Group Blog
 
All blogs
 
กรงพยัคฆ์ บทที่ 3

กรงพยัคฆ์ บทที่ 3

หากในความเป็นจริงรินวิฬาร์และศาลทูลไม่เข้าใจเหตุผลของนิลรัตน์เลย

หลังจากเผ่นออกจาก ดิ ลักซ์โดยไม่มีคนของพวกยามากูชิหรือทสึรุบาระตามมา พวกเขาก็ตรงกลับบ้านมาหานิลรัตน์และตั้งคำถาม

“แม่ไม่รู้อย่างนั้นหรือครับ” ศาลทูลถามเสียงดังเขาไม่คิดว่านิลรัตน์ที่เป็นหนึ่งด้านการหาข้อมูลและเลือกเฟ้นงานจะพลาดไม่รู้ว่าอคินมีอดีตคู่หมั้นที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับรินวิฬาร์ เพราะนิลรัตน์ให้ข้อมูลของอคินและยามากูชิแก่พวกเขาแต่เอ่ยถึงยูคาริเพียงนิดเดียว

“แม่ไม่ได้บอกว่าไม่รู้แค่ไม่คิดว่าอคินจะมีปฏิกิริยามากขนาดนี้” นิลรัตน์ตอบเรียบๆใบหน้านิ่งสงบทว่าดวงตาแฝงแววเจ้าเล่ห์ มุมปากยกนิดๆ เหมือนแมวเชเชียร์แสนกล

นั่นยังไงเขาว่าแล้วว่าแม่จะต้องรู้ และแม่จะต้องมีแผนอะไรอยู่ในใจแน่ๆ ในฐานะที่ถูกเลี้ยงด้วยมือของแม่มาตั้งแต่เล็กจนโตใช้ชีวิตด้วยกัน ทำงานด้วยกัน ทำไมศาลทูลจะไม่เข้าใจแม่

“ย่าจ๋าส่งมี่ไปเป็นเหยื่อล่ออย่างนั้นหรือ”รินวิฬาร์ค้อนกระเง้ากระงอด ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องอยู่ในฐานะเหยื่อหากนี่เป็นครั้งแรกที่ต้องตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว

“เปล่า ย่าบอกแล้วไงว่าไม่คิดว่าอคินจะตามมี่ไปย่าประเมินเขาผิดไปหน่อย”

“แม่ครับ” ลูกชายเอ่ยเสียงอ่อน รู้ดีว่าถ้าไม่อยากพูดแม่ของเขาก็จะไม่พูด ไม่ว่าจะง้างปากด้วยอะไรก็ไม่เป็นผล

“แต่เขาก็รู้แล้วนี่ว่ามี่ไม่ใช่ยูคาริ”

“ก็ใช่”แต่ไฉนรินวิฬาร์จึงรู้สึกว่าเรื่องยุ่งยากเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

“หรือมี่จะป๊อด ไม่ยอมรับงานเพียงเพราะเรื่องแค่นี้” นิลรัตน์จี้ถูกจุดของหลานสาว

“ฮึ ไม่มีทาง มี่เริ่มงานแล้วมี่จะไม่เลิกถ้างานไม่จบด้วยมือของมี่” รินวิฬาร์ฮึดขึ้นมาเธอไม่เคยถอนตัวจากงานสักครั้ง และเธอจะไม่ยอมให้งานครั้งนี้เป็นครั้งแรกแม้เธอจะเกรงนัยน์ตาสีรัตติกาลที่อ่านไม่ออกคู่นั้นก็เถอะ

“เอ่อ พ่อว่ามี่ไม่ต้องลงมือสักงานก็ไม่เป็นไรหรอกนะ”ไม่ใช่ทุกครั้งที่พวกเขาออกโรงด้วยกันบางครั้งพวกเขาต่างฉายเดี่ยวโดยมีพรรคพวกสนับสนุน

“ไม่ค่ะคุณเสือ มี่ตัดสินใจแล้ว” ถึงย่าจะดู ‘แปลก’ ไปกว่าปรกติ แต่เธอก็ไว้ใจย่า ย่าคงจะแค่นึกสนุกเท่านั้นแหละ

“มี่!”

“ไม่ต้องเลยคุณเสือมี่ไม่ยอมให้คุณเสือไปสนุกคนเดียวหรอก”

“มี่ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ” ศาลทูลยังไม่ไว้ใจเขารู้สึกไม่ชอบมาพากล ถึงเขาจะเชื่อใจแม่ แต่เขาก็อดหวั่นใจไม่ได้

“แบล็กแคทไม่เคยทำเรื่องเล่นๆ อยู่แล้ว”

“อย่างนั้นจะรออะไรล่ะคืนนี้ก็ไปหาคาตานะให้ย่าสิยายมี่”

“แน่นอนค่ะ มี่ไม่พลาดแน่”

ศาลทูลถอนหายใจเฮือกรู้ดีว่าเปลี่ยนใจลูกสาวไม่ได้แน่ และถ้าห้ามยายมี่อาจจะทำเสียเรื่องด้วยการตามเขาไปแทน ทีนี้ละจะยุ่งกันใหญ่

ให้ตายสิ ลูกคนนี้ไม่รู้ว่าหัวดื้อเหมือนใคร!

“อากิระจัง...อากิระจัง...”

‘ทำไมชอบเรียกแบบนี้อยู่เรื่อย ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆ หรือผู้หญิงสักหน่อย’

‘เหมาะกับอากิระจังดีออก’

‘เหมาะตรงไหน’

‘ก็อากิระจังหน้าหวานอย่างกับผู้หญิงเรียกอากิระจังแล้วน่ารักจะตายไป’

‘ยูคาริ’

‘ทำเสียงอ่อนอกอ่อนใจแบบนี้ทุกทีเลยถ้าวันไหนไม่มีฉันขึ้นมา อากิระจังจะต้องรู้สึก...จะต้องคิดถึงฉันแน่ๆ’

‘อย่าพูดแบบนั้นสิยูคาริฟังดู...เป็นลางยังไงไม่รู้’

‘ฮ่าๆ เชื่อเรื่องโชคลางด้วยหรือไม่สมกับเป็นอากิระจังเลย’

‘อย่าล้อเลียนนะ’

‘เบาเสียงหน่อยสิพวกลูกน้องคุณมองกันใหญ่แล้ว’

เขาหันขวับกลับไปจ้องเหล่าบอดีการ์ดเขม็งหากยังไม่ทันได้ดุด่าอะไร เสียงโทรศัพท์เจ้ากรรมดังขึ้นขัดจังหวะ

‘ฉันต้องรับสายนี้’

‘อย่างนั้นฉันเดินไปดูซุ้มเครื่องประดับตรงนั้นนะ’

เขาเพียงพยักหน้ารับ นิ้วกดรับสาย เขาไม่ได้เดินตามเธอไปดวงตามองเธอเดินไปยังซุ้มขายของเล็กๆ ที่ตั้งใกล้ประตูทางเข้าออกของห้างและอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เขายืน

เสียงหัวเราะที่กังวานใสของยูคาริค่อยๆ แผ่วเบาลงอคินสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อตระหนักได้ถึงเสียงเพรียกแผ่วเบาแว่วหวานอยู่ใกล้ๆนัยน์ตาปรับเข้ากับความมืดของห้องทำงาน เห็นเอกสารรายงานยอดขายของกิจการต่างๆของยามากูชิอยู่ตรงหน้า เขาหลับไประหว่างการทำงานอีกแล้ว และในฝันของเขาเขาเห็นยูคาริกำลังเดินเคียงคู่ไปกับเขาพวกเขาเดตกันในห้างสรรพสินค้าโดยมีบอดีการ์ดยามากูชิเดินตามหลังเป็นพรวนมันเป็นวันเดียวกับวันที่เขาสูญเสียยูคาริไปตลอดกาล วันที่เขาปกป้องเธอไม่ได้...

แม้จะตื่นแล้ว แต่เขาก็ยังจำฝันนั้นได้ มันเป็นฝันที่ช่างเจ็บปวด...แต่ก็ไม่อาจจะลบเลือนหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย

ซอยเล็กริมถนนใหญ่ในยามดึกสงัดดูเงียบเหงาแบล็กแคทคนพ่อจอดรถหลบอยู่ใกล้ๆ ปล่อยให้แมวน้อยย่องอย่างเงียบกริบเข้าบ้านที่ก่อนหน้าได้มาวนเวียนดูลาดเลาเพื่อเตรียมการและวางแผนแม้จะเป็นห่วงรินวิฬาร์เพียงใด แต่ศาลทูลรู้ว่าระดับรินวิฬาร์นั้นไม่มีพลาด เธอเก่งกว่าเขาถ้าเป็นเรื่องขโมยตัวเธอเล็ก คล่องแคล่ว ว่องไว และที่สำคัญ ฝีเท้าของเธอเบาดุจปุยนุ่นขนาดว่าบางครั้งเธอเดินมาข้างหลังเขา เขายังไม่รู้สึกตัวเลย

ใช่ แมวน้อยเป็นอัจฉริยะแห่งการย่องเบา

“อยู่ไหนแล้วมี่”เขากรอกเสียงใส่หูฟังไมโครโฟนที่ใช้ติดต่อเธอ

“เพิ่งปีนผ่านกำแพงเข้ามา”

“ถ้าไม่พบอะไรก็ไม่ต้องฝืนนะรีบออกมา”

“รู้แล้วน่าคุณเสือ”น้ำเสียงติดจะรำคาญ “นึกยังไงถึงได้เตือน ปรกติเห็นออกจะไว้ใจ” เธอไม่ได้ยินบิดาพูดแบบนี้มานานแล้ว

“พ่อเป็นห่วง”

หากความอ่อนโยนที่เธอได้รับฟังทำให้เธอระบายลมหายใจน้อยๆ

“รู้แล้วค่ะคุณเสือ มี่จะไม่ฝืนขอบคุณที่เป็นห่วง”

“รู้ก็ดีแล้ว จำไว้นะ...”

เธอแทรกขัดบิดาอย่างรู้ทัน

“อย่าฝืน มี่จำได้น่า” เสียงกลั้วหัวเราะดังแผ่วๆก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง “มี่รักคุณเสือนะ แต่ตอนนี้ต้องหยุดพูดแล้ว เดี๋ยวจะเสียสมาธิ”

“โอเค แล้วเจอกันในอีกยี่สิบห้านาที”ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการถูกจับมากขึ้นเท่านั้นแบล็กแคทให้โอกาสลูกทีมเพียงแค่ยี่สิบห้านาทีต่อหนึ่งภารกิจ

รินวิฬาร์เลิกสนใจอวัยวะชิ้นที่สามสิบสามแล้วเดินเลียบไปตามกำแพงเธอดูแบบบางเป็นอย่างยิ่งในชุดสีดำผมสีเข้มของเธอมัดเป็นหางม้าและม้วนเก็บในหมวกบีนนี่สีดำ เธออาศัยเงาต้นไม้บดบังร่างกายภายนอกบ้านยามากูชิอาจจะดูเล็กสมกับที่ตั้งอยู่ในซอยติดถนนใหญ่หากเมื่อได้ฝ่ากำแพงเข้าไปข้างในก็พบกับความกว้างขวางใหญ่โตเธอละความสนใจความงามของบ้านสไตล์ญี่ปุ่นร่วมสมัย เดินผ่านเรือนเล็กอันเป็นที่พักของคนรับใช้และดอดเข้าประตูด้านหลังของเรือนใหญ่ซึ่งเป็นทางเข้าโรงรถลัดเลาะไปยังห้องครัวและตัวบ้านด้านใน ไม่มีสัตว์เลี้ยง ไม่มีเวรยามกล้องรักษาความปลอดภัยก็มีแทบนับตัวได้นับว่าแปลกมากที่คนระดับยามากูชิกลับละเลยเรื่องความปลอดภัย แต่ก็ดีเพราะนั่นจะทำให้งานของเธอง่ายขึ้น

กริ่งระบบสัญญาณความปลอดภัยถูกเธอตัดประตูที่ล็อกก็ถูกสะเดาะออกไป นอกจากจะเป็นตีนแมวผีเท้าเบารินวิฬาร์ยังปลดล็อกได้อย่างเชี่ยวชาญ เธอเริ่มปลดล็อกประตูรถตั้งแต่อายุได้หกขวบพ่อบอกว่าเธอเป็นอัจฉริยะ เธอรู้ความหมายของเขาดี

ภายในบ้านมืด แต่ดวงตาของเธอเคยชินกับความมืด ไม่จำเป็นต้องพึ่งแว่นตาอินฟาเรดเธอเหมือนแมว มองเห็นเค้ารางทางเดินและเฟอร์นิเจอร์เธอนึกภาพโครงสร้างบ้านที่ย่าจ๋าจำมาจากคนรู้จักและวาดเป็นแผนผัง เธอมุ่งไปที่ห้องทำงานใหญ่...ห้องของอคินเป้าหมายแรกที่คาดว่าคาตานะจะอยู่

หวังว่าพวกยามากูชิจะเป็นพวกยึดติดกับสิ่งเก่าๆและยังไม่คิดจะเปลี่ยนห้องทำงานเป็นห้องอื่นๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเสียเวลาหาห้องทำงานของอคินแน่ๆ

หญิงสาวเลิกคิ้วนิดๆ เมื่อลูกบิดไร้ล็อกการรักษาความปลอดภัยอยู่ในระดับแย่ มันง่ายเสียจนเธอชักไม่ชอบใจ

ร่างบางย่องเงียบเข้าไปข้างในประตูปิดลงอย่างเบามือ เธอยังคงไม่เปิดไฟ และไม่มีวันจะเปิดไฟ มันอันตรายเกินไป ดวงตากวาดมองไปรอบๆเพื่อสำรวจ ไม่มีใครในห้อง...แน่ละ นี่มันตีสามเข้าไปแล้ว ใครจะยังตื่นอยู่ได้ไม่ใช่คนกลางคืนอย่างเธอสักหน่อย

รินวิฬาร์กดไฟนาฬิกาดูเวลาที่เหลืออยู่เพิ่งผ่านไปเจ็ดนาที ยังมีเวลาอีกเหลือแหล่ เธอกระซิบเสียงเบาผ่านไมโครโฟน

“เช็กอิน” มันหมายความว่าเธอมาถึงห้องเป้าหมายแล้ว

“ดี” เสียงตอบรับกลับมาสั้นๆ

รินวิฬาร์ละทิ้งบิดาแล้วเริ่มหาเป้าหมาย ห้องทำงานนี้ค่อนข้างกว้างและเต็มไปด้วยตู้ใส่หนังสือ เจ้าของห้องน่าจะชอบการอ่านมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง บนโต๊ะเกือบจะว่างเปล่ามีเพียงเอกสารไม่กี่ชิ้นและกล่องใส่เครื่องเขียน เก้าอี้พนักสูงหันหลังให้เธอ ด้านหน้าหันเข้าสู่กระจกหน้าต่างบานใหญ่ข้างนอกมืดสนิท ไร้แสงจันทร์และแสงดาวเพราะเป็นคืนเดือนมืดเหมาะกับการทำงานของพวกแมวดำเป็นอย่างยิ่ง ทางด้านขวาเห็นตู้โชว์รางๆไม่รู้มีอะไรอยู่บ้าง อาจจะมีคาตานะวางล่อตาคนอยู่ก็ได้บางคนเขาว่ากันว่าที่ซ่อนที่ดีมักเป็นที่ที่ทุกคนคาดไม่ถึง...ที่ที่หาได้ง่ายที่สุด...

เธอหย่งปลายเท้าไปที่ชั้นวางมีข้าวของมากมายตกแต่ง ของมีค่าทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นบอนไซในกระถางหยกสีเขียวเข้มที่โรยอยู่บนดินก็ไม่ใช่กรวดธรรมดาแต่เป็นหยกเนื้อใสสีขาวลูกข่างของเก่าสมัยก่อนของญี่ปุ่นที่ดูเก่าคร่ำ แต่ก็น่าจะใช้งานได้อยู่แม้ลวดลายบนลูกข่างจะจืดจางลงไปบ้างตามกาลเวลา สิ่งที่ดึงดูดเธอมากที่สุดคือหน้ากากวิญญาณในละครโน่เขาสีทอง ดวงตาที่เหลือกโต และเขี้ยวแสยะกว้างทำให้ห้องมืดดูน่าขนลุกยิ่งขึ้นลักษณะของมันไม่สมบูรณ์ บ่งบอกว่าไม่ใช่ของใหม่ เธอแตะมันอย่างเบามือ ดวงตาของเธอลุกวาวด้วยความอยากได้นี่ถ้าไม่เห็นแก่หน้าแบล็กแคท เธอคงได้หยิบฉวยมันไปเสียแล้วน่าเสียดายที่ผู้ว่าจ้างไม่สนใจหน้ากากโน่

โอ๊ะ ไม่ได้การ เธอต้องหาคาตานะ...

เธอมองของทุกชิ้นอีกครั้ง คาตานะไม่ได้วางรวมกับของล้ำค่าเหล่านี้...เพราะมัน...มีค่ามากกว่าใช่ไหม

รินวิฬาร์ยังไม่ย่อท้อ เธอแพนสายตาไปเรื่อยๆดวงตาของเธอปะทะกับดาบยาวสองเล่มบนแท่นวางที่ตั้งอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ หญิงสาวตาลุกวาว เธอกำลังจะพุ่งไปดูให้รู้แน่ว่ามันคือคาตานะที่กำลังตามหาถ้าไม่ติดว่ามีคนขัดจังหวะเสียก่อน

“กำลังหาอะไร”

เสียงเย็นเยือกที่ดังมาจากทางด้านหลังทำเอารินวิฬาร์ใจหล่นไปที่ตาตุ่มเธอหมุนตัวกลับไป ดวงตาเบิกกว้าง ช็อกที่เห็นเจ้าของบ้านยืนจังก้าและมองเธอด้วยสีหน้าเหมือนน้ำแข็ง

อคิน!

เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“จะว่าโจรกระจอกรึก็ไม่ใช่ ย่องเงียบเข้ามาในบ้านยามากูชิโดยไม่ถูกจับได้น่าเสียดายว่าสะเพร่าไปหน่อย ลืมเช็กให้ละเอียดว่ามีใครอยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้ว”

หญิงสาวหน้าซีดเพราะคำเฉลยของเขา

บ้าน่า จะเป็นไปได้ยังไงเขาอยู่ที่ไหน

และดูเหมือนเขาจะอ่านใจเธอออก จึงถามว่า

“แกควรจะดูที่เก้าอี้เสียก่อนนะ ไอ้หัวขโมย”

หัวขโมยมือดีที่ดีแตกอยากจะตบหน้าตัวเอง

บ้า บ้าที่สุด มัวแต่ว้าวุ่นใจเลยไม่ระมัดระวังตัวให้ดีโดนจับได้จนได้ ยายมี่

“แกคงไม่คิดสินะว่าดึกดื่นจนอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะรุ่งสางแล้วยังมีใครมานั่งทำงานอยู่”อคินไม่ได้นอนหลับเต็มตามาตั้งแต่ยูคาริตายแล้ว และหลังจากฟื้นจากโคม่าพฤติกรรมการนอนของเขาก็ยิ่งดิ่งลงเหว ลึกๆ เขายังรู้สึกผิดและเสียใจเรื่องยูคาริและครอบครัวที่เน่าเฟะของเขาเขาไม่มีความสุข เขาทำใจไม่ได้ และเขาต้องทำงานเพื่อจะได้ไม่คิดแม้คืนนี้เขาจะเผลองีบหลับไปบนเก้าอี้ทำงานขณะทอดตามองสวนสวยอันเงียบสงบก็เถอะ แต่เขาก็ยังตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝันร้ายจนได้ใครรู้เข้าคงสมเพชในตัวเขา ที่แม้จะมีเงินล้นฟ้า แต่ก็ไม่อาจจะมีความสุขได้

เขาย่างสุมเข้าไปหา ฝ่ายรินวิฬาร์ก็ถอยหลังเธออยากจะวิ่ง แต่รู้ว่าเขาจะต้องตะครุบตัวเธอได้แน่ ท่าทางเขาไม่ใช่ขี้ไก่...เหมือนกับตอนที่เขานั่งเงียบๆชนิดที่ว่าเธอไม่ได้ยินเสียงหายใจ แม้จะเข้ามาอยู่ในห้องเป็นนานสองนานแล้ว

“แกกำลังหาอะไร”

รินวิฬาร์ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังส่ายหน้าไม่มีทาง เธอไม่มีวันบอกเขาแน่

“ดีแล้วจะเสียใจที่ไม่บอกฉันตั้งแต่แร...”

เขาพูดไม่ทันจบประโยคดีเธอก็ดีดตัวจะเผ่นหนี พร้อมกับที่ร่างสูงกระโจนเข้ามา เธอคิดว่าตัวเองเร็วแล้วแต่เขาเร็วยิ่งกว่า เบายิ่งกว่า เขารวบเธอลงไปกอดรัดบนพื้น

หญิงสาวหน้าเสียเมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

แย่ละ เธอประมาทโคตรๆ เธอมั่นใจในตัวเองมากเกินไปใครจะไปคิดว่าจะมีคนที่เร็วกว่าเธอ...โง่ เธอมันโง่เธอน่าจะรู้ว่าเขาเหนือกว่าตั้งแต่ตอนที่เขาตามหลังเธอโดยที่เธอไม่ได้ยินฝีเท้าของเขาแล้ว

“อื้อ”

รินวิฬาร์พยายามดิ้นและระงับเสียงร้องจะให้เขารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ได้เขาอาจจะปรานี...หรือไม่ก็...ยิ่งโหดร้ายกว่าเดิม แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาจะต้องไม่ปล่อยเธอไว้แน่เธอจะต้องหนีให้ได้ มือของเธอพุ่งออกไปหมายจะชกหน้าเขา แต่เขาจับหมัดของเธอไว้มืออีกข้างที่ว่างตามมา และเขาก็รับหมัดของเธอได้ เขาตรึงมือเธอไว้เหนือศีรษะตรึงเธอไว้ทั้งตัว มันทำให้เธอตระหนักว่าเขาตัวใหญ่กว่าเธอมาก ถ้าเปรียบเทียบเขาเป็นเสือตัวเธอก็เล็กราวกับลูกแมว

“มี่เกิดอะไรขึ้น”

เสียงของศาลทูลดังผ่านหูฟังออกมาเบาๆเขาเริ่มจับความผิดปรกติได้ หากออกจะสายเกินไปสักหน่อย เธอพึ่งเขาไม่ได้แล้วทางเดียวที่จะรอดคืนหนีออกจากบ้านให้ได้

“มี่...มี่...”

เสียงของปลายทางขาดหายไปเพราะอคินกระชากหูฟังออกแล้วโยนไปอีกทาง

“ไฮเทคซะด้วยพาเพื่อนมาด้วยหรือ”

เธอสบตามองดวงตาสีรัตติกาลอย่างเกรงๆเขาจับจ้องเธอเขม็ง เธอไม่พยายามทำใจแข็งไม่เบือนหน้าหนีทั้งที่ใจกำลังเต้นระรัวราวกับกลองชุด

โอ๊ย พ่อจ๋า มี่แย่แล้ว

“ฉันว่า...ฉันได้กลิ่นคุ้นๆนะ”

หญิงสาวรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปฟังดู...ตื่นเต้นและมีความหวัง มันทำให้เธอกลัว เธอแทบจะกรี๊ดเมื่อเขาโฉบหน้าลงมาเขาสูดจมูกยาวและลึก เธอกลัวเสียจนเหงื่อตกนานมาแล้วที่เธอไม่ได้รู้สึกจนมุมอย่างนี้จำต้องยอมรับว่าเธอไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อน

“อ๊ะ!”

คราวนี้เธอหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับดึงเอาหมวกบีนนี่ของเธอออกหางม้าสีดำเริ่มหลุดรุ่ยตามแรงดึง

“ฉันว่าแล้วว่าจะต้องเป็นเธอ”สรรพนามที่เรียกเปลี่ยนไป อคินจำกลิ่นดอกลิลลี่ผสมอบเชยอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอได้แม่สาวปริศนาของเขาบุกเข้ามาทำอะไรในบ้านของเขา เธอดูเด็กกว่าที่เขาจำได้อายุถึงสิบแปดหรือยังเนี่ย

“นาย”รินวิฬาร์กัดฟันกระซิบแค้นๆ

เขารวบข้อมือเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะลดมืออีกข้างลงต่ำลูบคลำหน้าอกของเธอ แตะต้องดูว่าเธอเป็นของจริง

“ไม่ผิดตัวแน่” เขาจำเธอได้แม้ว่าเธอจะไม่ได้ใส่ชุดเดิม ไม่ได้แต่งตัวแต่งหน้าเหมือนเดิม แต่เมื่อเห็นดวงตาสีเข้มที่ปราศจากคอนแทกต์เลนส์ผมสีเดียวกันต่างจากวิกสีอ่อน และชุดกระโปรงตัวสวย เขาก็รู้ว่าเธอไม่เหมือนยูคาริ...เธอไม่ใช่ยูคาริ...

อารมณ์บางอย่างผุดขึ้นในอก หัวใจของเขาเต้นแรง เขารู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

รินวิฬาร์อดไม่ได้และอ้าปากกำลังจะร้องกรี๊ดหากอคินกลับฉกหน้าลงมาจูบเธออย่างจาบจ้วงเชลยที่ไม่ทันตั้งตัวถูกเขากลืนกินทั้งเป็น

“อื้อ” เธอดิ้นและยกขาเตะแต่สุดท้ายเขาก็เอาขาตัวเองกดขาของเธอไว้เธอรู้สึกถึงร่างกายแข็งแรงของเขา...และส่วนที่อ่อนนุ่มแข็งแกร่งขึ้นมาแนบหน้าท้องของเธอและเมื่อเขาหยุดจูบ เธอก็หน้าแดงจัด มองเขาอย่างค้อนๆ

ไอ้บ้า นั่นมันจูบแรกของเธอนะ

คราวนี้เธอไม่เก็บเสียงอีกต่อไปแล้วด่าเขารัวทีเดียว

“ไอ้ทุเรศ ไอ้เลว ไอ้ลามกจก...”

เสียงของเธอหายวูบเพราะถูกเขาดูดกลืนอีกครั้งเธอดิ้นแรงขึ้น ทั้งที่รู้ว่าตัวเองตัวเล็กจนเกินจะต่อต้านเขาได้เขาปล่อยให้ริมฝีปากของเธอเป็นอิสระอีกครั้ง แต่เธอก็ปากไวด่าเขาไม่เลิก

“ไอ้ชาติชั่วบ้ากามไอ้หน้าหมา สารเลว ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะโว้...”

ยิ่งเธอปากร้ายเขาก็ยิ่งทำโทษ เขาเหมือนแมวที่เล่นหลอกล่อกับหนู ตะปบแล้วคลาย ตะปบแล้วคลายสุดท้ายหนูก็หมดแรง นอนนิ่งและหายใจหอบๆ อยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ รอความเมตตาจากเขา

“เอาละจะบอกได้หรือยังว่าเธอต้องการอะไร” อคินเคยคิดว่าตั้งแต่ยูคาริตายตัวเองจะตายด้านกับผู้หญิงเสียแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าเขาคิดผิดผู้หญิงคนนี้ทำให้เขารับรู้การมีอยู่นั้น

“มะ...ไม่มีทาง”

“ก็ดี อย่างนั้นคืนนี้ก็ไม่ต้องไปไหนอยู่ด้วยกันอย่างนี้จนสว่างนี่แหละ” เขาจงใจบดส่วนล่างกับเธอคล้ายจะบอกว่าเขาอาจจะได้เข้าไปอยู่ใกล้ๆ เธอมากกว่านี้

“กรี๊...”

เสียงกรีดร้องหายไปในปากของเขารินวิฬาร์ต่อต้านตามสัญชาตญาณแต่เห็นสภาพตัวเองที่ถูกเขากอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างนี้ก็เริ่มหยุดนิ่งและเริ่มตั้งสติคิดหาทางหนีทีไล่ในใจด่าคนบ้ากามเป็นไฟ

ไอ้เลวไอ้ทุเรศ อย่าให้ฉันหนีไปได้นะ ฉันจะ...ฮึ่ม...จะตอนให้สูญพันธุ์เลย!

เอาเถอะ จูบแรกเสียไปแล้วเรียกกลับคืนมาไม่ได้จูบต่อๆ มาของเขาก็ไม่ได้แย่หากทำให้หัวใจเธอสั่นรัวจะด้วยเพราะเหตุผลใดเธอไม่อยากเสียเวลาคิด แต่จูบสุดท้ายเธอจะเป็นฝ่ายมอบให้เขา...และนำมันมายังอิสรภาพของเธอ

รินวิฬาร์เริ่มจูบตอบเขาอย่างไม่แน่ใจใจหนึ่งก็หวั่นกลัว แต่อีกใจมุ่งมั่นจะหนีจากเขาให้ได้ เธอรู้ว่ามือใหม่อย่างเธอจูบได้ดีเพราะเขาจูบตอบลิ้นของเขากระหวัดกับลิ้นของเธอ มือของเขาก็ลูบขึ้นมาตามชายโครงของเธอจนเธอรู้สึกขนลุกไปหมดและอาการหมดฤทธิ์แถมยังยินยอมพร้อมใจของเธอก็ทำให้ดวงตาของเขาลืมเปิดและมองเธอกลับมาด้วยความประหลาดใจแต่ดูเหมือนมันจะยิ่งทำให้เขาระวังตัวขึ้น หากก่อนที่เขาจะรู้ตัวเธอก็กัดลิ้นของเขาจนได้เลือด

“โอ๊ย!” อคินร้องไม่เบานักเขาตั้งตัวไม่ติดเมื่อเท้าเล็กๆ ของเธอกระทืบลงมากลางเป้า...กะเอาให้เขาสูญพันธุ์

“โอ๊ย”เสียงร้องเขาของดังกว่าเดิม จนน่ากลัวว่าคนจะแห่กันมาดูทั้งบ้านรินวิฬาร์ไม่รอดูผลงานตัวเอง เธอพลิ้วตัวเผ่นหนีจากห้องเลือดของเขายังคงรสเค็มปะแล่มและกลิ่นสนิมคละคลุ้งในปาก ลับหลังเธอได้ยินเสียงฝีเท้าแว่วๆ

เหอะ ทิ้งห่างขนาดนี้ ตามเธอไม่ทันแน่ เธอรอดแล้วเธอจะไม่มีวันยอมถูกจับ...หรือกลับไปเป็นเชลยใต้ร่างของเขาอีกแน่แม้มันจะออกหวามใจ...ยวนใจอย่างร้ายกาจก็เถอะ



สวัสดีค่ะ

ทักทายท้ายบทกันเช่นเคยนะคะ ตอนนี้วางแผนคร่าวๆว่าจะแปะกรงพยัคฆ์อาทิตย์ละครั้ง ครั้งละ 2 บทค่ะ เนื่องจากช่วงนี้ยุ่งมากคงมาแปะให้อาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้งไม่ได้ค่ะ

ในที่สุดอากิระก็ได้เจอคู่ปรับแล้วหนูมี่ของเราโดนเล่นงานเสียอ่วมเลย แต่ก็เอาคืนได้แสบทรวงไม่แพ้กัน(แม้จะเสียเปรียบอากิระไปหน่อยก็เถอะ) แต่งไปแต่งมา กลายเป็นอากิระก็ร้ายในเรื่องแบบนี้ไม่แพ้หยูหลงเลยเนอะ:-D ส่วนอาคิโอะผู้น่ากลัวนั้นเป็นใครประสงค์อะไร รออ่านกันต่อไปนะคะ แล้วเจอกันค่ะ

มิถุนา

คลิก Like แฟนเพจจะได้ไม่ตกข่าวนะคะ https://www.facebook.com/MithunaNiyay

บล็อกรวมนิยาย (และเรื่องจิปาถะ) //mithuna.bloggang.com

อ่านนิยายตัวโตๆ สะใจได้ที่ //my.dek-d.com/Mithuna




Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 1:46:29 น. 0 comments
Counter : 1110 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิถุนายน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]





บล็อกนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมนิยายของมิถุนาให้เป็นหลักแหล่ง และต่อมาได้เพิ่มความชอบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การท่องเกี่ยว การกิน และเรื่องจิปาถะอื่นๆ ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ

มิถุนา (busaba401แอตhotmail.com)

แวะทักทาย/ฝากคำถามได้ที่ cbox นะคะ แล้วจะมาตอบให้ทุกคนค่า








Fanpage นิยายของมิถุนา
(เฉพาะนิยายนะคะ ไม่ได้อัพเรื่องเครื่องสำอางค่ะ)
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ



E-book ของมิถุนา
คืนปรารถนา
มิถุนายน
www.mebmarket.com
ทั้งหมดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด...อชิระคิดว่ามิลินท์หักหลังเขา เขาจึงใช้ความรักที่เธอมีให้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น มิลินท์จาก...
ร้ายนัก(ไม่)รักเสียดีไหม
มิถุนายน
www.mebmarket.com
เมื่อยอดคุณป๊า ที่ถือคติที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” พยายามจับคู่ลูกๆ ที่เหลือให้ครบ อดีตคู่กัดสมัยละอ่อนเลยได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะเจ้าบ่าวและเจ้าสาว...
New Comments
Friends' blogs
[Add มิถุนายน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.