Group Blog All Blog
|
Back Packing Track : Walking Dead in Singapore #2 WALKING DEAD in SINGAPORE :ทริปสิงค์โปร์ 3 วัน 4 คืน ที่ออกแบบเองจริง เที่ยวจริง โง่จริง และน่องโตขึ้นจริงๆ ทั้งหมดนี้ คือความทรงจำ-คำสารภาพ-และจุดเริ่มต้นการเดินทางแบบลูกผีลูกคนของสองนักแบกกระเป๋าน่องปูด ผู้มีอุดมการณ์กึ่งเท่กึ่งทุยที่ว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด!
***หมายเหตุ: โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะนี่ เป็นบันทึกแรกของแบ็คแพคเกอร์มือใหม่หมาดๆ ที่เพิ่งแบก(สัม)ภาระเต็มร้อยขึ้นบ่าเดินทางเป็นครั้งแรก สู่ภาคตะวันออกของประเทศสิงคโปร์ และได้พิสูจน์แล้วว่า คำสบประมาทของคุณบิดาประเภท สิงคโปร์ เที่ยววันเดียวก็รอบเกาะได้ หรือสิงคโปร์ไม่เห็นมีอะไร ...มันเอ้าท์ไปนานมากแล้วค่า ตอนที่ 2 : ผูกอู่ตามใจผู้นอน...จะดีเรอะ?
เจ็ดวันสุดท้ายก่อนเครื่องออก... พอหมวกและคุณพับไก่รู้ว่าจะไปไหนกันบ้างเท่านั้นแหละ... เราก็เริ่มนึกอยากเตะตัวเอง (จริง ๆ อยากเตะกันและกันมากกว่าเพื่อไม่ให้ดูบ้าจนเกินไป)
เรื่องโง่อันดับที่หนึ่งเกิดขึ้นเมื่อเราตกลงจองที่พักที่ Rucksack Inn บนลาเวนเดอร์ สตรีท เหนือย่านลิตเติ้ลอินเดียนิดๆ เว็บไซต์อันงดงามของ Rucksack >> //www.rucksackinn.com/lavender.php ทางไปหาพวกนาง >> //www.rucksackinn.com/pdf/rucksack-lavender-pdf RucksackInn เป็นโรงแรมห้องแถวสองบล็อก เปิดให้เช่าห้องพักราคาปานกลางซึ่งดีไซน์มา สำหรับแบคแพ็คเกอร์โดยเฉพาะ ห้องนอนที่นี่เป็นห้องรวมปรับอากาศแยกหญิงชาย ที่ผนังห้องติดตั้งเตียงสองชั้นแบบ Build-in มีม่านรูดปิดที่ด้านข้างเตียง แต่ละช่องมีไฟกับปลั๊กส่วนตัวติดแยกของใครของมัน ลึกเข้าไปใต้เตียงชั้นที่หนึ่งเป็นตู้ล็อกเกอร์เพดานต่ำติดเลขหมายประจำเตียงไว้ที่บานประตู เดินเลยโซนห้องนอนไป เป็นห้องอาบน้ำติดฝักบัวสองห้อง มีราวตากผ้าเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ... ทรัพย์สินอยู่ดี ชีวีปลอดภัย ตึกบล็อกถัดมาเป็นห้องนั่งเล่นโทนน้ำตาลอุ่นๆ ตรงมุมห้อง บนเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ น่ารักโฮสต์ของโรงแรมจะเตรียมขนมปังแถวนึงกับกระปุกแยมสตรอว์เบอรี่ตั้งไว้ยาใจคนยากทุกเช้า แบ็คแพ็กเกอร์คนไหน มีเสบียงติดตัวมา จะฝากแช่อาหารในตู้เย็นโรงแรมก็ย่อมได้หรือจะหยิบขนมปังแผ่น,ซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากครัว ติดออกไปเที่ยวด้วย ก็ได้อีกเหมือนกัน
ในยามเช้า ห้องนี้คือที่ที่คนจะมานั่งกินข้าวและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวกันและกัน พอตกดึก ห้องสันทนาการนี้ก็จะเต็มไปด้วยผู้เข้าพักนานาชาติจากเวียดนาม จีน ยุโรปตะวันออก และมุมอื่น ๆ ของโลก จับกลุ่มดูทีวี เล่นเน็ต เล่นดนตรี ไม่ก็คุยเรื่องประเทศตัวเอง... ช่างเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นละมุนละไม
เรื่องโง่เง่าอย่างเดียวเกี่ยวกับที่นี่ก็คือ... มันตั้งอยู่ไกลสถานที่ที่หมวกและพับไก่จะไปเที่ยว... มาก! แล้วทำไมเราถึงได้เลือกที่นี่?
คำถามสำหรับแบ็คแพ็คเกอร์ข้อที่ 2 : จะเอาอะไรกิน จะเอาที่ไหนนอน?
วงกลมเล็กคือ บริเวณไชน่าทาวน์ วงกลมใหญ่คือ Rucksack Inn บนถนนลาเวนเดอร์ ใกล้สถานี Boon Keng ดูแผนที่แล้วเหมือนจะใกล้ใช่มั้ย... ของจริงไม่ได้ใกล้แบบนี้หรอกน่า กรณีที่วางแผนจะเที่ยวพิพิภัณฑ์กับมารีน่าเบย์ ย่าน City Hall ถ้าจะพักกับแบรนด์ Rucksack หมวกแนะนำว่า ไปสาขา Temple Street แถว China Town น่าจะเวิร์คกว่า อาจแพงกว่าหน่อย (หอพักรวมสำหรับผู้หญิง ราคาต่างกันประมาณ 2 ดอลล่าร์สิงคโปร์) แต่ใกล้กว่ามาก ส่วน Lavender Street เป็นโซนของลิตเติ้ลอินเดีย เหมาะกับคนที่อยากดูประเพณีและวัดแขก + กินอาหารเผ็ด ๆ ถูก ๆ ย่านนี้มีเคบับ โรตี แกงกะหรี่ ราคาย่อมเยาขายทั่วไปหมด เสื้อผ้า รองเท้า หรือซิมโทรศัพท์ราคาถูกก็ต้องที่นี่เช่นกัน! ในภาพ กูเกิ้ลคำนวนว่าไปทางรถใช้เวลา 7 นาที รถสาธารณะประมาณ 15 นาที สิงคโปร์เมืองเล็ก เดินทางเร็วก็จริง แต่อย่าลืมว่าเวลาเดินจากที่หนึ่งไปถึงรถใต้ดินก็อาจนับได้หลายสิบนาทีแล้ว ยังไม่นับเวลารอรถไฟฟ้าด้วย ... การเลือกที่พักใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ช่วยประหยัดเวลาและค่ารถ เอาไปใช้เที่ยวหรือนอนพักผ่อนแทน บ้องตื้นแท้ ๆ ที่คิดแค่ว่าขอให้ได้ตั๋วเครื่องบินกับที่ซุกหัวนอนก่อนเป็นพอ ความเฮงซวยทั้งหมดนี้ต้องโทษที่หมวกและคุณพับไก่ไม่เคยรู้มาก่อน... เลย! ว่าตัวเองจะไปเที่ยวไหนบ้าง กันแน่ เรามีก็แต่แผนการคร่าวๆ ที่วาดไว้อย่างไร้ทิศทางในหัวของแต่ละคน... สรุปสั้น ๆ ก็คือไม่มีการสื่อสารกันให้ดีก่อนจองโรงแรม พอไม่มีเป้าหมายร่วมกัน สิ่งที่หมวกและพับไก่นึกออกก็เลยมีแต่เรื่อง ตั๋วบินไป-กลับสิงคโปร์ และ ที่พักที่จะทำให้เราไป-กลับสนามบินชางกีได้สะดวก นอกจากนี้ สเป็คที่พักของเราก็ยังมีเรื่องราคา ที่ต้องประหยัดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้, ระยะทาง ที่อยากให้ใกล้รถไฟฟ้ามากที่สุด และ ความปลอดภัย... ต้องไม่อยู่ในย่านที่น่ากลัวจนเกินไป...
เว็บรีวิวโรงแรมอย่าง //www.hostels.com/singapore และ Agoda เป็นตัวเลือกที่ดีที่ช่วยคัดกรองให้เราได้ที่พักตามที่ต้องการ แต่ถึงอย่างนั้น หมวกก็ยังว่าห้องที่นี่แพงเกินทำเลไปมากอยู่ดี และหงุดหงิดคุณพับไก่มาก ๆ เมื่อรู้ว่าคุณพับไก่เลือกที่พักราคาแพงกว่าที่หมวกตั้งใจจะจ่ายตั้งแต่แรก ทั้งที่หมวกก็สู้อุตส่าห์ส่งลิ้งค์ที่พักถูก ๆ รีวิว 60เปอร์เซนต์อัพ ให้คุณพับไก่พิจารณาตั้งมากมาย
เรื่องนี้คุณพับไก่ที่สละเวลาทำเรื่องจองห้องแทนหมวก ให้เหตุผลว่าอย่างน้อยมันก็แยกห้องผู้หญิงนะ และตัวคุณเธอเองก็ได้สกรีนคอมเม้นต์อย่างถี่ถ้วนแล้วว่า ลิ้งค์ที่พักที่หมวกส่งมา ไม่มีอันไหนเลยที่ดีพอแต่สุดท้าย เมื่อการจองเสร็จสิ้นลง แล้วเราทั้งสองกลับต้องมาเจอโฆษณาที่พักที่ถูกกว่า คอมเม้นต์ดีกว่า แถมตั้งอยู่ในย่าน ซิตี้ ฮอล ใกล้พิพิธภัณฑ์สี่แห่งที่เราจะไปชนิดเดินสิบนาทีถึงอีกต่างหาก... สรุป เลยได้เจ็บใจเมื่อสายเกินด้วยกันทั้งคู่
ความผิดพลาดครั้งแรกนี้เอง ทำให้หมวกได้ข้อสรุป5 ข้อเกี่ยวกับการผูกอู่ในต่างแดน (อาจมีเปลี่ยนแปลงในทริปต่อ ๆ ไป) ว่า... 1. อย่าลำเอียง:อย่าดูแต่ เปอร์เซ็นต์ไลค์ให้อ่านคอมเม้นต์ให้ละเอียด หาคำด่ามากกว่าคำชม เพราะคนเราไม่น่าเสียเวลาพิมพ์ด่าใคร ถ้าไม่เหลืออดจริงๆ 2. อยู่ในกรอบ:หากไม่มีแผนการแน่ชัดว่าจะใช้เงินประมาณไหน จะไปเที่ยวแถวไหน ถึงเป็นผู้นอน ก็อย่าริผูกอู่ตามใจตัวเอง 3. ตรวจสอบเส้นทาง:ก่อนจองควรเปิดกูเกิ้ลดูภาพสถานที่จริงว่าที่พักหน้าตาเป็นอย่างไร/ ใกล้รถไฟฟ้าแค่ไหน เพราะที่พักทุกแห่งชอบหลอกตัวเองว่า ติดรถไฟฟ้าอยู่แล้ว 4. ระวังความปลอดภัย: เลือกโรงแรมที่มีล็อกเกอร์ ถ้าไม่อยากแบกกระเป๋าออกไปเที่ยวตลอดวัน และหากไม่มั่นใจในสกิลเซอร์ไววัลของตัวเอง ควรเลือกโรงแรมที่มีห้องแยกชายหญิง แต่ก็อย่าลืมเผื่อใจไว้หน่อย เพราะห้องนอนแยก ก็ไม่แน่ว่าห้องน้ำจะแยกด้วย ช่วงที่หมวกและพับไก่พักอยู่ที่ Rucksack Inn ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำ จะมีกระทาชายนายเวียดนามคนหนึ่งเดินโชว์แผงอกผ้าขาวม้าปลิวเดินเกร่ไปมา ฮัมเพลงเก๋ ๆ อยู่หน้าห้องพักหญิงเสมอ คิดอีกที โรงแรมเล็กๆ ที่แยกหญิงชายได้เด็ดขาดอาจไม่มีอยู่จริงก็ได้ 5. ใส่ใจกันและกัน: ถ้าเรื่องนี้พอจะให้บทเรียนอะไรได้บ้าง ก็น่าจะเป็นข้อคิดที่ว่า การสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญของนักผจญภัย (ถ้าการเดินเริงเมืองของเราสองยังเรียกได้อยู่ว่าเป็นการผจญภัยล่ะก็...) ในต่างแดนหมวกจะมีแค่พับไก่ และคุณพับไก่ก็จะมีแค่หมวกที่เชื่อใจกันได้ และต้องช่วยเหลือประคับประคองกันไปจนกว่าจะจบการเดินทาง การทะเลาะครั้งแรกเป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้หมวกจดจำไว้เป็นบทเรียนก่อนบินสู่สิงคโปร์ว่า การวางแผนเที่ยวจากนี้ไปจะต้องเป็นงานที่เราพี่น้องทำด้วยกันอย่างเท่าเทียม การตัดสินใจใด ๆ จะต้องได้มติเป็นเอกฉันท์ก่อนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะยอมรับและกัดฟันสู้ต่อไป ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดการโทษกันไปโทษกันมาไม่จบสิ้น
คงไม่สนุกแน่ ๆ ถ้าต้องมานั่งเสียเวลาทะเลาะกัน แทนที่จะเอาเวลาไปวางแผนเที่ยว จริงไหม
|
ลอยละล่องเล่นลม
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |