Sri Lanka Trip 2013 : Galle













การเดินทางไปเมืองป้อมปราการและเมืองท่าในอดีตอย่างกัลล์
ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะลังกานั้น
ไม่มีรถไฟสายตรงไปจาก Kandy ครับ
เราจึงต้องกลับไปที่โคลอมโบฟอร์ต แล้วต่อรถไฟอีกทีหนึ่ง
เสียเวลาเพิ่มเล็กน้อย แต่อย่างที่เคยบอกว่ารถไฟของศรีลังกานั้นตรงเวลามากๆ
เราจึงบริหารเวลาได้ดี ไม่ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดอะไรมากมายให้เหนื่อยเกินจำเป็น
ขากลับจากแคนดี้ รถไฟวิ่งผ่าน Adam's Peak ที่เป็นยอดเขาสูงที่สุดใจกลางเกาะด้วยครับ สวยทะมึนดี

จากโคลอมโบฟอร์ต ตีตั๋วไปกัลล์ เส้นทางรถไฟสายใต้นี้เลียบชายทะเลเลยครับ

เห็นมหาสมุทรอินเดียไปเกือบตลอดทาง ใช้เวลาเกือบเพียงชั่วโมงกว่าๆ เราก็มาถึงกัลล์
แน่นอนว่าที่นี่เราเจอเจ้าถิ่นมาคอยหาลูกค้าไปส่งเกสต์เฮ้าส์อีกเช่นเคย
มองบรรยากาศที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนแล้ว ก็เลยตัดสินใจให้ลุงแกพาขึ้นตุ๊กตุ๊กไป
ปรากฏว่าหาที่ไหนก็เต็มครับ จนในที่สุดไปเจอบ้านพักติดประภาคารเก่าชื่อ Lighthouse
เจ้าของบ้านเป็นเจ๊มุสลิมอ้วนๆ หน้าตาดุๆ ไร้รอยยิ้ม เธอบอกว่า ที่จริงมีห้องพักอยู่ชั้นบน
แต่วันนี้มีฝรั่งพักอยู่เต็มหมด ไม่มีห้องเหลือเลย
แต่จะมีห้องที่เคยเป็นห้องของสมาชิกในบ้านคนนึง คิดราคาโหดมากคืนละ 4000 รูปี หรือ 1000 บาท
ไปชะโงกดูเห็นสภาพเก่าๆ แล้วไม่อยากจะนอน แต่ก็ไม่รู้จะไปนอนที่ไหนเพราะตอนนั้นพายุเริ่มแรงแล้ว
ฟ้ามืด ยอดมะพร้าวหน้าเกสต์เฮ้าส์นี่แอ่นกันเลยทีเดียวครับ
ตกลงโอเค แต่ยังไม่ได้เข้าไปสัมผัสห้องจริงๆ หรอก แค่เอาเป้ไปวางที่ประตูแล้วขึ้นไปชั้นบน
เพราะเจ๊บอกว่ามี wifi router ใช้เวลาต่อนานมาก ติดๆ หลุดๆ
ขณะที่นั่งอยู่ เห็นมีฝรั่งหลายคนกลับเข้ามาที่นี่ พวกเขาทักทายเรายิ้มแย้มแล้วเข้าห้องของตัวเองไป
คิดว่าห้องพักที่ให้เช่าจริงๆ ชั้นสองนี้ คงโอเคเลยล่ะ เพราะดูแต่ละคนไม่ได้มีอาการกังวลเหมือนพวกเราเลย

ฝนตกหนัก ลมแรงจนออกไปไหนไม่ได้ เจ๊อ้วนเดินทำหน้าเฉยมาถามว่า จะกินอะไรไหม สั่งได้นะ
มีข้าวผัด แค่นั้นอ้ะ อย่างอื่นไม่มีให้เลือกฮ้าฟฟฟ ...เลยต้องสั่งข้าวผัดของเจ๊กิน แพงอีกแล้ว
ข้าวผัดที่เจ๊ผัดเอง มีแต่ไข่กับข้าว เยิ้มไปด้วยน้ำมันจานเล็กๆ จานละสี่ร้อยรูปี ...ร้อยบาทฮ้าฟ
แต่เราก็จำต้องกิน คุยกันว่าพรุ่งนี้ค่่อยไปหาที่ๆดีกว่านี้ กินเสร็จว่าจะต่อเน็ตเช็คข่าวเมืองไทยหน่อย
แต่ไวไฟของที่นี่ก็ติดๆ ดับๆ แถมเจ๊แกก็คอยมานั่งเฝ้า มาถามบ่อยๆ ว่าพอหรือยัง ฉันจะปิด routerแล้ว
รู้สึกรำคาญปนเหนื่อยเลยลงไปในห้องพัก แล้วเราก็พบว่านี่คือนรกชัดๆ








ไม่ไหวจริงๆ ครับ ขนาดเหนื่อยจากการเดินทาง ผมยังกระสับกระส่าย หลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน
มันเหม็นและอึดอึดไปทั้งห้อง ยุงก็เยอะ ผมไม่ได้เป็นผู้รากมากดีมาจากไหน
แต่ไม่เคยเจอห้องสำหรับนอนที่แย่ขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ

**** 13 กุมภาพันธ์ 2556 ****


พอหกโมงเช้า รีบออกไปจากห้องเพื่ออาบน้ำ ซึ่งเจ๊แกบอกให้เปิดประตูออกไปข้างนอก ให้ใช้ห้องน้ำร่วมกับครอบครัวของแก
เดินออกมาเห็นสามีเจ๊กำลังทำกิจกรรมอะไรบางอย่าง คือก้มหน้าสูดควันจากหม้อน้ำที่เดือดๆ คงเป็นยารักษาอะไรบางอย่าง
เข้าห้องน้ำไปเห็นมีประตูสองบาน คงเป็นคราวซวยของผม ดันไปเปิดประตูบานแรก
ผงะเลยครับ ห้องน้ำโสโครกสุดๆ แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือโถชักโครก มีแต่เลือด และเป็นเลือดสดๆด้วย ที่ฝาปิดก็มีคราบเลือดกรังๆ
รีบกลั้นหายใจปิดประตูแล้วพรวดพราดไปเปิดประตูอีกบาน เป็นห้องน้ำอีกห้อง มีเครื่องซักผ้าตั้งอยู่กินพื้นที่เกือบเต็ม
ผมรีบอาบน้ำ ใจหายวาบๆ ที่เห็นเมื่อกี้...ผัวเจ๊แกคงเป็นโรคอะไรสักอย่าง โรคปอด หรือ...บรื๋อ...
เล่าเรื่องราวให้เพื่อนเดินทางฟังแล้ว เราก็รีบเก็บของจากบ้านพักสุดหลอนนั้นในบันดล...

ออกเดินถ่ายรูปไปกันเรื่อยๆ ครับ





ป้อมเก่าไม่ห่างจากที่ๆ จากมานัก มีนักท่องเที่ยวจีนเดินอยู่สองสามคน









แอบถ่ายอาหมวย



ป้อมนี้นอกจากหินสกัดแล้ว ยังใช้ปะการังเป็นอุปกรณ์ก่อสร้างด้วยครับ





ผมเพิ่งได้เห็นมหาสมุทรอินเดียเป็นครั้งแรกที่ศรีลังกานี้เองครับ
อยู่บ้านเราไม่เคยมีโอกาส ภูเก็ต กระบี่ อะไรก็ไม่เคยไปกับเขาสักที ใต้สุดที่เคยไปคือแค่ประจวบฯ เองนะ ฮ่าๆ
แสงเช้าเริ่มหาย เราเลยเดินลงจากป้อม เข้าซอยที่อยู่ตรงหน้าครับ จุดหมายคือป้อมใหญ่ใกล้สถานีรถไฟที่ผ่านตามาเมื่อวาน
กะว่าจะเดินชิลล์ไปเรื่อยๆ เพราะกว่ารถไฟจะออกก็บ่ายแก่ๆ
เพลินดีครับ เมืองมุสลิมเมืองนี้เต็มไปด้วยสีสันไม่เว้นแต่ในซอกซอย







กลางซอยเจอร้านกาแฟ เลยแวะกินมื้อเช้ากันที่นั่น
เห็นด้านนอกมีบ่าวสาวมาถ่ายรูปแต่งงานกัน มีเด็กๆด้วย น่ารักดี
เลยไปถ่ายบ้าง เขาไม่ว่าหรอกครับ คนศรีลังกาอัธยาศัยดีจริงๆ





อิ่มแล้วก็ไปกันต่อครับ









หลุดออกมาถนนสายหลัก เจอโบสถ์ดัทช์ครับ สวยน่ารักดี เก่าด้วย





ข้างโบสถ์มีที่ทำการไปรษณีย์ เลยแวะส่งโปสการ์ดให้พี่แจน พี่สาวใจดีห้องต้นไม้
และพี่ปุ๊ก ดาวทะเล เพื่อนบล็อกแก๊งเก่าแก่ เห็นฟองน้ำแตะตราไปรษณียากรแล้วสยิว
ท่าทางจะมีสิ่งมีชีวิตที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นอาศัยอยู่จำนวนมาก เหอๆ



ถัดไปอีกนิด เป็นห้องสมุดประจำเมืองครับ นี่ก็เก่ามากๆ



อีกไม่กี่ก้าวเป็นโบสถ์อีกแห่งครับ ไม่แน่ใจว่าเป็นนิกายไหน
เพราะภายในไม่มีกางเขน ไม่มีรูปเคารพใดๆ ทั้งสิ้น
แต่บนพื้นมีหลุมศพบาทหลวงหลายหลุมเลยฮ้าฟฟ







ไปดีกว่าๆ..



พิพิธภัณฑ์ทางทะเล



แกลลอรี่ริมทาง



ริมทางมีโปสเตอร์หนังที่กำลังลงโรง "มหาสิทธัตถะโคตม" เดาเอาว่าคงเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับพุทธประวัติครัฟ
....................................

ชาวเมืองยิ้มแย้ม น่ารักกันมากเลยครับ





อ่ะ...ถึงแล้ว ป้อมใหญ่ Galle Fort



















คือไม่มีอะไรให้ถ่ายมากมายหรอกครับ ร้อนมากๆ ด้วย
เลยพากันเดินไปสถานีรถไฟที่อยู่ห่างไปราวๆ ห้าร้อยเมตร







ซื้อตั๋วเข้าไปในชานชาลา ยังไปเจอตาลุงนายหน้าที่พาเราไปพักเกสต์เฮ้าส์สุดหลอนนั่นอีกนะ
ที่แท้แกมีร้านโชห่วยอยู่ในสถานีนี้เอง และคงคอยหาลูกค้าไปด้วย
บรรยากาศระหว่างรอรถไฟครับ







ได้เวลาบ๊ายบายเมืองกัลล์แล้ว รถไฟเคลื่อนออกไปตามเส้นทางชายฝั่งทะเล
มุ่งหน้าสู่โคลอมโบครับ...








พวกเรากลับไปโคลอมโบ และนั่งรถไฟต่อไปเนกอมโบ เป็นเมืองชายทะเลไม่ไกลจากเมืองหลวงของศรีลังกานัก
เพราะจากตรงนั้นไปสนามบิน จะใกล้กว่า
หากพักในโคลอมโบ ใช้เวลาเดินทางมากกว่าครับ





Create Date : 23 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2556 9:57:53 น. 3 comments
Counter : 2729 Pageviews.

 
รูปสวย สีสดมากค่ะ


โดย: Bonjour_KiTTy วันที่: 23 พฤศจิกายน 2556 เวลา:11:58:18 น.  

 

Like ให้เป็นคนที่ 1
เพลินด้วยภาพเลยค่ะ
ถ่ายภาพสวยมากกกกกกกกกกค่ะ



โดย: อุ้มสี วันที่: 23 พฤศจิกายน 2556 เวลา:21:59:29 น.  

 
มาแล้วเจ้า


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 28 พฤศจิกายน 2556 เวลา:16:59:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nagano
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
23 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Nagano's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.