กรงพยัคฆ์ บทที่ 3
กรงพยัคฆ์ บทที่ 3 หากในความเป็นจริงรินวิฬาร์และศาลทูลไม่เข้าใจเหตุผลของนิลรัตน์เลย หลังจากเผ่นออกจาก ดิ ลักซ์โดยไม่มีคนของพวกยามากูชิหรือทสึรุบาระตามมา พวกเขาก็ตรงกลับบ้านมาหานิลรัตน์และตั้งคำถาม แม่ไม่รู้อย่างนั้นหรือครับ ศาลทูลถามเสียงดังเขาไม่คิดว่านิลรัตน์ที่เป็นหนึ่งด้านการหาข้อมูลและเลือกเฟ้นงานจะพลาดไม่รู้ว่าอคินมีอดีตคู่หมั้นที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับรินวิฬาร์ เพราะนิลรัตน์ให้ข้อมูลของอคินและยามากูชิแก่พวกเขาแต่เอ่ยถึงยูคาริเพียงนิดเดียว แม่ไม่ได้บอกว่าไม่รู้แค่ไม่คิดว่าอคินจะมีปฏิกิริยามากขนาดนี้ นิลรัตน์ตอบเรียบๆใบหน้านิ่งสงบทว่าดวงตาแฝงแววเจ้าเล่ห์ มุมปากยกนิดๆ เหมือนแมวเชเชียร์แสนกล นั่นยังไงเขาว่าแล้วว่าแม่จะต้องรู้ และแม่จะต้องมีแผนอะไรอยู่ในใจแน่ๆ ในฐานะที่ถูกเลี้ยงด้วยมือของแม่มาตั้งแต่เล็กจนโตใช้ชีวิตด้วยกัน ทำงานด้วยกัน ทำไมศาลทูลจะไม่เข้าใจแม่ ย่าจ๋าส่งมี่ไปเป็นเหยื่อล่ออย่างนั้นหรือรินวิฬาร์ค้อนกระเง้ากระงอด ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องอยู่ในฐานะเหยื่อหากนี่เป็นครั้งแรกที่ต้องตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว เปล่า ย่าบอกแล้วไงว่าไม่คิดว่าอคินจะตามมี่ไปย่าประเมินเขาผิดไปหน่อย แม่ครับ ลูกชายเอ่ยเสียงอ่อน รู้ดีว่าถ้าไม่อยากพูดแม่ของเขาก็จะไม่พูด ไม่ว่าจะง้างปากด้วยอะไรก็ไม่เป็นผล แต่เขาก็รู้แล้วนี่ว่ามี่ไม่ใช่ยูคาริ ก็ใช่แต่ไฉนรินวิฬาร์จึงรู้สึกว่าเรื่องยุ่งยากเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น หรือมี่จะป๊อด ไม่ยอมรับงานเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ นิลรัตน์จี้ถูกจุดของหลานสาว ฮึ ไม่มีทาง มี่เริ่มงานแล้วมี่จะไม่เลิกถ้างานไม่จบด้วยมือของมี่ รินวิฬาร์ฮึดขึ้นมาเธอไม่เคยถอนตัวจากงานสักครั้ง และเธอจะไม่ยอมให้งานครั้งนี้เป็นครั้งแรกแม้เธอจะเกรงนัยน์ตาสีรัตติกาลที่อ่านไม่ออกคู่นั้นก็เถอะ เอ่อ พ่อว่ามี่ไม่ต้องลงมือสักงานก็ไม่เป็นไรหรอกนะไม่ใช่ทุกครั้งที่พวกเขาออกโรงด้วยกันบางครั้งพวกเขาต่างฉายเดี่ยวโดยมีพรรคพวกสนับสนุน ไม่ค่ะคุณเสือ มี่ตัดสินใจแล้ว ถึงย่าจะดู แปลก ไปกว่าปรกติ แต่เธอก็ไว้ใจย่า ย่าคงจะแค่นึกสนุกเท่านั้นแหละ มี่! ไม่ต้องเลยคุณเสือมี่ไม่ยอมให้คุณเสือไปสนุกคนเดียวหรอก มี่ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ ศาลทูลยังไม่ไว้ใจเขารู้สึกไม่ชอบมาพากล ถึงเขาจะเชื่อใจแม่ แต่เขาก็อดหวั่นใจไม่ได้ แบล็กแคทไม่เคยทำเรื่องเล่นๆ อยู่แล้ว อย่างนั้นจะรออะไรล่ะคืนนี้ก็ไปหาคาตานะให้ย่าสิยายมี่ แน่นอนค่ะ มี่ไม่พลาดแน่ ศาลทูลถอนหายใจเฮือกรู้ดีว่าเปลี่ยนใจลูกสาวไม่ได้แน่ และถ้าห้ามยายมี่อาจจะทำเสียเรื่องด้วยการตามเขาไปแทน ทีนี้ละจะยุ่งกันใหญ่ ให้ตายสิ ลูกคนนี้ไม่รู้ว่าหัวดื้อเหมือนใคร! อากิระจัง...อากิระจัง... ทำไมชอบเรียกแบบนี้อยู่เรื่อย ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆ หรือผู้หญิงสักหน่อย เหมาะกับอากิระจังดีออก เหมาะตรงไหน ก็อากิระจังหน้าหวานอย่างกับผู้หญิงเรียกอากิระจังแล้วน่ารักจะตายไป ยูคาริ ทำเสียงอ่อนอกอ่อนใจแบบนี้ทุกทีเลยถ้าวันไหนไม่มีฉันขึ้นมา อากิระจังจะต้องรู้สึก...จะต้องคิดถึงฉันแน่ๆ อย่าพูดแบบนั้นสิยูคาริฟังดู...เป็นลางยังไงไม่รู้ ฮ่าๆ เชื่อเรื่องโชคลางด้วยหรือไม่สมกับเป็นอากิระจังเลย อย่าล้อเลียนนะ เบาเสียงหน่อยสิพวกลูกน้องคุณมองกันใหญ่แล้ว เขาหันขวับกลับไปจ้องเหล่าบอดีการ์ดเขม็งหากยังไม่ทันได้ดุด่าอะไร เสียงโทรศัพท์เจ้ากรรมดังขึ้นขัดจังหวะ ฉันต้องรับสายนี้ อย่างนั้นฉันเดินไปดูซุ้มเครื่องประดับตรงนั้นนะ เขาเพียงพยักหน้ารับ นิ้วกดรับสาย เขาไม่ได้เดินตามเธอไปดวงตามองเธอเดินไปยังซุ้มขายของเล็กๆ ที่ตั้งใกล้ประตูทางเข้าออกของห้างและอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เขายืน เสียงหัวเราะที่กังวานใสของยูคาริค่อยๆ แผ่วเบาลงอคินสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อตระหนักได้ถึงเสียงเพรียกแผ่วเบาแว่วหวานอยู่ใกล้ๆนัยน์ตาปรับเข้ากับความมืดของห้องทำงาน เห็นเอกสารรายงานยอดขายของกิจการต่างๆของยามากูชิอยู่ตรงหน้า เขาหลับไประหว่างการทำงานอีกแล้ว และในฝันของเขาเขาเห็นยูคาริกำลังเดินเคียงคู่ไปกับเขาพวกเขาเดตกันในห้างสรรพสินค้าโดยมีบอดีการ์ดยามากูชิเดินตามหลังเป็นพรวนมันเป็นวันเดียวกับวันที่เขาสูญเสียยูคาริไปตลอดกาล วันที่เขาปกป้องเธอไม่ได้... แม้จะตื่นแล้ว แต่เขาก็ยังจำฝันนั้นได้ มันเป็นฝันที่ช่างเจ็บปวด...แต่ก็ไม่อาจจะลบเลือนหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย ซอยเล็กริมถนนใหญ่ในยามดึกสงัดดูเงียบเหงาแบล็กแคทคนพ่อจอดรถหลบอยู่ใกล้ๆ ปล่อยให้แมวน้อยย่องอย่างเงียบกริบเข้าบ้านที่ก่อนหน้าได้มาวนเวียนดูลาดเลาเพื่อเตรียมการและวางแผนแม้จะเป็นห่วงรินวิฬาร์เพียงใด แต่ศาลทูลรู้ว่าระดับรินวิฬาร์นั้นไม่มีพลาด เธอเก่งกว่าเขาถ้าเป็นเรื่องขโมยตัวเธอเล็ก คล่องแคล่ว ว่องไว และที่สำคัญ ฝีเท้าของเธอเบาดุจปุยนุ่นขนาดว่าบางครั้งเธอเดินมาข้างหลังเขา เขายังไม่รู้สึกตัวเลย ใช่ แมวน้อยเป็นอัจฉริยะแห่งการย่องเบา อยู่ไหนแล้วมี่เขากรอกเสียงใส่หูฟังไมโครโฟนที่ใช้ติดต่อเธอ เพิ่งปีนผ่านกำแพงเข้ามา ถ้าไม่พบอะไรก็ไม่ต้องฝืนนะรีบออกมา รู้แล้วน่าคุณเสือน้ำเสียงติดจะรำคาญ นึกยังไงถึงได้เตือน ปรกติเห็นออกจะไว้ใจ เธอไม่ได้ยินบิดาพูดแบบนี้มานานแล้ว พ่อเป็นห่วง หากความอ่อนโยนที่เธอได้รับฟังทำให้เธอระบายลมหายใจน้อยๆ รู้แล้วค่ะคุณเสือ มี่จะไม่ฝืนขอบคุณที่เป็นห่วง รู้ก็ดีแล้ว จำไว้นะ... เธอแทรกขัดบิดาอย่างรู้ทัน อย่าฝืน มี่จำได้น่า เสียงกลั้วหัวเราะดังแผ่วๆก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง มี่รักคุณเสือนะ แต่ตอนนี้ต้องหยุดพูดแล้ว เดี๋ยวจะเสียสมาธิ โอเค แล้วเจอกันในอีกยี่สิบห้านาทียิ่งอยู่นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการถูกจับมากขึ้นเท่านั้นแบล็กแคทให้โอกาสลูกทีมเพียงแค่ยี่สิบห้านาทีต่อหนึ่งภารกิจ รินวิฬาร์เลิกสนใจอวัยวะชิ้นที่สามสิบสามแล้วเดินเลียบไปตามกำแพงเธอดูแบบบางเป็นอย่างยิ่งในชุดสีดำผมสีเข้มของเธอมัดเป็นหางม้าและม้วนเก็บในหมวกบีนนี่สีดำ เธออาศัยเงาต้นไม้บดบังร่างกายภายนอกบ้านยามากูชิอาจจะดูเล็กสมกับที่ตั้งอยู่ในซอยติดถนนใหญ่หากเมื่อได้ฝ่ากำแพงเข้าไปข้างในก็พบกับความกว้างขวางใหญ่โตเธอละความสนใจความงามของบ้านสไตล์ญี่ปุ่นร่วมสมัย เดินผ่านเรือนเล็กอันเป็นที่พักของคนรับใช้และดอดเข้าประตูด้านหลังของเรือนใหญ่ซึ่งเป็นทางเข้าโรงรถลัดเลาะไปยังห้องครัวและตัวบ้านด้านใน ไม่มีสัตว์เลี้ยง ไม่มีเวรยามกล้องรักษาความปลอดภัยก็มีแทบนับตัวได้นับว่าแปลกมากที่คนระดับยามากูชิกลับละเลยเรื่องความปลอดภัย แต่ก็ดีเพราะนั่นจะทำให้งานของเธอง่ายขึ้น กริ่งระบบสัญญาณความปลอดภัยถูกเธอตัดประตูที่ล็อกก็ถูกสะเดาะออกไป นอกจากจะเป็นตีนแมวผีเท้าเบารินวิฬาร์ยังปลดล็อกได้อย่างเชี่ยวชาญ เธอเริ่มปลดล็อกประตูรถตั้งแต่อายุได้หกขวบพ่อบอกว่าเธอเป็นอัจฉริยะ เธอรู้ความหมายของเขาดี ภายในบ้านมืด แต่ดวงตาของเธอเคยชินกับความมืด ไม่จำเป็นต้องพึ่งแว่นตาอินฟาเรดเธอเหมือนแมว มองเห็นเค้ารางทางเดินและเฟอร์นิเจอร์เธอนึกภาพโครงสร้างบ้านที่ย่าจ๋าจำมาจากคนรู้จักและวาดเป็นแผนผัง เธอมุ่งไปที่ห้องทำงานใหญ่...ห้องของอคินเป้าหมายแรกที่คาดว่าคาตานะจะอยู่ หวังว่าพวกยามากูชิจะเป็นพวกยึดติดกับสิ่งเก่าๆและยังไม่คิดจะเปลี่ยนห้องทำงานเป็นห้องอื่นๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเสียเวลาหาห้องทำงานของอคินแน่ๆ หญิงสาวเลิกคิ้วนิดๆ เมื่อลูกบิดไร้ล็อกการรักษาความปลอดภัยอยู่ในระดับแย่ มันง่ายเสียจนเธอชักไม่ชอบใจ ร่างบางย่องเงียบเข้าไปข้างในประตูปิดลงอย่างเบามือ เธอยังคงไม่เปิดไฟ และไม่มีวันจะเปิดไฟ มันอันตรายเกินไป ดวงตากวาดมองไปรอบๆเพื่อสำรวจ ไม่มีใครในห้อง...แน่ละ นี่มันตีสามเข้าไปแล้ว ใครจะยังตื่นอยู่ได้ไม่ใช่คนกลางคืนอย่างเธอสักหน่อย รินวิฬาร์กดไฟนาฬิกาดูเวลาที่เหลืออยู่เพิ่งผ่านไปเจ็ดนาที ยังมีเวลาอีกเหลือแหล่ เธอกระซิบเสียงเบาผ่านไมโครโฟน เช็กอิน มันหมายความว่าเธอมาถึงห้องเป้าหมายแล้ว ดี เสียงตอบรับกลับมาสั้นๆ รินวิฬาร์ละทิ้งบิดาแล้วเริ่มหาเป้าหมาย ห้องทำงานนี้ค่อนข้างกว้างและเต็มไปด้วยตู้ใส่หนังสือ เจ้าของห้องน่าจะชอบการอ่านมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง บนโต๊ะเกือบจะว่างเปล่ามีเพียงเอกสารไม่กี่ชิ้นและกล่องใส่เครื่องเขียน เก้าอี้พนักสูงหันหลังให้เธอ ด้านหน้าหันเข้าสู่กระจกหน้าต่างบานใหญ่ข้างนอกมืดสนิท ไร้แสงจันทร์และแสงดาวเพราะเป็นคืนเดือนมืดเหมาะกับการทำงานของพวกแมวดำเป็นอย่างยิ่ง ทางด้านขวาเห็นตู้โชว์รางๆไม่รู้มีอะไรอยู่บ้าง อาจจะมีคาตานะวางล่อตาคนอยู่ก็ได้บางคนเขาว่ากันว่าที่ซ่อนที่ดีมักเป็นที่ที่ทุกคนคาดไม่ถึง...ที่ที่หาได้ง่ายที่สุด... เธอหย่งปลายเท้าไปที่ชั้นวางมีข้าวของมากมายตกแต่ง ของมีค่าทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นบอนไซในกระถางหยกสีเขียวเข้มที่โรยอยู่บนดินก็ไม่ใช่กรวดธรรมดาแต่เป็นหยกเนื้อใสสีขาวลูกข่างของเก่าสมัยก่อนของญี่ปุ่นที่ดูเก่าคร่ำ แต่ก็น่าจะใช้งานได้อยู่แม้ลวดลายบนลูกข่างจะจืดจางลงไปบ้างตามกาลเวลา สิ่งที่ดึงดูดเธอมากที่สุดคือหน้ากากวิญญาณในละครโน่เขาสีทอง ดวงตาที่เหลือกโต และเขี้ยวแสยะกว้างทำให้ห้องมืดดูน่าขนลุกยิ่งขึ้นลักษณะของมันไม่สมบูรณ์ บ่งบอกว่าไม่ใช่ของใหม่ เธอแตะมันอย่างเบามือ ดวงตาของเธอลุกวาวด้วยความอยากได้นี่ถ้าไม่เห็นแก่หน้าแบล็กแคท เธอคงได้หยิบฉวยมันไปเสียแล้วน่าเสียดายที่ผู้ว่าจ้างไม่สนใจหน้ากากโน่ โอ๊ะ ไม่ได้การ เธอต้องหาคาตานะ... เธอมองของทุกชิ้นอีกครั้ง คาตานะไม่ได้วางรวมกับของล้ำค่าเหล่านี้...เพราะมัน...มีค่ามากกว่าใช่ไหม รินวิฬาร์ยังไม่ย่อท้อ เธอแพนสายตาไปเรื่อยๆดวงตาของเธอปะทะกับดาบยาวสองเล่มบนแท่นวางที่ตั้งอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ หญิงสาวตาลุกวาว เธอกำลังจะพุ่งไปดูให้รู้แน่ว่ามันคือคาตานะที่กำลังตามหาถ้าไม่ติดว่ามีคนขัดจังหวะเสียก่อน กำลังหาอะไร เสียงเย็นเยือกที่ดังมาจากทางด้านหลังทำเอารินวิฬาร์ใจหล่นไปที่ตาตุ่มเธอหมุนตัวกลับไป ดวงตาเบิกกว้าง ช็อกที่เห็นเจ้าของบ้านยืนจังก้าและมองเธอด้วยสีหน้าเหมือนน้ำแข็ง อคิน! เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน จะว่าโจรกระจอกรึก็ไม่ใช่ ย่องเงียบเข้ามาในบ้านยามากูชิโดยไม่ถูกจับได้น่าเสียดายว่าสะเพร่าไปหน่อย ลืมเช็กให้ละเอียดว่ามีใครอยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวหน้าซีดเพราะคำเฉลยของเขา บ้าน่า จะเป็นไปได้ยังไงเขาอยู่ที่ไหน และดูเหมือนเขาจะอ่านใจเธอออก จึงถามว่า แกควรจะดูที่เก้าอี้เสียก่อนนะ ไอ้หัวขโมย หัวขโมยมือดีที่ดีแตกอยากจะตบหน้าตัวเอง บ้า บ้าที่สุด มัวแต่ว้าวุ่นใจเลยไม่ระมัดระวังตัวให้ดีโดนจับได้จนได้ ยายมี่ แกคงไม่คิดสินะว่าดึกดื่นจนอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะรุ่งสางแล้วยังมีใครมานั่งทำงานอยู่อคินไม่ได้นอนหลับเต็มตามาตั้งแต่ยูคาริตายแล้ว และหลังจากฟื้นจากโคม่าพฤติกรรมการนอนของเขาก็ยิ่งดิ่งลงเหว ลึกๆ เขายังรู้สึกผิดและเสียใจเรื่องยูคาริและครอบครัวที่เน่าเฟะของเขาเขาไม่มีความสุข เขาทำใจไม่ได้ และเขาต้องทำงานเพื่อจะได้ไม่คิดแม้คืนนี้เขาจะเผลองีบหลับไปบนเก้าอี้ทำงานขณะทอดตามองสวนสวยอันเงียบสงบก็เถอะ แต่เขาก็ยังตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝันร้ายจนได้ใครรู้เข้าคงสมเพชในตัวเขา ที่แม้จะมีเงินล้นฟ้า แต่ก็ไม่อาจจะมีความสุขได้ เขาย่างสุมเข้าไปหา ฝ่ายรินวิฬาร์ก็ถอยหลังเธออยากจะวิ่ง แต่รู้ว่าเขาจะต้องตะครุบตัวเธอได้แน่ ท่าทางเขาไม่ใช่ขี้ไก่...เหมือนกับตอนที่เขานั่งเงียบๆชนิดที่ว่าเธอไม่ได้ยินเสียงหายใจ แม้จะเข้ามาอยู่ในห้องเป็นนานสองนานแล้ว แกกำลังหาอะไร รินวิฬาร์ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังส่ายหน้าไม่มีทาง เธอไม่มีวันบอกเขาแน่ ดีแล้วจะเสียใจที่ไม่บอกฉันตั้งแต่แร... เขาพูดไม่ทันจบประโยคดีเธอก็ดีดตัวจะเผ่นหนี พร้อมกับที่ร่างสูงกระโจนเข้ามา เธอคิดว่าตัวเองเร็วแล้วแต่เขาเร็วยิ่งกว่า เบายิ่งกว่า เขารวบเธอลงไปกอดรัดบนพื้น หญิงสาวหน้าเสียเมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แย่ละ เธอประมาทโคตรๆ เธอมั่นใจในตัวเองมากเกินไปใครจะไปคิดว่าจะมีคนที่เร็วกว่าเธอ...โง่ เธอมันโง่เธอน่าจะรู้ว่าเขาเหนือกว่าตั้งแต่ตอนที่เขาตามหลังเธอโดยที่เธอไม่ได้ยินฝีเท้าของเขาแล้ว อื้อ รินวิฬาร์พยายามดิ้นและระงับเสียงร้องจะให้เขารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ได้เขาอาจจะปรานี...หรือไม่ก็...ยิ่งโหดร้ายกว่าเดิม แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาจะต้องไม่ปล่อยเธอไว้แน่เธอจะต้องหนีให้ได้ มือของเธอพุ่งออกไปหมายจะชกหน้าเขา แต่เขาจับหมัดของเธอไว้มืออีกข้างที่ว่างตามมา และเขาก็รับหมัดของเธอได้ เขาตรึงมือเธอไว้เหนือศีรษะตรึงเธอไว้ทั้งตัว มันทำให้เธอตระหนักว่าเขาตัวใหญ่กว่าเธอมาก ถ้าเปรียบเทียบเขาเป็นเสือตัวเธอก็เล็กราวกับลูกแมว มี่เกิดอะไรขึ้น เสียงของศาลทูลดังผ่านหูฟังออกมาเบาๆเขาเริ่มจับความผิดปรกติได้ หากออกจะสายเกินไปสักหน่อย เธอพึ่งเขาไม่ได้แล้วทางเดียวที่จะรอดคืนหนีออกจากบ้านให้ได้ มี่...มี่... เสียงของปลายทางขาดหายไปเพราะอคินกระชากหูฟังออกแล้วโยนไปอีกทาง ไฮเทคซะด้วยพาเพื่อนมาด้วยหรือ เธอสบตามองดวงตาสีรัตติกาลอย่างเกรงๆเขาจับจ้องเธอเขม็ง เธอไม่พยายามทำใจแข็งไม่เบือนหน้าหนีทั้งที่ใจกำลังเต้นระรัวราวกับกลองชุด โอ๊ย พ่อจ๋า มี่แย่แล้ว ฉันว่า...ฉันได้กลิ่นคุ้นๆนะ หญิงสาวรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปฟังดู...ตื่นเต้นและมีความหวัง มันทำให้เธอกลัว เธอแทบจะกรี๊ดเมื่อเขาโฉบหน้าลงมาเขาสูดจมูกยาวและลึก เธอกลัวเสียจนเหงื่อตกนานมาแล้วที่เธอไม่ได้รู้สึกจนมุมอย่างนี้จำต้องยอมรับว่าเธอไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อน อ๊ะ! คราวนี้เธอหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับดึงเอาหมวกบีนนี่ของเธอออกหางม้าสีดำเริ่มหลุดรุ่ยตามแรงดึง ฉันว่าแล้วว่าจะต้องเป็นเธอสรรพนามที่เรียกเปลี่ยนไป อคินจำกลิ่นดอกลิลลี่ผสมอบเชยอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอได้แม่สาวปริศนาของเขาบุกเข้ามาทำอะไรในบ้านของเขา เธอดูเด็กกว่าที่เขาจำได้อายุถึงสิบแปดหรือยังเนี่ย นายรินวิฬาร์กัดฟันกระซิบแค้นๆ เขารวบข้อมือเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะลดมืออีกข้างลงต่ำลูบคลำหน้าอกของเธอ แตะต้องดูว่าเธอเป็นของจริง ไม่ผิดตัวแน่ เขาจำเธอได้แม้ว่าเธอจะไม่ได้ใส่ชุดเดิม ไม่ได้แต่งตัวแต่งหน้าเหมือนเดิม แต่เมื่อเห็นดวงตาสีเข้มที่ปราศจากคอนแทกต์เลนส์ผมสีเดียวกันต่างจากวิกสีอ่อน และชุดกระโปรงตัวสวย เขาก็รู้ว่าเธอไม่เหมือนยูคาริ...เธอไม่ใช่ยูคาริ... อารมณ์บางอย่างผุดขึ้นในอก หัวใจของเขาเต้นแรง เขารู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รินวิฬาร์อดไม่ได้และอ้าปากกำลังจะร้องกรี๊ดหากอคินกลับฉกหน้าลงมาจูบเธออย่างจาบจ้วงเชลยที่ไม่ทันตั้งตัวถูกเขากลืนกินทั้งเป็น อื้อ เธอดิ้นและยกขาเตะแต่สุดท้ายเขาก็เอาขาตัวเองกดขาของเธอไว้เธอรู้สึกถึงร่างกายแข็งแรงของเขา...และส่วนที่อ่อนนุ่มแข็งแกร่งขึ้นมาแนบหน้าท้องของเธอและเมื่อเขาหยุดจูบ เธอก็หน้าแดงจัด มองเขาอย่างค้อนๆ ไอ้บ้า นั่นมันจูบแรกของเธอนะ คราวนี้เธอไม่เก็บเสียงอีกต่อไปแล้วด่าเขารัวทีเดียว ไอ้ทุเรศ ไอ้เลว ไอ้ลามกจก... เสียงของเธอหายวูบเพราะถูกเขาดูดกลืนอีกครั้งเธอดิ้นแรงขึ้น ทั้งที่รู้ว่าตัวเองตัวเล็กจนเกินจะต่อต้านเขาได้เขาปล่อยให้ริมฝีปากของเธอเป็นอิสระอีกครั้ง แต่เธอก็ปากไวด่าเขาไม่เลิก ไอ้ชาติชั่วบ้ากามไอ้หน้าหมา สารเลว ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะโว้... ยิ่งเธอปากร้ายเขาก็ยิ่งทำโทษ เขาเหมือนแมวที่เล่นหลอกล่อกับหนู ตะปบแล้วคลาย ตะปบแล้วคลายสุดท้ายหนูก็หมดแรง นอนนิ่งและหายใจหอบๆ อยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ รอความเมตตาจากเขา เอาละจะบอกได้หรือยังว่าเธอต้องการอะไร อคินเคยคิดว่าตั้งแต่ยูคาริตายตัวเองจะตายด้านกับผู้หญิงเสียแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าเขาคิดผิดผู้หญิงคนนี้ทำให้เขารับรู้การมีอยู่นั้น มะ...ไม่มีทาง ก็ดี อย่างนั้นคืนนี้ก็ไม่ต้องไปไหนอยู่ด้วยกันอย่างนี้จนสว่างนี่แหละ เขาจงใจบดส่วนล่างกับเธอคล้ายจะบอกว่าเขาอาจจะได้เข้าไปอยู่ใกล้ๆ เธอมากกว่านี้ กรี๊... เสียงกรีดร้องหายไปในปากของเขารินวิฬาร์ต่อต้านตามสัญชาตญาณแต่เห็นสภาพตัวเองที่ถูกเขากอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างนี้ก็เริ่มหยุดนิ่งและเริ่มตั้งสติคิดหาทางหนีทีไล่ในใจด่าคนบ้ากามเป็นไฟ ไอ้เลวไอ้ทุเรศ อย่าให้ฉันหนีไปได้นะ ฉันจะ...ฮึ่ม...จะตอนให้สูญพันธุ์เลย! เอาเถอะ จูบแรกเสียไปแล้วเรียกกลับคืนมาไม่ได้จูบต่อๆ มาของเขาก็ไม่ได้แย่หากทำให้หัวใจเธอสั่นรัวจะด้วยเพราะเหตุผลใดเธอไม่อยากเสียเวลาคิด แต่จูบสุดท้ายเธอจะเป็นฝ่ายมอบให้เขา...และนำมันมายังอิสรภาพของเธอ รินวิฬาร์เริ่มจูบตอบเขาอย่างไม่แน่ใจใจหนึ่งก็หวั่นกลัว แต่อีกใจมุ่งมั่นจะหนีจากเขาให้ได้ เธอรู้ว่ามือใหม่อย่างเธอจูบได้ดีเพราะเขาจูบตอบลิ้นของเขากระหวัดกับลิ้นของเธอ มือของเขาก็ลูบขึ้นมาตามชายโครงของเธอจนเธอรู้สึกขนลุกไปหมดและอาการหมดฤทธิ์แถมยังยินยอมพร้อมใจของเธอก็ทำให้ดวงตาของเขาลืมเปิดและมองเธอกลับมาด้วยความประหลาดใจแต่ดูเหมือนมันจะยิ่งทำให้เขาระวังตัวขึ้น หากก่อนที่เขาจะรู้ตัวเธอก็กัดลิ้นของเขาจนได้เลือด โอ๊ย! อคินร้องไม่เบานักเขาตั้งตัวไม่ติดเมื่อเท้าเล็กๆ ของเธอกระทืบลงมากลางเป้า...กะเอาให้เขาสูญพันธุ์ โอ๊ยเสียงร้องเขาของดังกว่าเดิม จนน่ากลัวว่าคนจะแห่กันมาดูทั้งบ้านรินวิฬาร์ไม่รอดูผลงานตัวเอง เธอพลิ้วตัวเผ่นหนีจากห้องเลือดของเขายังคงรสเค็มปะแล่มและกลิ่นสนิมคละคลุ้งในปาก ลับหลังเธอได้ยินเสียงฝีเท้าแว่วๆ เหอะ ทิ้งห่างขนาดนี้ ตามเธอไม่ทันแน่ เธอรอดแล้วเธอจะไม่มีวันยอมถูกจับ...หรือกลับไปเป็นเชลยใต้ร่างของเขาอีกแน่แม้มันจะออกหวามใจ...ยวนใจอย่างร้ายกาจก็เถอะ
สวัสดีค่ะ ทักทายท้ายบทกันเช่นเคยนะคะ ตอนนี้วางแผนคร่าวๆว่าจะแปะกรงพยัคฆ์อาทิตย์ละครั้ง ครั้งละ 2 บทค่ะ เนื่องจากช่วงนี้ยุ่งมากคงมาแปะให้อาทิตย์ละ 2 3 ครั้งไม่ได้ค่ะ ในที่สุดอากิระก็ได้เจอคู่ปรับแล้วหนูมี่ของเราโดนเล่นงานเสียอ่วมเลย แต่ก็เอาคืนได้แสบทรวงไม่แพ้กัน(แม้จะเสียเปรียบอากิระไปหน่อยก็เถอะ) แต่งไปแต่งมา กลายเป็นอากิระก็ร้ายในเรื่องแบบนี้ไม่แพ้หยูหลงเลยเนอะ:-D ส่วนอาคิโอะผู้น่ากลัวนั้นเป็นใครประสงค์อะไร รออ่านกันต่อไปนะคะ แล้วเจอกันค่ะ มิถุนา คลิก Like แฟนเพจจะได้ไม่ตกข่าวนะคะ https://www.facebook.com/MithunaNiyay บล็อกรวมนิยาย (และเรื่องจิปาถะ) //mithuna.bloggang.com อ่านนิยายตัวโตๆ สะใจได้ที่ //my.dek-d.com/Mithuna
Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2558 |
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 1:46:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1110 Pageviews. |
|
|