อะกิระ มากิโนะ หนึ่งในผู้ช่วยแพทย์เล่าถึงเหตุการณ์ในวันแรกที่เขาถูกส่งตัวไปทำงานในหน่วย 731 ว่า เชลยถูกนำตัวมามัดติดบนเตียงผ่าตัด พวกเขารู้ตัวว่าวาระสุดท้ายได้มาถึงแล้ว หากแต่สิ่งที่เชลยยังไม่รู้คือพวกเขาจะถูกผ่าแยกร่างทั้งเป็นโดยไม่มีการวางยาสลบ ทันทีที่แพทย์หยิบมีดหมอ เชลยก็ส่งเสียงร้องตกใจ แพทย์กรีดมีดจากหน้าอกยาวลงไปถึงหน้าท้อง ผู้เคราะห์ร้ายดิ้นทุรนทุราย ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด สาเหตุที่ไม่มีการใช้ยาสลบก็เนื่องจากอิชิอิเกรงว่าฤทธิ์ยาสลบอาจมีผลต่อการ ทำงานของอวัยวะ ทำให้ไม่สามารถเรียนรู้การทำงานของอวัยวะได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
อิชิอิยังทำการทดลองแผลง ๆ อีกมากมายหลายอย่าง เช่น การตัดอวัยวะออกจากร่างแล้วต่อกลับเข้าไปใหม่แต่สลับข้าง การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะจากคนหนึ่งไปให้อีกคนหนึ่ง การสอดท่อเข้าทวารหนักแล้วอัดอากาศเข้าไปจนอวัยวะภายในระเบิด การทดสอบอานุภาพของระเบิดมือโดยใช้คนเป็นเป้า และการทดลองอื่น ๆ อีกมากมายที่เกินความคาดคิดของคนทั่ว ๆ ไป
-- อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ --
หน่วย 731 เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการลับที่ใช้ชื่อบังหน้าว่าศูนย์วิจัยโรคระบาดและ ผลิตน้ำสะอาด ยังมีหน่วยอื่นๆเช่นหน่วยศึกษาและวิจัยการเพาะเชื้อโรค นักโทษหญิงถูกฉีดเชื้อซิฟิลิสเข้าร่างแล้วบังคับให้หลับนอนกับนักโทษชาย หากนักโทษคนใดขัดขืนคำสั่งจะถูกยิง อิชิอิเฝ้าดูอาการของผู้ได้รับเชื้อโรค ทำการจดบันทึกการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายในระยะต่าง ๆ จนกระทั่งพวกเขาเสียชีวิต
นักโทษบางคนถูกจับให้ยืนแหงนหน้าอ้าปากในที่โล่งแจ้งโดยไม่รู้ตัวว่าอิชิอิได้โปรยเชื้อโรคเข้าใส่เพื่อทำการทดลองว่าเชื้อโรคชนิดนั้นสามารถแพร่กระจายโดยทางอากาศได้หรือไม่ เมื่อผลการทดลองเป็นบวก อิชิอิได้ทำการทดลองขั้นต่อไปโดยการสร้างระเบิดชีวภาพ เขาปล่อยเชื้อโรคลงในแหล่งน้ำของหมู่บ้านหลายแห่ง ส่งผลให้เกิดโรคระบาดมีผู้คนเสียชีวิตราว 400,000 คน
การทดลองระเบิดชีวภาพได้ถูกระงับชั่วคราวหลังจากที่ประสบความล้มเหลวใน การทดลองครั้งที่ 5 เมื่ออิชิอิยิงระเบิดชีวภาพเข้าใส่หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง กระแสลมได้เปลี่ยนทิศกะทันหันโดยไม่ทันตั้งตัว ลมหอบเอาเชื้อโรคโหมเข้าใส่กองทหารญี่ปุ่นทำให้ทหาร 1,700 นายเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ผลการทดลองพิสูจน์แล้วว่าระเบิดชีวภาพมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างสูงอย่าง เหลือเชื่อ กองทัพญี่ปุ่นวางแผนที่จะใช้อาวุธชีวภาพบรรจุใส่บอลลูน 200 ลูก ปล่อยมันขึ้นจากเรือดำน้ำใกล้กับชายฝั่งด้านตะวันตกของสหรัฐ กระแสลมจะทำหน้าที่พัดบอลลูนเข้าสู่แผ่นดิน หากแผนการนี้สำเร็จจะมีคนเสียชีวิตเพราะโรคระบาดจำนวนหลายล้านคน
-- ชั่วร้ายเกินกว่าจะถูกทำลาย --
นับว่ายังโชคดีที่ญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่จะมีการนำอาวุธชีวภาพมาใช้ อิชิอิสั่งให้สังหารเชลย 150 คนที่เหลืออยู่ในหน่วย 731 เพื่อปิดปากไม่ให้มีพยานและสั่งเจ้าหน้าที่ทุกคนห้ามเอ่ยถึงเรื่องราวที่ เกิดขึ้นในหน่วย หาไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะส่งคนไปตามล่าสังหารผู้ที่ปากโป้ง เขาไม่ลืมที่จะสั่งให้ทหารทำลายหลักฐานและอาคารสำคัญ ๆ ทิ้ง จากนั้นอิชิอิก็เดินทางกลับไปซ่อนตัวในประเทศญี่ปุ่น ถึงกระนั้นสหรัฐฯ ก็ยังคงสามารถสืบทราบปฏิบัติการลับยิ่งกว่าลับของฝ่าย ญี่ปุ่น จากข้อมูลที่ระบุว่าอิชิอิประสบความสำเร็จในการทดลองหลายอย่าง เช่น การรักษาโรคหิมะกัด ความรู้ด้านการติดเชื้อและการแพร่กระจายของโรคระบาด ตลอดไปจนถึงการสร้างระเบิดชีวภาพ ทำให้สหรัฐฯ มีความสนใจต้องการนำความรู้เหล่านี้มาใช้เป็นประโยชน์ทางการทหาร อีกทั้งยังระแวงว่าหากความรู้เหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของประเทศอื่นโดยเฉพาะ รัสเซียจะเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อครั้งที่ เยอรมันยอมแพ้สงครามแล้วส่งมอบเทคโนโลยีการสร้างขีปนาวุธ V2 ให้กับรัสเซีย ด้วยเหตุนี้เองพลเอกดักลาส แมคอาร์เธอร์ จึงได้มอบหมายให้พลโทเมอร์เรย์ แซนเดอร์ ไปทำการเจรจากับอิชิอิ ยื่นข้อเสนอให้ส่งมอบข้อมูลงานวิจัยทั้งหมดเพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ดำเนิน คดีในข้อหาอาชญากรสงคราม ซึ่งแน่นอนว่าอิชิอิยอมรับข้อเสนอแต่โดยดีและเชื่อกันว่าอิชิอิยังได้ทำงาน วิจัยด้านอาวุธชีวภาพร่วมกับสหรัฐในรัฐแมริแลนด์และนำอาวุธชีวภาพนี้ไปใช้ใน สงครามเกาหลีหากแต่บุตรสาวของอิชิอิปฏิเสธข้อ้างดังกล่าว โดยระบุว่าบิดาของเธอใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นตลอดเวลา
ตลอดระยะเวลา 60 ปี สหรัฐให้ความร่วมมือปกปิดการมีตัวตนของหน่วย 731 ไม่มีเจ้าหน้าที่แม้แต่คนเดียวถูกดำเนินคดีแม้จะมีเชลยอย่างน้อย 12,000 คนเสียชีวิตในที่แห่งนี้ เพราะพวกเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะสงคราม ปัจจุบันหน่วย 731 ถูกขนานนามว่าเป็น โรงงานแห่งความตาย
ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 6 ฉบับ 301 วันที่ 5 - 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 หน้า 36-37 คอลัมน์ ร้ายสาระ โดย ศิลป์ อิศเรศ