สวัสดีจ้าสาวๆทุกคน

สำหรับวันนี้นิมารีวิวนวัตกรรมใหม่ตัวนึงที่ได้ไปทดลองมา

เป็นแบรนด์น้องใหม่จาก America แต่มาแรงแซงทางโค้งมากๆ

นิเป็นคนที่ทำสีผมบ่อยก็ทราบกันดีเนาะ

ก่อนนี้ถึงขั้นฟอกสีผมจนผมเสียแล้วต้องตัดสั้นกันไป

ตัดไปแล้วก็ยังมีปัญหาที่กวนใจอยู่เหมือนกันค่ะ

เพราะช่วงปลายผมก็ยังคงแห้งมาก

บางครั้งก็แก้งกรอบแบบช็อตๆหงิกงอกันเลย

ทำอะไรไม่ได้นอกจากค่อยๆตัดเล็มออกไป

เลี้ยงผมใหม่แล้วหมั่นบำรุง

แต่นิได้มีโอกาสทำความรู้จักกับ OLAPLEX ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของโลก

ที่เป็นกระแสมากๆในหมู่เซเลบริตี้ของอเมริกา

มาทำความรู้จักกันดีกว่า

เค้าบอกว่ามันไม่ใช่ทรีทเม้นท์ ไม่ใช่เคราตินสำหรับบำรุงเส้นผม

แต่เป็นเคมีที่มีความสามารถในการสมาน Bone หรือข้อต่อของโครงสร้างแกนผมภายใน

ผลที่ได้คือหากเส้นผมของเราเปราะ แตก เสื่อมสภาพ 

เคมีของ OLAPEX นี้จะเข้าไปเชื่อมเสริมข้อต่อลึกถึงแกนในของเส้นผมของเรานั่นเอง

ซึ่งในการเชื่อมเสริมข้อต่อนี้ จะเกิดขึ้นระหว่างหรือหลังจากทำเคมีผม

ไม่ว่าจะเป็นการทำสี ฟอก ยืด ดัด ฯลฯ

และมันจะทำให้เส้นผมของเราแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมค่ะ

นิขอสมมติให้เห็นภาพง่ายๆ ลองเปรียบเส้นผมกับเสาปูน

นานวันไปเสาปูนเจอทั้ง แดด ลม กัดกร่อนเข้าไปในตัวเสาเรื่อยๆ

ถ้าเราปล่อยทิ้งไว้ เสานี้ก็จะหัก ขาดออกจากกัน

แต่ถ้าเราเติมตัวปูนเพิ่ม ฉาบให้ส่วนที่โดนกัดกร่อนนั้นเต็มขึ้น เสาก็จะยังแข็งแรงและคงสภาพสมบูรณ์

หลักการคล้ายๆกันนี้เลย เพราะตัว Olaplex จะเข้าไปทำให้ข้อต่อของเส้นผม (Disulfide Bone)

เติมเต็มแข็งแรงขึ้น ส่งผลให้ผมไม่เปราะ ไม่ทำให้ผมเปื่อยยุ่ยขาดง่ายค่ะ

ในครั้งนี้นิจะมาทำสีผมไปด้วยควบคู่กับ Olaplex ค่ะ

สภาพผมก่อนทำก็ตามภาพเลย สีผมด่างไปเยอะแล้ว ปลายผมมีการเปราะจนสังเกตุเห็นได้

มีการหยิกหักงอเล็กน้อยพองาม(เหรอ?)

สีที่เลือกในวันนี้เป็นของ Milbon ประเทศญี่ปุ่นค่ะ

เลือกสี 8-sAS ช่วงนี้กำลังอินกับสีผมโทนธรรมชาติๆไม่สีสันหวือหวาค่ะ

ขั้นตอนในการทำเหมือนกับการทำสีผมทั่วไปเลย แต่จะเพิ่มส่วนผสมของ Olaplex 

ลงไปในแต่ละขั้นตอนค่ะ สำหรับในการทำสีผมธรรมดา

ส่วนของสีที่จะทำ เราก็เติม Olaplex No.1 ลงไปในส่วนผสม แค่นั้นเอง

ซึ่งเค้าจะมีอัตราส่วนของเค้าอยู่แล้วว่า ทำสีผมควรใส่ Olaplex No.1 เท่าไหร่

ถ้าฟอกสีผมต้องใส่ Oleplax No.1 เท่าไหร่อะไรทำนองนี้

ส่วนของการทำสีผมปกติ ผสม Olaplex No.1 ลงไปในสีที่เตรียมไว้ 3.75ml. คนผสมให้เข้ากัน

แล้วมาลงที่ผมได้เลยค่ะ ง่ายมากๆ

นวดๆคลึงๆให้ทั่วเส้นผม ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีให้สีผมทำงานเต็มประสิทธิภาพ

ก็เล่นมือถือกันไปเพลินๆ

จากนั้นก็ไปนวดสีผมกันอีกรอบที่เตียงสระ แล้วล้างสีผมออกให้สะอาดค่ะ

ขั้นตอนถัดมาลง OLAPLEX No.2 มานวดคลึงพร้อมไปกับการกดจุดที่ศรีษะ

ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย สบาย เคลิ้ม จากนั้นก็ล้างผมให้สะอาดก็เป็นอันเสร็จแล้ว ง่ายมากๆ

เป่าผมจัดทรงกันซักหน่อย สัมผัสตอนนี้คือรู้สึกผมนุ่มขึ้นอย่างสังเกตุได้ในทันทีค่ะ

สภาพเส้นผมหลังทำค่ะ ปลายผมดูดีขึ้นมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่างไม่น่าเชื่อ

เทียบให้เห็นกันชัดๆอีกซักรอบ

ปลายผมที่เป็นลักษณะช็อตๆของนิดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย

อันนี้นิไม่ได้เล็มปลายผมเพิ่มเติมอะไรนะคะ

จากนั้นมาที่ OLAPLEX No.3 ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนที่เราจะนำกลับไปใช้ที่บ้านค่ะ

เป็น After Care ที่เราจะใช้บำรุงเพิ่มเติม

นิถามทางผู้นำเข้า Olaplex มาว่า ถ้าเราไม่ได้ทำขั้นตอนของ No.1 กับ No.2 

แล้วเราสามารถซื้อ No.3 นี้มาใช้เลยได้มั้ย

ทางผู้นำเข้าแบรนด์แนะนำมาว่า การทำงานของ OLAPLEX จะเสริมกันไปเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้ทำขั้นตอน No.1 และ No.2 ก่อนจะดีกว่าค่ะ

เท่าที่ทราบตอนนี้สำหรับร้านทำผมชั้นนำหลายๆแห่ง

ก็มีการนำ OLAPLEX มาใช้ที่ร้านกันเยอะมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ 

ถือเป็นที่นิยมพอสมควรในร้านทำผมชั้นนำของบ้านเรา

ในส่วนของราคา ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราจะทำ เช่น ทำสี ฟอกสี ยืด ดัด ฯลฯ

และสภาพเส้นผมเดิมของแต่ละท่าน ต้องสอบถามกันจากร้านที่เราจะไปทำนะคะ

รีวิวนี้เป็นเพียงเหตุผลส่วนตัวของนิที่มีต่อผลิตภัณฑ์จากการได้ทดลองเองจริงค่ะ

ปัจจัยสภาพเส้นผม สิ่งที่จะทำ ความแข็งแรงของเส้นผมแต่ละคนไม่เหมือนกั

ผลที่ได้อาจจะได้ไม่เท่ากันเช่นกัน อยากให้ลองศึกษาข้อมูลแล้วตัดสินใจกันด้วยตัวเองด้วยค่ะ

ขอบคุณมากๆที่ติดตามค่ะ

MINIPANDAZ