Simple and Smart

อายุที่เริ่มเข้าเลข 3 ถ้าไม่มีความประมาทจนเกินไปผมคิดว่าเราควรจะรู้จักตัวเองมากขึ้น รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ชอบทำงานแบบไหน

ตัวผมเองหลังจากเรียนจบในสายวิศวกรรม ก็ได้เริ่มทำงานตามสายงานที่ได้ร่ำเรียนมาค้นหาตัวเอง ช่วงแรกก็ทำงานโรงงานก่อน ต่อมาทำงานที่เป็นสายไซด์งานรับเหมาก็สร้าง และมาสู่จุดที่เป็นงานขาย (Sales Engineer) ในตอนนี้

ผมเริ่มจากงานที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์ถือเป็นงานการผลิต ถ้าไม่ได้รวมถึงเนื้องาน ผมได้อะไรเยอะเหมือนกันแม้ว่าจะไม่ได้ทำงานนาน แต่ได้เรียนรู้ด้าน สังคม และได้ค้นพบว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานที่ทำอะไรเป็นเวลาตอกบัตร ทำอะไรตามแบบแผนไม่ได้ใช้ความคิดเป็นของตัวเอง

ต่อมาเปลี่ยนงานมาสูธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในส่วนของงานติดตั้งงานระบบเครื่องกล ตามที่ได้เรียนได้อยู่ไซด์งาน การทำงานกับบริษัทญี่ปุ่น ได้ทำงานกับคนญี่ปุ่นจริงๆ เรียนรู้วิธีคิด วิธีการทำงาน วัฒนธรรมการทำงาน ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานกับคนจำนวนมากหลายระดับ จนไปถึงคนงาน เรียนรู้วิธีการวางแผน แก้ปัญหาเฉพาะหน้า การบริหารคน ให้งานเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งผมได้อยู่กับที่นี่เป็นเวลาพอสมควร ประมาณ 3 ปีกว่า

หลังจากทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานปฎิบัติการก็เริ่มเปลี่ยนมาทำงานที่เป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจ ก่อนที่จะมีการผลิตสินค้า  ก่อนที่จะมีการก่อสร้าง ทุกอย่างเริ่มต้นจากงานขาย ซึ่งบริษัทที่ผมทำเป็นบริษัทอเมริกัน รูปแบบการทำงานจะแต่ต่างจากการทำงานแบบญี่ปุ่นพอสมควร ต้องปรับตัวมาก แต่ก็ได้มุมมองอะไรเพิ่มขึ้น ได้ฝึกการใช้ภาษาอังกฤษ

โดยส่วนตัวตัวผมจะชอบศึกษาหาความรู้เรื่องการลงทุน ธุรกิจ งานขายเป็นต้นทุนเดิมอยู่แล้วการเปลี่ยนสายการทำงานจึงมีสาเหตุจากการมีเป้าหมายระยะยาวโดยเป้าหมายของตัวเองนั้นคือเป็นนักธุรกิจ นักพัฒนาที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งไม่ว่าตั้งใจทำธุรกิจอะไร ทำจะต้องเริ่มจากงาน ขายและ Connection เสมอ การทำงานก็เลยมุ่งเน้นไปทางนี้ และมันก็ไปได้ดีในการทำงานด้วยเพราะเหมือนจะทุ่มเทในการทำงานผิดปรกติ(แต่ก็ทำงานให้กับบริษัทเต็มที่ในเวลางาน)

หลังจากได้ทดลองในสายงานจนเห็นภาพรวมของงาน ถึงจะมีบางสายที่ได้ยังไม่ได้เข้าไปลอง แต่ได้สัมผัสทำงานร่วมกันอยู่จึงสามารถกำหนดกรอบของตัวเองในวงการ อสังหาริมทรัพย์ อยู่ในหมวดงานปรับอากาศ

ทางเดินด้านอาชีพนับจากนี้ไป ก็ได้เห็นภาพเส้นทางที่ชัดเจนมากขึ้น ถึงแม้เวลาในการสร้างพิมพ์เขียวในชีวิตจะยาวนาน แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นคือการลงมือทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้ความพยายามทั้งหมดเห็นผล