ทุกๆครั้งเมื่อสิ่งมีชีวิตนั้นตายลง ก็จะกลายเป็นแค่ซากเน่าเปื่อย มันจะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลยว่ามันเคยอยู่ที่นี่มาก่อน แต่เมื่อสภาวะนั้นมีความเหมาะสม ฟอสซิลนั้นอาจจะเริ่มสร้างตัวขึ้น

สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้  โดยปกติสิ่งมีชีวิตนั้นจะต้องเริ่มถูกฝังอย่างรวดเร็วในตะกอนใต้ผืนทะเลหรือบางส่วนของน้ำ ในบางครั้งมันอาจจะฝังอยู่บนผืนดินเช่น เนินทราย เมื่อเวลาผ่านไป ตะกอนที่มากมายจะเริ่มกองทับส่วนบนของมันไปเรื่อยๆ และในที่สุดแรงกดดันที่เกิดจากน้ำหนักที่ทับถมนั้น จะทำให้ตะกอนนั้นเริ่มรวมตัวและกลายเป็นหินแข็งขึ้นนั่นเอง

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ถูกฝังภายในหินนั้นในที่สุดจะถูกละลาย แร่ธาตุอาจจะเข้าแทนที่กระดูก เปลือก หรือเนื้อเยื่อที่เคยมีชีวิต แร่ธาตุอาจจะเติมในส่วนของช่องว่างระหว่างส่วนแข็งเหล่านั้นด้วย และนั่นทำให้ฟอสซิลเกิดขึ้น

ฟอสซิลบางชนิดนั้นประกอบไปด้วยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับว่า สัตว์นั้นมีชีวิตและตายได้อย่างไร หรือมันอาจจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับอากาศในยุคโบราณได้

ฟอสซิลนั้นมาในรูปแบบอื่นๆด้วย พวกมันสามารถที่จะให้ร่องรอยของสิ่งมีชีวิตในยุคโบราณได้ ตัวอย่างเช่น นักวิทยาศาสตร์พิจารณา รูต่างๆหรือรอยเท้าที่เก็บไว้ในฟอสซิลโบราณได้ จากร่องรอยบนฟอสซิลที่เกิดขึ้น มันเป็นสิ่งอัศจรรย์ ที่มันสร้างขึ้นจากตะกอนที่แข็งอย่างรวดเร็วหรือถูกฝังภายใต้ตะกอน และยังคงอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลงจนกระทั่งมันกลายเป็นก้อนหินแข็ง แม้กระทั่งอุจจาระของสัตว์ก็สามารถทิ้งร่อยรอยไว้ในฟอสซิลได้ที่เรียกว่า coprolites

ผู้คนส่วนมากมักเกี่ยวข้องกับฟอสซิลของสัตว์ แต่พืชและสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆยังสามารถทิ้งร่องรอยไว้ได้ด้วย และพวกมันมีแนวโน้มที่จะสร้างมากจากวิธีเดียวกันเหมือนกับฟอสซิลของสัตว์ ชนิดของฟอสซิลแบบพิเศษนั้นถูกเรียกว่า petrified wood มันสร้างด้วยวิธีเดียวกันกับฟอสซิลของไดโนเสาร์หรือสายพันธ์อื่นๆ พวกมันจะดูคล้ายกับไม้จริงๆ ซึ่งในกรณีนี้ แร่ธาตุที่มีสีสันจะเคลื่อนตัวเข้าไปภายในและแทนที่เนื้อเยื่อ

ที่มา - //www.vcharkarn.com/vnews/448989

Create Date : 26 มิถุนายน 2557
Last Update : 26 มิถุนายน 2557 13:03:49 น.		0 comments
Counter : 612 Pageviews.
Share Tweet