ ท่าน ผบ.ทร. เพราะจะมี พิธี ย่ำสุรสีห์ กันในวันที่ 29 เมษายน เราจึงหลบเลี่ยงขึ้นไป กราบเสด็จเตี่ย บนเขาแหลมปู่เจ้ากันก่อนค่ะ เป็นอีกหนึ่งฉากใน "เสน่หานาวี" เช่นกันค่ะ บังเอิญวันนั้นลิงเยอะมากจึงไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะกลัวว่าถืออะไรไปในมือ คุณจ๋อจะดึงเอาไปซะ ก็เลยสักการะเสด็จเตี่ยเสร็จ ก็รีบลงมา แต่ว่ายังเข้าที่พักไม่ได้ เพราะว่ายังมีแขกเข้าพักอยู่ เราเลยไปวนรถเที่ยวค่ะ
อย่างที่บอกว่า ชอบเรือรบ เราก็เลยเข้าไปที่ อรม. (อู่ราชนาวีมหิดล) เพื่อไปเยี่ยม เรือรบหลวง นเรศวร ที่เข้ารับการซ่อมบำรุงอยู่ ไม่เกี่ยวกับ เสน่หานาวี หรอกนะคะ แต่เป็น เสน่หาส่วนตัวค่ะ ท่านพามาชม เพื่อรำลึกถึงความหลัง เมื่อครั้งท่านเป็นกำลังพลชุดรับเรือนี้ค่ะ
สิบกว่าปีแล้ว บี เคยมาชมเรือรบหลวงลำนี้เมื่อครั้งที่ กลับจากคุ้มกัน เรือจักกรีนฤเบศ กลับประเทศไทย สภาพภายในเปลี่ยนไปมากพอสมควรค่ะ แต่ยังคงความสง่างามไว้ เพราะผู้บังคับการเรือ ท่านปัจจุบัน ก็เป็นกำลังพลชุดรับเรือเช่นเดียวกับท่านของบี จึงไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะรักและดูแลเรือรบหลวงลำนี้อย่างดี
เราไม่สามารถเอารูปทั้งหมดลงให้ชมได้นะคะ เนื่องจากเป็นจุดยุทธศาสตร์ และ เรือกำลังอยู่ในช่วงของการปรับปรุงระบบอาวุธ สภาพของเรือจึงไม่สมบูรณ์นักขอลงให้ชมในส่วนที่พอจะลงได้
จากเรือรบหลวงนเรศวร เราก็วนไปหาของอร่อยทานกันค่ะ เนื่องจากใช้เวลาเยี่ยมชมเรือนานมาก เราก็เลยไปหาอะไรทานกันเพราะ บ่ายจัดแล้ว ทีแรกเราจะแวะที่ เรือนสักประดู่ค่ะ หนึ่งในฉากของ "เสน่หานาวี" แต่ว่าคนเยอะมาก เอาแต่ภาพเรือนสักประดู่มาฝากก็แล้วกัน
เราตัดสินใจมุ่งไปที่ ร้านชาญชล ค่ะ เปิดใหม่รึเปล่า คิดว่าน่าจะใช่ แต่คงใหม่มาหลายเดือนกระมัง
วิวด้านหลังร้านชาญชลค่ะ อาหารอร่อย ราคาไม่แพงค่ะ ใช้เวลาทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็เริ่มเป็นห่วงอาหารทะเลที่แพ็คอยู่ท้ายรถ เพราะอากาศร้อนจัด ก็เลยวนรถกลับไปที่พักค่ะ
ขณะที่วนรถกลับ เราผ่านทางด้าน อนุสาวรีย์นาวิกโยธินค่ะ หนึ่งในฉากของ "เสน่หานาวี" เช่นกัน แต่เด็ดกว่านั้นคือ เหล่า นาวิกโยธิน ผู้ห้าวหาญ กำลังซักซ้อม พิธี ย่ำสุรสีห์ ที่จะมีขึ้นในวันรุ่งขึ้นค่ะ เราแอบถ่ายจากในรถ เพราะ ท่าน ไม่อนุญาตให้ลงไปถ่ายรูปทางด้านล่าง
พอพ้นไปได้ก็รีบบึ่งไปบ้านพัก เราไปพักกันที่ สอรฝ. ค่ะ ทีแรกเราได้ บ้านสนทะเล ที่ติดกับ ร้านอาหาร เรือนโพธิทะเล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฉากใน "เสน่หานาวี" ค่ะ บี เอารูปเก่ามาลงให้ดูก่อน เพราะรูปใหม่ไม่ได้ถ่าย เนื่องจากแบกข้าวของกันอย่างเร่งด่วน
แต่ความที่ บ้านสนทะเล มีขนาดเล็ก ไม่พอต่อปริมาณสาวๆ ค่ะ เราจึงบนบานเจ้าที่เจ้าทาง ฮ่า ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นค่ะ เลยขอร้อง เพื่อน พ้อง น้อง พี่ ของท่าน ช่วยหาบ้านให้ใหม่
ไปดูบ้านพักที่ เราได้ครอบครองกันสำหรับค่ำนี้ ซึ่งได้มาอย่าง ฟลุ๊กเต็มที ต้องขอบคุณ เพื่อน พ้อง น้อง พี่ ของท่าน ทุกๆ คน ที่ช่วยให้ บี สมหวังกับ 'บ้านมะเฟือง' ค่ะ
บ่ายจัดวันนั้น ก็ปล่อยสาวๆ เขาไปเดินเล่น ส่วนตัว บี ก็นั่งปั่นงานค่ะ เพราะ ท่านกำลังง่วนอยู่กับบรรดา ข้าราชการทั้งหลาย ช่วยกันเตรียมอาหาร บาบีคิว ปิ้งย่าง สำหรับมื้อค่ำ บี เลยปักหลัก ปั่นงานอยู่แถวๆ นั้น เขียนมือค่ะ ด้วยดินสอ ลงสมุด จะเห็นว่ามีสมุดจดสารพัดข้อมูลอยู่ใกล้ตัวตลอด ใครเผลอมาคุยด้วย เป็นโดนบันทึกทุกราย
แล้วค่ำวันนั้น ก็จบด้วย Dinner มื้อใหญ่ กับ เพื่อน พ้อง น้อง พี่ ทหารเรือไทย ข้าราชการจาก กรมส่งกำลังบำรุงทหารเรือ กองบัญชาการกองทัพเรือ และ เพื่อน พ้องน้องพี่จาก กองเรือยุทธการ ที่แวะมาเยี่ยมเยียน
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
เช้าวันที่ 29 เมษยน 2555
จัดเต็มด้วยข้าวต้มทะเล ฝีมือทหารเรือเรา ทำกันเอง ปรุงกันเอง ทานกันเอง จากอาหารทะเลที่เรามีอย่างเหลือเฟือ
แล้ว Exclusive Trip แบบลำเค็ญ สำหรับสาวๆ ก็เริ่มขึ้น
เรามากันที่นี่ ท่าเรือแหลมเทียน แวะมาหา เรือรบหลวงสู้ไพรินทร์ ค่ะ เรือที่ผู้การปฏิภาณ (พี่เปา) ท่านเป็นผู้บังคับการเรือในเรื่อง เราพบแต่ ปราบปรปักษ์ และ หาญหักศัตรู 'แปะเขื่อน' อยู่ ท่านก็อธิบายประวัติเรือชุดนี้ให้สาวๆ ฟัง บี ไปหาภาพ เรือรบหลวง สู้ไพรินทร์ มาให้ชมค่ะ
สง่างามสมศักดิ์ศรีราชนาวีไทยมั๊ยคะ
จากนั้นเป้าหมายต่อไป ก็เป็นของ บี ค่ะ พระเอกของ บี ใน "หะเรียสมอ รอรัก" (เสน่หานาวี ภาค 3) คือ เรือรบหลวงบางปะกง ค่ะ ซึ่งเป็นเรือชุดเดียวกับ เรือรบหลวง เจ้าพระยา กระบุรี และ สายบุรี แต่วันนี้ บี ได้รับอนุญาตจากท่านผู้บังคับการเรือรบหลวงเจ้าพระยา ให้เข้าเยี่ยมชมเป็นกรณีพิเศษค่ะ แถมท่านยังกรุณาจัดอาหารกลางวันให้เราทานในห้องโถงนายทหารด้วย แถมด้วยหมวก มีช่อของเรือรบหลวงเจ้าพระยาอีกหนึ่งใบ ขอบพระคุณที่สุดค่ะ แต่ ท่านของบี เกรงว่าจะได้ไม่ถ้วนหน้า ก็เลยขอซื้อหมวกเพิ่มให้เป็นของที่ระลึกแก่สาวๆ หน้าบานกันไปค่ะ
บี ยังไม่นำภาพ มาให้ชม เพราะกะว่า จะลงเป็นย้อนรอยของแต่ละเรื่องไปค่ะ
หลังจากปีนขึ้นปีนลง เดินเข้าเดินออก เรือรบหลวงเจ้าพระยา สายตาเรด้าร์ของเรา ก็พบสาวงามลำใหม่ที่เพิ่งมาเทียบท่าได้ไม่นานนัก เรือรบหลวง อ่างทอง ค่ะ ต่อมาจาก สิงคโปร์ เป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ใช้ในการขนอาวุธ ยุทธภัณฑ์ ของกองทัพ โดยเฉพาะยานตีนตะขาบของ นาวิกโยธิน เรือเล็ก หรือแม้แต่เฮลิคอปเตอร์ อลังการมาก ถ้าบรรยายไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้องก็ขออภัยนะคะ จดมาตัวหงิกๆ งอๆ อ่านไม่ค่อยออกเลย (ฮา) ท่านเลยพาเราไป ปีนป่ายเรือรบ แบบ Exclusive อีกนึงลำ เรามี สรั่งเรือ ที่เรียกตัวเองว่า พี่แว่น เป็นคนพาชมค่ะ
อย่างแรกที่ชอบ คือห้องโถงนายทหาร ที่อลังการมาก ใช้ทั้งพักผ่อน ทานข้าว และประชุม brief งานกันได้ในเวลาเดียวกัน
บริเวณหัวเรือค่ะ ชอบดูเชือกที่เขาใช้ยึดเรือเวลาเรือเข้าเทียบ กับ โซ่สมอ ดูแล้ว ขลังดี ใหญ่มากๆ
บริเวณใต้ท้องเรือ ในการบรรจุ ยานยนต์ เรือรบขนาดเล็ก อาวุธยุทธภัณฑ์ต่างๆ ค่ะ
แผ่นบอกระดับน้ำ ที่สามารถเปิดให้เข้าใต้ท้องเรือได้ เพื่อใช้ในการ นำเรือขนาดเล็กเข้าบรรจุใต้ท้องเรือ หัวหมุดตัวใหญ่ๆ ที่เห็นไม่ใช่น็อตอะไรหรอกนะคะ สรั่งเรือ บอกว่า เป็นที่สำหรับใช้ยึดเรือเล็ก เมื่อเข้าจอดใต้ท้องเรือค่ะ
ทริปลำเค็ญ จบลงที่สภาเรือค่ะ ท่านซื้อเสื้อยืด เรือรบหลวงอ่างทอง แจกสาวๆ คนละตัว น้องๆ ทั้งหลายก็ยิ้มดีใจกันไปค่ะ
ทริปนี้ ไม่สามารถ พาสาวๆ ย้อนรอยได้ทุกฉาก เนื่องจาก มีพิธี ย่ำสุรสีห์ ของ ท่าน ผบ.ทร. ค่ะ เราจึงต้องหลีกเลี่ยงบางพื้นที่ไป
ทริปหน้า จะเป็น ย้อนรอย "หะเบสสมอใจ (เสน่หานาวี ภาค 2)" กับ ทัพเรือภาค 3 และ ฐานทัพเรือ พังงา ค่ะ รอติดตาม "หะเบสสมอใจ" ภายใต้นามปากกา "นาวีภิรตา" เร็วๆ นี้ ในร้านจำหน่ายหนังสือชั้นนำทั่วไปนะคะ
JOIN THE NAVY TO SEE THE WORLD ค่ะ
ขอบคุณจากใจ
นาวีภิรตา และ ภัสสร รัมภาพงศ์
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
Create Date : 06 พฤษภาคม 2555 | | |
Last Update : 7 พฤษภาคม 2555 12:09:45 น. |
Counter : 2596 Pageviews. |
| |
|
|
|