space
space
space
 
พฤษภาคม 2559
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
space
space
17 พฤษภาคม 2559
space
space
space

7 อาหารที่ทำให้ท้องอืด






7 อาหารที่ทำให้ท้องอืด ทานให้พอเหมาะ ลาขาดอาการอึดอัด

              ท้องอืด อาการนี้อาจไม่ได้เกิดจากการกินมากไป แต่อาจเป็นเพราะอาหารที่คุณทานเข้าไปนั่นล่ะเป็นสาเหตุ

             ใครที่เคยเจออาการท้องอืดก็คงจะพอจะรู้ว่าน่าอึดอัดขนาดไหน จะทำอะไรก็ไม่สะดวกเป็นเพราะมีลมที่อยู่ในช่องท้อง ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะโทษว่าการที่กินอาหารมากเกินไปเป็นสาเหตุที่ทำให้ท้องอืด ทว่าจริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องกินเยอะก็ทำให้ท้องอืดได้เหมือนกัน ไปดูกันด้วยว่าอาหารชนิดไหนบ้างที่ทำให้ท้องอืด จะได้เลี่ยง ๆ กันได้ถูก ไม่ต้องมานั่งทรมานกับอาการท้องอืดกันอีกต่อไป

              งานวิจัยล่าสุดจาก International Journal of Clinical Practice พบว่า ท้องอืดเกิดจากการกินอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตซึ่งมีการดูดซึมในลำไส้น้อย และมักอุดมไปด้วยน้ำตาลธรรมชาติสูง หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า "FODMAPs" (Fermentable Oligo-Di-Monosaccharide and Polyols)

              โดย ผศ. ดร.Julia Greer แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Pittsburgh ประเทศสหรัฐอเมริกา อธิบายว่าอาหารในกลุ่ม FODMAPs นั้น จะถูกดูดซึมในลำไส้เล็กได้เพียงเล็กน้อย บางครั้งก็ย่อยไม่หมดจนเกิดการหมักโดยเชื้อจุลินทรีย์ในทางเดินอาหาร ทำให้เกิดแก๊สขึ้นในลำไส้ใหญ่และส่งผลให้รู้สึกท้องอืด ส่วนวิธีบรรเทาอาการ ดร.Greer แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าเพื่อช่วยขับแก๊ส แต่หากมีอาการแน่นท้องอยู่บ่อย ๆ อาจต้องเลี่ยงอาหารบางชนิดที่ก่อให้เกิดอาการไม่สบายท้องดังต่อไปนี้



1.โยเกิร์ต

จริงอยู่ที่โยเกิร์ตนั้นมีเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย แต่โยเกิร์ตบางชนิดก็ส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะโยเกิร์ตคือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม โดยจัดอยู่ในกลุ่มของนมเปรี้ยวที่ได้จากการหมัก และอุดมด้วยน้ำตาลแล็กโทส (น้ำตาลที่พบในน้ำนม) ทำให้เกิดการหมักอยู่ในลำไส้กลายเป็นฟองแก๊ส จึงรู้สึกเหมือนมีลมและปั่นป่วนอยู่ภายในท้อง ดร.Greer แนะนำให้กินกรีกโยเกิร์ตรส ธรรมชาติ (Plain Greek Yogurt) ซึ่งมีน้ำตาลเพียง 12 กรัมและให้โปรตีนสูง ถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ส่วนโยเกิร์ตที่ปราศจากไขมันหรือแบบไขมันต่ำอาจมีน้ำตาลสูงถึง 30 กรัม ซึ่งจะทำให้เกิดแก๊สในท้องมากยิ่งขึ้น



2. ผักตระกูลกะหล่ำ 

กะหล่ำปลี, บรอกโคลี และกะหล่ำดอก ซึ่งมีคาร์โบไฮเดรตประเภทที่เรียกว่าแรฟฟิโนส (Raffinose) ซึ่งเป็นน้ำตาลที่พบมากในธรรมชาติประกอบด้วยน้ำตาล 3 ชนิดคือ ฟรักโทส กลูโคส และกาแลกโทส ตามปกติแล้วร่างกายจะไม่สามารถย่อยน้ำตาลชนิดนี้ได้ในระบบทางเดินอาหารจนกว่าผักเหล่านี้จะถูกลำเลียงไปยังลำไส้ใหญ่ ซึ่งจะถูกย่อยให้เล็กลงจากแบคทีเรียที่อยู่ในนั้น แต่กว่าจะย่อยได้หมด กากอาหารจากผักจะเกิดการหมักหมมจนกลายเป็นแก๊ส ดร.Greer จึงแนะวิธีที่จะช่วยให้ร่างกายย่อยผักกะหล่ำได้ง่ายขึ้น คือนำไปอบหรือย่างให้สุกก่อนกินนั่นเอง



3. ถั่ว 

ถั่ว จัดเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยให้เป็นน้ำตาลได้ยาก (Resistant Starch) หรือพูดง่าย ๆ คือเป็นเส้นใยอาหารที่ไม่สามารถย่อยได้ตามธรรมชาติ หรือไม่ถูกดูดซึมได้ในลำไส้เล็ก ส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด โดยทั่วไปมักพบในประเภทถั่วเปลือกแข็งทั้งหลาย สำหรับวิธีรับประทานถั่วอย่างมีความสุขนั้น ดร.Greer บอกให้นำถั่วเปลือกแข็งแช่น้ำไว้ค้างคืน ความชุ่มฉ่ำจากน้ำจะช่วยให้ถั่วอ่อนนิ่มและยับยั้งคาร์โบไฮเดรตได้บางส่วน ทำให้ลดอาการท้องอืดที่อาจเกิดขึ้นได้



4. หัวหอมใหญ่ 

ฟรุกแทน (Fructan) เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่พบในหัวหอมใหญ่ ซึ่งมักเป็นปัญหาต่อช่องท้องของเรา เนื่องจากพืชผักตระกูลหอม ไม่ว่าจะเป็นต้นหอม หัวหอมแดง และหัวหอมใหญ่ มักดูดซึมในลำไส้ได้น้อย และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำในลำไส้ ส่งผลให้เกิดแก๊สและท้องอืดตามมา




5. แตงโม 

ผลไม้ที่ให้ความหวานตามธรรมชาติชนิดนี้อุดมไปด้วยน้ำตาลฟรักโทสในระดับสูงมาก โดย ดร.Greer ระบุว่า ประมาณ 30-40% ของผู้ที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมฟรักโทสได้อย่างเต็มที่นั้นจะนำไปสู่อาการท้องอืด บางครั้งอาจมีอาหารท้องเสียร่วมด้วย



6. สารให้ความหวานสังเคราะห์ 

สารให้ความหวานอย่างซอร์บิทอล และไซลิทอลถือเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ (Sugar Alcohol) ส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นส่วนประกอบในหมากฝรั่ง ซึ่งน้ำตาลแอลกอฮอล์เหล่านี้จะมีการดูดซึมในลำไส้เล็กได้ค่อนข้างช้า จึงอาจเป็นสาเหตุให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ท้องอืด แน่นท้อง และอาจท้องเสียได้




7. ธัญพืช

                  ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ และข้าวโพดต่างก็มีส่วนประกอบของฟรุกแทน ซึ่งไม่สามารถย่อยได้เองตามธรรมชาติ และโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน (คือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบการย่อยทางพันธุกรรม เกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับกลูเตนซึ่งไม่สามารถย่อยได้ในลำไส้เล็ก ทำให้เกิดอาการคล้ายกับแพ้นม) การกินธัญพืชเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุให้เกิดการทำลายเยื่อบุของลำไส้เล็กและเกิดแก๊สขึ้นในท้อง บางคนอาจมีอาการท้องเสีย หรือท้องผูกร่วมด้วย แต่ถึงแม้จะไม่มีอาการแพ้กลูเตนเลยก็ตาม เส้นใยจากพืชที่ไม่ละลายน้ำชนิดนี้จะถูกหมักโดยเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่ ซึ่งนำไปสู่การเกิดแก๊สเป็นจำนวนมหาศาลอยู่ดี



รับทราบแล้วก็พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน โดยทานให้ปริมาณที่พอเหมาะ รับรองคุณจะพบว่าอาการท้องอืดเหมือนมีลมเต็มท้องลดน้อยลงโดยไม่ต้องพึ่งยาแก้ท้องอืด หรือยาขับลมอีกต่อไป










ที่มา //health.kapook.com/view135938.html



Create Date : 17 พฤษภาคม 2559
Last Update : 17 พฤษภาคม 2559 10:36:05 น. 1 comments
Counter : 492 Pageviews.

 
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาทักทาย สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: nokyungnakaa วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:16:24:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 3182947
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]










space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 3182947's blog to your web]
space
space
space
space
space