กันตยา 14
 

ศาสตราจารย์สุทัตเดินเข้ามาในห้องบรรยายด้วยใบหน้าที่สดใส หวีผมเรียบแปล้ นักศึกษาเดาได้เลยว่าวันนี้ท่านอารมณ์ดี

             “มีใครเริ่มเห็นแววนักเขียนของตัวเองหรือยัง”  ท่านหว่านคำถามนำ

             เงียบ! ไม่มีเสียงตอบสะท้อนกลับไป   บรรยากาศแบบนี้ไม่ดีแน่ ๆ

            “แล้วตอนนี้พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่..”  ท่านเลิกคิ้วขึ้นสูง

             “เรียน การเขียนแบบสร้างสรรค์ อยู่ครับ”  เสียงนักศึกษาชายจากข้างหลังห้องตอบ

            เป็นคำตอบที่ย้อนศรเกินไป น่ากลัวอันตราย

 

            “ คือ อย่างหนูเนี่ย ฝึกเขียนบ้างค่ะ แต่จับแนวไม่ถูกว่าควรจะไปแนวไหน อย่างไร  ดูมั่วไปหมดค่ะ”  เสียงจากนักศึกษาหญิงที่นั่งข้างประตูหลัง 

คำพูดของเธอคงพอกู้สถานการณ์ได้บ้าง  สีหน้าศาตราจารย์สุทัตดูดีขึ้น ท่านเขียนวงกลมวงใหญ่สองวง เหลื่อมล้ำซ้อนทับกันเล็กน้อยในแนวตั้ง  แล้วเขียนคำว่า Realistic  ลงในวงกลมแรกที่อยู่ข้างล่าง  Twilight / dusk  ลงในพื้นที่บริเวณวงกลมสองวงทับซ้อนเหลื่อมล้ำกัน และ  Fantastic / Imagination  ลงในวงกลมอันบน ท่านขีดเส้นใต้สองเส้นใต้คำในวงกลมแรก

              “สำหรับคนที่ยึดติดอยู่กับความเป็นจริง หรือ facts มองทุกอย่างในแง่ความเป็นจริง เนื้อเรื่องที่เขียนสื่ออกมาก็จะอยู่ในส่วนนี้”     จากนั้นก็ขีดเส้นใต้สองคำในเขตพื้นที่วงกลมเหลื่อมล้ำทับซ้อน  

            “บริเวณนี้ ถ้าเป็นอาหารก็สุก ๆ ดิบ ๆ ถ้าเป็นเวลาก็โพล้เพล้ ถ้าเป็นคนก็กึ่งผีกึ่งคน ..พอนึกภาพออกไหม?”

             “หมายถึง ความจริงผสมผสานกับจินตนาการ ใช่หรือเปล่าคะ”  ฟ้าใหม่ตอบได้ถูกใจศาสตราจารย์สุทัตท่านผงกหัวขึ้นลงอย่างพอใจ

             “ส่วนบนสุดก็ ...”

             “จินตนาการล้วน ๆ “  อิสระชิงตอบก่อนใครอื่น

             “หรืออาจจะเพี้ยนไปเลยก็ได้”  คำพูดของรัชตะเรียกเสียงเฮได้

             “ทีนี้ให้นักศึกษาถามตัวเองว่าตัวเองถนัดแนวไหน และอยู่ส่วนไหนของสองวงกลมนี้.”

 

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ สายตาทุกคู่จ้องมองไปที่ภาพวงกลมบนกระดาน แต่จริง ๆ แล้วทุกคนกำลังสนทากับตัวเองว่าจะจัดวางตัวเองไว้ตรงไหน

             “ คิดว่าตัวเองอยู่ส่วนไหน..  กันตยา” 

 

กันตยาสะดุ้งเมื่อถูกเรียกชื่อ .. สมองของเธอกำลังโลดแล่นทะลุกระดานไวท์บอร์ดที่อยู่ตรงหน้าไปไกลสุดกู่  เธอกำลังสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เธอเคยเผชิญมา มันเป็นจินตนาการหรือมันเป็นจริงกันแน่

             “เออ..คะ? ..หนู..คิดว่าตัวเองอยู่ Twilight Zone ค่ะ แต่ขอเหลื่อมล้ำขึ้นไปข้างบนมาก ๆ หน่อยค่ะ”

 เธอได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของเพื่อน ๆ หลายคน ..’นี่คงเป็นครั้งแรกมั้งที่เธอทำให้เพื่อนหัวเราะได้’

             “อืม ..บางคนอาจจะซ้อนทับกันนิดเดียว บางคนอาจจะเกือบจะซ้อนทับเต็มวงก็ได้ ขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคน “ ศาสตรจารย์สุทัตตอบอย่างอารมณ์ดี   

             “ ให้นักศึกษาเขียนประโยคหรือข้อความคนละสามประโยค  แล้วลองจัดวางว่ามันอยู่ในโซนไหน  ” 

  

พูดจบท่านก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ท่านล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อม่อฮ่อมพื้นเมืองที่ท่านชอบใส่เป็นประจำ ตอนแรกท่านล้วงกระเป๋าข้างที่ตุงพองออกมาเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนไปล้วงอีกข้างหนึ่งแทน และหยิบกระดาษที่พับรูปทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมาแผ่นหนี่ง

              “เวลาพวกคุณส่งงาน อย่าลืมเขียนชื่อ และรหัสนักศึกษาด้วย ..นี่ แผ่นนี้ ดีนะที่ไม่โยนลงตะกร้า”

 พูดจบท่านก็วางลงบนโต๊ะของกันตยา ทุกคนยังคงนั่งนิ่งไม่มีใครลุกเดินมาดู นิ่งนาน ๆ คงไม่ดีแน่ กันตยาจึงหยิบมันขึ้นมา คลี่ออกช้า ๆ เธอรู้สึกมันเหมือนกำลังแอบดูความลับของคนอื่น  เธอหันไปมองศาสตราจารย์สุทัต ท่านก็ยังคงยืนนิ่งเฉย เธอจึงกวาดสายตามองแผ่นกระดาษที่อยู่ตรงหน้า  

             “ไม่มีชื่อ และรหัสค่ะ..เอ่อ..” 

              ‘ เอาไงดี เดินไปยื่นให้แต่ละคนดู หรือจะเรียกให้ทุกคนมาดูกันเอาเอง’

           “ประกาศหาเจ้าของหน่อย”    ศาสตราจารย์สุทัตเตือนสติเธออีกครั้ง

             “คะ? . คือ..เอ่อ.. ลายมือเล็กมา  ตัวกลม ๆ ป้อม ๆ เส้นอ่อนช้อย จัดวางเป็นระเบียบ ช่องไฟสม่ำเสมอ น่าจะเป็นลายมือผู้ชาย ที่..เอ่อ..เป็นคนมีนิสัยละเอียดอ่อนคล้ายผู้หญิงหน่อย  ..จุกจิกหยุมหยิมมาก”

พูดจบก็เกิดเสียงฮือฮาวี๊ดว้ายขึ้น  เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยระงมไปทั่ว

             “ไม่ใช่ของฉันแน่ ของฉันโย้เย้”

             “ลายมือผม ตัวเท่าหม้อแกง”

             “จะต้องเป็นของเพศที่สามแน่เลย”

นักศึกษาชายที่นั่งติดหน้าต่างคนหนึ่งค่อย ๆ ยืนขึ้น แก้มทั้งสองข้างแดงเรื่อ  เขาลุกจากโต๊ะ เดินตรงไปยังกันตยา ยื่นหน้าไปดูแผ่นกระดาษ มือที่ยื่นไปหยิบแผ่นกระดาษสั่นเล็กน้อย แล้วยิ้มอาย ๆ

             “ของผมเองครับ”    

 เพื่อน ๆ หลายคนเฮลั่น เพราะเจ้าของใบงานที่ชื่อเล่นว่าขิม เป็นคนอ้อนแอ้นอรชร ชอบคบกับเพื่อน ๆ ผู้หญิง แต่มีความสามารถพิเศษคือเล่นดนตรีไทยได้หลายชนิดที่ถนัดที่สุดก็คือ ขิมกับซออู้ 

            “ใช่เลย..นิสัยเหมือนผู้หญิง และละเอียดอ่อนจริง ๆ”

             “ว้าว! บิ๊กอาย ทายจากลายมือได้ด้วย”

             “ดูให้ผมหน่อยครับ”

             “ดูให้เราหน่อยดิ”

 

            ‘ไม่น่าเลยเรา’  เธอหันไปทางศาสตราจารย์สุทัต ท่านหันไปมองนาฬิกา ยังมีเวลาเหลือเฟือ ท่านพยักหน้าเชิงอนุญาต เธอหันไปสบตากับอิสระเข้าพอดี เขาส่งยิ้มให้ด้วยท่าทางที่เป็นมิตร เป็นเชิงบอกว่า  ‘เอาเลยเพื่อน’

             “อืม..คือว่า ..บางครั้งมันไม่ใช่สิ่งที่จะดูกันได้ง่าย ๆ ค่ะ ..” เธอกวาดสายตามองสมาชิกร่วมห้องที่กำลังตั้งใจฟัง

             “หมายถึง..บางครั้งเราก็ดูอะไรไม่ออกเลย”  เกิดเสียงอุทานเบา ๆ ด้วยความผิดหวังดังกระจายไปทั่วห้อง

             “.มันไม่ง่ายเหมือนอ่าน  A B C ไม่ง่ายเหมือน 1 + 1 เพราะมันเป็นการผสมผสาน” บังเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง เพื่อนหลายคนตั้งหน้าตั้งตาฟัง สายตาจับจ้องกันตยาเขม็ง

 

“คือ ..ลักษณะอย่างเดียวกัน อาจมีความหมายแตกต่างกันไป มันเหมือนเอาดอกไม้ไปปักแจกันนะค่ะ แจกันก็มีส่วนทำให้ดอกไม้ดูสวยหรือไม่สวยได้ .. ศาสตร์นี้ไม่ใช่เรื่องลี้ลับ..ดิฉันคิดว่าถ้าใครสนใจก็สามารถหาอ่านได้ มันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับการดำเนินชีวิตประจำวัน ..มันอาจจะเป็นสิ่งชี้แนะให้เรารู้จักใช้โอกาสค่ะ  ” กันตยากำลังจะจบการสนทนา เธอเห็นสีหน้าผิดหวังจากหลาย ๆ คน  นักศึกษาหญิงที่ชื่อปริชญาซึ่งนั่งอยู่ใกล้ผนังด้าน ข้างของห้องซึ่งเธอเอามือเท้าคางและกำลังจ้องมองกันตยา

               ‘ข้อกลางของนิ้วก้อยที่กลมเด่นและโค้งงอ’

             “ปริชญา..จะมีปัญหาในการใช้คำพูด..หมายถึงการสื่อความหมายอาจทำให้คนฟังเข้าใจผิด”

  ที่จริงแล้วเธออยากจะพูดว่า ‘พูดไม่เข้าหู’ มากกว่า แต่เกรงจะฟังดูรุนแรงไป

             “เฮ้ย ! จริงดิ” 

 เกิดเสียงฮือฮาอีกครั้ง นักศึกษาหลายคนต่างชูมือขึ้นมองดูนิ้วของตนเอง  บางคนก็โบกมือไปมา

           “ดูให้เราหน่อยดิ..เราหน่อย.. เราหน่อย..”

มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง เธอไม่ได้ยกมือเหมือนคนอื่น ๆ แต่ยิ้ม โชว์ให้เห็นฟันที่สลับซับซ้อนกันไม่เป็นระเบียบประกอบกับเหงือกที่หมองคล้ำมาก พร้อมกับรอยยิ้มที่ตาไม่ยิ้มด้วย

             “อรญา เป็นคนที่เชื่อใจได้ยาก”  ทุกคนหันขวับไปมอง  เกิดบรรยากาศเงียบขึ้นอีกครั้ง

             ‘แย่แล้วเรา ไม่น่าพูดด้านลบเลย’

 เธอหันไปเห็นนิ้วก้อยของชนิกานต์ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเธอปลายของมันโค้งงอเข้าหานิ้วนางซึ่งแยกห่างออกจากนิ้วกลาง บวกกับแววตาเหมือนคนแอบยิ้ม ปากเผยอน้อย ๆ  

             “นี่ คนนี้จะแอบรักคนมีเจ้าของ” เธอชี้ไปที่ชนิกานต์เชิงหยอกล้อ เรียกเสียงเฮตรึมจากทั้งห้อง ทำให้บรรยากาศกลับมาชื่นมื่นอีกครั้ง

             “ถูกต้อง เลย..ใช่เลย.. แม่นจังเลย”  เสียงแซวมาจากเพื่อน ๆ ชนิกานต์เองก็หัวเราะงอหงาย เออ ออ ยอมรับ

             “ตอนนี้น่ะใช่ แล้วอนาคตล่ะทายต่อหน่อย “    

 กันตยาจึงถือโอกาสตอนที่เพือน ๆ กำลังครึกครื้นขอตัวเข้านั่งประจำที่  ก่อนที่เธอจะนั่ง เธอมีคำถามศาสตราจารย์สุทัต

             “หนูขออนุญาตถามค่ะ..เอ่อ.. นอกจากภพของเราแล้ว ยังมีภพอื่น ๆ อีกไหมคะ”

 เธอคิดว่าเพื่อนร่วมห้องต้องหัวเราะกับคำถามของเธอแน่ ๆ แต่กลับไม่เป็นดังที่คิด ทุกคนเงียบ ศาสตราจารย์สุทัตตอบคำถามของเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

             “มีหลายตำราเขียนเอาไว้   นอกจากภพมนุษย์แล้วยังมีภพภูติ และภพเทพ คนโบราณบางกลุ่มเชื่อในเรื่องช่วงเปลี่ยนเวลาที่เปิดไปสู่ภพอื่น  พวกเขาเชื่อกันว่าประตูเปลี่ยนภพเปิดคือช่วงเปลี่ยนจากมืดไปสู่สว่าง ตอน 6 โมงเช้า จากสว่างไปสู่มืดคือตอน 6 โมงเย็น และช่วงสิ้นสุดของวัน คือ 24 นาฬิกาเพื่อย่างเข้าวันใหม่”  

หัวใจของกันตยาเต้นถี่รัวเร็วด้วยความตื่นเต้น มือทั้งสองของเธอกำแน่นโดยไม่รู้ตัว เธอพยายามซ่อนความรู้สึกนั้นไว้  เพื่อไม่ให้คนอื่น ๆ สังเกตเห็น   

            “ พวกเขาพยายามจะบอกว่าหกโมงเช้าเป็นโลกของมนุษย์  หกโมงเย็นเป็นโลกของพวกเหล่าวิญญาณ ภูตผี และเที่ยงคืนเป็นโลกของพวกเทพ  คนเฒ่าคนแก่บางคนจึงบอกเตือนลูกหลาน จะไปไหนมาไหนอย่าออกเดินทางในช่วงต่อเวลา เดี๋ยวเกิดการหลุดโลก”   ศาสตราจารย์สุทัตยิ้มที่มุมปากทิ้งท้ายด้วยคำพูดทีเล่นทีจริง

              “แล้วมันมีจริง ๆ หรือครับ?”   เสียงนักศึกษาคนหนึ่งถามขึ้น

             “มันก็อาจจะมีจริงหรือไม่จริง หรือมันอาจอยู่ในบริเวณนี้ก็ได้” ท่านชี้ไปที่โซน fantasy

             “แล้วเคยมีคนกล่าวอ้างว่าเคยไปเยือนภพอื่นบ้างไหมคะ ” อรญาถามบ้าง

             “ถ้าคุณอยู่ในโลกแฟนตาซี ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ  คุณจะเอาเมืองเชียงใหม่ทั้งเมืองลงขวดยังได้เลย”

 

มีเสียงเออ ออเห็นด้วย  ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่จบเอาง่าย ๆ และตั้งแต่เรียนมาจนจะจบเทอมแล้ว วันนี้เป็นวันที่นักศึกษามีคำถามมากที่สุด

             “ถ้าเกิดมีคนหลุดเข้าไปในภพอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วจะกลับมาได้ไหมคะ”   คำถามของฟ้าใหม่ผู้อยากรู้อยากเห็นเสมอ.... กันตยาอยากจะบอกเธอเหลือเกิน ..แต่เธอจะทำอย่างนั้นไม่ได้ คราวนี้ทุกคนจะไม่ว่าเธอเพี้ยนแล้วแต่จะว่าเธอบ้าเป็นแน่

             “นั่นแหละคือสิ่งที่พวกเราต้องไปจินตนาการต่อเอาเอง ... ว่าไงกันตยา  ได้คำตอบเป็นที่พอใจหรือยัง” ศาสตราจารย์หันมาถามเอาดื้อ ๆ จนเธอสะดุ้ง เพราะกำลังคิดเพลิน

            “คะ? ..เออ..ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ”     




Create Date : 09 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2557 22:44:55 น.
Counter : 452 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Maya_II
Location :
มุกดาหาร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



Star sign : Gemini
Hobby : Reading & Writing
Interest : variety