ช่วงป๊ใหม่ปี 2555 ปีนี้วางแผนว่าจะไปเที่ยวที่"สุโขทัย"ตั้้งใจจะขึ้นไปนอนบนเขาหลวง "อช.รามคำแหง" เพื่อรับตะวันแรกปี 555 "อรุณรุ่งของความสุข" ตามความหมายของชื่อเมืองสุโขทัย จากนั้นลงมาปั่นจักรยานเที่ยวที่เมืองเก่าสุโขทัยหนึ่งวัน แล้วเที่ยว"เมืองเก่ากำแพงเพชร"เป็นวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ แต่เมื่อเล่าแผนการเดินทางให้ภรรยา ที่เพิ่งกลับจากที่ทำงานด้วยอาการอ่อนล้าฟัง สิ่งที่เธออุธานออกมา..เมื่อได้ฟังแผนของผมเดินขึ้นเขา!! นอนเต้นท์ !! ไม่เอาหรอก..ทำงานก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ไปเที่ยวจะต้องไปเหนื่อยลำบากอีก ขอเที่ยวสบายๆ เถอะ.แผนไม่ผ่านครับ.แผนเดินทางผมคิดขึ้นเองทั้งหมดเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยไม่ได้ถามความเห็นของเธอเลย การขึ้นไปนอนเต้นท์เพื่อรับตะวันแรกของปีใหม่อย่างที่เคยทำมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกที่ "ผาแต้ม" ครั้งที่ 2"อช.นันทบุรี"น่าน ครั้งที่่ 3 "ภูชี้ฟ้า ซึ่ง 2 ครั้งหลังนี้เราก็นอนเต้นท์กัน แต่ทั้งสามที่นั้นขับรถขึ้นถึงที่ ต่างจากปีนี้ต้องเดินขึ้นเขาหลายชั่วโมง ที่ภรรยาออกอาการอย่างนั้นก็เขัาใจได้ เพราะเธอเหนื่อย มาก เพราะที่ทำงานโดนน้ำท่วมเกือบถึงเอว และเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนระบบงานใหม่ด้วย กลับบ้านมืด หมดแรงทุกวัน....ไปเที่ยวยังจะให้ไปลำบากอีก.......คนรักเมีย จะฝืนทำอย่างนั้นได้อย่างไร ปรับแผนการเดินทางเพื่อการปรองดอง...อิอิเลยเปรับแผนวันแรกไม่ขึ้นเขาหลวงตรงขึ้นอุตรดิตถ์แล้วเที่ยวย้อนลงมาเที่ยวและนอนที่ศรีสัชนาลัยแทนวันที่สอง..เที่ยวเมืองเก่าและนอนสุโขทัย วันสุดท้ายเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์และนอนที่กำแพงเพชร ทริปนี้เที่ยวเมืองเก่าตลอดทริป วันกลับเปลี่ยนอารมณ์แวะเข้าไปเที่ยวน้ำตกคลองลานกันก่อนเดินทางกลับ.เพื่อนร่วมทริปทริปนี้เรามี ป้าหลวย กะพี่เดียร์ ร่วมเดินทางไปด้วย ได้คู่หู-คู่เม้าท์ คู่แม่-คู่ลูก ส่วนผมขับไป..อย่าซิ่ง..ห้ามง่วง !ผมใช้บ้านป้าหลวยแถว ถ.เทพารักษ์เป็นจุดเริ่มการเดินทางจุดหมายปลายทางจุดแรกคือ"อุตรดิตถ์" ครับ ป้าหลวย กับพี่เดียร์ร่วมทริปด้วย งานนี้...ไม่มีเหงา ! เส้นทางล้อหมุน"เรื่อยเฉื่อยทัวร์"ของเราออกเดินทางจากบ้านพี่หลวยที่ ถ.เทพารักษ์ตอนตีหนึ่งกว่าๆ ใช้ถนนวงแหวนตะวันออกมุ่งหน้าบางปะอิน รถน้อย...คล่องต้วยังกับไม่ใช่เทศกาล ! (ก็ดึกซะขนาดนั้น) ผ่านนครสวรรค์,พิษณุโลก ไม่หลับไม่นอนตะรอนจนฟ้าสางที่รอยต่อพิษณุโลก-อุตรดิตถ์แวะล้างหน้าที่ปั้มเอ่อ..ปั้มอะไรก็ช่างเถอะ ไม่ใช่ผู้สนับสนุนเราไม่ต้องเอ่ยชื่อก็ได้ อิอิ แต่ถ้ามีปั้มยี่ห้อไหนสนใจอยากร่วมสนับสนุนการเดินทางทริปต่อไปก็ขอเชิญติดต่อหลังไมค์นะครับผม.ป๊าดด...โถ บล็อกก็ไม่ค่อยจะอัพ แถมอัพบล็อกแล้วก็ต้องนั่งลุ้นจนเหนื่อยกว่าจะผ่าน 200 เพจวิว ช่างกล้า..นะตัวเอง...อิอิสวัสดีเมืองอุตรดิตถ์เดินหาอาหารมื้อเช้าเนื่องจากที่ปั้มไม่ค่อยมีอะขายจึงต้องเข้าไปหาข้าวเช้าในตัวเมืองกัน เลยจากปั้มมาหน่อยก็ถึงทางแยกเข้าเมืองอุตรดิตถ์ พอลงสะพานข้ามลำน้ำน่านมาก็เลี้ยวขวาตรงไฟแดง แล้วขับตรงไปเลี้ยวขวาที่หอนาฬิกา จากนั้นเลี้ยวซ้ายผ่านวัด "ท่าถนน" ที่อยู่ฝั่งซ้ายมือมาอีกหน่อยได้ที่จอดติดกับสวนสาธารณะที่อยู่ริมแม่น้ำน่านปัญหาก็คือ เราไม่ใช่คนแถวนี้ และไม่ได้เตรียมข้อมูลว่าจะมากินข้าวที่นี่ จึงต้องใช้วิธีเดินหาไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมาย...แบบว่า แล้วแต่ความหิวจะพาไป ถือโอกาสชมเมืองไปด้วยเลย<< แผนทีเที่ยวชมเมือง"อุตรดิตถ์" เริ่มต้นด้วยรถเก่าสุดคลาสสิกเราเดินมาได้ไม่กี่ก้าวก็เห้นสิ่งที่น่าสนใจ นั่นคือรถสองแถวคันนี้ดูแล้วเท่สุดๆ วิ่งระหว่างเมืองอุตรดิตถ์ - หาดกรวด เคยได้ยินคนเรียกรถรุ่นนี้ ที่วิ่งอยู่สุโขทัยว่า "รถคอกหมู" ไม่คิดว่าจะเจอตัวเป็นๆ วิ่งอยู่ที่นี่ด้วย สังเกตุในภาพ จะเห็นร้านอาหารอยู่ด้านหน้ารถ บรรยากาศบ้านๆ ไม่เหมาะกับเด็กเทพอย่างเรา อิอิ จึงลงมติร่วมกันให้เดินผ่านเลยไปเดินมาอีกนิดเด็กๆก็ กรี๊ดดด..ยังกับเจอ"ณเดช" เมื่อเห็นเจ้าสามล้อหน้ากบคันนี้เข้า แม้จะผ่านการโป๊วสี ปะผุมาสาหัสสากันต์แค่ไหน ก็ยังมีแรงช่วยเจ้าของหาเงินได้ เป็นสุดยอดของความเก่า ที่ทำเอาเราต้องต่อแถวถ่ายรูปจนลืมหิวกันเลยหล่ะ ! แหม..สมกับเป็นทริปเที่ยวเมืองเก่าจริงๆ แค่เริ่มต้นก็เจอของเก่า ๆ เท่ ๆ ถึงสองอย่างรวด.(ไม่นับอีกอย่างที่ติดมากับรถด้วย อิอิอิ) ชมตลาดเทศบาล 3เดินผ่านร้านโจ๊ก ก็...โจ๊กกินที่บ้านก็ได้ เดินไปเรื่อย ๆไปถึงตลาดเทศบาล 3 โน่น อะโห...คนเย๊อะมาก ถนนหน้าตลาดตืดขัดทั้งคนทั้งรถ พี่น้องชาวอุตรดิตถ์มาจ่ายของเตรียมฉลองปีใหม่กันกันหน้าชื่นตาบาน เป็นตลาดที่คึกคักจริง ๆ แต่ไม่เจอร้านอาหาร !! และสุดท้าย...แห่ะ ๆ ต้องกับมากินที่ร้านหน้ารถสองแถวนั่นเองซึ่งพอเข้าไปน้่งจริง ๆ บรรยากาศบ้าน ๆ ดูทึบ ๆ กลับรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเองดี มีทั้งก๋วยเตี๋ยว ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ สารพัด รสชาตดีกินเสร็จก่อนออกจากร้าน ป้าเจ้าของร้านใจดีมอบปฎิธินปีใหม่รูปหลวงพ่อเพ็ชรให้สามชุด ใช่เลย...นี่แหล่ะที่พวกเราตั้งใจมาไหว้"วัดท่าถนน"ก็อยู่ใกล้ ๆ เดินจากที่จอดรถไปนิดเดียว ขอบคุณครับ.สวนสาธารณะ ริมน้ำก่อนจะไปไหว้หลวงพ่อเพ็ชรเราลงไปชมสวนสาธารณะที่อยู่ติดกับที่จอดรถกันก่อน เริ่มด้านทิศเหนือก่อน มาชมศาลาทรงแปดเหลี่ยมที่วางอยู่กลางลานกว้าง ตรงข้ามกับพระบรมราชาอนุสาวรีย์รัชกาลที่ห้ามีท้องฟ้าใส ๆ เป็นฉากหลังช่วยให้ศาลาโดดเด่นขึ้นเย๊อะเลยลานเอนกประสงค์สำหรับจัดงานต่างๆของเมืองอุตรดิตถ์แต่ถ้าใคร"ประสงค์"อยากได้สุขภาพที่แข็งแรงละก็..ใช่เลย เพราะเค้ามีลู่วิ่งไว้ให้จ็อกกิ้งรอบๆ ลานนี้ด้วย แถมยังมีเครื่องออกกำลังกายหลายแบบไว้ให้คนรักสุขภาพได้ใช้กันฟรี ๆ เยี่ยม...จริง ๆ ครับพระบรมราชาอนุสาวรีย์รัชกาลที่ ๕ ส่วนด้านทิศใต้เป็นพระบรมราชาอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ห้า หันพระพักต์ไปทางทิศเหนือ ประดิษฐานอยู่บนแท่นสูงตระหง่าน ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงสำหรับคนที่ไม่มีเลนส์มุมกว้าง พระองค์ทรงเเสด็จประภาสตามลำน้ำน่านมาถึงอุตรดิตถ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒ และทรงเที่ยบเรือพระที่นั่งที่ท่าวัดวังตาหม้อ หรือวัดท่าถนนในปัจจุบันนั่นเองเมื่อมารู้ประวัติศาสตร์ที่มาของการสร้างก็ทำเราหวนกลับไปจินตนาการถึงเหตุการณืเมื่อ ๑๑๒ ปี ณ.ตรงที่เรายืนอยู่นี้นี่เองที่ริมน้ำ มีศาลาเฉลิมพระเกียรติอีกหนึ่งหลัง มองออกไปก็สวยดีแต่ด้วยการเดินซอกแซกหามุมใหม่ เราก็จะได้มุมที่แปลก หรือสวยมากขึ้นจนคาดไม่ถึงเชียวล่ะ !!ศาลาเฉลิมพระเกียรติ ริมน้ำน่าน สวยงามอยู่ริมสวนสาธารณะริมน่าน เมืองอุตรดิตถ์ มองจากด้านล่างศาลาเฉลิมพระเกียรติริมน้ำน่าน มองจากด้านบน ศาลาเฉลิมพระเกียรติเดินมาริมน้ำ ทิศทางของแสงกำลังดี ท้องฟ้าใสกริ๊งไม่มีอะไรลงตัวไปกว่านี้อีกแล้ว ที่เหลือก็เพียงเล็งแล้วกดชัตเต้อร์เท่านั้น แต่ภาพเดียวจะพอได้ไง ลองเดินลงไปข้างล่างอีกหน่อยดีกว่า ถอยหลังไปอิกนิด แล้วก็ได้แท่นที่ยืนที่สูงขึ้นมาจากบันไดครึ่งเมตรขณะที่เล็งกำลังจะถ่ายภาพเพิ่ม กลิ่นเหม็นก็ลอยขึ้นมาจากใต้เท้าเข้าจมูก เมื่อก้มลงดูก็พบว่าผมกำลังยืนอยู่บน "ท่อน้ำทิ้ง"ที่มุดลอดมาจากใต้พื้นสวนสาธารณะ แล้วไหลลงรางน้ำที่ต่อตรงลงสู่แม่น้ำน่าน.....ศาลาสวยงาม กับ สิ่งแปลกปลอมความจริงแล้วผมชั่งใจอยู่นานเหมือนกันว่าจะข้ามเรื่องนี้ไปดีไหมเพราะดูแล้วก็รู้สึกมันสะดุดใจ (ที่อ่อนไหว) ของนายหมุนไม่น้อยเหมือนกัน จะว่าไปแล้ว ปริมาณน้ำในแม่น้ำที่ไหลผ่านต่อวินาทีมากกว่าน้ำเสียที่ปล่อยลงไปมหาศาลนักจนไม่น่าส่งผลกระทบกับแม่น้ำมากมายนัก แต่เมื่อจับทั้งสองอย่างมาอยู่ในภาพเดียวกันเกิดผลกระทบกับความ"รู้สึก"แน่ จะมากน้อยก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคนแต่ตอนที่ถ่ายภาพนี้ผม"รู้สึก"เสียว....ถ่ายไป เสียวไปครับ ที่เสียวเพราะต้องเบี่ยงตัวออกไปหาน้ำสุดๆ ถ้าเสียหลักพากล้องลงไปวัดปริมาณออกซิเจนในน้ำล่ะก็....สวัสดีอุตรดิตถ์เชียวเอ็ง.ความจริงอีกข้อหนึ่งเมืองอุตรดิตถ์ ก็มีเพียงสิ่งนี้เพียงอย่างเดียวที่บังเอิญซอกแซกไปเจอมา นอกเหนือจากนั้น อุตรดิตถ์ เป็นเมืองที่น่าเที่ยวมากเมืองหนึ่ง แต่ก็แปลกใจเหมือนกันที่เมื่อก่อนกับไม่ได้นึกถึงจังหวัดนี้เลย ทั้งๆ ที่ใช้ทางหลวงเส้นนี้เดินทางผ่านไปเหนือมาสาม - สี่ครั้งแล้ว ครั้งนี้ก็เถอะ..จังหวัดอุตรดิตถ์ก็ถูกวางแผนไว้เป็นเพียงทางผ่านเท่านั้น แต่หลังจากที่มาสัมผัสครั้งนี้แล้ว ช่วงหน้าหนาวฟ้าสวยๆ ปีใดปีหนึ่งข้างหน้า จะมาแบบ"จัดเต็ม"อีกสักครั้งขึ้นจากริมน้ำ ไปไหว้พระกันต่อครับ ไหว้หลวงพ่อเพ็ชร วัดท่าถนนเราเดินมาเข้าวัดทางเข้าที่มีอาคารพานิชย์ขนาบอยู่ทั้งสองด้านก็ตรงเข้าไปสักการะหลวงพ่อเพ็ชร์ที่ประดิษฐานอยู่ภายในอาคารเล็กหลังคาโค้ง พอถ่ายภาพส่วนหน้าแล้วก็เข้าไปส่วนในที่เงียบสงบ เพื่อถ่ายภาพหลวงพ่อเพ็ชร แต่พบว่าภายในที่ค่อนข้างแคบนั้นมีคนนั่งทำสมาธิอยู่ เลยได้แต่กราบแล้วถอยออกมาไม่ได้ถ่ายภาพ เพราะแม้กระทั่งเสียงลั่นชัตเต้อร์ก็อาจจะไปรบกวนสมาธิเขาได้ จำเป็นต้องหายืมภาพมาจากเว็ปครับทางเข้าวัด ด้านถนนเลียบริมน้ำหลวงพ่อเพ็ชร ภาพจาก gplace.comอาคารประดิษฐาน หลวงพ่อเพ็ชรโบสถ์ของวัดท่าถนนหลังใหญ่มาก หมดความสามารถที่จะเก็บได้หมดทั้งหลัง นี่ขนาดก้มต่ำสุด ๆ แล้วก็ได้เท่านี้เองเห็นท่าจะต้องกันฟันหาเลนส์มุมกว้างมาใช้บ้างแหล่ะปิดทอง ทำบุญไหว้พระ ขอโชคขอลาภเสร็จแล้วก่อนกลับออกมาก็ต้องช่วยกันหาโชคหาลาภเผื่อจะได้โชคสักสามล้าน (ทำบุญยังไม่ถึงสามร้อย ค้ากำไรเกิ๊น)แล้วถ่ายรูปกับป้าคนขายล็อตเตอรี่ เดี๋ยวถูกรางวัลจะมาแบ่งใหป้าบ้าง อิอิ.เป็นเพราะวัดพระบรมธาตุตั้งอยู่บนเส้นทางผ่านจาก อุตรดิตถ์ไปยัง ศรีสัชนาลัย จึงวางไว้เป็นสถานที่สำคัญของอุตรดิตถ์ที่เราต้องมาชมไหว้พระธาตุเก่าแก่ ออกเดินทางมาตามทางหลวง 102 อุตรดิตถ์ - ศรีสัชนาลัยขับมาไม่ไกล พอเข้าเขตเทศบาลตำบลทุ่งยั้งก็มองเห็นซุ้มประตูวัดพระบรมธาตุอยู่ตรงแนวถนนพอดีแป๊ะ เมื่อเข้าไปใกล้ ถนนจึงเบี่ยงขวาออกไปทางด้านข้าง แต่เราตรงเข้าไปจอดภายในบริเวณวัดได้เลยครับลานวัดกว้างขวาง เงียบสงบ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยววัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง อยู่ตำบลทุ้งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ด้านหน้าวิหาร วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งลานวัด นั้นกว้างมากครับจอดรถตรงข้ามกำแพงแก้วที่มีร่มไม้อยู่นิดหน่อย เลือกเดินไกลอีกนิดแต่รถไม่ต้องจอดตากแดดเพราะเรื่อยเฉื่อยทัวร์ของเราคงไม่ได้จอดแป๊บเดียวแน่ๆ นี่ยังดีนะที่บริเวณนี้ไม่มีของขายเลยก่อนเดินข้ามไปก็เก็บภาพกว้างของวิหารและองค์พระธาตุที่งดงาม ดูโดดเด่นอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าสดใสมาชมกันเมื่อเข้ามาภายในกำแพงแก้วก็จะได้ชมวิหารศิลปะล้านนาที่งดงาม ดูแล้วจะคล้ายกับวิหารที่วัดหนองบัว จังหวัดน่าน จะแตกต่างอยู่ก็เรื่องลายละเอียดและภาพจิตกรรมภายในกราบพระประธานในวิหาร วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งหนุ่มน้อยระนาดเอกเข้าไปกราบพระประธาน พร้อมกับมีเสียงระนาดขับกล่อมอยู่ตลอดเวลา ฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยได้บรรยากาศทางเมืองเหนือสักเท่าไหร่ ต่างจากที่วัดหนองบัว ที่นั่นก็มีลุงคนหนึ่งเล่นซอให้ฟังตลอด ใครที่ได้ไปอยู่ในบรรยากาศอย่างนั้นจะอินมากๆ แต่หนุ่มน้อยคนนี้ก็พยายามแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ จนได้รับรางวัลในความตั้งใจไปเป็นกอบเป็นเหมือนกัน..งานประจำปี ประเพณีอัฐมีบูชาจัดขึ้นที่วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งนี้ เป็นงานประเพณีที่จัดขึ้นทุกวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ถึงวันแรม ๘ ค่ำเดือน ๖ ของทุกปี เป็นพิธีการถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้าจำลอง ผมเคยดูภาพงานทางอินเตอร์เน็ต เป็นงานที่น่าสนใจมาก เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่ชาว อำเภอลับแล อนุรักษ์สืบทอดกันมานานกว่า ๕๐ ปีนอกจากนั้น ในตัวอำเภอลับแลเองก็ยังมีงานขึ้นมาอิกหนึ่งงาน นั่นคืองาน "สืบสานงานศิลป์ถิ่นลับแลง"เพิ่งจะเริ่มจัดขึ้นมาไม่นานมานี้ เป็นการนำศิลปะทางดนตรีและวัฒธรรมพื้นบ้านล้านนา จากหลายพื้นที่มาร่วมแสดงในด้วยกัน แต่งานมีเมื่อไหร่นั้น ผมยังไม่รู้วันจัดที่แน่นอน หรือใครรู้ช่วยบอกด้วยนะครับ.โบสถ์วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งจบบล็อกวันนี้ด้วยสองภาพสุดท้าย ก่อนจะเดินทางต่อไปยัง ศรีสัชนาลัยวันนี้ได้เวลาต้องลา "อุตรดิตถ์" เพียงแค่นี้ ทั้งที่ยังมีที่น่าเที่ยวชมในเส้นทางเดียวกันนี้อีกมาก อย่างเช่น วัดพระยืนพุทธบาทยุคล และวัดพระแท่นศิลาอาสน์ ที่อยู่เลยมาอีกหน่อยเดียวเท่านั้นเอง แต่อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่แรกว่า ทริปนี้ไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยวที่นี่ แต่ถึงแม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็สร้างความประทับใจกับเราเกินคาด ตั้งใจว่าต้องกลับมาอีก ครั้งหน้าจะไม่ใช่เป็นแค่ทางผ่านแน่นอน (เอ๊ะ...เหมือนสัญญากับสาวไว้งั้นแหล่ะ อิอิ )บล็อกหน้า พบกันที่ (คลิก) >>> "วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ศรีส้ชนาลัย" ครับ
ตามไปเที่ยวด้วยคน
จังหวัดนี้ยังไม่เคยไปเที่ยวเลยค่ะ
ภาพสวยมากๆ