รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
21 ตุลาคม 2557
 
All Blogs
 
วิธีทำลายกระแสวิญญาณ

บทความนี้ ไม่ใช่สำหรับมือใหม่ แต่สำหรับนักภาวนาทีผ่านการภาวนาแล้วมีญาณเห็นกระแสวิญญานได้แล้วเท่านั้น

*************************
กระแสวิญญาน (ใน blog ผมจะเรียกสิ่งนี้ว่า มโน ) เป็นพลังงานทีตัวจิตปล่อยออกมา
เพื่อเป็นแดนเกิดของขันธ์ต่อไป ดังนั้น มโน คือ บ้านสำหรับขันธ์ ถ้าไม่มี มโน ก็ไม่มีบ้านสำหรับขันธ์ เมื่อไม่มีบ้าน ขันธ์ ก็เกิดไม่ได้

นักภาวนาทีผ่านการภาวนามาแล้วอย่างโชกโชนและถูกต้องตามองค์มรรคโดยใช้หลักการของอริยสัจจ์ 4 เป็นแม่บทในการภาวนา

เมื่อผ่านการภาวนามาได้ จิตแยกตัวออกเป็นรูปนาม จิต *เห็น* รูปนามเกิดดับเป็นไตรลักษณ์ได้ นี่คือ ปัญญาขั้นต้นของการภาวนา

เมื่อนักภาวนาผ่านปัญญาขั้นต้นมาได้แล้ว ปัญญาลำดับต่อไปของนักภาวนา คือ นักภาวนาจะพบกับกระแสวิญญาณ หรือ ทีใน blog ผมเรียกว่า มโน

ผมสมมุติว่า ท่านนักภาวนาสามารถพบกับกระแสวิญญาณหรือ มโน ได้แล้ว
เมื่อพบได้แล้ว ก็จะรู้จักมันได้แล้ว

มาดูวิธีการทำลายกระแสวิญญาณตัวนี้กัน

1..ท่านนักภาวนาทีพบ มโน ได้แล้ว และมีวิชาเคลื่อนจิตเป็นแล้ว (ท่านนักภาวนาทีภาวนามา จะสามารถมีวิชาเคลื่อนจิตได้เอง อย่าได้ไปถามใครว่า เคลื่อนอย่างไร คนทีเคลื่อนเป็น ก็อธิบายให้คนไม่รู้ไม่ได้ ดังนั้น ท่านต้องเป็นเอง )

ถ้านักภาวนาเคลื่อน มโน ให้หดกลับลีกเข้าไปในกาย จะพบว่า พลังงาน มโน มันจะหายไปเหมือนไม่มี แต่ความเป็นจริง มันเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ต่างหาก มันไม่ได้หายไปไหน
แต่มันเคลื่อนกลับไปอีกด้านของกาย เหมือนตัวคลื่นน้ำ คลื่นส่วนทีสูงขึ้นมาคือ มโน แต่คลื่นทีจมลีกลงไป นั่นคือ อีกด้านหนี่งของกาย
การทำอย่างนี้ ไม่สามารถสลาย มโน ได้ แต่นักภาวนาทีไม่เข้าใจ จะเข้าใจว่าได้และใช้แล้ว แต่จริงๆ ยังไม่ใช่ครับ เพราะเมื่อ มโน ถูกย้ายเข้าในกาย นี่เป็นการจงใจกระทำ
จิตผู้รู้จะเด่นขึ้นมาเพราะมีความจงใจนั้นเกิดขึ้น
นักภาวนาจำนวนมาก ตกม้าตายทีตรงนี้ พอไปเคลื่อน มโน เข้า ก็คิดว่า ตนได้สำเร็จชั้นสูงสุดของการภาวนาแล้ว

การหัดเคลื่อนย้าย มโน ไปอีกด้านหนี่งของกาย เป็นสมถะครับ ทำเล่นได้ เพื่อความสงบของจิต และเพิ่มพลังจิต ถ้ามีเวลาว่าง ก็ทำเล่นไปเพลิน ๆ สนุกดีเหมือนกัน

2..ในการทำลาย มโน นั้น สิ่งทีท่านนักภาวนาต้องทำ ก็คือ การกระโจนเข้าไปในทางโลก แล้วให้ทุกข์ใจมันเกิดขึ้นบ่อยๆ นักภาวนาในระดับนี้จะเห็นพลังงานของทุกข์ใจได้แล้ว การเห็นพลังงานของทุกข์ใจบ่อยๆ นี่แหละ จะทำให้เกิด นิพพิทา ขึ้นมา เป็นความเบื่อหน่ายในกองสังขารทีปรุงแต่งขึ้นมา ท่านนักภาวนาต้องทำ นิพพิทา ให้เกิดก่อนดังทีเขียนไว้นี้
ช่วงระยะเวลาตรงนี้ ไม่อาจคาดการณ์ได้ว่า จะต้องใช้กี่วัน กี่เดือน หรือ กี่ปี
เป็นว่า ให้เห็นทุกข์ทีเป็นสังขารปรุงแต่งไปเรื่อยๆ ให้มาก ๆ ก็แล้วกัน แล้วนิพพิทาจะเกิดเอง

3..เมื่อนักภาวนาเกิดนิพพิทา ได้แล้ว ต่อไปก็คือ ให้จิตเห็นนิพพิทานั้นแหละ
จิตทีเห็น นิพพิทา จะรู้สีกทุกข์ขึ้นมาได้เอง มันเป็นความทุกข์ทีจิตมันปรุงแต่งขึ้นมา
จากนั้น ให้ท่านนักภาวนารู้ทุกข์นิพพิทาไปเรื่อยๆ การรู้ทุกข์ของนิพพิทา ข้อดีคือ
พลังงานจิตจะเพิ่มมาขึ้น เพราะนิพพิทา เวลามันเกิดแล้ว จิตเห็นแล้ว มันไม่ดับสลายสักที
แต่มันจะทุกข์ค้างไว้เหมือนปุถุชนที่เป็นทุกข์ ต่างกันทีว่า นักภาวนาทีได้ นิพพิทา จะเห็นทุกข์ แต่ปุถุชนทั่วไป จะไม่เห็นทุกข์ เวลานิพพิทานี้เกิดอยู่ ท่านนักภาวนาจะเหมือนตกนรกทั้งเป็น แต่ต้องอดทนเอา ยิ่งอยากให้นิพพิทา หายไป ยิ่งทุกข์หนักมากขึ้นไปอีก สู้เฉย ๆ ดูนิพพิทา ไปเรื่อยๆ จะดีกว่า

4..เมื่อจิตเห็นนิพพิทา แล้วกำลังจิตตั้งมั่นมากขึ้นไปเรื่อยๆ จิตจะพบกับความสว่างทีปลายอุโมงค์ทีมันโผล่ขึ้นมาได้เอง ตรงนี้ จิตจะต้องพบเอง ความสว่างนี้จะทำลายนิพพิทาให้มอดลงไป
เมื่อนิพพิทา มอดลงไปแล้ว จิตจะพบกับความแตกต่างอย่างมากระหว่างการมีทุกข์ตอนทีเกิดนิพพิทา และ การไม่มีทุกข์ตอนทีนิพพิทา ดับมอดลงไป ความแตกต่างอย่างสุดขั้วนี้จะเหมือนกับท่านเดินออกจากโรงหนังใหม่ๆ ตายังปรับแสงไม่ได้ ในโรงหนังมืดมาก พอมานอกโรงหนัง แสงจะสว่างจ้ามาก

สิ่งทีนักภาวนาพบตอนทีหลุดออกจาก นิพพิทา คือ อาการของจิตทีไม่มีทุกข์
ท่านนักภาวนาได้สัมผัสได้แล้วว่า จิตทีไม่มีทุกข์นั้นเป็นอย่างไร

นิพพิทา นั้นจะเกิดขึ้นหลายครั้งด้วยกัน และทุกครั้งทีหลุดออก จิตก็จะพบกับอาการทีไม่ทุกข์เสมอ แล้วกำลังจิตก็จะเพิ่มขึ้นทุกครั้งทีหลุดออก
แต่นักภาวนาทีขาดการชี้แนะ จะไม่รู้ว่า
เมื่อพบอาการแห่งการไม่ทุกข์เกิดแล้ว ให้จดจำอาการทีไม่ทุกข์นี้ไว้ จำให้แม่น ๆ พิจารณาอาการไม่ทุกข์ให้มาก ๆ

5..เมื่อนักภาวนารู้จักอาการของจิตไม่มีทุกข์ตอนทีหลุด นิพพิทา ได้ใหม่ๆ
ไม่นานนัก อาการของจิตทีไม่มีทุกข์ นี่จะหายไปอีก ขอให้นักภาวนาฝีกฝนต่อไป
ด้วยกฏ 3 ข้อทีผมเคยให้ไว้ ฝีกไปเรื่อยๆ พอจังหวะเวลาดีๆ จิตจะไปพบกับอาการของความสงบของจิตทีมันจะโผล่มาเอง

อาการความสงบของจิต จะไม่เหมือนกับ อาการที่ไม่ทุกข์ของนิพพิทา
เป็นความไม่เหมือนทีอธิบายได้ยาก ท่านนักภาวนาจะเข้าใจเอง เมื่อพบได้เอง

ผมให้ข้อสังเกตครับว่า ความสงบของจิตทีพบได้นี้ ต้องไม่มีการจงใจกระทำใด ๆ เลย
ถ้ายังจงใจกระทำเพื่อให้เกิดความสงบของจิต นั่้นไม่ใช่ความสงบทีเกิดจากการทำลายกระแสวิญญาณ แต่เป็นความสงบขององค์สมาธิ ซี่งคนละอย่างกัน

6..เมื่อท่านนักภาวนารู้จักอาการความสงบของจิตได้แล้ว ต่อไปก็คือ หมั่นฝีกต่อไปด้วยกฏ 3 ข้อนั่นแหละ แต่ทีนี้ ความสงบของจิตจะโผล่มาง่ายแล้ว จะโผล่มาบ่อยๆ ด้วย นักภาวนายิ่งฝีกไป จิตจะมีการพัฒนาตัวเองให้ชำนาญขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อชำนาญ
เวลาอยู่ในชีวิตประจำวันก็รู้สีกได้ถีงความสงบของจิตได้เอง ยิ่งชำนาญ ยิ่งรู้สีกได้อย่างต่อเนื่องแทบไม่หายไปเลย
หมายเหตุ แต่ถ้าท่านนักภาวนาคิดงานทีเป็นการคิดหนัก ๆ ความสงบของจิตนี้จะไม่ปรากฏออกมา เพราะการคิดงานหนัก ๆ เป็นการใช้จิตทำงาน ความสงบย่อมไม่ปรากฏในตอนนั้น

*******************************
เมื่อจงใจมีการกระทำ ก็ยังไม่ใช่

แต่ต้องไม่มีความจงใจ แล้ว สิ่งนั้นมันเกิดเอง
สัมผัสได้เอง โดยไม่ต้องไปจ้องหาแต่อย่างใด
นี่คือ ใช่แล้ว
********************************
เรื่องท้ายบท
ในพระไตรปิฏกเถรวาท ตอนทีเจ้าชายทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ได้อุทานออกมาดังนี้ว่า

เราแสวงหานายช่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่ประสบ จึงได้ท่องเที่ยว
ไปสู่สงสาร มีชาติเป็นอเนก ความเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์๑-
แน่ะนายช่างผู้ทำเรือน เราพบท่านแล้ว, ท่านจะทำเรือน
อีกไม่ได้, ซี่โครงทุกซี่๒- ของท่านเราหักเสียแล้ว
ยอดเรือน เราก็รื้อเสียแล้ว, จิตของเราถึงธรรมปราศจากเครื่อง
ปรุงแต่งแล้ว, เพราะเราบรรลุธรรมที่สิ้นตัณหาแล้ว.
อ้างอิง //www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=21&p=8

การทำเรื่อนอีกไม่ได้ คือ การสิ้นไปของกระแสวิญญาณ





Create Date : 21 ตุลาคม 2557
Last Update : 21 ตุลาคม 2557 18:35:11 น. 0 comments
Counter : 1853 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.