Paris (2016) Day 1 : Long time no see Europe, To Charles De Gaulle Airport
Paris, France

6 June 2016



ทริปนี้เป็นครั้งแรกที่เดินทางออกนอกประเทศคนเดียว และเป็นการได้ไปยุโรปครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

ทริปก่อนหน้านี้มี the gang ไปด้วยตลอด

ลุยเดี่ยวกับเมืองที่ขึ้นชื่อว่า หนึ่งในเมืองที่อันตรายที่สุดในยุโรป

เริ่มต้นจากสุวรรณภูมิ เรียก Grab Taxi จากหน้าบ้านไปส่งถึงหน้าประตูชั้นขาออกเลย

เช็คอินไฟลท์เรียบร้อย รับ Boarding Pass

ผ่าน ตม.ออกไปที่เกท

รอขึ้นเครื่อง EK371 เพื่อไปดูไบ และต่อด้วยไฟล์ EK073 จากดูไบไปปารีส

ง่วงนอนมาก เพราะว่าไฟลท์ออก 2.25 น.

เหล่าลูกเรือที่จะพาเราบินไปในไฟลท์นี้





เครื่องบิน Airbus A380-800 Boeing 777-300 ER ที่จะนำเราไปดูไบวันนี้

(เขียน entry นี้มา 3 ปีแล้ว พึ่งเห็นความผิดพลาด -_-'')







ที่นั่ง มีผ้าห่ม หมอน หูฟัง ให้เหมือนเดิม





ถึงเวลาบินออกจากแดนสนธยา





บนท้องฟ้ามีดาว ไม่ใช่ละ บนเพดานเครื่องบินต่างหาก อยากนอนหลับท่ามกลางหมู่ดาวจริงๆแต่นอนไม่หลับ





ถึงดูไบแล้ว





ผ่าน security เรียบร้อย ก็เดินตามหาเกทต่อ




เริ่มต้นเบาๆด้วยอาหารเช้าบนเครื่อง

Appetizer : Fresh seasonal fruit
Main course : Cheese selection Red Leicester and labneh with olives and cucumber
Bread : Croissant served with butter and preserve





หลังทานเสร็จก็นั่งเล่น ดูหนังฟังเพลงอะไรไป

หลังจากนั้นอีกนานก็เริ่มสู่อาหารมื้อเที่ยง

Appetizer : Barley salad with beef pastrami
Main course : Babecue chicken served with mashed potatoes and broccili
Dessert : Cholate orange cake with passion fruit coulis
Chololate





อาหารทุกอย่างบนไฟลท์นี้เป็นฮาลาล คนอิสลามก็กินได้

ในที่สุดก็ถึง Charles de Gaulle Airport

ถึงด่าน ตม. (police aux frontières) ดูวีซ่า และก็ปั๊ม ไม่พูดอะไรซักคำ

รอรับกระเป๋า ซึ่ง business กับ first class สายพานจะแยกกับ economic และก็จะได้กระเป๋าก่อน

เสร็จแล้วก็ลงไปเค้าน์เตอร์ขายตั๋วของ SNCF เพื่อซื้อบัตร Navigo Découverte Zone 1-5 แบบ 1 week

(บัตรนี้ไม่ใช่บัตร Day ticket แบบธรรมดาในปารีสนะ คนละอันกัน อันนั้นใช้ได้แค่ zone 1-2)

เป็นบัตรที่สามารถใช้ขนส่งมวลชนทุกอย่างในปารีสได้ (ยกเว้น orlyval,TGV) ซื้อแบบ zone 1-5 ทำให้สามารถใช้กับ zone 5 ได้ (ไปกลับสนามบิน CDG)

และสามารถไป zone 4 ได้ (ใช้ไปแวร์ซาย) ราคา 21.25 ยูโร + ค่ามัดจำบัตรอีก 5 ยูโร ต้องใช้รูปถ่ายใบเล็กขนาด 1 นิ้ว จำนวน 1 รูป โชคดีที่เตรียมไป

ถ้าไม่ได้เตรียมรูปไปล่ะทำไง .... เดี๋ยวรอดูต่อ

เงื่อนไขของบัตรนี้ มันจะแปลกอย่างนึงคือ มันจะ valid เป็นรอบเริ่มต้นจากวันจันทร์สิ้นสุดวันอาทิตย์ ไม่ได้นับเป็นจำนวนวัน 7 วันนะ

สมมุติว่า ถ้าคุณซื้อบัตรนี้ตอนวันพฤหัส คุณก็จะใช้บัตรได้แค่ วันพฤหัส วันศุกร์ วันเสาร์ สิ้นสุดที่วันอาทิตย์ (ไม่ใช่ใช้ได้ถึงพุธหน้านะ)

ส่วนผม เดินทางมาถึงวันจันทร์พอดี ผมก็จะสามารถใช้ได้ตั้งแต่ วันจันทร์ ถึง วันอาทิตย์ (แต่วันศุกร์ก็กลับไทยแล้วล่ะ ไม่ได้อยู่ใช้บัตรให้คุ้มเลย)





หน้าตาของบัตรและใบเสร็จ ใช้สแกนผ่านตู้ตรวจตั๋วได้เลย มีช่องพิเศษสำหรับบัตรนี้อีก สะดวกมากๆๆๆๆ

ขอเอาใบเสร็จบังหน้าไว้หน่อยนะ เอารูปข้าราชการมาติด ซึ่งดูเหมือนซุเปอร์ไซย่ามากๆ





มาต่อๆ ถามว่าบัตรนี้คุ้มมั้ย (ค่าตั๋ว zone 1-5 ราคา 21.25 บวกกับค่ามัดจำบัตรอีก 5 ยูโร รวมเป็น 26.25 ยูโร)

ค่าตั๋วรถไฟ RER B3 ระหว่างสนามบิน CDG กับตัวเมืองปารีส ก็ปาไปเที่ยวละ 10 ยูโรละ ไปกลับก็ 20 ยูโร

ตั๋วไปแวร์ซาย เที่ยวละ 4.20 ยูโร ไปกลับก็ 8.40 ยูโร ขั้นต่ำก็ 28.40 ยูโรละ ไม่นับที่ขึ้นๆลงๆ metro กับ bus เป็นว่าเล่น

สำหรับใครที่ไปก็ลองคำนวณดูนะว่าคุ้มหรือไม่ ต้องดูด้วยว่าเราเดินทางมาถึงปารีสวันไหน

เอาล่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมรูปถ่ายมาก็ไม่ต้องเสียใจ ด้านนอกเคาน์เตอร์ขายตั๋วมีตู้ให้ไปถ่ายรูป เสียเงินเท่าไหร่ไม่รู้เหมือนกัน





หลังจากได้ตั๋ว ก็สแกนตั๋ว เข้าชานชาลา นั่งยาวไปจนถึงสถานี Gare du nord เลยจ้า ซึ่งต่อรถไป metro สาย 2 ต่อเพื่อเข้าที่พัก







เดินเข้าซอยที่พัก แถวนี้ดูคนเอเซียเยอะมาก มีร้านอาหารไทยเปิดด้วยแหละ






เข้า check in ที่ The Loft Boutique Hostel

คราวนี้นอนแบบ Dorm รวม 6 เตียงนะ ห้องสะอาดใช้ได้ แต่ร้อนไปหน่อยไม่มีแอร์ อย่างอื่นโอเคเลย รูมเมทมีแต่ฝรั่ง มีมารยาทเกรงใจกันมากๆ

มีนอนจริงๆแค่ 4 เตียง นอกจากเราแล้ว คนนึงเป็นคนอเมริกัน อีกคนนึงมาจากชิลี อีกคนเป็นคนฝรั่งเศสแต่มาจากเมืองอื่น

หลังเช็คอินเสร็จก็ออกเดินทางต่อ

ระหว่างทาง เห็นมี supermarket ด้วย รอดตายแล้วววววว มีที่ให้กินแล้ว

ถ่ายรูปเก็บไว้กันหลง จริงๆไม่หลงหรอก อยู่ริมถนนใหญ่เลย เอาเป็นว่าเป็นที่ระลึกละกัน





เอาล่ะ ขึ้นรถไฟใต้ดินต่อ ไปลงสถานี École militaire

ขึ้นมาก็เห็นหอไอเฟล และก็เดินผ่านโรงเรียนทหาร École militaire ซึ่งนโปเลียน โบนาปาร์ตก็เรียนจบจากโรงเรียนนี้

หลักสูตรทหารตอนนั้นสองปี แต่นโปเลียนเรียนจบได้ในปีเดียว อัจฉริยะมาก

หน่วยทหารม้า





หน่วยทหารหมา !!!? เอ้ยม่ายช่าย





หน่วยทหารปืนใหญ่ Artillerie






ระหว่างเดินไปหอไอเฟลก็ผ่านที่จัดงานเกี่ยวกับยูโร 2016 มีตำรวจมายืนคุ้มกันรอบๆเลย





น . . . น . . . ในที่สุดก็มาถึง






หอไอเฟล !!! (Eiffel Tower)

สร้างโดยกุสตาฟ ไอเฟล สร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของงานแสดงสินค้าโลก ปี 1889

ทางเข้าและที่ขายตั๋ว





หอไอเฟลตอนนี้สงบและปลอดภัยมาก มีทหารยืนถือ P90 ยืนลาดตระเวนอยู่





แวะซื้อของที่ระลึก





หลังจากนั้นกล้องแบตหมด ไม่สามารถถ่ายรูปได้ อดถ่ายรูปแซนด์วิชขนมปังฝรั่งเศสเลย อร่อยมาก



Create Date : 12 มิถุนายน 2559
Last Update : 27 สิงหาคม 2562 23:03:13 น.
Counter : 2511 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Mickeytae
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



มิถุนายน 2559

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30