รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มกราคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 มกราคม 2559
 
All Blogs
 
นิพพาน มีอยู่จริงหรือไม่

นิพพาน เป็นสภาวะของจิตใจ สภาวะนี้มีอยู่จริง สัมผัสได้ด้วยตัวจิตเอง
ไม่อาจสัมผัสได้ด้วยระบบประสาทอื่นๆ ของร่างกาย กล่าวคือ
ตามองไม่เห็น หูไม่ได้ยิน ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส กายรู้สีกถีงไม่ได้
มีแต่จิตเท่านั้น จึงจะสัมผัสได้

ผมเคยเขียนเรื่อง น๊อคน้ำเย็น ตามนี้
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=01-2016&date=10&group=17&gblog=135

เมื่อระบบประสาทสัมผัสกับสิ่งใด ตำราเรียกว่า ผัสสะ
พอมี ผัสสะ เกิด ผลคือ เกิดการปรุงแต่ง ถ้าการผัสสะแรงพอ และไม่ปรุงแต่ง ถ้าผัสสะไม่แรงพอ ยกตัวอย่าง เช่น กำลังรอรถเมล์อยู่ หนุ่มเห็นสาวสวยหุ่นดี แต่งตัวสวยเดินมา ตาเห็น ใจก็ปรุงแต่ง อ้าว.... สวยจริงแฮะ นีคือ ปรุงแต่ง ( แต่ในแง่ภาวนา การปรุงแต่ง ไม่เลวร้าย ถ้ารุ้ได้เร็วว่าปรุงแต่งเกิดแล้ว ) อย่างนี้ คือ ผัสสะแรง
ทีนี้ ตาก็มองรถเมล์ แต่ถนนมีรถมากมาย เขาเห็นรถเก๋งคันแล้วคันเล่าผ่านตาไป แต่ใจก็เฉย ๆ ทีเห็นรถเก๋งแล่นผ่าน จิตไม่ปรุงแต่ง เพราะใจเฉยๆ อย่างนี้ คือ ผัสสะไม่แรง การปรุงแต่งไม่เกิดขึ้น

ในคนทั่วๆ ไป ถึงผัสสะไม่แรงก็จริง การปรุงแต่งไม่เกิด แต่จิตไร้คุณภาพ ไร้พลังการรับรู้ เขาจะไม่รู้เลยว่า ใจเขาไม่ปรุงแต่ง นอกจากว่าจะจงใจมาสังเกตทีใจของตนเอง
อย่างนี้ คือ คนไม่มีพลังจิต ยังไม่เกิดสัมมาญาณ แต่นักภาวนาทีมีพลังจิต มีสัมมาญาณ ใจไม่ปรุงแต่ง เขาจะรู้ว่า ใจไม่ปรุงแต่งโดยทีไม่ต้องมาจงใจสังเกตดูทีใจ การรู้ว่าใจไม่ปรุงต่งทีรู้ได้เองแบบนี้ นี่คือ ใจสงบ ใจไม่มีทุกข์ นีคือ นิพพาน
หมายเหตุ ถ้ายังจงใจทีจะสังเกต ตอนจงใจนั้นแหละ ใจไม่สงบแล้วครับ

ถ้าอย่างนี้ ท่านอ่านมาก็อาจสงสัยว่า ถ้าอย่างนี้ นิพพาน ก็ไม่เที่ยงซิ
เพราะเดียวใจสงบเป็นนิพพาน เดียวใจไม่สงบ ไม่เป็นนิพพาน
เรื่องนี้ เฉลยได้อย่างนี้ครับ....

ก่อนอื่น ต้องเข้าใจคำว่า ไม่เที่ยงก่อนว่าเป็นอย่างไร
ไม่เที่ยง คือ ตัวมันเองทีเปลี่ยนแปลงครับ
เช่น พอมีอารมณ์ร้อนเกิดขึ้น ไม่นาน อารมณ์ก็หายไป
ถ้าใครมีสัมมาสติดีพอ เขาจะเห็นได้เลยว่า พอมีอารมณ์เกิด จะมีพลังงานวูบขึ้นมา
พลังงานนี้แหละเปลี่ยนแปลงไปมาได้ พลังงานนี้จึงไม่เที่ยง
แต่สภาวะของนิพพาน ไม่มีพลังงาน ไม่มีอะไรเลย มันว่างเปล่า
เมื่อตัวมันไม่มีอะไร มันก็คือ ไม่มีอะไรทีเปลี่ยนแปลงได้ในตัวมันเอง
เห็นความแตกต่างไหมครับ ระหว่าง นิพพาน และ สิ่งทีไม่ใช่นิพพาน
ผมจะยกตัวอย่างทางโลกประกอบ

สมมุติว่า ท่านเอาเงินไปฝากธนาคาร 1000 บาท ท่านไปถอนเงินออกมา
จำนวนเงินก็เปลี่ยนแปลง ถ้าท่านไม่ถอนเงิน ดอกเบี้ยมันก็งอกขึ้นมาเองทุกวัน
จำนวนเงินก็เปลี่ยนแปลง นีคือ การเปลี่ยนแปลง ตัวเงินทีไม่เที่ยง
ทีนี้ ท่านไปปิดปัญชี ไม่ให้มีบัญชีอีก บัญชีว่างเปล่า ไม่มีแล้ว
ทีนี้ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอีก เพราะไม่มีบัญขีอีก

เรื่องนิพพาน เข้าใจได้ยาก เพราะ สิ่งนี้คนทั่วไปสัมผัสไม่ได้ เพราะไม่มี สัมมาญาณ
คนทีไม่เคยรู้จักนิพพาน ไม่เคยเห็น ก็มักไปตามความเข้าใจของตน
จากทีอ่านตำรามา ตีความจากอารอ่านแล้วคิดเอาเองว่า นิพพานต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้
ซึ่งไม่มีทางตีความได้ตรงในสิ่งทีตนเองไม่เคยพบมาก่อน
พอคิดเองอย่างนี้ ก็ฝังใจ ทำให้ยิ่งห่างไกลนิพพานมากขึ้นไปอีก


กิจกรรมครั้งที 10 ผมอธิบายว่า การฝีกฝนก็คือ การฝีกให้จิตเบอร์ 2 ให้มีพลังตั้งมั่น
จิตทีตั้งมั่นได้ จะมีสัมมาญาณ แล้วจะรู้จักความว่างเปล่าของนิพพานได้ และพบกับความสงบของความว่างเปล่านั้นได้ เมื่อจิตตั้งมั่นได้เองด้วยสัมมาสมาธิ และพร้อมด้วยสัมมาญาณแบบนี้ เขาก็สัมผัสได้เองถีงความว่างเปล่า ความสงบ แห่งนิพพานได้ด้วยเหตุนี้

ในพระไตรปิฏก สมาธิสุตร กล่าวโดยย่อได้ว่า
เมื่อฝนฝนสมาธิจนมีจิตตั้งมั่น จักพบเห็นธรรมตามความเป็นจริง


Create Date : 28 มกราคม 2559
Last Update : 28 มกราคม 2559 5:23:38 น. 0 comments
Counter : 1569 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.