ตามหลักฐานเดิมสันนิษฐานกันว่า มีอายุในราวสมัยอู่ทอง เนื่องด้วยขณะนั้น ยังไม่ได้มีการศึกษาค้นคว้า จึงเชื่อกันอย่างนั้นเรื่อยมา เมื่อมีการศึกษาค้นคว้าในระยะหลัง ๆ ทำให้ทราบได้ว่า วัดป่าเลไลยก์ น่าจะมีอายุไม่น้อยกว่า ๑๐๐๐ ปีขึ้นไป โดยมีหลักฐานต่าง ๆ จากโบราณวัตถุเป็นข้อสนับสนุนอ้างอิง เพียงพอที่จะตั้งเป็นสมมติฐานใหม่ขึ้นได้
จริง ๆ เคยอัพบล็อกวัดนี้ไปแล้ว เมื่อปี ๒๕๕๖ พอเข้าไปดูบล็อกเมื่อเร็ว ๆ นี้ รูปหายเกลี้ยง เพราะฝากรูปไว้กับเว็บ
คงเว็บล่มหรือหมดอายุ... ครั้งนี้ เรามาวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙
วันนี้มากับปะป๊าแค่สองคนค่ะ
ตราพระราชลัญจกร พระมหามงกุฎ ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่หน้าบันพระวิหารหลวงพ่อโต
องค์ต้นแบบหลวงพ่ออู่ทอง พระพุทธรูปแกะสลักภูผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จุดธูปไหว้พระที่ด้านนอกพระวิหาร
หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ เป็นพระก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ มีความสูงถึง ๒๓.๔๗ เมตร สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีลายพระหัตถ์ถึงศาสตราจารย์หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากรว่า "พระพุทธรูปป่าเลไลยก์ เป็นของเก่าก่อนวัตถุอื่น ลักษณะทันสมัยอู่ทอง และสร้างเป็นพระพุทธรูปปางแสดงพระธรรมจักรเหมือนอย่างพระประทานที่พระปฐมเจดีย์ มีกุฏิครอบเฉพาะองค์พระ มาร้างวิหารต่อชั้นหลัง ส่วนองค์พระนั้นเคยชำรุดถึงพระกรหักหาย คนชั้นหลังปฏิสังขรณ์ เมื่อมีความรู้เรื่องพระแสดงปฐมเทศนาสูญเสียแล้วจึงทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ความกล่าวในข้อนี้ยังมีข้อสังเกตด้วยพระกรเล็กกว่ากันเกือบข้างหนึ่ง และซุ้มเดิมที่สร้างวิหารก็ยังปรากฏอยู่ "
ตามที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระวินิจฉัยว่า หลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ มีอายุทันสมัยอู่ทองนั้นมีความจริงอยู่บ้าง โดยความเป็นจริงแล้วอาจจะสูงกว่าสมัยอู่ทองขึ้นไปถึงสมัยลพบุรีและทวารวดีเสียด้วยซ้ำไป เมื่อ พ.ศ. ๑๗๐๖ พระเจ้ากระแต ผู้ซึ่งมีเชื้อสายนเรศวรหงสาววดีพาไพร่พลมาครองราชย์ที่เมืองพันธุมบุรี ได้ให้มอญน้อยเป็นเชื้อสายพระวงศ์ของพระองค์ ไปสร้างวัดสนามไชยแล้วมาบูรณะ วัดป่าเลไลยก์ในวัดลานมะขวิด แขวงเมืองพันธุมบุรี เมื่อข้าราชการบูรณะวัดแล้วพากันออกบวชเสียสิ้นสองพันคน จึงขนานนามเมืองใหม่ว่า เมืองสองพันบุรี พระเจ้ากาแตอยู่ในราชสมบัติ ๔๐ ปี สวรรคต พ.ศ. ๑๗๔๑ ซึ่งในช่วงนี้อยู่ในสมัยลพบุรี
โดยพุทธลักษณะของหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ พระพักตร์มีเค้าเป็นศิลปะอู่ทองกลาย ๆ เพราะพระหนุ (คาง) เป็นเหลี่ยม ความเป็นจริงแล้วพระหนุเป็นเหลี่ยม นี่ส่อเค้าให้เห็นว่าได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะทวารวดี
หลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ได้รับการบูรณะถึง ๓ ครั้ง ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๑๗๐๖ โดยมอญน้อย ครั้งที่ ๒ ในสมัยอยุธยาตอนปลาย สมเด็จพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์) กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดให้พระยาสีหราชเดโชไชย ไปสร้างวิหารวัดป่าเลไลยก์ ครั้งที่ ๓ ในรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้พระยานิกรบดินทร์ มาบูรณะปฏิสังขรณ์
การบูรณะปฏิสังขรณ์ในรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นั้น สืบเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในขณะที่ยังไม่ได้ครองราชย์ พระองค์ทรงผนวช ได้เสด็จธุดงค์มาจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อนมัสการหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ทรงพบเห็นวัดป่าเลไลยก์รกร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา และปกครองวัด จึงทำให้สภาพของวัดป่าเลไลยก์เสื่อมโทรมมาก เมื่อเข้านมัสการหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ แล้วทรงอธิษฐานว่า ถ้าหากได้ขึ้นครองราชย์เมื่อใดก็จะมาบูรณะปฏิสังขรณ์ถวาย เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้พระยานิกรบดินทร์มาบูรณะปฏิสังขรณ์วัดป่าเลไลยก์ โดยขุดคลองตั้งแต่วัดประตูสาร ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณ ล่องแพซุงเข้าไปจนถึงวัดป่าเลไลยก์ สร้างหลังคาข้างละสองชั้น ทำฝาผนังรอบนอก รวมหลังคาพระวิหาร ข้างละ ๕ ชั้น พร้อมซ่อมองค์หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ด้วย สร้างพระพุทธรูปไว้อีก ๒ องค์ อยู่ในวิหารเบื้องหน้าหลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ทั้งซ้ายและขวา ประดิษฐานตราพระมงกุฏอยู่ที่หน้าบันพระวิหารเป็นเครื่องหมาย
//www.watpasuphan.com
//www.suphan.biz/Watpalalai.htm
เจอในวิหารนี่ล่ะค่ะ สีและหน้าตา คล้ายหนูดี (แมวบ้านเรา) มาก
ตามป้ายบอกว่า หลวงพ่อโสธร ร.๔ โปรดให้สร้างขึ้นคู่บารมีหลวงพ่อโต พระพักตร์ไม่เหมือนกันเนาะ
พระพุทธชินราช ?
ด้านข้างพระวิหารค่ะ
พระพุทธเชียงแสน สิงห์ ๑ ปิดทองหนามาก
ไม่ได้เก็บภาพระฆังทั้งใบมา ถ่ายมาแค่นี้ค่ะ
เจดีย์ด้านหน้าพระวิหาร
แม่ลูกคู่นี้ อยู่ข้างระเบียงคด
รอบระเบียงคดพระวิหาร มีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงตอนสุดท้าย
ไม่ได้เก็บภาพมาทั้งหมด ไม่ได้เรียงตามลำดับนะคะ
ชมภาพจิตรกรรม และอ่านนิทานเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ได้ที่นี่ค่ะ
ไม่ได้นับว่ามีทั้งหมดกี่ภาพ ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนจบ
ขุนช้างแน่นอน
พระแม่ลักษมี
๑๕.๒๐ น. วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ แดดแจ่ม ฟ้าสวยเลยค่ะ
วิหารหลวงพ่อดำ อยู่ด้านหลังวิหารหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ ตามตำนานเล่าว่า หลวงพ่อดำมีมาก่อนหลวงพ่อโต
บริเวณด้านหน้าหลวงพ่อดำมีหินเสี่ยงทายสองก้อนให้อธิษฐานเรื่องที่ปรารถนา ถ้ายกหินขึ้นแสดงว่าจะสมหวัง
ไม่แน่ใจว่ามีการยกพื้นหรือเปล่า เพราะทางเดินเข้าวิหาร ต่ำเตี้ยมากต้องเดินก้มเข้าไป
ภายในแคบมากค่ะ
ลาวัดป่าเลไลยก์ ด้วยภาพนี้ค่ะ
สมัยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว จะไปวัดนี้บ่อยมากๆคะ
ประมาณเดือนละครั้ง
เพราะเกิดวันพุธกลางคืน
และมีน้องที่รู้จักอยู่ที่นั่น..