#บันทึกการลงทุน ไล่ล่าหา Yield ในวันที่ไม่เหมือนเดิม
วันนี้เป็นอีกวันที่ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้า ตื่นขึ้นมานั่งทบทวนแนวคิด และผลการลงทุนตลอดระยะเวลาหลายปีในตลาดหุ้นของตัวเอง สิ่งที่ผมพบก็คือ ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม มันเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ และเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ตลาดหุ้นในวันนี้ ไม่เหมือนในอดีต ในสมัยก่อนคนเล่นหุ้นยังมีความรู้ไม่มากนัก บางคนยังสับสนระหว่างหุ้นวัฏจักร กับหุ้นเติบโตอยู่เลย ด้วยประสบการณ์ที่น้อยของคนในตลาด บางครั้งเห็นหุ้นที่กำไรมามากๆ ก็พาลคิดไปว่ามันคือหุ้นเติบโต แต่ที่จริงแล้ว มันคือ กำไรชั่วคราว ที่เกิดจากวัฏจักรขาขึ้นเท่านั้น
ผมทบทวนแนวทางการลงทุนของตัวเอง มองดูหุ้นในพอร์ต หุ้นบางตัวผมถือมาเกือบ 5 ปีแล้วหรือ? แต่หุ้นส่วนใหญ่ที่ผมถือยังคงเป็นช่วงสั้นๆ (หลักเดือน) หุ้นที่ถือเกินหลักปีถือว่าน้อยมาก แต่ตัวที่ถือนานที่สุดก็ยาวนานถึง 5 ปี นับว่ามันเกินครึ่งชีวิตการลงทุนของผมเลยทีเดียว
ไล่ล่าหา Yield ในวันที่ไม่เหมือนเดิม
ในวันที่อะไรๆ เปลี่ยนไป ตลาดหุ้นไปยากขึ้น ผมยังขอแบ่งแนวการลงทุนส่วนตัวออกเป็นสามแบบ อันได้แก่ 1) ลงทุนระยะยาวกับหุ้นเติบโตสิบปี 2) ลงทุนกับหุ้นที่ราคาตกผิดปกติ (ชั่วคราว) และ 3) ลงทุนในหุ้นที่กำลังจะดูดีขึ้น แต่คนในตลาดยังไม่สนใจ
สำหรับแนวการลงทุนข้อแรก ผมทำอยู่ และจะทำต่อไป ด้วยธีม หุ้นโตสิบเท่าในสิบปี ทำให้การลงทุนอย่างแรกนั้นไม่มีอะไรน่ากังวล ถ้าเรามองออกว่าอีกสิบปีกิจการนี้ยังคงอยู่ และจะดีขึ้นกว่าเดิม ก็ไม่ต้องกังวลอะไรให้มากจนเกินไป
ส่วนแนวทางที่สองนั้น ผมคิดว่ามันเสี่ยงที่สุด เพราะหลายครั้งหุ้นที่เราคิดว่ามันผิดปกติชั่วคราว มันกลับกลายเป็นผิดปกติอย่างถาวร หรือถึงขึ้นต้องออกจากตลาดไปก็มี ผมเองพยายามหลีกเลี่ยงแนวทางนี้ แต่แอบยอมรับว่า มีทำบ้างครับ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะพลาดเหมือนคนทั่วๆ ไป
แนวทางสุดท้าย หรือแนวทางที่สาม ผมว่ามันเสี่ยงน้อยที่สุด หรือแทบจะไม่เสี่ยงเลย ถ้าเราทำการบ้านอย่างหนัก ศึกษาหุ้นอย่างดี มันเข้าข่าย Low Risk แต่ High Return แต่ในปัจจุบันเราจะใช้คำว่า High Return ยากขึ้นมากๆ ผมคิดว่าถ้าเราได้ Yield Gap เพียง 20-30%ก็น่าจะพึงพอใจมากๆ แล้วครับ
ลงทุนในหุ้นที่กำลังจะดูดีขึ้น แต่คนในตลาดยังไม่สนใจ
สำหรับแนวทางนี้นักลงทุนต้องขยันมากๆ มองหาหุ้นที่มีแววจะดี แต่คนยังไม่สนใจ ซึ่งบอกตามตรงเป็นอะไรที่ไม่ง่าย เพราะเดี๋ยวนี้คนเก่งขึ้น นักลงทุนฉลาดขึ้นมากๆ แต่ถ้าเราเจอมันจะเข้าข่าย Low Risk แต่ High Return อย่างที่กล่าวไปข้างต้น
วิธีการนี้เปรียบเหมือนเราปีนหน้าผาสูงชัน ที่เราต้องค่อยๆ ปีนขึ้นไปทีละก้าวๆ โดยแต่ละครั้งเราต้องมองหา ซอกหิน เพื่อเอามือของเราไปจับมันไว้ ดึงตัวเราขึ้นไปให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญเราต้องมีอุปกรณ์ Safety ชีวิตของเราไว้ ไม่ให้ตกหน้าผาไปเสียก่อน
การมองหาซอกหินเพื่อปีนขึ้นไป คือการมองหา Yield Gap หรือผลตอบแทนแต่ละครั้ง นั่นคือการที่เราปีนได้สูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากเราเริ่มต้นด้วยเงิน 1 แสนบาท เราต้องการ Yield Gap 30% หมายความว่า ถ้าเราทำได้ผลตอบแทนจะกลายเป็น 1.3 แสนบาท และเรายังคงต้องปีนเขาต่อ ด้วยการมองหา Yield Gap ใหม่ ถ้าทำได้เงินต้นของเราก็จะงอกเงยขึ้นเรื่อยๆ จนถึงยอดภูเขา หรือเป้าที่เราตั้งเอาไว้
สิ่งที่สำคัญก็คือ เราต้องมีอุปกรณ์ Safe ชีวิต อุปกรณ์ดังกล่าวก็คือ Margin Of Safety หรือ MOS พูดง่ายๆ ก็คือ เราต้องหาหุ้นที่มีราคาต่ำๆ มีส่วนเผื่อความปลอดภัย และซื้อหุ้นในราคาที่มีแต้มต่อ ไม่ใช่ไล่ซื้อหุ้นทุกราคา ผมคิดว่าให้เราลืมแนวคิดของนักเทคนิคคอลไปเลย ที่ว่า ไม่ไปรับมีดยามหุ้นตก เราควรคิดตรงกันข้าม ถ้าเราทำการบ้านมาอย่างดี หุ้นตกเราต้องซื้อ แต่ที่สำคัญราคาต้องไม่แพง คือ มีส่วนเผื่อความปลอดภัยนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลา หรือ timing ก็สำคัญ หากเราปีนเขาไปเรื่อยๆ โดยไม่กำหนดเวลา แล้วมันจะไปถึงเมื่อไหร่ ผมคิดว่าเราควรต้องกำหนดเวลาทำกำไรด้วย หรือเมื่อถึงเวลาแล้วราคาหุ้นยังมาไม่ถึงเป้า เราต้อง ทบทวน ว่าเราจะไปต่อกับหุ้นตัวเดิม หรือไปหาหุ้นตัวใหม่ที่ Yield Gap เปิดออก
ในยามตลาดหุ้นที่แสนจะอึดอัดเช่นนี้ แต่เชื่อเถอะครับว่า ยังมีหุ้นที่มี Yield Gap อีกไม่น้อยให้เราค้นหา แม้จะยากเย็นแค่ไหน แต่ถ้าเราคิดจะเป็นมืออาชีพ ก็ต้องทำให้ได้สถานเดียวครับ!
#นายแว่นลงทุน
เพื่อนๆ ใครมีบ้าน คอนโด ที่ดินเปล่า มาโพสขายได้ที่นี่ฟรีนะครับ//www.topofliving.com/property-exchange/
#หนังสือเสียง
กลยุทธ์ลงทุนหุ้นโตเร็ว
หนังสือ นายแว่นฯ มี audio book ด้วยนะครับ
คลิ๊กหนังสือเสียงที่นี่เลยครับ
แนะนำหนังสือ
เก็บหุ้นสร้างพอร์ต สไตล์ VI โต 10 เท่าในสิบปี
หนังสือเล่มนี้ เก็บหุ้นสร้างพอร์ตสไตล์วีไอ ผมเขียนขึ้นมาในช่วงที่ยากลำบากช่วงหนึ่งของตลาดหุ้นไทย คือเป็นช่วงตลาดไม่ไปไหนเลย หรือ Sideway นั่นเอง การลงทุนในภาวะตลาดแบบนี้ย่อมทำให้หลายคนรู้สึก อึดอัด ได้ไม่ยาก แต่ในภาวะแบบนี้ก็มีข้อดีของมัน ข้อดีดังกล่าวก็คือ การที่ตลาดไม่ไปไหน แต่แรงเก็งกำไรยังคงมีอยู่ มันเปิดโอกาสให้นักลงทุนระยะยาวเก็บหุ้นกอดเอาไว้ กินปันผลไปเรื่อยๆ อย่างสบายใจ หรือแม้แต่นักลงทุนระยะสั้นๆ ก็สามารถทำกำไรได้หากเรามองพื้นฐานออก และมองแนวโน้มของราคาเป็น ซึ่งเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มีทั้งสองเรื่องราวดังกล่าวอย่าง ครบถ้วน#NaiwaenInvestment
อ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ How to การบริหารจัดการเงิน อสังหา คลิ๊กอ่านที่นี่เลยครับ
[เกี่ยวกับผู้เขียน]
นายแว่นธรรมดา หนึ่งในกูรูหุ้น FINOMENA และผู้ก่อตั้ง //www.topofliving.com ผู้เขียนหนังสือ ลงทุนหุ้นโตเร็ว และหนังสือขายดี กลยุทธุ์จับจังหวะลงทุนหุ้น ปัจจุบันเป็นนักลงทุนอิสระ นักเขียนอิสระ ขอถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุน เผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ