ลูกจ้างพึงระวัง นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้าง โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใด ๆ ได้ทันทีเมื่อ...............
ตามกฎหมายพระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2551 ได้กำหนดเรื่องการที่นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยไว้อย่างชัดเจนในมาตรา 119 ซึ่งบทบัญญตินี้เป็นข้อยกเว้นให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างตามที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นบทบัญญัติที่สำคัญมากที่นายจ้างจะนำมาอ้างในการใช้สิทธิต่อสู้ในศาลแรงงาน ดังนั้นกฎหมายจึงกำหนดให้นายจ้างต้องระบุเหตุผลของการเลิกจ้างให้ชัดเจนในหนังสือเลิกจ้างหากไม่ระบุไว้หรือระบุคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง นายจ้างก็จะยกเอาเหตุดังกล่าวมาอ้างเพื่อไม่จ่ายค่าชดเชยไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น นายจ้างสืบทราบว่าลูกจ้างยักยอกเงินบริษัท แต่สามารถตกลงกับลูกจ้างได้โดยให้ลูกจ้างนำเงินมาคืน หลังจากลูกจ้างคืนเงินทั้งหมดแล้วนายจ้างออกหนังสือเลิกจ้างโดยอ้างเหตุว่า ลูกจ้างบกพร่องต่อหน้าที่ โดยไม่ระบุถึงเหตุแห่งการทุจริตต่อหน้าที่หรือ การจงใจกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง เช่นนี้แล้วลูกจ้างก็ฟ้องเรียกค่าชดเชยได้ ดังนั้นเราก็ควรจะมาศึกษาก่อนเลยครับว่าข้อยกเว้นนั้นมีกำหนดไว้อย่างไรบ้าง กฎหมายพระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้ (1) ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง (2) จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย (3) ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง (4) ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้วเว้นแต่กรณีที่ร้ายแรงนายจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือน หนังสือเตือนให้มีผลบังคับได้ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ลูกจ้างได้กระทำผิด (5) ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุอันสมควร (6) ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ มาตรา 119 (1) การกระทำทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง การกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ หมายถึง การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายโดยอาศัยโอกาสที่ได้จากการปฏิบัตงานในตำแหน่งหน้าที่ของตนเป็นเหตุให้ลูกจ้างได้รับประโยชน์ในลักษณะทรัพย์สินหรือนายจ้างได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะกระทำเพื่อตนเองหรือเพื่อผลประโยชน์ของบุคคลอื่น เช่น เบิกเบี้ยเลี้ยงทั้งที่ไม่ได้ไปทำงาน ตจว. จริง , เรียกรับเงินจากผู้สมัครงานเพื่อคัดลือกให้เข้ามาทำงานที่บริษัท, เอาทรัพยากรของนายจ้างไปใช้เพื่อการส่วนตัว กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง หมายถึง ลูกจ้างได้กระทำความผิดตามที่ประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่นที่มีโทษทางอาญาโดยเจตนากระทำต่อนายจ้าง หรือต่อกิจการของนายจ้าง ไม่ว่าจะทำด้วยตนเอง หรือ ใช้ให้ผู้อื่นกระทำ หรือ แม้แต่จะสนับสนุนการกระทำความผิดนั้นก็ตาม เช่น ลาป่วยแล้วทำใบรับรองแพทย์ปลอมมาให้นายจ้าง, ลักทรัพย์หรือจงใจทำลายทรัพย์สินของนายจ้างนายจ้าง, ดูหมิ่นหรือทำร้ายร่างกายนายจ้างหรือตัวแทนนายจ้าง , ยักยอกเงินบริษัท มาตรา 119 (2) จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย หมายถึงการกระทำใด ๆ ที่ลูกจ้างประสงค์จะให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้างโดยตรงไม่ว่าจะเสียหายแก่ทรัพย์สินหรือชื่อเสียงของนายจ้าง ซึ่งการกระทำโดยจงใจให้นายจ้างได้รับเสียหายนั้นมักจะเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดทางอาญาตามข้อ (1) ด้วย แม้ว่าบางครั้งลูกจ้างเองอาจไม่ทันคิดว่าการกระทำของตนเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายแต่ก็มีหลายกรณีที่ศาลตัดสินให้ลูกจ้างไม่ได้รับค่าชดเชยเพราะเหตุที่ลูกจ้างจงใจทำให้นายจ้างเสียหาย เช่น สั่งให้ลูกน้องตัวเองละทิ้งงานหรือชะลองาน , ให้ลูกน้องตัวเองขายแอมเวย์ ขายประกัน ขายเครื่องสำอางค์ให้เพื่อการส่วนตัว, ทำลายข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ทำลายข้อมูลเอกสารของบริษัทโดยไม่มีอำนาจ, ทำลายชื่อเสียงของบริษัท การกระทำพวกนี้ถือเป็นความผิดตาม ม.119 ซึ่งนายจ้างสามารถเลิกจ้างได้ทันที โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
Free TextEditor
Create Date : 01 มิถุนายน 2552 | | |
Last Update : 1 มิถุนายน 2552 10:58:57 น. |
Counter : 7107 Pageviews. |
| |
|
|
|