ปลามีโปรตีนชั้นยอดที่ร่างกายต้องการขณะเดียวกันมีข้อสำคัญที่ช่วยให้หัวใจแข็งแรง แต่แม้กระนั้นด้วยสังคมเร่งรีบในปัจจุบันจึงค่อนข้างกลายเป็นสิ่งยากลำบากในการที่จะรับประทานปลาทะเลอย่างพอเพียงในทุกวัน ดังนั้น การกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำมันปลา เช่นว่า น้ำมันปลาแซลมอน ก็มีส่วนช่วยให้เพื่อนๆได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าจากเนื้อปลาทะเลเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องจาก น้ำมันปลาแซลมอน จะเต็มไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3 fatty acid) ซึ่งปลาแต่ละช้อนโต๊ะ จะมีกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 สำคัญอย่างเช่น กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (Eicosapentaenoic Acid) หรือ EPA ปริมาณ 1.8 กรัม ขณะที่กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (Docosahexaenoic Acid) หรือ DHA จำนวน 2.5 กรัม ซึ่งกรดไขมันจำเป็น (Essential Fatty acid)ทั้ง 2 ชนิดนี้มีส่วนช่วยเสริมสร้างประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆ ด้านทีเดียว 1.คุณประโยชน์แก่โรคหัวใจพร้อมทั้งหลอดเลือด โอเมก้า3 สามารถพบได้จาก น้ำมันปลาแซลมอน ซึ่งให้ประโยชน์ที่ดีแก่หัวใจกับหลอดเลือด ทั้งลดการจับตัวของเกล็ดเลือด หรือทรอมโบไซท์ ไม่ให้เกิดภาวะภาวะลิ่มเลือด และยังสามารถช่วยเรื่องอาการอักเสบ ส่งผลให้การเสี่ยงการติดเชื้อที่หัวใจ การบริโภค น้ำมันปลาแซลมอน ที่มี DHA และ EPA จะช่วยปรับลดระดับไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides)ในเลือดไม่ให้สูงเกินเกณฑ์ เพิ่มคอเลสเตอรอล (cholesterol) HDLไขมันชนิดดี (HDL) ให้เพิ่มขึ้น มีประโยชน์เส้นโลหิต ความดันโลหิตอยู่ในระดับ ช่วยลดการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด สรุปความโดยรวมแล้ว การบริโภคกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 ซึ่งมีใน salmon oil มีส่วนช่วยให้เพื่อนๆป้องกันอัตราการเสี่ยงหัวใจวายรวมทั้งโรคหัวใจนั่นเอง 2.คุณค่าอื่นๆ จากกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งไม่เพียงกรดไขมันโอเมก้า 3 จะสามารถช่วยสำหรับป้องกันอาการอักเสบของร่างกายได้แล้ว ยังกำกับควบคุมอาการโรคไขข้ออักเสบเช่นกัน ขณะเดียวกันจากรายงานของ มหาลัย Maryland ระบุว่ากรดโดโคซะเฮกซะอีโนอิก (DHA) จาก น้ำมันปลา ยังกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญภายในเซลล์สมองรวมทั้งช่วยให้ สมองมีสุขภาพดี เสริมประสิทธิภาพการคิดและการสั่งการได้ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านี้การเลือกใช้ น้ำมันปลาแซลมอน ควบคู่กับยารักษาโรคซึมเศร้า มีส่วนช่วยเยียวยารักษาอาการซึมเศร้าได้ แต่แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานรองรับว่าได้ผลโดยแท้จริง หรือไม่ 3.ไม่เสี่ยงอาการวิตามินเป็นพิษ น้ำมันปลาแซลมอน จัดเป็นทางเลือกที่มีความปลอดภัยมากกว่า น้ำมันปลาอื่นๆ เช่นว่า น้ำมันตับปลา ทั้งนี้ พวกมันไม่มีVitamin A ขณะที่ใน น้ำมันตับปลา นั้นจะให้วิตามิน เอที่ค่อนข้างสูง โดยถ้าบริโภคเกินจำเป็นในหนึ่งวัน จะมีผลข้างเคียงเกิดภาวะความเป็นพิษ มีผลเสียต่อผิว เป็นมูลเหตุของอาการเจ็บปวดตามข้อ ตรงกันข้าม น้ำมันปลาแซลมอน คุณสามารถที่จะทานได้ทุกวัน โดยไม่จะต้องเป็นกังวลว่าจะรับประทาน vitamin A มากเกินไป 4.โอกาสและการซื้อ น้ำมันปลาแซลมอน มีความปลอดภัยยิ่งกว่าน้ำมันปลาชนิดอื่นๆ แต่กระนั้นพวกมันก็ยังมีผลแทรกซ้อนเช่นกัน การทาน กรดไขมันโอเมก้า 3 ปริมาณมากเกินไป อาจจะส่งผลให้แข็งตัวของเลือดเกิดช้า และเพิ่มโอกาสช่วยให้เลือดหยุดไหลช้าหากมีแผลเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลกระทบปัญหากับการควบคุมระดับน้ำตาล พร้อมทั้งยังมีผลต่อผู้ที่เป็นเบาหวาน เหตุฉะนี้ก่อนที่คุณจะใช้หรือรับประทานต้องปรึกษาแพทย์ส่วนตัวให้มั่นอกมั่นใจก่อนว่า ท่านจะต้องกิน น้ำมันปลาแซลมอน ไหม พร้อมทั้งบริโภคจำนวนเท่าไหร่จึงจะเหมาะ เพื่อที่จะความมีความปลอดภัยของสุขภาพคุณเองครับ
เครดิต : //www.golden-pets.com
Create Date : 20 มีนาคม 2560 |
Last Update : 20 มีนาคม 2560 13:13:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 6888 Pageviews. |
|
|