ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
3 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
-Love is...- Vol.3 (20)

"...ข้าฆ่าเจ้าแน่ ถ้าเจ้าไม่เม้นต์..."



เจ็ดเดือน!

ไม่ผิดหรอก...เจ็ดเดือนเต็มที่มะเหมี่ยวกลับมาอยู่ที่เยอรมัน ทุกวันในโรงพยาบาลมันช่าง...วุ่นวาย! ยุ่งเหยิง! และเหนื่อย...โคตรๆ

ข้อมือขาวที่มีนาฬิกายี่ห้อหรูถูกยกขึ้นมาในระดับสายตาที่กำลังมองที่เพดาห้องพักของแพทย์ เที่ยงคืนสี่สิบสี่นาที เวลาที่บอกทำเอาคุณหมอหน้าหวานถอนหายใจพรืด...นี่ก็เป็นอีกวันที่เขาต้องอยู่เวรจนเช้า...

ความจริงแล้วมะเหมี่ยวไม่จำเป็นต้องอยู่เวรก็ได้เพราะวันนี้มันไม่ใช่เวรของเขาสักหน่อย แต่จะโทษก็ต้องโทษน้อยหน่าเถอะที่เลือกเดินทางมาถึงเยอรมันในวันนี้! แล้วก็แอบเซ็งตัวเองนิดหน่อยที่ปากไวรับเข้าเวรแทนเพื่อนหมอโดยไม่ดูวันที่ซะก่อน...

ป่านนี้งอนไปกี่ตลบแล้วไม่รู้...

เขาได้รับโทรศัพท์จากน้อยหน่าตอนทุ่มกว่าๆ เธอบอกว่ามาถึงเยอรมันแล้ว รอให้เขาไปรับ... ให้ตายเถอะเขาเพิ่งเข้าเวร แถมยังมีอุบัติเหตุฉุกเฉินเข้ามาอีกคนเจ็บระนาว ทำเอาคุณหมอปากไวพูดไม่ออก...สุดท้ายเลยทำได้แค่โทรไปขอให้บิดาของตัวเองส่งคนไปรับน้อยหน่า...

ไม่ต้องพึ่งหมอดูก็รู้ว่าคนสวยคงทำหน้าไม่สวยรอแน่ๆ...

“กาแฟมั้ย? แมธ” มะเหมี่ยวหันไปทางต้นเสียงที่ยืนคาประตูห้องพักพร้อมกับชู้แก้วกาแฟเชื้อเชิญ

“เรียบร้อยแล้วละ” เขาตอบ พลางหมุนเก้าอี้ให้เพื่อนร่วมงานเห็นแก้วกาแฟที่วางอยู่บนทำงาน

“ทำหน้าเซ็งอย่างนี้ โทรศัพท์เมื่อเย็นสำคัญมากเลยละสิ” มะเหมี่ยวพยักหน้ารับ พร้อมกับยกกาแฟมาจิบ

“Ma girl.” คำตอบของมะเหมี่ยวทำเอาเพื่อนหมอหูผึ่ง ก็แหงล่ะ รู้จักเพื่อนคนนี้ตั้งหกเจ็ดปี ไม่เคยสักครั้งที่จะพูดเรื่องคนที่คบหาด้วย แม้จะเคยเห็นเพื่อนควงสาวสวยที่สุดในU มาแล้วก็เถอะ แต่พี่ท่านก็ไม่เคยออกปากว่าใครเป็น “ผู้หญิงของฉันสักคน” งานนี้น่าสนใจ

“แล้วยูไม่มีเดินตรวจแล้วเหรอแดล” มะเหมี่ยวถามถึงงานของเพื่อน แดเนียล หรือแดล ชื่อที่เพื่อนๆ ในคลาสเรียกกันเป็นคุณหมอหนุ่มสุดหล่อชาวอังกฤษที่ตัดสินใจมาเรียนต่อที่เยอรมัน และคบหากับมะเหมี่ยวตั้งแต่เข้าเรียน มหาวิทยาลัย

“เรียบร้อยแล้วล่ะ...เมื่อเย็นเจอไปหนักเลยเหมือนกันนะ” มะเหมี่ยวพยักหน้ากับแดเนียลที่มาทรุดกายลงนั่งที่โต๊ะตัวใกล้ๆ

“ดีไม่มีใครตาย”

“ยูนี่พยายามไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ...ไอเห็นแล้วยังทึ่งเลย เด็กสาวคนนั้นดูยังไงก็ไม่รอดแน่ๆ แต่ยูก็ดึงเธอกลับมาจนได้” แดเนียลเอ่ยถึงช่วงเหตุการณ์วิกฤตในห้องฉุกเฉินช่วงเย็น คนไข้ที่เป็นเด็กสาวไฮสคูลเลือดอาบไปทั้งตัว แถมยังทำท่าจะหยุดหายใจ แต่มะเหมี่ยวก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะปั้มหัวใจของเธอ และส่งเข้าผ่าตัดด่วนเพื่อดึงเอาชีวิตองเธอกลับมา

“ไอไม่ชอบคนตาย” หมอหนุ่มยิ้ม... มันเป็นคำตอบเดียวกับที่เขาเคยถามเมื่อหลายปีก่อนว่า...ทำไมแมธ(มะเหมี่ยว)ถึงอยากเป็นหมอนัก...

...ฉันไม่ชอบคนตาย...

คำตอบง่ายๆ สั้นๆ แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันในทันทีที่สบตาของคนพูด แววตาไร้ประกายเหมือนคนที่สูญเสียวิญญาณ แม้จะได้เห็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว แต่ทุกคนที่ได้เห็นก็พร้อมใจกันที่จะไม่ถามถึงสาเหตุอีก...

คนที่มีสายตาแบบนั้นได้...คงเคยผ่านช่วงเวลาสูญเสียสิ่งที่ทำให้อยากมีชีวิตอยู่ไปแล้ว...

“ว่าแต่...สายเมื่อตอนเย็น…” มะเหมี่ยวกระตุกยิ้ม...ไม่เคยละทิ้งสิ่งที่อยากรู้จริงๆ นะแดเนียล

“คนที่คบอยู่ตอนนี้น่ะ เธอย้ายมาอยู่ด้วย”

“โว้ว! ยูต้องพาเธอมาให้ไอรู้จักแล้วนะแมธ! แม่สาวคนไหนกันนะที่ทำให้มนุษย์ไร้หัวใจอย่างนายยอมสยบได้น่ะ” มะเหมี่ยวเปล่งเสียงหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินแดเนียลพูด....ตลอดเวลาในสายตาเพื่อนๆ เขาคงดูร้ายกาจมากแน่ๆ

“ไอไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นสักหน่อย” มะเหมี่ยวแย้ง

“น้อยไปสิ...ดูอย่างมิเคล่า เธอออกจะอินเลิฟกับยูขนาดไหน ยูยังไม่ใยดีเธอสักนิด ไหนจะลอเรน มิเรียม อันวา ซาร่า...ไรอา สาวเอเชียที่ไอจำชื่อไม่ได้อีก...กี่คนๆ ยูก็ไม่สนใจจนพวกเธอร้องห่มร้องไห้น้ำตาท่วมU จะไม่ให้ไออยากเห็นสาวที่เอายูได้อยู่หมัดได้ยังไง” มะเหมี่ยวยิ้มส่ายหน้ากับความช่างจดช่างจำของแดเนี่ยล เขามั่นใจว่าในบรรดาสาวๆ ทุกคนที่ตัวเองควง แดเนียลจำได้ทุกคน เพียงแต่ขี้เกียจเอยชื่อมากกว่า

“ว่ากันไปนั่น พวกมิเคล่าน่ะ ไอเคยบอกพวกเธอแล้วว่าสนุกๆ พวกเธอแค่เสียฟอร์มเท่านั้นแหละที่ไอไม่เล่นด้วยจนจบน่ะ” เดเนียลเบะปากส่ายหน้าหวือ

“ไม่ใช่มิเรียม กับอันวาแน่ๆ เพราะไม่งั้นคงไม่ขู่เชือดคอตัวเองอย่างนั้นตอนยูชิ่งไปหาสาวเอเชียแน่นอน”

“วู้... ก็แค่ขู่เล่นๆ น่า” ถึงจะบอกว่าขู่เล่นๆ ก็เถอะ แต่พอได้ยินสองสาวนั่นขู่จะเอามีดปาดคอตัวเอง มะเหมี่ยวก็แทบอยู่ไม่เป็นสุขเหมือนกัน...

แดเนียลเองก็ได้เห็นธาตุแท้ของมะเหมี่ยวก็วันนั้นนั่นเอง และรู้ซึ้งแก่ใจว่าเขาไม่ต้องการให้ใครตายต่อหน้า...โดยเฉพาะตายเพราะตัวเอง

คุณหมอหนุ่มจำได้ดี ว่ามะเหมี่ยวทั้งใช้ไม้อ่อน ไม้เกือบแข็ง แทบจะอ้อนวอนให้มิเรียมวางมีดในมือ ถ้าตอนนั้นมิเรียมให้มะเหมี่ยวเอาหัวโขกพื้นเขาก็คงยอม มะเหมี่ยวอ้อนวอนอยู่เป็นนานกว่าที่สาวสวยจะยอมเข้าใจความจริง...

ส่วนอันวา รายนั้นเจอไม้แข็งชนิดที่ว่า ไม่ได้ตายด้วยการกระโดดตึก แต่หัวใจโดนมะเหมี่ยวขยี้เละไม่เหลือดีเลยทีเดียว ก็ว่าที่คุณหมอในตอนนั้นเล่นโผล่ไปยืนบนยอดตึกเหมือนกับคนสวยแล้วพูดด้วยประโยคเด็ดว่า

...เธอยังคิดจะกระโดดอีกหรือเปล่า? ถ้ายังคิดฉันจะกระโดดลงไปก่อน...

ไม่พูดเปล่า(ไอ้)หมอเพี้ยนก้าวเดินเข้าใกล้ขอบตึกไปเรื่อยๆ ปากก็พร่ำอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด เจ้าหน้าที่ที่กำลังพยายามเอาอันวาลงมาแทบดิ้นตายเพราะมะเหมี่ยว

“ก่อนที่เธอจะกระโดด ฉันขอกระโดดลงไปก่อน เธอจะได้เห็นไงว่า เวลาที่เธอได้เห็นคนที่เธอรักตายต่อหน้ารู้สึกยังไง? เวลาที่ต้องทนหายใจบนโลกที่ไม่มีคนที่รักทรมานแค่ไหน? เวลาที่ต้องเห็นเขาจากไปต่อหน้าต่อตา...เธอเจ็บปวดจนแทบจะแหลกสลายมันเป็นยังไง?” แดเนียลไม่แน่ใจว่ามะเหมี่ยวพูดอะไรอีกเพราะลมบนยอดตึกนั้นมันกรรโชกแรงมาก แต่ที่แน่ๆ สายตาของมะเหมี่ยวนั้น...มันเหมือนกับตอนที่เขาถามถึงเรื่อง ทำไมถึงอยากเป็นหมอ?

สายตาของคนที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

“เธอจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ก่อนที่เธอจะได้ลงไปนอนอยู่บนพื้นข้างล่างนั้นเพียงเพื่อคนที่มองไม่เห็นค่าอะไรในตัวของเธอเลย...”

เท่านั้นแหละสาวสวยนามว่าอันวาก็กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะรีบผวากลับมาอยู่ในตัวตึก...ปากก็พร่ำบอก ขอโทษ และขอร้องให้มะเหมี่ยวกลับเข้ามา ซึ่งแน่นอนตอนนั้นแดเนียลคิดว่าถ้าเป็นมะเหมี่ยวในแบบปรกติเขาคงรีบกระโดดกลับเข้ามาแน่นอน แต่มะเหมี่ยว...ไม่

ร่างสูงที่ดูจะอ้อนแอ่นหากเทียบกับแดเนียลนั้น ยืนนิ่งอยู่ที่ขอบตึกที่แสนจะหมิ่นเหม่ สายตาไร้ประกายแวววาวของมะเหมี่ยวจดจ้องลงไปที่พื้นลานที่อยู่ต่ำลงไปอีกถึงสิบชั้น ราวกับว่ากำลังจะโดดลงไปอย่างนั้น ตอนนั้นแดเนียลเสียเองที่แทบจะเป็นลมแทนเจ้าหน้าที่ เพราะไม่ว่าจะดูยังไงมะเหมี่ยวก็เหมือนจะเป็นคนที่จะโดดตึกแทนอันวามากกว่า แถมโดดจริงด้วยไม่ใช่ขู่...หากเพียงแต่บังเอิญมีเสียงเพลงเศร้าๆ ที่แดเนียลฟังไม่ออกดังขึ้นขัดซะก่อน มะเหมี่ยวจึงขยับตัว

“ฉันไม่อยากให้มีใครตายเพราะฉันอีกเลย” นั้นคือคำพูดที่แดเนียลจับใจความได้ เพราะมะเหมี่ยวพูดเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในตัวตึก โดยไม่ปิดเสียงเพลงที่ดังจากมือถืออยู่ แดเนียลไม่รู้ว่าใครโทรเข้ามา แต่มามารู้ทีหลังก็คือ...เสียงนั้นคือเสียงตั้งเตือนเป็นประจำทุกปีของมะเหมี่ยวที่จะดังเตือนในวันที่ 17 December ตรงกันในทุกๆ ปี เวลาเดิมๆ ไม่เคยเปลี่ยน

“เฮ! แดล...แดล” แดเนียลสะดุ้งเมื่อมะเหมี่ยวใช้แฟ้มสะกิดที่แขน ก่อนจะหันมาทำหน้าเลิ่กลั่กกับคุณหมอหน้าหวาน

“ว่าไง?”

“ว่าไงอะไรล่ะ? เห็นเงียบไป ไอจะไปเดินตรวจแล้วนะ”

“โอเค” แดเนียลพยักหน้ารับคำ ก่อนจะเบี่ยงก้าวอี้ให้ร่างสูงของมะเหมี่ยวเดินผ่านไปง่าย และก็เหมือนเพิ่งนึกได้ เขาจึงรีบท้วงมะเหมี่ยวที่เกือบจะพ้นประตูไปแล้ว

“เฮ! แมธ! ยูอย่ามาทำไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อไหร่จะเปิดตัว “Ma girl” ของยู” มะเหมี่ยวไม่ตอบ เพียงแต่หันหลังและเดินยกแฟ้มขึ้นเทินไหล่ เป็นท่าทางที่แดเนียลเห็นจนชินและเดาความหมายมันได้ว่า...มีอารมณ์เมื่อไหร่ ค่อยว่ากันอีกที...

แดเนียลถอนหายใจ ส่ายหน้า เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ยิ้มบางๆ แต้มใบหน้าหล่อเล่าของตัวเอง หวนคิดถึงใบหน้าของมะเหมี่ยว เพื่อนที่ตนถือว่าสนิทด้วยมากที่สุด

“ขอให้มีความสุขนะ แมธ”




คนหนึ่งก็มีเวลาให้กับคนไข้ได้แบบอันลิมิต ส่วนสาวอีกคนก็มีเวลาสำหรับการรอคอยที่หาที่สิ้นสุดไม่ได้...เฉพาะเรื่องของหัวใจหรอกนะ

เพราะถ้าหมายถึงการอดนอนเพื่อรอให้อีตาคุณหมอเจ้าของหัวใจกลับมานอนที่เตียงล่ะก็เธอคงไม่ต้องหลับต้องนอนกันแน่ๆ คืนนี้

ดังนั้นตอนนี้น้อยหน่าจึงอยู่ในชุดนอนสีครีม ยี่ห้อราคาหูฉี่ เนื้อผ้าบางเบาไม่เหมือนราคาบนเตียงนอนหนานุ่มที่บิดาของคุณหมอนิสัยกวนประสาทบอกว่า มะเหมี่ยวใช้ห้องนี้และเตียงนี้นอนเป็นประจำเวลาที่กลับมาค้างที่บ้านอดีตท่านทูต

คนสวยยอมรับว่าโกรธคุณหมอตัวดีมากถึงขนาดอยากจะบินกลับเมืองไทยให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อตอนที่โทรไปหาเขาแล้ว แต่เขากลับบอกว่ามารับไม่ได้ เพราะติดเวรและมีคนไข้ แล้วก็ตัดสายเธอไปซะเฉยๆ เลย จากนั้นอีกห้านาทีต่อมาก็มีสายจากอดีต เอกอัครทูตจุลจักรที่เกษียรตัวเองแล้วแต่ยังใช้ชีวิตอยู่ที่เยอรมันมาหาเธอ บอกว่ามะเหมี่ยวให้เบอร์เธอ และให้ท่านส่งคนมารับ ให้เธอรออยู่ที่สนามบิน และในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาเธอก็มานั่งอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้านอดีตท่านทูตเป็นที่เรียบร้อย

บิดาของมะเหมี่ยว แม้จะอยู่ในวันเกษียรแล้วแต่ยังดูอ่อนกว่าอายุจริงมากนัก ท่าทางแข็งแรงของเขาทำให้เธอคิดถึงบิดาของตัวเองว่า ถ้ายังมีชีวิตอยู่ท่านจะแข็งแรงอย่างนี้อยู่หรือเปล่า

อาหารเย็นที่ค่อนข้างดึกของเธอคืออาหารอิตาเลี่ยน และสลัด นายจุลจักรบอกว่า เขาทานอาหารเย็นไม่ค่อยเป็นเวลาเท่าไหร่ โดนมะเหมี่ยวต่อว่าบ่อยๆ ความจริงน้อยหน่าเองก็ไม่ปลื้มเท่าไหร่กับมื้อเย็นหนักๆ และดึกๆ เพราะมันทำให้เธออ้วน แต่การทานอาหารกับพ่อของคนที่เธอรักก็ไม่เลวเท่าไหร่ เรียกได้ว่าดีมากๆ เลยล่ะ

เพราะเธอได้รู้เรื่องของมะเหมี่ยวมากมายเหลือเกิน เป็นต้นว่า ตอนที่เขามาที่เยอรมันใหม่ๆ เป็นยังไงบ้าง? เขาใช้ชีวิตยังไง? เรียนยังไง? มีกิ๊กเยอะแค่ไหน? แล้วตอนนี้เป็นยังไงกับชีวิตการทำงาน?

มะเหมี่ยวแทบไม่ได้กลับมาที่บ้านของพ่อเลย ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาอยู่ที่โรงพยาบาล แม้แต่ที่อพาทเม้นต์ที่เขาเช่าไว้ใกล้ๆ กับที่โรงพยาบาลก็แทบไม่ได้กลับ อันนี้เธอรู้จากป้ามาลีที่เป็นแม่บ้านชาวไทยของบ้านท่านทูตที่รับทำความสะอาดอพาทเม้นต์ให้มะเมี่ยวด้วย เธอรายงานท่านทูตว่า...แทบจะไม่มีร่องรอยของการอยู่อาศัยของอพาทเม้นต์ห้องนั้นเลย ดูแล้วมะเหมี่ยวคงแค่กลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าและนอนพักบ้างเป็นบางครั้ง คงไม่เกินสองคืนต่ออาทิตย์ ส่วนใหญ่คงอยู่ที่โรงพยาบาล

มิน่าล่ะกลิ่นที่นอน หมอน ถึงแทบไม่มีกลิ่นของเขา ขนาดห้องที่เช่าไว้ใกล้โรงพยาบาลยังไม่ค่อยกลับ แล้วเตียงหลังนี้ เขาจะมานอนสักกี่ครั้งกัน


“คิดถึงจัง” น้อยหน่าพึมพำ...หลับตาคิดถึงใบหน้าที่เลือนลางของมะเหมี่ยวในความคิด แต่ในจิตใจ ใบหน้า กลิ่นหอม น้ำเสียงของเขายั้งเด่นชัดทุกอณู

เธอทำเรื่องมากมายกว่าจะมาอยู่ตรงจุดนี้ได้....ทั้งรอวีซ่า พาสปอร์ตที่ต้องทำใหม่ ไหนจะต้องลาออกอีก....ไม่ใช่อะไรที่จะทำได้ง่ายๆ เลย ดีว่าเธอโทรมาปรึกษากับมะเหมี่ยว เขาเลยขอให้บิดาของเขาช่วยเหลือเธอ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้ทอดเวลาอยู่ที่เมืองไทยอีกพักใหญ่แน่ๆ

แต่ที่ว่าเร็วก็กินเวลาไปนับเจ็ดเดือน ไม่ใช่มีปัญหาตรงเรื่องเดินทาง แต่เป็นเรื่องงานของเธอมากกว่า กว่าจะลงตัวก็ทำเอาเธออยากระเบิดสายการบินทิ้ง...

แต่ในที่สุดเธอก็ได้มาอยู่ข้างๆ กายเขา ได้มาเป็นผู้หญิงของเขาจริงๆ แล้ว... แค่คิดถึงตอนที่พ่อของมะเหมี่ยวโทรมาหาเธอแล้วถามเธอว่า “หนูน้อยหน่าแฟนเจ้าเหมี่ยวใช่มั้ยลูก” อารมณ์โกรธของเธอก็แทบไม่เหลือ

...เจ้าเหมี่ยวบอกพ่อมาสักพักแล้วล่ะว่าแฟนจะมาอยู่ด้วย แต่ไม่ได้บอกพ่อว่ามาวันไหน...พ่อเลยไม่รู้ว่าต้องไปรับ...

ไม่ใช่ความผิดของท่าทูตสักนิดเดียว เธอนึกต่อว่ามะเหมี่ยวในใจ แต่ประโยคที่ว่า....เจ้าเหมี่ยวบอกว่า แฟนจะมาอยู่ด้วย...นั่นแหละที่ทำเอาเธอตัวแทบลอย

ตลอดเวลาเจ็ดเดือนที่ห่างกัน มีการพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์ทางไกลบ้าง อินเตอร์เน็ตบ้าง เขาทำให้เธอสัมผัสได้ว่า เธอมีความสำคัญต่อเขา... แม้เขาจะไม่เคยพูดอะไรออกมาตรงๆ ให้เธอได้ยินก็เถอะ แต่การที่มารับรู้กับคนรอบข้างว่าเขาให้ความสำคัญกับเธอแค่ไหนนั้น มันก็ทำให้เธอดีใจได้มากทีเดียว

จนแอบเผลอคิดไปว่า...ถ้าเขาพูดขอเธอตรงๆ ต่อหน้า หัวใจของเธอมันจะพองโตขนาดไหนนะ...

จะว่าไป...หัวใจมันคงพอจนแตกแน่ๆ...






น้อยหน่าขยับตัวแก้เมื่อยขบ หลังจากที่เผลอหลับไปเมื่อคืนด้วยความเพลียจากการเดินทาง และยังปรับตัวกับเวลาไม่ค่อยได้...ทำให้เธอรู้สึกล้าไปหมดจนหลับไม่รู้เรื่อง... ไม่รู้แม้กระทั้งว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่บนเตียงเพียงลำพังตั้งแต่ตอนไหน

ร่างบางของเธอพลิกกายกลับมาอีกทาง และนั่นทำให้เธอรู้สึกตัวแล้วว่าไม่ได้อยู่ตามลำพังบนเตียง ท่อมแขนที่วางอยู่ที่เอวขอดของเธอกระชับร่างของเธอให้เข้าหาตัวโดยอัตโนมัติเมื่อรู้สึกว่าร่างในอ้อมแขนขยับตัว มันรัดเธอไว้แน่นขึ้น แต่ไม่ยักกะอึดอัด กลิ่นหอมเฉพาะที่เธอจำได้ทำให้สติของเธอไม่กระเจิง จนสามารถมองสำรวจใบหน้าสวยหวานที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน

“อย่าเพิ่งตื่นนะ...เพิ่งได้นอน” เสียงที่เธอจำได้แม่นนั้น ตอนนี้มันพึมพำฟังแทบไม่รู้เรื่อง แต่เธอคิดว่าเดาได้ไม่อยากจากการกระทำ ที่เจ้าตัวแสดงออก

ใบหน้าที่ซุกเข้ามาสูดดมกลิ่นหอมจากซอกคอของเธอและไล่ไปกดจมูกที่แก้มเนียน อ้อมแข้นที่กระชับมากขึ้น...ไม่ว่ายังไงก็ดูไม่เหมือนคนที่ไม่อยากอยู่ใกล้กัน

“กลับมาเมื่อไหร่” เธอถามแผ่วเบา และได้รับเสียงงึมงำจากเขาเป็นคำตอบ

“ตอนแปดโมงเช้า” น้อยหน่าพยายามเหลือบตามองหานาฬิกาติดผนัง แต่ไม่มี เธอเลยจนปัญญาจะรู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว แต่ดูจากแสงสว่างที่ทอดเข้ามาในห้อง คงจะสายมากแล้ว....

“สายมากแล้ว” เธอได้ยินเสียง...อืม...จากเขาแล้วก็เงียบไป

“เดี๋ยวพ่อว่านะตื่นสาย” น้อยหน่าอ้มแอ้มต่อไป...และเธอก็ได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะของเขาอีก

“เหมี่ยวนอนก่อนนะ...หน่าออกไปก่อนดีมั้ย” คราวนี้คำพูดของเธอมีความเงียบเป็นคำตอบ เธอจึงค่อยๆ ขยับกายออกจากอ้อมกอดของเขา

ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่ใกล้เขานะ แต่เกรงใจเจ้าของบ้าน...

น้อยหน่าคิดว่ามะเหมี่ยวหลับอยู่ เลยกะว่าจะปลีกตัวออกไป แต่ที่ไหนได้... แขนของเขากลับกระชับแน่นจนเธอแยกตัวออกไปไม่ได้ พอเธอหันมามองที่ตัวต้นเหตุปรากฏว่าเขาลืมตาอยู่ แต่ไม่ได้มองมาที่เธอ...แอบคิดว่าดีแล้วที่เขาไม่ได้มองเธอ เพราะเท่าที่สังเกตดูแล้ว... เจ้าของสายตานั้นกำลังหงุดหงิด

มะเหมี่ยวตวัดสายตาขึ้นมามองใบหน้าสวยที่ดูจะยู่ยี่เล็กน้อยเพราะเพิ่งตื่นนอนอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่...ทันทีที่ออกเวรเขาก็ตรงดิ่งกลับไปที่อพาทเม้นต์แต่ปรากฏว่าไม่เจอเธอในห้อง สอบถามจากพ่อบังเกิดเกล้าถึงได้รู้ว่า ท่านทูตจอมเฮี้ยวพาเธอมาอยู่ที่บ้านเขาเลยต้องนั่งแท็กซี่ต่อมาอีก

กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบจะสิบโมงเช้าแล้ว... นอนได้ไม่เท่าไหร่ คุณเธอก็ตื่นมา แล้วก็พูดอะไรไม่รู้จุกจิกจนเขาปวดหัวจี๊ดๆ เพราะไม่ค่อยได้พักผ่อน...หาเรื่องออกจากอ้อมกอดของเขา อย่างนี้มันน่า...มั้ยล่ะ


สายตาที่เคยแพรวพราวหวานจับใจ ตอนนี้มันวาววับ ยิ่งตอนที่ตวัดขึ้นมามองเธอ ทำเอาคนสวยต้องหลบสายตา กลัวว่าจะโดนเฉือนออกเป็นชิ้นๆ

“จะรีบไปไหน?” น้อยหน่าส่ายหน้าทันที “งั้นก็นอนลง” แล้วเธอก็ค่อยๆ ล้มตัวลงนอนที่เดิมเมื่อเสียงเข้มๆ ห้วนๆ ของเขาพูดจบ แถมยังขยับตัวเข้าไปในอ้อมกอดของมะเหมี่ยวอย่างไม่อิดออดใดๆ แถมด้วย

“ฉันจะนอนแล้วนะ อย่าได้ลุกไปไหนเด็ดขาด” สั่งๆ แล้วก็หลับตาลง กระชับร่างในอ้อมกอดไว้ด้วย น้อยหน่าไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลยทำได้แต่นอนนิ่งๆ ให้เขากอดเป็นหมอนข้าง แอบคิดในใจว่า ถ้าเธอหิว คงได้ไส้ขาดตายกันไปซะก่อนแล้ว

“ถ้าหน่าหิวล่ะ” อ้อมแอ้มถาม ก็แค่ถามเผื่อๆ ไว้

“อีกไม่นานฉันก็หลับสนิทแล้ว ค่อยไปตอนนั้นแล้วกัน” เขางึมงำตอบมาอีก

“พ่อไม่ว่าเหรอ”

“เขาเข้าใจน่า”

“แล้วเหมี่ยวไม่หิวเหรอ”

“...ฮื้อ...ยังไม่...หิว” เสียงเขาเริ่มขาดหายไป

“คิดถึงจัง” น้อยหน้าพูดออกมา พร้อมกับอ้อมแขนที่โอบไปรอบกายของเขา...คราวนี้ไม่มีเสียงตอบกลับมา มีแต่ความเงียบ เขาคงหลับไปแล้ว... แต่คนสวยยังยิ้มหวานกับตัวเองอยู่ พร้อมกับเบียดกายเข้าหาร่างของเขาอีก... ไหน ๆ คุณหมอก็เหนื่อยจนไม่มีแรงอย่างนี้ เธอขอเอาเปรียบเขาสักนิดเถอะ

“...คิดถึงเหมี่ยวที่สุดเลย” เพราะมัวแต่หลับตาซึมซับความอบอุ่นในเสี้ยววินาทีนี้อยู่ คนสวยเลยไม่สังเกตว่าร่างที่ตัวเองกอดอยู่นั้นมีกฏิกิริยายังไง

พอรู้ตัวอีกทีก็...

ร่างของมะเหมี่ยวพลิกขึ้นคร่อมร่างของน้อยหน่า คนสวยดูตกใจไม่น้อยที่ตกอยู่ในสภาพนี้เพราะคิดว่าเขาหลับไปแล้ว...

“มะ...เหมี่ยว...”

“อืม” เขาตอบมาด้วยเสียงที่เหมือนคำรามในลำคอมากกว่า ขานรับเธอ ทำเอาน่าตกใจไม่น้อย

“ตะ..ตื่นอยู่เหรอ...”

“อืม...”ถ้าน้อยหน่าไม่มัวแต่จะสนใจเสียงขานรับต่ำๆ ของมะเหมี่ยวนั้นเธอคงได้เห็นสายตาของเขาที่เต็มไปด้วยแววหวาน...หวานแบบละลายใจ เป็นแน่แท้ แต่ก็เพราะความหวั่นใจว่าจะทำอะไรให้เขาไม่พอใจเลยทำให้เธอเอาแต่หลบตา

“นึกว่าเหมี่ยวหลับไปแล้ว”

“ก็เกือบ” คำตอบแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกผิดชะมัด “เธอทำให้ฉันชักจะนอนไม่หลับแล้วนะ...” รู้สึกผิดจนไม่ได้จับน้ำเสียงของเขาว่ามันอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด...แต่ถ้าจะให้เข้าใจมะเหมี่ยวจริงๆ แล้วละก็ เขาต้องพยายามอย่างหนักที่จะนอนกอดเธอไว้เฉยๆ แล้วนอนให้หลับ... แต่ดูเหมือนยัยคนสวยนี้จะไม่ให้ความร่วมมือเลย...

...ไม่ใช่เขาไม่รู้สึกอะไรอย่างที่เธอเพิ่งบอกไปสักหน่อย รู้สึกมากกว่าที่ใครๆ จะเดาได้ละกันน่า...

“ขอโทษ...” น้อยหน่าเอ่ยเสียงแผ่ว เหลือบตาขึ้นมองใบหน้าหวานที่เธอจินตนาการว่า ต้องหงิกแน่นอน แต่ก็ผิดคาด...เพราะเพียงแวบเดียวที่เธอเห็นนั้น มันไม่มีร่องรอยของความขุ่นเคืองสักนิด

แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวหรอกที่เห็นน่ะ เพราะใบหน้าของมะเหมี่ยวก้มลงมาไล้ปลายจมูกกับแก้มเนียนของเธอ...

“คิดถึงฉันมากเลยเหรอ” เขากระซิบแผ่วที่ติ่งหูทำเอาขนอ่อนทั่วร่างกายของเธอลุกชัน ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบเขาไปสั้นๆ ว่า

“อืม”

“หือ...ตอบใหม่ซิ” คุณหมอไม่พอใจอย่างแรงกับคำว่า อืมของว่าที่คนไข้สาว เลยต้องทำการกระตุ้นด้วยริมฝีปากร้อนๆ ที่ซอกของหอมกรุ่มของเธอ สักสองสามที ทำเอาร่างของเธอสะดุ้งน้อยๆ เลยทีเดียว

“คิด...คิดถึง...เหมี่ยวค่ะ”

“อื้ม” มะเหมี่ยวครางอย่างถูกใจ จึงเลื่อนใบหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ แต่เธอก็ขยันหลบตาของเขาซะเหลือเกินสิน่า

“พิสูจน์หน่อยละกัน...” พิสูจน์? พิสูจน์อะไรกัน? เธองงได้ไม่ถึงครึ่งวิ คุณหมอก็เฉลยให้ได้รู้ว่าพิสูจน์อะไร

เพราะริมฝีปากของเธอถูกปิดสนิท เท่านั้นยังไม่พอ ความหวานที่คุณหมอป้อนให้เป็นวิตามินนั้นมันก็เย้ายวนจนเธอต้องเผยอริมฝีปากออกต้อนรับ เรียกร้องหายาแก้ไข้ที่ดูเหมือนพิษของมันจะทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว คุณหมอก็ใจดี หยิบยื่นยารักษาโรคให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องรับรองคนไข้เคทนี้หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่อีกนัยหนึ่งคนไข้อาจจะมีอาการป่วยเรื้อรังก็ได้ เพราะการรักษาของคุณหมอนั้น หวานได้ใจขนาดนี้

“อะไร...หืม?” มะเหมี่ยวพำพำถามทั้งที่ริมฝีปากยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่างจากเรียวปากของเธอ มือไม้ก็เริ่มอยู่ไม่สุขเสียแล้ว เพราะนั่นแหละน้อยเน่าจึงต้องรีบถามเรื่องที่ตัวเองอยากรู้ให้หายข้องใจ...สักข้อก่อนก็ยังดี

“เหมี่ยวขี้โกง” มะเหมี่ยวเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงสงสัย ก่อนจะขยับร่างออกห่างเธอเล็กน้อย เพื่อจะสบตากับเธอ...

“โกงอะไร?” น้อยหน่าเม้มปาก ก่อนจะคลายออก ยกมือขึ้นลูบไล้บ่าของเขา ไล่ไปจนถึงท้ายทอย สอดปลายนิ้วเข้าไปในเรือนผมที่เริ่มจะยาวขึ้นอีก เธอช้อนสายตามองเขาอย่างแง่งอน น่ารักจนเธอต้องไม่รู้แน่ๆ ว่ามะเหมี่ยวแทบจะกลั้นใจตายซะเดี๋ยวนั้นเมือต้องคอยมองเธออยู่แบบนี้

“ไม่เห็นบอกเลยว่าคิดถึงหน่าหรือเปล่า?” เสียงตัดพ้อ กระเง้ากระงอดของเธอนั้นไม่ได้ดูน่ารำคาญอย่างที่ใครนึกกลัว ตรงกันข้าม มะเหมี่ยวกลับคิดว่า คนทั้งโลกอาจจะยอมตายเลยก็ได้เพื่อที่จะมาอยู่แทนที่เขาตรงนี้ (แต่ไม่มีทาง)

“ไม่เคยบอกเลยเหรอ” มะเหมี่ยวถามเสียงกลั้วยิ้ม...เธอพยักหน้ารับ หลุบตามองที่ปลายคางของเขาแทนที่จะเป็นสายตาหวานๆ นั้น

“ก็กำลังจะพิสูจน์อยู่นี่ไงว่า...คิดถึงหน่ามากขนาดไหน”

น้อยหน่าไม่ทันได้ท้วงติงอะไรอีก ไม่ทันแม้จะดีใจกับคำตอบของเขา เพราะรสจูบแสนหวานที่เขาปั้นแต่งในวินาทีต่อจากนั้นมันทำให้เธอลืมแทบทุกอย่าง...ยิ่งฝ่ามือของเขาที่คอยวนเวียนบริเวณขาอ่อนของเธอลูบไล้ สอดเข้ามาใต้เสื้อนอนเนื้อบางเบาของเธอขึ้นมาที่หน้าท้องและมาหยุดที่หน้าอกของเธอ...นั่นยิ่งทำให้เธอกระเจิง...



พักยกก่อง... ไปสั่งข้าวกะแต่งตัวแวบเนิง...



ร่างของมะเหมี่ยวทาบทับอยู่บนร่างของน้อยหน่า สองแขนของเธอตวัดโอบรอบบ่าและรั้งให้เขาแนบชิดเข้ามาใกล้เธออีก...ราวกับว่าระห่างเพียงแค่มิลลิเมตรจะทำให้เธอขาดใจเสียให้ได้ รสจูบที่หวาน แต่ระอุไปด้วยอุณหภูมิทางอารมณ์ที่พุ่งสูงมันทำให้เธอครางแผ่วในลำคอ ไม่รวมไปถึงมือของเขาที่ลอดผ่านเสื้อนอน วิคตอเรียซีเคร็ท เข้ามาลูบไล้ที่หน้าท้องแบนราบและเลื่อนขึ้นมากอบกุมอกสวยของเธอ ก่อนจะบีบเคล้นเป็นจังหวะ

ใบหน้าสวยหวานลดลงมาใช้ปลายจมูกสูดดมความหอมจากซอกคอหอมกรุ่นของเธอด้วยความหลงใหล เขาใช้คำนี้คงไม่ผิดนัก...เพราะเขารับรู้ได้ตั้งแต่ที่แน่ใจแล้วว่าจะต้องทำทุกทางให้เธอมาใกล้ชิดกับเขาแล้วว่า เขาต้องได้เธอ ทำให้เธอเป็นของเขาคนเดียว

เสียงครางผะแผ่วของเธอเป็นตัวเร่งเร้าให้เขาต้องลดใบหน้าลงต่ำลงมาอีก แม้จะเสียดายซอกคอหอมกรุ่นนั้นก็ตาม แต่เพราะมือแสนรู้ของเขามันดันเลิกเสื้อนอนของเธอให้สูงขึ้นเหนือเนินอกสวยของเธอ...มันน่าสนใจน้อยกว่ากันที่ไหนล่ะ

เมื่อตัดสินใจได้...ไม่แปลกที่จะได้ยินเสียงกระเส่าของเธอครวญดังขึ้นอีก...เพราะริมฝีปากและลิ้นอุ่นจัดของเขามันกำลังครอบครองยอดถันสีสวยของเธอไว้ และจังหวะที่เขากำลังระรัวอยู่นั้นมันทำเอาร่างของเธอสะท้านจนหลังไม่ติดเตียงนุ่ม มือสวยของเธอสอดเข้าไปใต้เรือนผมของคุณหมอ ขยุ้มเต็มกำมือ แตะกลับไม่มีท่าทีแสดงว่าเขาจะเจ็บปวดสักนิด และยิ่งเธอทึ้งเขาแรงขึ้น ลิ้นอุ่นๆ นั้นก็ทำเอาเธอแทบอยากจะกรีดร้องออกมา

“หน่าจ๋า...” เสียงหวานพร่าของมะเหมี่ยวเลื่อนมากระซิบที่ข้างหูพร้อมกับลมหายใจร้อนๆ ทำเอาขนอ่อนทั้งตัวของเธอลุกชัน ยิ่งการกระทำ จูบแผ่วไล่ไปตามกกหูนั้นยิ่งแล้วใหญ่ เธอแทบอยากจะทึ้งทุกอย่างที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นระหว่างเธอกับเขาออกให้หมด

มะเหมี่ยวรั้งร่างของเธอให้ลุกขึ้นนั่ง ทำให้เสื้อนอนสีเนื้อหล่นลงมาปิดปังอกสวยที่ชูชันท้าสายตาไปเสีย แต่เขาไม่ยีหระ ไม่จำเป็นต้องรีบอะไรสักนิด ในเมื่อที่นี่ไม่มีไอ้เพื่อนตัวแสบมาเป็นลิงขวางคออยู่แล้ว

“ถอดสิ” ไม่มีทางที่เขาจะถอดไอ้ชุดนอนเกะกะนั่นเองแน่ๆ มองอีกฝ่ายถอดให้เพื่อตัวเอง ได้อารมณ์กว่าเยอะ

น้อยหน่าค้อนเขาวงโต แม้ดวงตาจะหวานฉ่ำจนคนมองมองตาปรอยก็เถอะ แต่ก็ไม่รั้งรอแม้แต่วินาทีที่จะดึงเสื้อนอนของตัวเองขึ้นเพื่อจะโยนมันทิ้งข้างๆ เตียง

มะเหมี่ยวไล่สายตามองตามชายเสื้อที่ค่อยๆ ร่นขึ้นอย่างลุ้นระทึก...ตั้งแต่โคนขาขาวผ่อง และจุดที่ทำเอาเขาต้องเม้มริมฝีปากอดกลั้นเพราะความกระหายอยากจะลิ้มลองที่โผล่มาให้เห็นอย่างหมิ่นเหม่นั้นอีก... มันทำเอาเขาใจเต้นเกินปรกติ ชายเสื้อลากผ่านขึ้นไปจนเห็นหน้าท้องแบนราบ ตอนนี้นี่แหละที่มะเหมี่ยวไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องอดทนเพื่ออะไร...เธอเป็นของเขานี่...

ใบหน้าของมะเหมี่ยวลดลงไปที่ขาอ่อนของเธออย่างไม่คิดจะห้ามใจไว้ ริมฝีปากของเขาจูบไล่ไปทั่ว ปล่อยลมหายใจที่ร้อนและไม่สม่ำเสมอนั้นให้รดผิวกายของเธอ จนคนที่กำลังจะถอดเสื้อต้องชะงัก แต่เมื่อใบหน้าของเขาเลื่อนขึ้นมาที่หน้าท้องของเธอ มันก็เป็นสัญญาณบอกให้เธอว่า เธอต้องดึงเสื้อขึ้นอีก...

เพราะสำผัสที่กำลังเร่งเร้าอารมณ์ของเธอนั้นมันช่าง...หวาน...วูบวาบไปทั่วทั้งช่องท้อง และทุกอณูในร่างกาย

“เร็วสิ” เสียงของมะเหมี่ยวกระซิบสั่ง เมื่อใบหน้าตัวเองสัมผัสกับชายเสื้อของเธอที่อกสวย

และเมื่อชายเสื้อนั้นผ่านพ้นอกสวยไปริมฝีปากของเขาก็ครอบครองยอดอกของเธออีกครั้ง และครั้งนี้มันร้อนยิ่งกว่าครั้งแรกนัก...ร้อนจนทำเอามือไม้ของเธออ่อนเปลี้ย ปล่อยจากเสื้อนอนไปโอบกอดร่างของเขาไว้ ดึงรั้งให้เขาเข้ามาหาอีก กดศีรษะของเขาให้แนบเข้ามาอีก ทั้งที่ตอนนี้มันก็ไม่สามารถจะชิดมากกว่านี้แล้ว แต่เธอก็ไม่พอเสียที อยากให้เขาละลายหายเข้ามาในตัวของเธอเลยด้วยซ้ำ

ก๊อกๆ

เพียงแค่เสียงเบาๆ ที่หน้าประตู ไม่สามารถหยุดกิจกรรมบนเตียงที่กำลังระอุอยู่นี่ได้หรอก เพราะคุณหมอก็ไม่สนใจเสียงอันใดนอกจาก เสียงครวญจากหญิงสาวในอ้อมกอดและเสียงเรียกชื่อของเขาเท่านั้น... ส่วนน้อยหน่าเองก็หูอื้อตาลายไม่สามารถรับรู้อะไรได้นอกจากสัมผัสของเขา

ก๊อกๆ

“เหมี่ยว ออกมาสักครู่ก่อน มีสายจากโรงพยาบาล” เสียงของจุลจักรนั้นไม่ช่วยให้มะเหมี่ยวสนใจอะไรได้หรอก แต่ไอ้คำว่า โรงพยาบาล นี่ต่างหากที่ทำให้เขาชะงัก...

“โธ่เว้ย!” เขาสบถอย่างหัวเสีย หันมามองประตูห้องนอนราวกับจะให้มันลุกเป็นไฟ ก่อนจะหันมาจูบปากของเธอเร็ว ๆ หนึ่งทีและลุกออกจากเตียง ด้วยท่าทีที่เรียกได้ว่า หัวเสียสุดๆ

“มีสายของเดเนียล” นายจุลจักรส่งโทรศัพท์บ้านเคลื่อนที่ให้บุตรสาวที่ออกมาเปิดประตูด้วยใบหน้าของฆาตกรมากกว่าหมอช่วยชีวิตคน

“จะมีใครตายหรือไงแดล...หรือว่ายู” เสียงที่กรอกลงไปนั้นทำเอาคนเป็นพ่อที่ยืนอยู่ไม่ห่างกลั้นยิ้ม...สงสัยขัดจังหวะอะไรสักอย่างละมั้ง

“วันนี้ไอหยุดนะ...รู้แล้ว...ให้ตายเถอะแดล ยูต้องอยากให้ไอหันยูออกเป็นชิ้นๆ แน่...บ้าจริง...โอเค ยูจัดการที่หน้าวอร์ดด้วยละกัน บาย” มะเหมี่ยววางสายและส่งกระบอกโทรศัพท์ให้บิดา

“พ่อจะออกไปตกปลาสักหน่อยนะ...”

“วันนี้เหมี่ยวเข้าเวรแทนเพื่อนค่ะพ่อ”

“พ่อจะให้มาลีมาปลุกตอนสี่โมงเย็น”

“ขอบคุณค่ะ” พ่อลูกสนทนากันสั้นๆ แต่เป็นอันเข้าใจกันได้ว่า คืนนี้ลูกสาวคนโตไม่กลับมาค้างที่บ้าน จากนั้นนายจุลจักรก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่ลืมทิ้งท้ายให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงด้านในต้องเขินเล่น

“อย่าลืมให้ลูกสะใภ้พ่อออกมาทานข้าวล่ะ” มะเหมี่ยวกระตุกยิ้ม ก่อนจะถอยหลังเข้ามาในห้อง และหันมามองร่างบางที่นั่งเอาผ้านวมพันตัวอยู่ทั้งที่สวมเสื้ออยู่แล้ว

ภาพที่มะเหมี่ยวเห็นนั้นมันค่อนข้างจะมิดชิดอยู่หรอก แต่ไอ้ใบหน้าที่เปลือยอารมณ์ทุกอย่างของเธอนี่สิมันทำให้เขาร้อนไปทั้งตัว แต่บางอย่างก็แวบเข้ามาในสมอง เขาจึงหันไปที่โต๊ะวางของใกล้มือ หยิบเอาไวท์บอร์ดสีขาวขึ้นมาพร้อมกับปากกา จากนั้นไม่ถึงนาที มันก็ไปห้อยที่หน้าห้องของตัวเอง...

...ปลุกตอนบ่ายสี่โมงเย็น ห้ามรบกวน...

และเสียงประตูก็ปิดลงตามด้วยเสียงกดล็อกประตู เพียงเท่านั้นเองเท้าของเขาก็ก้ามเร็วๆ ไปที่เตียง เพราะภาพที่เขาเห็นนั้นมันเชิญชวนเสียยิ่งกว่าอะไร

น้อยหน่าปล่อยให้ผ้านวมหลุดออกจากกาย และเธอถอดเสื้อนอนโยนทิ้งไปข้างตียงพร้อมกับร่างของเธอที่นั่งคุกเขา ยื่นมือออกมาด้านหน้าเพื่อรอให้เขาเข้าไปในอ้อมกอด และไม่ถึงเสี้ยววินาที อ้อมกอดของเธอก็ไอ้โอบกอดร่างของมะเหมี่ยวไว้

“คราวนี้ต่อให้โลกแตกฉันก็ไม่สนแล้ว”

ใช่แล้ว...วินาทีนี้ต่อให้โลกแตกตรงหน้ามะเหมี่ยวก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เมื่อเขาทาบทับกายลงกับร่างสวยที่เอนตัวบนเตียงหนานุ่ม ปลายจมูกซุกไซร้ไปทั่วร่างกาย วนเวียนอยู่นานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็คือที่อกสวยของเธอนั่นแหละ มันทำให้เขาโงหัวแทบไม่ขึ้น แต่ก็เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าอีกนั้นแหละในจุด...จุดที่ต่ำลงไปอีก...

ปลายลิ้นของเขาลากไล้วนอยู่ที่หน้าท้องแบนราบ...ก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปอีก ไร้ซึ่งการขัดขืนของอีกฝ่าย...ด้วยรู้ดีว่า ตัวเองต้องการเขามากแค่ไหน แม้จะเอียงอายกับการกระทำอยู่บ้าง แต่หากมันทำให้เขาพึงใจเธอก็ยินยอม และแน่นอนว่า...มะเหมี่ยวพอใจยิ่งนัก เมื่อขาเรียวสวยของเธอทั้งสองข้างแยกออกจากกันโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเมื่อเลื่อนกายลงไปด้านล่าง...

เขาจูบเบาๆ ที่จุดหวามของเธอ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นแตะต้องอย่างอ่อนโยน...แต่นั่นกลับทำให้ร่างของเธอสะดุ้งเฮือกอย่างช่วยไม่ได้ เพราะความวูบวาบที่มากเกินกว่าที่เคยพบเจอ เขายิ้มพึงใจในอารมณ์และความพร้อมของเธอ... ก่อนจะลากปลายลิ้นให้แตะนั้นนิดนี่หน่อยให้อารมณ์ของเธอกระเจิงเล่น จนเธอเอ่ยพ้อเขาเสียงแผ่วพร่านั่นแหละ เขาถึงยอมตามใจเธอ

น้อยหน่าไม่แน่ใจนักว่าการที่เขาตามใจเธอไม่ให้เธอทรมานนั้นดีกว่าหรือเปล่า เพราะตั่งแต่เธอร้องขอเขา จนถึงตอนนี้...เธอต้องบิดกายไปมาราวกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ มันร้อนไปหมด แต่ไม่ใช่ว่าเธอไม่ต้องการมัน ตรงกันข้าม...เธออยากได้มันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ

“ได้...โปรด” สองคำแผ่วหวานนั้น มันคือเชื้อเพลิงชั้นยอดที่ทำให้ปลายลิ้นที่กำลังดูดดุนร่างกายเธอทำงานเร็วขึ้น...เขากำลังทำให้เธอทรมานเพราะสัมผัสร้อนๆ ที่จุดอ่อนไหวนั้น สะโพกสวยของเธอหยัดขึ้นแทบตลอดเวลา พร้อมกับเสียงครางกระเส่าไม่หยุด...

ยิ่งเห็นเธอบิดกายมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเร่งเร้าเธอมากขึ้น... ความหวานตรงหน้ามันเชิญชวนเขาไม่หยุดหย่อน มะเหมี่ยวไม่แม้แต่จะหยุดคิดว่าเธอต้องการที่จะให้เขาสัมผัสด้วยปลายนิ้วหรือไม่... เพราะดูจากท่าทางของเธอแล้ว...เขาตัดสินใจได้เองเลยว่า อย่างไปหยุดอารมณ์ของเธอตอนนี้เลยดีกว่า...

ดังนั้น...ลิ้นอุ่นจัดจึงตวัดไล้เน้นจุดหนักจุดเบาจะทำให้เธอผวาแล้วผวาอีก ไหนจะฝ่ามือที่เอื้อมขึ้นมาลูบไล้หน้าท้อง และอกสวยของเธอ มันทำเอาเธอวูบวาบไปหมด

ฝ่ามือทั้งสองข้างของน้อยหน้า ขยุ้มผมของมะเหมี่ยวไว้ในมือ ความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอเผลอกดศีรษะของเขา เหมือนกับจะให้เขาฝังสัมผัสนั้นไว้ในร่างกาย

จังหวะการตอบรับของสะโพกของเธอทำให้มะเหมี่ยวรับรู้ได้ว่า เธอใกล้เต็มทีแล้ว เขาจึงเน้นริมฝีปากและปลายลิ้นลงไปถี่ๆ จะเธอร้องไปเป็นภาษาและในไม่กี่วินาทีต่อมาร่างของเธอก็กระตุก และนิ่งไป ก่อนที่จะถอยหนีริมฝีปากของเขาที่จูบไล้เบาๆ อยู่ราวกับว่ามันคือของร้อน

มะเหมี่ยวยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนกายขึ้นมา แต่ไม่ลืมที่จะจูบตามร่างกายของเธอ ผิวเนียนละเอียดของเธอนั้นมันทำให้เขาไม่อยากห่างไปไหนเลยให้ตายสิ...

มะเหมี่ยวพยุงตัวด้วยสองแขน มองสบตาหวานฉ่ำให้กับน้อยหน่าที่นอนระทวยอยู่ เขายิ้มหวานเมื่อเธอลืมตาขึ้นมอง แววตาของเธอมันทำให้เขาอดใจไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุมพิตเบาที่เปลือกตานั้น

“เห็นมั้ย? ถ้าไม่ชวนคุยก็ได้นอนสบายๆ ไปแล้ว” เขากระซิบว่า พร้อมกับเบียดกายลงนอนแนบชิดกับเธอ

“ก็ไม่ได้อยากจะนอนสักเท่าไหร่อยู่แล้ว” คนสวยตอบเสียงแผ่ว ว่าแล้วก็แอบหน้าแดงซะ...ก็นะ...แหม...

“ไม่ได้อยากนอน?...ฉันคิดได้รึเปล่าว่าเธอแอบทะลึ่งเนี่ย”... แซวแล้วก็ขำ นึกชอบท่าทางน่ารักของเธอขึ้นมาอีก

“เปล่านะ...” เธอค้าน...แต่เสียงแผ่วไปนิด...ความน่าเชื่อถือเลยแบบมีน้อยไปหน่อย “หน่าจะไปอาบน้ำ แล้วลงไปข้างล่างต่างหาก”

“เหรอ...” มะเหมี่ยวลากเสียงอย่างอารมณ์ดี “ฉันเข้าใจผิดงั้นสิ?” คนสวยรีบพยักหน้า...

“แย่จังนะ...นี่ถ้าวันนี้ไม่ต้องไปเข้าเวร คงได้เค้นความจริงกันแบบใกล้ชิดมากกว่านี้...” คำพูดของเขาทำเอาเธอหน้าแดงแจ๋ ดีนะว่าซุกหน้าอยู่กับอกของเขา ไม่อย่างนั้นคงโดนเขาล้อมากกว่านี้แน่ๆ

“เสียดายจัง...”

“เสียดายอะไรเหรอ?” น้อยหน่าเงยหน้าขึ้นมาถามมะเหมี่ยวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่

“ถ้าไม่เข้าเวรแทนแดล...คงได้กอดเธอมากกว่านี้” ว่าแล้วเขาก็ก้มลงมาซุกไซร้ที่ใบหน้าของเธอ... “รู้หรือยังว่าฉันคิดถึงเธอหรือเปล่า” คำถาม และน้ำเสียงหวานๆ ของเขาทำให้ใจของเธออบอุ่นอย่างประหลาด มันซึมซาบเข้าไปทุกอนู แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอหลงรักเขาอีกได้ยังไง

“ก็...พอรู้นะ... แต่...ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่?” น้อยหน่าตอบด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ แต่คนฟังก็รู้ว่าเธอแกล้งเล่น

ไม่เจอกันไม่กี่เดือนลูกเล่นมากขึ้นเยอะเลยนะนี่...

มะเหมี่ยวแอบหมั่นเขี้ยวกับคำพูดของน้อยหน่า... นี่ถ้าเขาได้หยุดวันนี้ละก็...ลูกสะใภ้ที่นายจุลจักรเอ่ยถึงไม่ได้ทานอะไรแน่ๆ

น้อยหน่ายิ้มอย่างเป็นต่อ ก็เธออยากได้ยินกับหูจริงๆ จังๆสักครั้งนี่นา...ว่าคำว่า...ฉันคิดถึงเธอ...ของเขานั้นมันจะน่าฟังมากสักแค่ไหน

มะเหมี่ยวเหลือบตามองนาฬิการูปกรอบสี่เหลียมที่ตั้งอยู่ที่มุมตรงข้ามกับเตียงด้านหลังของน้อยหน่า.. เที่ยงตรงพอดี... ไปเข้าเวรสายสักครึ่งชั่วโมงเขาคงไม่โดนตัดเงินเดินหรอกมั้ง

“ยิ้มอะไรน่ะ”

“ทำไมเหรอ” มะเหมี่ยวถามกลับน้อยหน่าทันที

“นายยิ้มเจ้าเล่ห์” ว่าแล้วคนสวยก็ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของคุณหมอ แต่เหมือนจะไม่มีความเร็วเอาซะเลย เลยถูกเขาจับขึงกับเตียงซะอย่างนั้น

“ฉันเจ้าเล่ห์?”

“ที่สุดเลยล่ะ”

“งั้น...เหรอ...” มะเหมี่ยวลากเสียง... “มาดูกันดีกว่า ว่าคนเจ้าเล่ห์เนี่ย...มันคิดถึงเธอขนาดไหน” ว่าแล้วก็ก้มลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอของเธอซะเดี๋ยวนั้นเลย...

น้อยหน่าดิ้นพล่านเลยทีเดียว...เขาต้องไปทำงานตอนเย็นนี้นี่นา...แล้ว...

“ปล่อยเลยนะเหมี่ยว เดี๋ยวก็นอนไม่พอหรอก...ไม่ใช่ความผิดของหน่าเลยนะถ้าไปเข้าเวรสายน่ะ”

“ความผิดของเธอนั่นแหละ...หน่า” เขากระซิบ...และคำพูดแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินของเขาก็ตรึงทุกอย่างให้หยุดนิ่งทันที

น้อยหน่ายิ้มหวาน...และโอนอ่อนผ่อนตามการกระทำของเขาอีกครั้ง อ้อมกอดของเธอโอบรัดเขาไว้ ยินยอมให้เขาทำตามใจทุกอย่างกับเธอ...เพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวเท่านั้น

...ใครบอกให้เธอทำให้ฉันคิดถึงแทบจะบ้าอย่างนี้... ฉันคิดถึงเธอจะตายอยู่แล้ว...



อิ๊วววว...

เอิ่ม...

เขิลลล...พิมพ์ไปด้วยกิงผัดบ็อกคาลีกุ้งไปด้วย... กลิ่นอายประเทกเจอกาลามังเกิ๊น... โฮ๊ะ ๆ(ตรงไหนวะ)

มะรุอะ...เขียนได้เท่านี้แหละ..พอใจกะอ่าง มะพอใจกะอ่าง...โว้ว ๆ เย้ๆ (ต่างกันตรงไหนวะเนี่ย)

ซาน้อยกะสอบอะนะช่วงนี้ มีปังญาเอามาลงให้ทะนี้กะบุงละนะ...ห้ามมาตินะ...เก๊ายุ่งนี่นา...

ราหูเข้า พระเสาร์กระแทก...งานมากเกิ๊นนนนน...


ถ้าว่างเจอกังที่งานสัปดาห์หนังสือ...(วันไหนมะรุ...) ไปสอบ เขียนแบบก่องน้า...

Auto Cad 2009 - 3D ง้านเหรอ...จิ๊บๆ ว่ะ





< ตอนที่ 19







Create Date : 03 ตุลาคม 2552
Last Update : 3 ตุลาคม 2552 15:05:31 น. 7 comments
Counter : 1141 Pageviews.

 
หนุกดี มาต่อเรวๆนะ

เปนกามลังใจไห้นะ

จะคอยนะ


โดย: TTT IP: 125.27.189.113 วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:16:06:56 น.  

 
Sukoi Des Ne'
สุดยอดเลย อ่านแล้วลุ้นดี
มาเขียนต่อเร็วๆนะ
อยากอ่านต่อแล้ว

อ่อ..ให้สอบเสร็จก่อนก็ได้
ส่งกำลังใจให้เต็มที่เลย


โดย: CodeRed IP: 125.25.184.223 วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:19:12:58 น.  

 
ขาดตอน

ขาดตอน

ตั้งใจ ทำข้อสอบ นะคะ พี่ซา จัง

แร้ว อย่า ลืม มาต่อ หัย จบน๊า า

ขาด ตอน

ขาด ตอน...


โดย: หมูน้อยกลอยใจ IP: 222.123.178.68 วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:0:37:49 น.  

 
ยอดเยี่ยมเหมือนเดิมฮะ
คอยตอนต่อไปอยู่ฮะ


โดย: nunkung IP: 58.8.143.78 วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:12:27:23 น.  

 
ตั้งไจสอบนะ :DD



แล้วก้
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ ^ ^


โดย: airin IP: 124.120.39.78 วันที่: 6 ตุลาคม 2552 เวลา:23:04:09 น.  

 
ซาจังที่รัก.........

กูปวดตาาาาาาาาา


โดย: ไอ้ตัวแสบ IP: 119.46.57.229 วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:17:45:53 น.  

 
แอร๊ยยยยยยยยยยยยย

ม่ายยยยย


สะบัดอารมที่ค้างทิ้งไปให้หมด เอิ๊กๆ


ท่านซา สุโกยมากๆงิงิ


โดย: Zaniitax IP: 112.142.80.222 วันที่: 11 ตุลาคม 2552 เวลา:0:51:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.