สวัสดีครับเพื่อนชาว Top of living ทุกท่าน วันนี้อากาศสดใส ทำให้ผมนึกถึงวันดีๆ ในอนาคต วันของครอบครัว และคนที่คิดอยากจะมีบ้านหลังแรก…

สิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญของคนที่อยากจะมีบ้านหลังแรกก็คือ “สินเชื่อที่อยู่อาศัย” หรือ เงินกู้ซื้อบ้าน ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นปัจจัยที่มองข้ามไม่ได้เลยทีเดียว เพราะคงมีน้อยท่านที่จะถือเงินสดไปซื้อบ้านซักหลัง บางคนอาจมีเงินสดๆ จริง แต่อยากนำเงินไปลงทุน หรือทำธุรกิจให้งอกเงยเพิ่มขึ้น แทนที่จะนำมาซื้อบ้านก้อนใหญ่ทีเดียว เราลองมาดู “เคล็ดลับการกู้เงินซื้อบ้าน” ดังต่อไปนี้ครับ

ปัจจุบันการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินนั้นดูเหมือนจะเข้มงวดขึ้นกว่าในอดีต คนที่อยากจะซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงๆ นั้นควรมีเงินออมในระดับหนึ่ง เพราะสถาบันการเงินหรือ แบ็งค์อาจไม่ปล่อยเงินกู้เต็มร้อย โดยปกติแล้วจะให้สินเชื่ออยู่ประมาณ 70-90% ส่วนต่างที่เหลือจึงจำเป็นที่ผู้ซื้อบ้านต้องนำเงินออมออกมาใช้ แต่ต้องเผื่อเหลือค่าใช้จ่ายหลังจากที่เราเข้าอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น ค่าตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น และค่าใช้จ่ายจิปาถะด้วยนะครับ

ข้อแนะนำ

–          สำหรับคนที่มีรายได้น้อย ควรเลือกผ่อนระยะเวลาให้นานขึ้น เช่น 20-30 ปี เนื่องจากจะทำให้ค่างวดการผ่อนแต่ละเดือนลดลง ไม่เป็นภาระระหว่างทางในการผ่อนชำระบ้านครับ

–          โดยทั่วไปแล้วธนาคารมักให้วงเงินกู้ประมาณ 30-90 เท่าของรายได้ อาจลดหลั่นมากน้อยตามกลุ่มอาชีพ ผู้ซื้อบ้านอย่างเราควรวางแผนก่อนขอสินเชื่ออย่างรอบคอบที่สุด

–          ธนาคารมักกำหนดเงินงวดต่อเดือนประมาณ 25-30% ของรายได้ผู้กู้ ยกตัวอย่างเช่น มีเงินเดือนสองหมื่นบาท ควรมีค่างวดในการผ่อนชำระ5-6 พันบาทต่อเดือน

การพิจารณาสินเชื่อของธนาคาร

สำหรับการพิจารณาเงินกู้ของสถาบันการเงินในแต่ละแห่งอาจใช้เวลาเร็วช้าแตกต่างกันครับ แต่โดยทั่วไปแล้วการยื่นกู้ไปจนถึงการอนุมัติเงินกู้นั้นจะใช้เวลาประมาณ 20-30 วันทำการ โดยมีขั้นต่อพิจารณาไม่แตกต่างกันมากนัก ผู้กู้ต้องติดต่อขอแบบฟอร์ม และยื่นความจำนงพร้อมเตรียมหลักฐานให้ครบ จากนั้นสถาบันการเงินจะทำการประเมินราคาและกำหนดวงเงินครับ

หลักประกัน

สถาบันการเงินจะทำการสำรวจและประเมินราคาบ้านและที่ดินที่จะนำมาเป็นหลักประกัน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-5 วัน จากนั้นจะพิจารณาคำขอกู้โดยวิเคราะห์รายได้และหลักประกันของผู้กู้ รวมทั้งปัจจัยอื่นๆและจะแจ้งผลการขอกู้ทรัพย์ที่ผู้กู้นำมาเป็นหลักประกัน ในกรณีที่ผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ก็สามารถบังคับเอาจากหลักประกันได้

วงเงินกู้และระยะเวลาที่ขอกู้

เมื่อผู้ซื้อบ้านคิดจะกู้เงินมักคิดตั้งคำถามกับตนเองเสมอว่าจะกู้ในระยะเวลานานแค่ไหน ซึ่งโดยทั่วไปธนาคารจะให้กู้ตั้งแต่ 5-30 ปี การตัดสินใจตรงนี้จะขึ้นอยู่กับวงเงินกู้ และความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้ของผู้กู้ เพราะหากผู้กู้ต้องการวงเงินกู้สูงแต่ความสามารถในการผ่อนชำระค่อนข้างต่ำ จึงจำเป็นต้องขยายเวลาออกไปให้นานที่สุดเป็น 25-30 ปี เพื่อที่จะให้เงินงวดลดลงจนถึงจุดที่สามารถผ่อนชำระได้เพราะในวงเงินกู้เท่ากัน อัตราดอกเบี้ยเท่ากันยิ่งใช้เวลาผ่อนนานมากขึ้น

เงินงวด

โดยทั่วไปวงเงินกู้ที่สถาบันการเงินให้กู้จะอยู่ที่ประมาณ 70-80% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย แต่ในปัจจุบันตลาดมีการแข่งขันสูง สถาบันการเงินทำข้อตกลงกับโครงการจัดสรรหรือโครงการที่ธนาคารให้การสนับสนุนทางด้านการเงิน ธนาคารอาจจะให้วงเงินกู้สูงถึง 90-100% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย ส่วนระยะเวลากู้ธนาคารมักกำหนดระยะเวลากู้นานสูงสุดประมาณ 15-30 ปี (ขึ้นอยู่กับหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกัน) แต่ธนาคารส่วนใหญ่มักกำหนดให้ระยะเวลากู้เมื่อรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65-70 ปี เช่น อายุ 40 ปี จะกู้ได้สูงสุด 30 ปี เป็นต้น

สำหรับผู้กู้ที่มีกำลังผ่อนในปัจจุบันในระยะเวลา 15 ปีหรือ 20 ปี หากคาดการณ์ว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวจะสูงขึ้นจะทำให้มีปัญหาการผ่อนชำระได้ อาจจะขยายระยะเวลากู้เป็น 25-30 ปีก็เป็นได้เพื่อเงินงวดที่ผ่อนต่อเดือนน้อยที่สุด เพราะในภายหลังเมื่อครอบครัวมีรายได้เพิ่มขึ้นก็สามารถชำระเงินงวดเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้เดิมได้ เช่น เดิมผ่อนเดือนละ 8,000 บาท ก็อาจจะเพิ่มเป็นเดือนละ 10,000 บาท หรือมากกว่าก็ได้ซึ่งจะทำให้หนี้เงินกู้หมดเร็วขึ้นครับ

เป็นอย่างไรบ้างครับ ไม่ยุ่งยากเกินไปสำหรับการมีบ้านหลังแรกใช่มั้ยล่ะครับ ค่อยคิด ค่อยทำ ปรึกษาคนข้างๆ ให้มากๆ เพราะบ้านหลังนี้ที่ร่วมกันเป็นเจ้าของครอบครัวจะเป็นบ้านที่แสน “อบอุ่น” ให้กับเราไปอีกนานแสนนาน เป็นกำลังใจให้ครอบครัวใหม่ทุกครอบครัวครับผม

(นายแว่นธรรมดา)