Group Blog
All Blog
|
กันตยา 14 ศาสตราจารย์สุทัตเดินเข้ามาในห้องบรรยายด้วยใบหน้าที่สดใส หวีผมเรียบแปล้ นักศึกษาเดาได้เลยว่าวันนี้ท่านอารมณ์ดี มีใครเริ่มเห็นแววนักเขียนของตัวเองหรือยัง ท่านหว่านคำถามนำ เงียบ! ไม่มีเสียงตอบสะท้อนกลับไป บรรยากาศแบบนี้ไม่ดีแน่ ๆ แล้วตอนนี้พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่.. ท่านเลิกคิ้วขึ้นสูง เรียน การเขียนแบบสร้างสรรค์ อยู่ครับ เสียงนักศึกษาชายจากข้างหลังห้องตอบ เป็นคำตอบที่ย้อนศรเกินไป น่ากลัวอันตราย!
คือ อย่างหนูเนี่ย ฝึกเขียนบ้างค่ะ แต่จับแนวไม่ถูกว่าควรจะไปแนวไหน อย่างไร ดูมั่วไปหมดค่ะ เสียงจากนักศึกษาหญิงที่นั่งข้างประตูหลัง คำพูดของเธอคงพอกู้สถานการณ์ได้บ้าง สีหน้าศาตราจารย์สุทัตดูดีขึ้น ท่านเขียนวงกลมวงใหญ่สองวง เหลื่อมล้ำซ้อนทับกันเล็กน้อยในแนวตั้ง แล้วเขียนคำว่า Realistic ลงในวงกลมแรกที่อยู่ข้างล่าง Twilight / dusk ลงในพื้นที่บริเวณวงกลมสองวงทับซ้อนเหลื่อมล้ำกัน และ Fantastic / Imagination ลงในวงกลมอันบน ท่านขีดเส้นใต้สองเส้นใต้คำในวงกลมแรก สำหรับคนที่ยึดติดอยู่กับความเป็นจริง หรือ facts มองทุกอย่างในแง่ความเป็นจริง เนื้อเรื่องที่เขียนสื่ออกมาก็จะอยู่ในส่วนนี้ จากนั้นก็ขีดเส้นใต้สองคำในเขตพื้นที่วงกลมเหลื่อมล้ำทับซ้อน บริเวณนี้ ถ้าเป็นอาหารก็สุก ๆ ดิบ ๆ ถ้าเป็นเวลาก็โพล้เพล้ ถ้าเป็นคนก็กึ่งผีกึ่งคน ..พอนึกภาพออกไหม? หมายถึง ความจริงผสมผสานกับจินตนาการ ใช่หรือเปล่าคะ ฟ้าใหม่ตอบได้ถูกใจศาสตราจารย์สุทัตท่านผงกหัวขึ้นลงอย่างพอใจ ส่วนบนสุดก็ ... จินตนาการล้วน ๆ อิสระชิงตอบก่อนใครอื่น หรืออาจจะเพี้ยนไปเลยก็ได้ คำพูดของรัชตะเรียกเสียงเฮได้ ทีนี้ให้นักศึกษาถามตัวเองว่าตัวเองถนัดแนวไหน และอยู่ส่วนไหนของสองวงกลมนี้.
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ สายตาทุกคู่จ้องมองไปที่ภาพวงกลมบนกระดาน แต่จริง ๆ แล้วทุกคนกำลังสนทากับตัวเองว่าจะจัดวางตัวเองไว้ตรงไหน คิดว่าตัวเองอยู่ส่วนไหน.. กันตยา
กันตยาสะดุ้งเมื่อถูกเรียกชื่อ .. สมองของเธอกำลังโลดแล่นทะลุกระดานไวท์บอร์ดที่อยู่ตรงหน้าไปไกลสุดกู่ เธอกำลังสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เธอเคยเผชิญมา มันเป็นจินตนาการหรือมันเป็นจริงกันแน่ เออ..คะ? ..หนู..คิดว่าตัวเองอยู่ Twilight Zone ค่ะ แต่ขอเหลื่อมล้ำขึ้นไปข้างบนมาก ๆ หน่อยค่ะ เธอได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของเพื่อน ๆ หลายคน ..นี่คงเป็นครั้งแรกมั้งที่เธอทำให้เพื่อนหัวเราะได้ อืม ..บางคนอาจจะซ้อนทับกันนิดเดียว บางคนอาจจะเกือบจะซ้อนทับเต็มวงก็ได้ ขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคน ศาสตรจารย์สุทัตตอบอย่างอารมณ์ดี ให้นักศึกษาเขียนประโยคหรือข้อความคนละสามประโยค แล้วลองจัดวางว่ามันอยู่ในโซนไหน
พูดจบท่านก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ท่านล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อม่อฮ่อมพื้นเมืองที่ท่านชอบใส่เป็นประจำ ตอนแรกท่านล้วงกระเป๋าข้างที่ตุงพองออกมาเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนไปล้วงอีกข้างหนึ่งแทน และหยิบกระดาษที่พับรูปทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมาแผ่นหนี่ง เวลาพวกคุณส่งงาน อย่าลืมเขียนชื่อ และรหัสนักศึกษาด้วย ..นี่ แผ่นนี้ ดีนะที่ไม่โยนลงตะกร้า พูดจบท่านก็วางลงบนโต๊ะของกันตยา ทุกคนยังคงนั่งนิ่งไม่มีใครลุกเดินมาดู นิ่งนาน ๆ คงไม่ดีแน่ กันตยาจึงหยิบมันขึ้นมา คลี่ออกช้า ๆ เธอรู้สึกมันเหมือนกำลังแอบดูความลับของคนอื่น เธอหันไปมองศาสตราจารย์สุทัต ท่านก็ยังคงยืนนิ่งเฉย เธอจึงกวาดสายตามองแผ่นกระดาษที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีชื่อ และรหัสค่ะ..เอ่อ.. เอาไงดี เดินไปยื่นให้แต่ละคนดู หรือจะเรียกให้ทุกคนมาดูกันเอาเอง ประกาศหาเจ้าของหน่อย ศาสตราจารย์สุทัตเตือนสติเธออีกครั้ง คะ? . คือ..เอ่อ.. ลายมือเล็กมา ตัวกลม ๆ ป้อม ๆ เส้นอ่อนช้อย จัดวางเป็นระเบียบ ช่องไฟสม่ำเสมอ น่าจะเป็นลายมือผู้ชาย ที่..เอ่อ..เป็นคนมีนิสัยละเอียดอ่อนคล้ายผู้หญิงหน่อย ..จุกจิกหยุมหยิมมาก พูดจบก็เกิดเสียงฮือฮาวี๊ดว้ายขึ้น เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยระงมไปทั่ว ไม่ใช่ของฉันแน่ ของฉันโย้เย้ ลายมือผม ตัวเท่าหม้อแกง จะต้องเป็นของเพศที่สามแน่เลย นักศึกษาชายที่นั่งติดหน้าต่างคนหนึ่งค่อย ๆ ยืนขึ้น แก้มทั้งสองข้างแดงเรื่อ เขาลุกจากโต๊ะ เดินตรงไปยังกันตยา ยื่นหน้าไปดูแผ่นกระดาษ มือที่ยื่นไปหยิบแผ่นกระดาษสั่นเล็กน้อย แล้วยิ้มอาย ๆ ของผมเองครับ เพื่อน ๆ หลายคนเฮลั่น เพราะเจ้าของใบงานที่ชื่อเล่นว่าขิม เป็นคนอ้อนแอ้นอรชร ชอบคบกับเพื่อน ๆ ผู้หญิง แต่มีความสามารถพิเศษคือเล่นดนตรีไทยได้หลายชนิดที่ถนัดที่สุดก็คือ ขิมกับซออู้ ใช่เลย..นิสัยเหมือนผู้หญิง และละเอียดอ่อนจริง ๆ ว้าว! บิ๊กอาย ทายจากลายมือได้ด้วย ดูให้ผมหน่อยครับ ดูให้เราหน่อยดิ
ไม่น่าเลยเรา เธอหันไปทางศาสตราจารย์สุทัต ท่านหันไปมองนาฬิกา ยังมีเวลาเหลือเฟือ ท่านพยักหน้าเชิงอนุญาต เธอหันไปสบตากับอิสระเข้าพอดี เขาส่งยิ้มให้ด้วยท่าทางที่เป็นมิตร เป็นเชิงบอกว่า เอาเลยเพื่อน อืม..คือว่า ..บางครั้งมันไม่ใช่สิ่งที่จะดูกันได้ง่าย ๆ ค่ะ .. เธอกวาดสายตามองสมาชิกร่วมห้องที่กำลังตั้งใจฟัง หมายถึง..บางครั้งเราก็ดูอะไรไม่ออกเลย เกิดเสียงอุทานเบา ๆ ด้วยความผิดหวังดังกระจายไปทั่วห้อง .มันไม่ง่ายเหมือนอ่าน A B C ไม่ง่ายเหมือน 1 + 1 เพราะมันเป็นการผสมผสาน บังเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง เพื่อนหลายคนตั้งหน้าตั้งตาฟัง สายตาจับจ้องกันตยาเขม็ง
คือ ..ลักษณะอย่างเดียวกัน อาจมีความหมายแตกต่างกันไป มันเหมือนเอาดอกไม้ไปปักแจกันนะค่ะ แจกันก็มีส่วนทำให้ดอกไม้ดูสวยหรือไม่สวยได้ .. ศาสตร์นี้ไม่ใช่เรื่องลี้ลับ..ดิฉันคิดว่าถ้าใครสนใจก็สามารถหาอ่านได้ มันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับการดำเนินชีวิตประจำวัน ..มันอาจจะเป็นสิ่งชี้แนะให้เรารู้จักใช้โอกาสค่ะ กันตยากำลังจะจบการสนทนา เธอเห็นสีหน้าผิดหวังจากหลาย ๆ คน นักศึกษาหญิงที่ชื่อปริชญาซึ่งนั่งอยู่ใกล้ผนังด้าน ข้างของห้องซึ่งเธอเอามือเท้าคางและกำลังจ้องมองกันตยา ข้อกลางของนิ้วก้อยที่กลมเด่นและโค้งงอ ปริชญา..จะมีปัญหาในการใช้คำพูด..หมายถึงการสื่อความหมายอาจทำให้คนฟังเข้าใจผิด ที่จริงแล้วเธออยากจะพูดว่า พูดไม่เข้าหู มากกว่า แต่เกรงจะฟังดูรุนแรงไป เฮ้ย ! จริงดิ เกิดเสียงฮือฮาอีกครั้ง นักศึกษาหลายคนต่างชูมือขึ้นมองดูนิ้วของตนเอง บางคนก็โบกมือไปมา ดูให้เราหน่อยดิ..เราหน่อย.. เราหน่อย.. มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง เธอไม่ได้ยกมือเหมือนคนอื่น ๆ แต่ยิ้ม โชว์ให้เห็นฟันที่สลับซับซ้อนกันไม่เป็นระเบียบประกอบกับเหงือกที่หมองคล้ำมาก พร้อมกับรอยยิ้มที่ตาไม่ยิ้มด้วย อรญา เป็นคนที่เชื่อใจได้ยาก ทุกคนหันขวับไปมอง เกิดบรรยากาศเงียบขึ้นอีกครั้ง แย่แล้วเรา ไม่น่าพูดด้านลบเลย เธอหันไปเห็นนิ้วก้อยของชนิกานต์ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเธอปลายของมันโค้งงอเข้าหานิ้วนางซึ่งแยกห่างออกจากนิ้วกลาง บวกกับแววตาเหมือนคนแอบยิ้ม ปากเผยอน้อย ๆ นี่ คนนี้จะแอบรักคนมีเจ้าของ เธอชี้ไปที่ชนิกานต์เชิงหยอกล้อ เรียกเสียงเฮตรึมจากทั้งห้อง ทำให้บรรยากาศกลับมาชื่นมื่นอีกครั้ง ถูกต้อง เลย..ใช่เลย.. แม่นจังเลย เสียงแซวมาจากเพื่อน ๆ ชนิกานต์เองก็หัวเราะงอหงาย เออ ออ ยอมรับ ตอนนี้น่ะใช่ แล้วอนาคตล่ะทายต่อหน่อย กันตยาจึงถือโอกาสตอนที่เพือน ๆ กำลังครึกครื้นขอตัวเข้านั่งประจำที่ ก่อนที่เธอจะนั่ง เธอมีคำถามศาสตราจารย์สุทัต หนูขออนุญาตถามค่ะ..เอ่อ.. นอกจากภพของเราแล้ว ยังมีภพอื่น ๆ อีกไหมคะ เธอคิดว่าเพื่อนร่วมห้องต้องหัวเราะกับคำถามของเธอแน่ ๆ แต่กลับไม่เป็นดังที่คิด ทุกคนเงียบ ศาสตราจารย์สุทัตตอบคำถามของเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มีหลายตำราเขียนเอาไว้ นอกจากภพมนุษย์แล้วยังมีภพภูติ และภพเทพ คนโบราณบางกลุ่มเชื่อในเรื่องช่วงเปลี่ยนเวลาที่เปิดไปสู่ภพอื่น พวกเขาเชื่อกันว่าประตูเปลี่ยนภพเปิดคือช่วงเปลี่ยนจากมืดไปสู่สว่าง ตอน 6 โมงเช้า จากสว่างไปสู่มืดคือตอน 6 โมงเย็น และช่วงสิ้นสุดของวัน คือ 24 นาฬิกาเพื่อย่างเข้าวันใหม่ หัวใจของกันตยาเต้นถี่รัวเร็วด้วยความตื่นเต้น มือทั้งสองของเธอกำแน่นโดยไม่รู้ตัว เธอพยายามซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ เพื่อไม่ให้คนอื่น ๆ สังเกตเห็น พวกเขาพยายามจะบอกว่าหกโมงเช้าเป็นโลกของมนุษย์ หกโมงเย็นเป็นโลกของพวกเหล่าวิญญาณ ภูตผี และเที่ยงคืนเป็นโลกของพวกเทพ คนเฒ่าคนแก่บางคนจึงบอกเตือนลูกหลาน จะไปไหนมาไหนอย่าออกเดินทางในช่วงต่อเวลา เดี๋ยวเกิดการหลุดโลก ศาสตราจารย์สุทัตยิ้มที่มุมปากทิ้งท้ายด้วยคำพูดทีเล่นทีจริง แล้วมันมีจริง ๆ หรือครับ? เสียงนักศึกษาคนหนึ่งถามขึ้น มันก็อาจจะมีจริงหรือไม่จริง หรือมันอาจอยู่ในบริเวณนี้ก็ได้ ท่านชี้ไปที่โซน fantasy แล้วเคยมีคนกล่าวอ้างว่าเคยไปเยือนภพอื่นบ้างไหมคะ อรญาถามบ้าง ถ้าคุณอยู่ในโลกแฟนตาซี ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ คุณจะเอาเมืองเชียงใหม่ทั้งเมืองลงขวดยังได้เลย
มีเสียงเออ ออเห็นด้วย ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่จบเอาง่าย ๆ และตั้งแต่เรียนมาจนจะจบเทอมแล้ว วันนี้เป็นวันที่นักศึกษามีคำถามมากที่สุด ถ้าเกิดมีคนหลุดเข้าไปในภพอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วจะกลับมาได้ไหมคะ คำถามของฟ้าใหม่ผู้อยากรู้อยากเห็นเสมอ.... กันตยาอยากจะบอกเธอเหลือเกิน ..แต่เธอจะทำอย่างนั้นไม่ได้ คราวนี้ทุกคนจะไม่ว่าเธอเพี้ยนแล้วแต่จะว่าเธอบ้าเป็นแน่ นั่นแหละคือสิ่งที่พวกเราต้องไปจินตนาการต่อเอาเอง ... ว่าไงกันตยา ได้คำตอบเป็นที่พอใจหรือยัง ศาสตราจารย์หันมาถามเอาดื้อ ๆ จนเธอสะดุ้ง เพราะกำลังคิดเพลิน คะ? ..เออ..ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ |
Maya_II
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] Star sign : Gemini Hobby : Reading & Writing Interest : variety Link |