4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
20 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
เรื่องราวอัศจรรย์แห่งพระเจ้าตาก





เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาถึงตำนานความอัศจรรย์ของพระเจ้าตากสินตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)


มีบันทึกสำคัญเกี่ยวกับเหตุมหัศจรรย์ในวันเกิดของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ก็คือ ในวันที่คลอดจากครรภ์มารดานั้น เกิดเหตุอสุนีบาตฟาดลงมาที่เสาเรือนตอนกลางวัน ทั้งที่ไม่มีฝนตกหรือฟ้าคะนอง คลอดมาได้ ๑ วัน ก็เกิดมหัศจรรย์อีกที่ว่า ปรากฏว่ามีงูเหลือมตัวใหญ่เข้ามาขดเป็นทักษิณาวรรตรอบกระด้งที่ใช้รองกายของพระองค์


เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความตกใจและพิศวงแก่พ่อแม่และบรรดาญาติพี่น้องเป็นอันมาก จีนไหฮองนั้นเป็นคนเชื่อถือในเรื่องโชคลาง คิดได้สถานเดียวว่าคือลางร้ายของทารก ก็เกิดปริวิตกนำเรื่องราวเข้าไปบอกกล่าวเจ้าพระยาจักรี ซึ่งเจ้าพระยาจักรีได้ฟังเรื่องแล้ว ก็เกิดอาการปีติต่างกับจีนไหฮอง รีบรุดมาที่เรือนของจีนไหฮองโดยทันที เมื่อไปพิเคราะห์ดูทารก ก็เห็นมีลักษณะหลายประการที่จะเป็นทรชนในอนาคต และเห็นว่าทั้งจีนไหฮองและนางนกเอี้ยงก็ไม่พึงประสงค์ที่จะเลี้ยงทารกนี้ต่อไป จึงเอ่ยปากขอต่อจีนไหฮองว่า ถ้ามิพึงปราราถนาแล้วก็ขอรับไปเลี้ยงดูเอง ซึ่งจีนไหฮองก็รีบยกทารกนั้นมอบแก่เจ้าพระยาจักรีโดยทันที ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าประหลาดที่ว่า หลังจากที่เจ้าพระยาจักรีรับทารกนั้นไปเลี้ยงดูแล้ว ก็ปรากฏว่าเป็นลางดี ทำให้บังเกิดลาภยศเงินทองไหลมาเทมา และบังเกิดความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ราชการเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ เจ้าพระยาจักรีจึงตั้งชื่อทารกนั้นว่า "สิน"


เรื่องกฤษฎาภินิหารของเด็กชายสินได้ปรากฏอีกครั้งหนึ่งเมื่ออายุได้ ๙ ขวบ ครั้งนั้น เจ้าพระยาจักรี นำเด็กชายสินบุตรบุญธรรมไปฝากให้เรียนหนังสือกับสำนักพระอาจารย์ทองดีที่วัดโกษาวาส (คือวัดเชิงท่า ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังพระนครศรีอยุธยา) เมื่อเข้าไปเรียนหนังสือที่สำนักนี้ เด็กชายสินมีความเฉลียวฉลาด เรียนเก่ง สามารถอ่านเขียนภาษาไทย ภาษาขอม และภาษาบาลี ได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นศิษย์ที่พระอาจารย์ทองดีโปรดปรานมาก


ในสังคมของเด็กวัดที่มารวมกันอยู่มาก ๆ มาจากหลายครอบครัวหลากพื้นฐาน ทุกยุคทุกสมัยก็จะมีการมั่วสุมชุมนุมกันกระทำการใดการหนึ่งที่ไม่ค่อยจะดีนัก นั่นคือ การแอบเล่นการพนันถั่วโปกัน เด็กวัดโกษาวาสในยุคนั้นก็เช่นกัน เด็กชายสินนั้นตั้งตัวเป็นเจ้ามาตั้งแต่เด็ก เพราะมีความเฉลียวฉลาดกว่า วันหนึ่งเด็กชายสินก็ถูกพระอาจารย์ทองดีจับได้ว่าเป็นหัวโจกในการนำเด็กวัดเล่นการพนันกำถั่วกันที่ลานหลังวัด เด็กคนอื่นๆต้องอาญาวัดเพียงถูกเฆี่ยนด้วยหวายคนละ 2 ทีพอหลาบจำ แต่เด็กชายสินในฐานะลูกศิษย์คนโปรดนั้น พระอาจารย์ทองดีโกรธมาก จนถึงขั้นเมื่อเฆี่ยนแล้ว ก็ให้พระลูกวัดนำไปผูกเชือกมัดติดบันไดวัด ประจานชาวเรือชาวแพทั่วไปด้วยว่าอย่าเอาเยี่ยงอย่าง


พระลูกวัดเอาตัวเด็กชายสินไปผูกไว้ที่บันไดหน้าวัด ที่ระยะขั้นสุดที่น้ำลงไป (ที่อยุธยานั้นน้ำทะเลขึ้นถึงเหมือนในกรุงเทพมหานครปัจจุบัน) ผูกแล้วก็ไม่ใส่ใจว่าเป็นอย่างไร ส่วนพระอาจารย์ทองดีนั้น เมื่อสั่งพระลูกวัดแล้วก็หันไปทำกิจสงฆ์ ทำวัตรสวดมนต์จนค่ำ จึงนึกขึ้นมาได้ว่า เอาเด็กชายสินไปมัดติดบันไดไว้ ตอนนั้นน้ำท่วมบันไดมิดขั้นขึ้นมาอย่างน้อยก็ ๓ - ๔ ขั้น และแน่นอนว่า เด็กชายสินต้องจมน้ำไม่แน่ว่าจะเป็นหรือตาย จึงตกใจและรีบนำพระลูกวัดและลูกศิษย์วัดกรูกันไปที่บันไดหน้าวัด เมื่อไปถึงปรากฏว่าน้ำกำลังท่วมถึงพื้นศาลาและมองไม่เห็นบันไดก็ตกใจยิ่งนัก ร้องเอะอะให้พระลูกวัดและลูกศิษย์ช่วยกันจุดคบเพลิงออกไปช่วยกันค้นหา ในที่สุดก็พบบันไดที่มีร่างเด็กชายสินมัดติดอยู่ ลอยไปติดอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ พระอาจารย์ทองดีนั้นถึงกับขนลุกซู่ที่เห็นปรากฏอย่างนั้น เพราะบันไดท่าน้ำนั้นแข็งแรงมาก ทั้งยังถูกตรึงไว้กับศาลาท่าน้ำอย่างแน่นหนา แต่กลับหลุดออกไปเหมือนมีแรงมหายักษ์ฉุดกระชากลากไป จึงนับว่าเป็นปาฏิหาริย์


มีเกร็ดประวัติศาสตร์เล่าถึงปาฏิหาริย์ตรงนี้ว่า เมื่อน้ำขึ้นมาถึงระดับคอนั้น เด็กชายสินได้ตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่เนื่องจากเป็นเวลาค่ำ และย่านนั้นก็เป็นย่านเปลี่ยว ไม่มีเรือผ่าน จึงไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระทั่งพระหรือศิษย์วัด เพราะทุกคนต่างก็ไม่กล้าเยื้องกรายไปที่ศาลาท่าน้ำ เนื่องจากมีบัญชาจากพระอาจารย์ทองดีว่า ถ้าพบว่าผู้ใดช่วยเหลือแก้มัดเด็กชายสิน จะถูกลงอาญาวัดขั้นหนัก (โทษขั้นหนักคือเฆี่ยนสามยก และไม่รับอุปสมบท ซึ่งเรื่องหลังนี้ผู้ชายทุกคนกลัวมากว่าถ้าไม่ได้บวชเรียนให้พ่อแม่ ตัวเองตกนรก)


เมื่อน้ำท่วมสูงขึ้นมิดศีรษะจึงอธิษฐานว่า แม้ตนเองจะได้เข้าสู่ร่มพระศาสนา ได้สนองคุณบิดามารดาและบิดาบุญธรรมแล้วไซร้ ขอให้ตนรอดจากการจมน้ำตายในครั้งนี้ หลังจากอธิษฐานแล้ว ก็ปรากฏเหมือนมีแรงมหายักษ์จากที่แห่งใดไม่ปรากฏ มากระชากบันไดให้หลุดจากศาลา แล้วลากเอาบันไดที่มีร่างของเด็กชายสินไปไว้ที่ฝั่งตรงข้าม (ปัจจุบันคือที่ตั้งตลาดสดเทศบาลเมืองพระนครศรีอยุธยา) และวัดเชิงท่าแห่งนี้ เมื่อนายสินโตเป็นผู้ใหญ่ เจ้าพระยาจักรีก็ให้บวชอยู่วัดแห่งนี้ และได้จำพรรษาอยู่ถึง ๓ พรรษา (๓ ปี)


และที่วัดแห่งนี้ในตอนเช้าวันหนึ่งของเดือนเมษายน ปีพุทธศักราช ๒๒๙๙ ภิกษุสิน กับภิกษุบุญมา (รัชกาลที่ ๑) เดินบิณฑบาตสวนทางกับซินแสที่ประตูวัด ซินแสนั้นมาแต่ใดไม่ปรากฏ เอ่ยปากร้องทักแล้วว่าจะดูโชคชะตาให้ ภิกษุทั้งสองไม่ยอมให้ดูเพราะผิดหลักศาสนา ซินแสจึงขอดูโหงวเฮ้งให้ แล้วทำนายว่า ภิกษุทั้งสององค์จะได้เป็นกษัตริย์ ซึ่งภิกษุทั้งสองถึงกับหัวเราะแล้วพูดว่าเรื่องอย่างนี้ตายไปสิบชาติก็เป็นไปมิได้ ซินแสก็ยังยืนยันอีกครั้งว่า เมื่อใดที่มีเหตุการณ์ปรากฏ ก็จะพบว่าสัมพันธภาพของทั้งสองท่านจะจางหายไป ภิกษุทั้งสองรูปก็เดินเข้าวัดแต่เมื่อภิกษุสินหันกลับมามองก็ปรากฏว่าซินแสตนนั้นหายไปแล้ว


ขอย้อนหลังไปเมื่อเด็กชายสินอายุได้ ๑๖ ปี ต้องทำพิธีตัดเปีย งานนี้จัดโดยเจ้าพระยาจักรี วันพิธีมีผึ้งหลวงนับจำนวนหมื่นตัวมาเกาะที่เบญจารดน้ำที่ใช้ในพิธีตัดเปีย นานถึง ๗ วัน แล้วก็บินหายไป เจ้าพระยาจักรีนั้นปลื้มใจยิ่งนักที่บุตรบุญธรรมของตนเป็นผู้มีบุญมาเกิด ก่อนที่เจ้าพระยาจักรีจะนำนายสินมาบวชพระที่วัดโกษาวาสนั้น ได้นำไปบวชเณรที่วัดสามวิหาร ด้วยประสงค์ให้เรียนรู้เพิ่มเติมจาก "พระอาจารย์พัด" ที่มีวิชาแก่กล้าเชิงอาวุธ เลขยันต์ ศักดิ์สิทธิ์จนครบทุกเรื่องราว จึงมาบวชที่วัดโกษาวาสดังกล่าว


เมื่อลาสิกขาเพศออกมา เจ้าพระยาจักรีก็พานายสินเข้ารับราชการในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ราชการจนตกมาถึงรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็น "หลวงยกกระบัตรเมืองตาก" และได้ตำแหน่ง "พระยาตาก" ครองเมืองตากในเวลาต่อมา ซึ่งชาวบ้านขนานามท่านว่า "พระยาตากสิน" ท่านได้สร้างจวนที่พักขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำปิงฝั่งตะวันตก เรียกว่า "ตำหนักสวนมะม่วง" ใกล้ๆกับตำหนักสวนมะม่วง มีวัดอยู่บนเนินเรียกว่า "วัดเขาแก้ว" วันหนึ่งพระยาตากได้มาทำบุญที่วัด และอธิษฐานบารมีไว้ว่า "ข้าพเจ้าจะเอาไม้สำหรับตีระฆังนี้ ขว้างไปที่ถ้วยแก้ว ถ้าบารมีจะถึงแก่บรมสุขได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน (ตามคำทำนายของซินแส) ขอให้ไม้เคาะระฆังนี้ ไปถูกเฉพาะตรงเท้าถ้วยแก้วที่คอดกิ่วนั้นให้หักออกไปแต่ตัว ถ้วยแก้วนั้นขออย่าให้เป็นอันตราย ข้าพเจ้าจะเอาถ้วยแก้วนี้มาทำพระเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและถ้าบารมีของข้าพเจ้าไม่ถึงบรมสุขแล้ว ก็ขออย่าให้ไม้นี้ไปถูกถ้วยแก้วนั้นเลย" เมื่อสิ้นอธิษฐานเสี่ยงบารมีแล้ว ก็ขว้างไม้เคาะระฆังออกไปที่ถ้วยแก้ว ไม้นั้นไปถูกเท้าถ้วยแก้วหักออกเป็นสองส่วน และถ้วยแก้วก็มิได้เป็นอันตรายใด ๆ ตามคำอธิษฐานทุกประการ ....


เรื่องในลำดับต่อไปนั้น เรา ๆ ท่าน ๆ คงทราบกันอยู่แล้วว่าคำทำนายซินแสแม่นยำหรือไม่ และคำอธิษฐานของท่านถูกต้องหรือไม่แต่ประการใด....



ข้อมูล : เรื่องเล่าชาวเมืองสยาม/ Songsak Saiyood ,
นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์/ไม่ปรากฏชื่อเอกสารอ้างอิง










Create Date : 20 กันยายน 2557
Last Update : 20 กันยายน 2557 14:06:33 น. 0 comments
Counter : 4299 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.