กุมภาพันธ์ 2557

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
 
 
28 กุมภาพันธ์ 2557
คนเดียวเที่ยว New York
การเดินทางไกลข้ามโลกคนเดียวครั้งแรก ไปยังมหานคร NEW YORK ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนอยากจะไปเหยียบย่ำสักครั้งหนึ่งในชีวิต....NEW YORK ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยงามแค่ไหน มาตามไปชมกันแบบชิลชิลว่า NEW YORK นอกสายตาเรา เมืองที่ไม่อยู่ในแผนการเดินทางของเราเลย กับการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวเดือนกว่าๆ ในมหานครแห่งนี้ว่าจะเป็นอย่างไร NEW YORK นอกเส้นทาง จะเจอกับเหตุการณ์ตื่นเต้นอะไรบ้างนั้นต้องติดตามอ่านไปเรื่อยๆ



New York ในความคิดของใครหลายคนคงเป็นเมืองใหญ่ที่ดูสับสนวุ่นวาย เราก็คิดเช่นนั้น NEW YORK ไม่ได้อยู่ในแผนการเดินทางของเราเลย เพราะคิดว่ามันไกลและแพงแน่ๆ บินกันข้ามโลกเลยทีเดียว และด้วยความเบื่อส่วนตัว อยากพักจากการทำงาน อยากจะไปเปิดโลกไกลๆ ดูบ้าง และที่สำคัญเรามีเพื่อนพำนักอยู่ที่นั่น กับข้อเสนอของเพื่อนรักที่จะให้ที่พักฟรี งานนี้จากไม่เคยคิดจะไปก็เริ่มต้นคิด แต่น่าจะเป็นเหตุผลรองมากกว่า เพราะจริงๆ เราตั้งใจวัดดวงกับตัวเองไว้ว่าถ้าไปทำ VISA อเมริกาผ่าน เราจะลาออกจากงานและไปเที่ยวอย่างเดียวเลย ในชีวิตคนเรามีหลายอย่างที่อยากทำ แล้วนี่คือหนึ่งในหลายอย่างที่เราอยากทำ ถึงแม้ว่าหลายคนจะห้ามปรามกับการทำอะไรที่คิดไม่ค่อยเยอะของเรา แต่ก็นะถ้าอยากทำก็ต้องลองดูสักครั้ง จากจุดเล็กๆ แค่วีซ่าผ่านก็จะลาออกจากงานไปเที่ยว!! ทำให้เราออกเดินทางไกลไปอีกซีกโลกหนึ่ง มาตามติดการเดินทางแบบเรื่อยเปื่อยใน "NEW YORK นอกสายตา..." เที่ยว NEW YORK คนเดียวแบบชิลๆ ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีไปด้วยกันนะ



ตั้งตั้งต้นเก็บข้อมูลการทำ VISA อเมริกาตั้งแต่ต้นปี 56 หลายคนคงรู้กันมาบ้างว่ากว่าจะได้ VISA อเมริกานั้นหินอยู่เหมือนกัน เราก็หาข้อมูลจากในพันทิปนี่แหละ ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมตัว เรื่องเอกสารขั้นตอนต่างๆ ลองอ่านในกระทู้นี้เลย //topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2012/05/H12047221/H12047221.html คุณ huytumhuy มารีวิวไว้ เป็นประโยชน์มากจ้า ละเอียดทุกขั้นตอน เยี่ยมมาก หรือเข้าไปดูในเว๊บของสถานฑูตอเมริกาก็ได้จ้า //thai.bangkok.usembassy.gov/ เรามาเล่าเรื่องตอนที่ไปทำวีซ่าให้รู้กันดีกว่า เราก็เตรียมเอกสารตามที่รายละเอียดในเว๊บสถานทูตบอกไว้ พอถึงวันนัดสัมภาษณ์ เราก็ไปตามเวลาที่นัดไว้ ผ่านด่านฝากของห้ามเอาโทรศัพท์เข้าไป เจ้าหน้าที่เก็บใบกรอก VISA DS-160, ใบรับรองการทำงาน, รูปถ่าย, Passport ของเราไปเท่านั้น จากนั้นก็จะต้องไปจะตรวจข้อมูลใน DS-160 ตรงห้องกระจก เป็นการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นที่เรากรอกไว้ จากนั้นถึงจะได้ผ่านเข้าไปยังอีกห้องหนึ่ง รอคิวเรียก แล้วก็มาถึงวินาทีตื่นเต้นที่จะรู้ละว่า VISA จะผ่านหรือไม่ ระหว่างนั่งรอเราก็สังเกตคนอื่นๆ ที่สัมภาษณ์บางคนก็โดนสัมภาษณ์อยู่นานมาก บางคนก็แป๊บเดียว แล้วก็มาถึงคิวเรา ตอนนั้นในหัวเตรียมภาษาอังกฤษถูๆไถๆของเราไปประมาณนึง เราเจอคนสัมภาษณ์น่าจะเป็นคนแถบเอเชียไม่ใช่คนไทย แต่พูดภาษาไทยได้ เป็นผู้หญิง เค้าก็พลิกๆ ดู PASSPORT เรา แล้วก็ถามเป็นภาษาไทย ไปกี่วัน ไปทำอะไร เคยไปไหนมาบ้าง แค่นี้ แล้วบอกเราให้ไปซื้อซองใส่ไปรษณีย์ข้างนอก เอิ่ม....ข้อมูลคำตอบที่เตรียมมาแทบไม่ได้ใช้ เวลาอันตื่นเต้นไม่ถึง 2 นาทีก็ผ่านไปแบบงงๆ แล้วตกลงVISA ผ่านหรือป่าวเนี่ย? แต่ดูจากสถานการณ์ละ ถ้าคนไม่ผ่านเค้าจะคืนPASSPORT มาให้เลย เดินอมยิ้มออกมาจากสถานทูต รอล้นว่าจะได้ VISA กี่ปี ซึ่งก็ได้ VISA ท่องเที่ยวมา 10 ปี จนได้...



และแล้วการเดินทางก็เริ่มต้นเราใช้บริการสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ญี่ปุ่น ตอนไปเช็กอินกระเป๋าเราบอกให้เค้าทรานซีสไปถึง NEW YORK เลย เราเลือกเดินทางต้นเดือนตุลาคม เพราะเราอยากจะไปชม NEW YORK ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนตุลา-พฤศจิกา ก็จะได้เห็นบรรยากาศเช่นรูปนี้ นี่คือที่ CENTRAL PARK สวนสาธารณะชื่อก้องโลก







บนเครื่องไป NEW YORK เรากิน นั่งๆ นอนๆ ดูหนัง ใช้เวลาบินรวมเปลี่ยนเครื่องก็ประมาณ 22 ชั่วโมง เอาล่ะความตื่นเต้นมาเยือนอีกครั้ง ตอนต้องผ่านตม.ของเมกานี่แหละ อ่านมาเยอะ บางคนก็โดนส่งกลับก็มีนะ เราก็เกิดอาการกลัวเหมือนกัน มาคนเดียวด้วย ภาษาก็ไม่แข็งแรง ยืนต่อแถวกันเมื่อยใช้เวลาเกือบชั่วโมง กว่าจะถึงคิว เราโดนตม.ถามมากับใคร Alone มาทำอะไร เราก็บอก I travel by my self ถูไถไป ลุ้นกันไปสุดท้ายได้ประทับตราให้อยู่ได้ 6 เดือน อ๊ะ..อ๊ะ ยังไม่จบแค่นั้นผ่านด่านนี้ละจะไปได้เลย ต้องถึงด่านไปเอากระเป๋าก็จะเจอกับเจ้าหน้าที่ผิวเข้มหุ่นยักษ์คอยเก็บใบที่ให้เราเขียนว่ามีอาหารมาด้วยหรือไม่ เราก็เขียน No หมดุกช่อง แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อเราอะดิ พูดกับเราว่า Your bag many food เฮ้ย...เฮ้ย!! รู้ได้ไงเนี่ย? เราก็ทำหน้าแบบฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง ตอบ No No อย่างเดียว555 แต่ไงก็ไม่รอด คุณเจ้าหน้าที่ชี้นู้น Go to this way and open your bag. โอ้แม่เจ้าจะทำเช่นไรในกระเป๋าเนี่ยมีทั้งหมึกหยอง หมึกกรอบ ทุเรียนทอด ของโปรดคุณเพื่อนรัก ถ้าเปิดให้ตรวจโดนยึดหมดแน่ ก่อนเปิดกระเป๋าเจ้าหน้าที่อีกคนถาม What food in your bag? เราตอบ Snack พ่อคุณยังมาเล่นลิ้นกับเรา Snake or Snack เอ่อ...เราก็ได้แต่ยิ้มอย่างดียว แต่พอเราเปิดกระเป๋าก็มีขนมโมจิที่ซื้อในเซเว่นหล่นมาก่อน เจ้าหน้าที่เห็นเช่นนั้นก็ Ok ok ไปได้ เรารีบปิดกระเป๋าเลย เพราะกลิ่นปลาหมึกซึ่งอบอยู่ในกระเป๋ากว่าวันนึงกำลังจะส่งกลิ่นทังที่เอาใส่ในกระอับสูญญากาศแล้วนะ รอดตัวไปอย่างทุกลักทุเล จริงๆ แล้วเมกาห้ามนำอาหารเข้ามา ตรวจเจอก็ถูกยึด อันนี้ก็ถอว่าโมจิช่วยชีวิตไว้แท้ๆ




Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 3 มีนาคม 2557 18:46:18 น.
Counter : 844 Pageviews.

2 comments
  
เก่งจังเลยค่ะ
ความฝันเราเลย อยากไปเที่ยวคนเดียวไกลๆบ้าง
รอติดตามอ่านนะคะ
โดย: meddytale วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:23:06:29 น.
  
ขอบคุณนะคะ ติดตามอ่านกันไปเรื่อยๆ นะ
โดย: muayleklek วันที่: 3 มีนาคม 2557 เวลา:18:52:52 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

muayleklek
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]