วัดธรรมาราม วัดสมัยอยุธยาตอนปลายที่พัฒนาระบบ 5 ส.
เมื่อวาน (31 ธันวาคม 2521) ผู้เขียนได้มีโอกาสไปกราบนมัสการหลวงพ่อพระอธิการประสาทเขมะปุญโญ เจ้าอาวาสวัดธรรมาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยตั้งใจเพียงขอนัดหมายเลี้ยงพระเพล แต่......กลับได้หลายๆอย่างเกินคาด บอกได้ว่าตกตะลึง ยืนงง งงจริงๆ แต่เป็นการงงแบบชื่นชมด้วยหัวใจแท้จริง มิใช่ผู้เขียนคนเดียวนะที่รู้สึกเช่นนี้ พรรคพวกที่ไปด้วยก็มีความรู้สึกอย่างเดียวกัน
พระพุทธรูปนี้ประดิษฐานอยู่บนศาลาการเปรียญ เป็นพระประธานก็น่าจะได้
พระอธิการประสาทเขมะปุญโญ เจ้าอาวาสวัดธรรมาราม
วัดธรรมาราม ตั้งอยู่ในเมืองของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลยวัดกษัตราธิราชไม่น่าจะเกิน 500 เมตร อยู่ติดกับแม่ช้อยนางรำนั่นเอง นอกจากจะมาทางบกแล้วยังสามารถเดินทางทางเรือได้อีกด้วย โดยเลาะมาตามลำน้ำเจ้าพระยา เรื่อยๆเย็นๆ มองปูดูปลาแหวกว่ายในสายธารา ช่างแช่มชื่นชีวาชนิดไม่สามารถบรรยายเป็นตัวอักษรได้ ถึงท่าน้ำวัดธรรมารามโดยไม่รู้ตัว ............... โอ้!!! ชีวิตกับสายน้ำ มีความสุขเสียยิ่งกระไร
เส้นทางคมนาคมทางหนึ่ง ที่สามารถมาวัดธรรมารามได้
หลวงพ่อท่านเมตตาเล่าประวัติวัดนี้ให้ฟัง ผู้เขียนฟังไปปลื้มไป ก็มันน่าปลื้มจริงๆนี่นา ตามมาเรื่อยๆแล้วท่านก็จะต้องปลื้มตาม..........
เมื่อประมาณ 700 ปีมาแล้ว ทางลังกานั้นพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมากซึ่งกล่าวได้ว่าเจริญถึงที่สุด ได้เผยแผ่เข้าถึงไทย น่าจะเป็นสมัยกรุงสุโขทัย เราเรียกพระพุทธศาสนาที่มาจากลังกาว่า "ลัทธิลังกาวงศ์"
ตามประวัติศาสตร์ระบุว่าเมื่อประมาณ 250 ปีที่ผ่านมา ลัทธิลังกาวงศ์เสื่อมลง ทางลังกาได้ส่งทูตมาเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เพื่อขอนิมนต์พระไทยไปฟื้นฟูพุทธศาสนาที่ลังกา ............. เมื่อคณะสงฆ์ไทยได้เข้าไปฟื้นฟู จึงมีโอกาสได้บวชเณรชาวลังกา 2,300 รูป บวชพระอีก 700 รูป รวมชาวลังกาที่บวชทั้งสิ้น 3,000 รูป พระพุทธศาสนาจึงเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่งในประเทศลังกา และชาวลังกาก็ให้เกียรติคณะสงฆ์ของไทยว่า "ลัทธิสยามวงศ์"
พระอุบาลีมหาเถระ คืออดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมาราม เมื่อ 250 ปีมานี้เอง
ฝาผนังบานประตูกุฏิ อยู่ขวา - ซ้ายมือของศาลาการเปรียญ
ภาพถ่ายมุมกลับ บานประตูเก่าแก่ทั้งหมดนี้ได้มาจากวัดกัลยา ธนบุรีวัดนี้ เดิมชื่อวัดสนามไชย และเปลี่ยนเป็นชื่อวัดธรรมารามเมื่อ 26 ปีนี้เองนี้ มีที่ดิน 25 ไร่ แบ่งเป็น 2 เขต
1. เขตสังฆาวาส มีที่ดิน 9 ไร่ อยู่ฝั่งตะวันออก ประกอบด้วยหอพระไตรปิฏก หอระฆัง 2. เขตพุทธาวาส มีที่ดิน 10 ไร่ ประกอบด้วยกำแพงแก้ว พระอุโบสถ พระวิหารเจดีย์ทรงลังกา บูชนียสถานทั้งหมดที่กล่าวมานี้ อยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร (งบประมาณทางวัดต้องจัดหาเอง)
ไม่กล้าเดินกลัวพื้นมีรอยเท้า
หลวงพ่อเล่าว่าบานประตูกุฏิทั้งหมดที่เห็นนี้ นำมาจากวัดกัลยา ธนบุรี ซึ่งทางวัดได้ทิ้งแล้วเพราะชำรุดมาก หลวงพ่อนำมาซ่อมแซม ปรับปรุงจนสามารถใช้ได้ในปัจจุบัน
เป็นไงคะ....วาววับ
โคมเอ๋ย...โคมน้อยเจ้าลอยสวยเด่น ใครใครที่ได้แลเห็น เจ้าลอยสวยเด่นเช่นเดือนดารา
มองกันให้เห็นชัดๆผู้เขียนทราบมาว่า ถ้ามีงานเลี้ยงพระยิ่งใหญ่ขนาดไหน พองานเลิกทั้งพระและเด็กวัดจะรีบช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาด ถ้าเจ้าภาพกลับมาที่วัดอีกครั้งแม้เพียงชั่วโมงเดียวก็จะไม่พบร่องรอยของงานเลี้ยงเลย วัดนี้ทำได้ แปลกแต่จริง
แหงนขึ้นไปดูเพดาน..........ช่วยกันหาฝุ่นหน่อย
โห...แวววับ รู้สึกแสบตาแล้วล่ะ
เพื่อนที่มาด้วยกันบอกว่า เมื่อ 4-5 ปีก่อน เคยมาทอดกฐินที่นี่ ยังไงก็อย่างงั้น หมายถึงสะอาดอย่างนี้มาโดยตลอด ไม่ใช่สะอาดอย่างเดียว ดูภาพต่อไปจะรู้คำตอบทันที หรือใครจะแอบตอบเดี๋ยวนี้ก็ไม่ว่ากัน
ไม้กวาดหันด้านไปทางเดียวกัน
เห็นภาพนี้แล้วไม่รู้จะพูดยังไง มันเต็มปลื้มจริงๆ
ผู้ใดที่ยังเก็บรองเท้าไม่เป็น...เอาไปเป็นแบบอย่างได้เลย
หายก็รู้....ดูก็งามตา
มองด้วยสายตา จัดวางได้อย่างน่ารัก
ชายผ้าเสมอกันทุกผืน
สนทนาธรรม
พื้นห้องแทนกระจกส่องหน้าได้ (ผู้เขียนเปรียบเทียบเอง)
กุฏิปิดหมด สงบเงียบ ช่วงญาติโยมแวะเวียนผ่านมา
ใต้ถุนศาลาการเปร๊ยญ หากระดาษไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว
บันไดทางขึ้นด้านหลัง (ทางรถ)
สวยค่ะ......เห็นกันชัดๆทางขึ้นด้านหลัง
มองจากหน้าต่างศาลาการเปรียญ
จากท่าน้ำเดินตรงมายังศาลาการเปรียญ เขียวชอุ่มไปหมด
เหนื่อยนักก็พักที่นี่....ศาลาริมน้ำ
มองฝ่าดงไม้ดงหญ้า.....ก็แช่มชื่นใจไปอีกแบบหนึ่งนะคะ
หอระฆังและหอพระไตรปิฎก ของแท้ดั้งเดิมสมัยอยุธยาตอนปลาย อยู่ทางขวามือของศาลาริมน้ำ
หอระฆังนี้สร้างใหม่ อยู่ที่มุขด้านขวาของศาลาการเปรียญ
เจดีย์ศรีสุริโยทัย ถ่ายภาพนี้จากท่าน้ำวัดธรรมาราม
เจดีย์ทรงลังกา ระฆังคว่ำ
ต้นศรีมหาโพธิ์ ของแท้จากอินเดียลืมบอกไปค่ะ พระวัดนี้มีอยู่เพียง 3 รูปเท่านั้น แต่วัดสุดแสนสะอาด มีระเบียบมากๆ ข้าวของเครื่องใช้ดูงามตาไปหมด จะหยิบจะใช้ก็หาง่าย หลวงพ่อเล่าว่ากวาดวันละ 2 ครั้งเท่านั้น ที่ดูดีคงเป็นเพราะทุกคนรับผิดชอบ รู้หน้าที่ สถาบันต่างๆโดยเฉพาะโรงเรียนควรจัดมาดูงาน เพราะนอกจากจะเข้าใจ 5 ส. แล้ว ยังได้มีโอกาสศึกษาประวัจติศาสตร์จากของจริงที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แต่น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักสถานที่แห่งนี้ .......
ขอลาท่านทั้งหลายด้วยภาพที่ชื่นฉ่ำหัวใจ เมื่อเห็นเรือแล่นไปตามลำน้ำ ภูมิทัศน์เช่นนี้ไม่ใช่หาดูได้ง่ายๆโดยเฉพาะคนในเมืองอย่างเราๆ ( ถ่ายภาพจากท่าน้ำวัดธรรมาราม )
เมื่อทัวร์วัดแล้ว ก็ต้องผ่อนคลายกันด้วยเสียงเพลง เพลงที่เหมาะกับสภาพวัดวาอาราม น่าจะเป็น เพลงรางวัลชีวิต เชิญคลิกตรงชื่อเพลงได้เลยค่ะ
เพลงรางวัลชีวิต........บรรเลง
พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนเรื่องเวรกรรม คนไหนใครทำ กรรมเคยก่อเอาไว้อย่างไร ก่อนนั้น เคยทำกรรมไว้ชาติใด ชาตินี้ต้องได้ รับกรรมที่ทำก่อนนั้น ตัวฉันคงทำ แต่กรรมซ้ำอยู่เสมอ ชาตินี้จึงเจอ เวรกรรมเก่าเข้าย้อนผูกพัน ปวดร้าว ตรอมตรมขื่นขมอนันต์ ทำดีสารพัน รางวัลที่ได้ก็คือเคราะห์กรรม โธ่เอ๋ย พระเจ้าไม่เคยปราณี ในชาตินี้ ทำดีไม่เคยก่อกรรม หวังให้ ผลบุญได้น้อมนำ ล้างเวรที่เคยทำ แต่ชาติปางก่อน สิบนิ้วประณม สวดมนต์พร่ำบ่นบูชา กุศลทำมา จงนำข้าสิ้นเวรดั่งวอน หากแม้น ชีวีสิ้นลับดับมรณ์ เวรกรรม ทุกชาติก่อน บรรเทาผันผ่อน อย่าตามซ้ำเลย
พบกันใหม่ค่ะ ครูแอ๊ว
Create Date : 01 มกราคม 2552 |
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2554 3:12:19 น. |
|
41 comments
|
Counter : 11029 Pageviews. |
|
|
มีความสุขมากมากนะจ๊ะ