โจทย์ประจำหลักกิโลที่ 167 : หวั่นไหว














1


ผมชอบเสียงฝนตกเวลานั่งอยู่ในร้านกาแฟ

บรรยากาศรอบนอกที่อึมครึมท้องฟ้าสีหม่น ๆ ผู้คนที่เดินบ้างวิ่งบ้างด้านนอก

เสียงที่คล้ายนิ้วเล็กๆ เคาะลงบนกระจกรอบร้านฟังแล้วเพราะดี

หากลองเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจจะได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คนแทรกจังหวะของสายฝนมาด้วย

นักเรียนมัธยมที่เรียนอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านใช้แฟ้มไม่ก็กระเป๋าเป้ขึ้นต่างหมวกกันฝน

วิ่งเกาะกลุ่มก้อนหาเป้าหมายที่พอจะช่วยให้ตัวเองคลายหนาวและเลี่ยงเปียกได้

ความวุ่นวายในจังหวะที่สายฝนกระหน่ำลงมา...ผมชอบเสียงของสายฝน

บ่อยครั้งที่ผมจับจองที่นั่งริมกระจกร้านติดกับถนน

เพื่อมองดูสายฝนและฟังเสียงผู้คนด้านนอก

มองดูคลื่นสึนามิเล็กๆ ที่รถขับแล่นฉิวเฉี่ยวใส่น้ำขังเป็นระลอก

กลิ่นและบรรยากาศอุ่นๆ ของกาแฟราวกับเป็นอ้อมกอดที่มองไม่เห็นและกำลังโอบกอดเราอยู่

ผมกวาดสายตามองดูผู้คนในร้านกาแฟเล็กๆ ของตัวเอง

มองดูพนักงานสามสี่คนที่ยืนง่วนอยู่กับการปรุงแต่งกาแฟที่ลูกค้าสั่ง

ไม่ใช่แค่บิ๊กซีหรือโลตัสที่มีเสียงวิทยุตามสายเป็นของตัวเอง

แต่ร้านกาแฟแห่งนี้ก็มีเสียงตามสายกับเขาเหมือนกัน

ที่ด้านหลังร้านผมจัดโซนสำหรับเครื่องเสียงไว้มุมหนึ่ง

ต่อพ่วงเข้ากับลำโพงคู่ละไม่กี่บาทที่ซื้อมาแถวเยาวราชซึ่งติดอยู่บนเพดานร้าน

โซนเครื่องเสียงจะมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงคอมพิวเตอร์พ่วงอินเตอร์เน็ต

เปิดสลับกันอยู่บ่อยๆ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของลูกค้าที่อยากมาหามุมสบาย ๆ

วันนี้ฝนก็ตกเหมือนอย่างทุกวันเพราะเข้าหน้าฝนมาหลายวันแล้ว

ผมจับจองที่นั่งเหม่อมองออกไปที่ท้องฟ้าสีหม่นนั้น

หยิบแก้วกาแฟที่ตกแต่งลวดลายโดราเอมอนขึ้นจรดวิปครีมกับริมฝีปาก

เสียงโมบายกรุ๊งกริ๊งที่แขวนอยู่บนประตูสั่นแจ้งเตือนว่ามีลูกค้า

นักเรียนหญิงมัธยมปลายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน

ในมือถือสตาร์บั๊คขวดแก้วเข้ามาด้วยผมยาว ๆ ของเธอเปียก

เนื้อตัวชุ่มจนหยดเต็มพื้นไม้เปียกโชก

เธอกวาดสายตามองหาที่นั่งก่อนจะมาเห็นที่นั่งซึ่งว่างอยู่

นี่น่าจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมชอบเสียงของสายฝน

เพราะมันเป็นตัวเรียกลูกค้าชั้นเยี่ยมที่หาที่พึ่งหลบฝนไม่ได้

เธอหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกันกับผมวางขวดสตาร์บั๊คบนโต๊ะ

เพราะร้านของเราไม่ใหญ่ทำให้ต้องติดป้ายแจ้งกับลูกค้า

ว่าหากมาคนเดียวก็รบกวนแบ่งปันที่นั่งบนโต๊ะของท่านให้ผู้อื่นได้นั่งด้วย

เป็นกติกาที่อาจจะลำบากคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวไปบ้าง

แต่หากมองอีกมุมมันก็เป็นความใจกว้างที่น่ารักดีเหมือนกัน



2


พนักงานเข้ามารับออเดอร์แต่เธอไม่ได้สั่งอะไร

เธอบอกว่าเธอมีแล้วพร้อมกับชูขวดสตาร์บั๊คให้พนักงานของผมดู

"มาหลบฝนเฉย ๆได้ไหมคะ ?" เธอถามพนักงานคนนั้น

พนักงานทำหน้ากระอักกระอ่วนแล้วเหล่มองผมหลายครั้ง

ผมเลยพยักหน้าเป็นเชิงบอกกับเขาว่าไม่เป็นไรก่อนที่เขาจะเดินกลับไปที่เคาเตอร์

เธอแกะขวดสตาร์บั๊คในมือแล้วยกดื่ม

เปิดกระเป๋าผ้าของตัวเองออกมาแล้วหยิบแยมโรลเซเว่นมาแกะ

น่าเสียดายที่แยมโรลชุ่มน้ำแต่เธอก็ยังตักกินด้วยซ่อมเล็ก ๆ พลาสติกท่าทางเอร็ดอร่อย

ผมละสายตาจากหนังสือที่อ่านเหลือบมองเธอเป็นระยะ

หลังจากกินและดื่มสิ่งที่เธอเตรียมมาได้สักพักเธอก็หันไปเรียกพนักงานอีกครั้ง

พนักงานคนเดิมถือกระดาษโน๊ตเดินตรงเข้ามาหาเธอ

"ที่นี่ขอเพลงได้ไหม?"

"ครับ ?"พนักงานขมวดคิ้วยื่นหน้าไปถามเธออีกครั้ง

"ที่นี่ขอเพลงได้ไหมคะ?"

ตั้งแต่เปิดร้านมาหลายปี...นี่น่าจะเป็นประโยคแปลกใหม่ที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา

ขอหลบฝนอันนี้ได้ยินบ่อย ขอหนังสือกลับไปอ่าน ก็ได้ยินมาแล้ว

มีลูกค้าตบเท้าเข้ามาในร้านกาแฟแล้วขอในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันอยู่บ่อยๆ

แต่น่าจะเป็นครั้งแรกนะที่มีคนกวักมือเรียกพนักงานเพื่อขอ"เพลง"

ผมกับพนักงานคนนั้นมองหน้ากัน

ส่งสายตาไล่พนักงานคนนั้นกลับไปก่อนโดยไม่ได้ทิ้งคำตอบของคำถามเธอเอาไว้ให้

ตอนนี้ Yiruma กำลังบรรเลงเพลง May Be ผ่านลำโพงของร้านอยู่

เธอเงี่ยหูฟังเพลงจิบกาแฟสตาร์บั๊คที่ใกล้หมดขวดแล้ว

เหม่อมองสายฝนที่เกาะพราวและเคาะตัวลงบนบานกระจก

ยกนิ้วขึ้นวาดรูปหน้ายิ้มแบบที่เห็นบนสกรีนเสื้อยืดหน้าสีเหลืองๆ อยู่บ่อย ๆ

เธอเบ้ปากแล้วกวักมือเรียกพนักงานคนเดิมอีกรอบ

พนักงานคนนั้นเลยเดินทำหน้าเซ็งๆ เข้ามาที่โต๊ะ

เธอถามหาชื่อของเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ก่อนหน้านี้และเพลงที่กำลังเล่นอยู่ตอนนี้

หยิบปากกากับกระดาษออกมาจดชื่อเพลง

เธอถามพยักงานอีกรอบว่าขอเพลงได้ไหมท่าทางไม่ยอมแพ้

"จะฟังเพลงอะไรเหรอ?" 

ผมเลิกคิ้วถามเธอปิดหนังสือในมือแล้ววางมันบนโต๊ะ

"เพลง Waltzของ Love Psychedelico"



3



ผมให้เธอจดชื่อของเพลงนั้นแล้วส่งให้พนักงาน

ใช้เวลาไม่นานหลังเพลงFix you ของ Coldplayจบ

เพลง Waltz ที่เธอขอก็บรรเลงขึ้นมาด้วยเสียงกีตาร์โปร่ง

ตามมาด้วยเสียงร้องของผู้หญิงฟังแล้วสบาย ๆ ดี

เข้ากับบรรยากาศของฝนที่ตกปรอยๆ อยู่ข้างนอก

ผมและคนในร้านอีกสิบกว่าชีวิตฟังเพลงที่เธอขอ

เมื่อเพลงจบลงเธอก็จัดการแยมโรลและสตาร์บั๊คในมือจนหมด

เธอเหลือบมองนาฬิกาบนผนังแล้วลุกขึ้น

หยิบเอาของที่เธอกินเสร็จแล้วไปทิ้งถังขยะ

คงเพราะว่าเธอแปลกดีผมเลยลุกขึ้นแล้วเดินตามไปดู

เสียงโมบายเขย่าดังเพราะเธอเปิดประตูออกไปนอกร้าน

คงเพราะฝนยังทำหน้าที่ของมันอยู่

เธอเลยยังยืนค้างอยู่ที่ประตูด้านหน้าของร้านไม่ยอมก้าวออกไปเสียที

เพราะผมเคยลื่นหกล้มในร้านมาก่อนเพราะลูกค้าพกร่มเข้ามาด้วย

ผมเลยเตรียมช่องเสียบร่มเอาไว้ที่ด้านหน้าของร้าน

แถมซื้อร่มสำหรับลูกค้าประจำเตรียมเอาไว้ให้หยิบยืมด้วย

เดินตามออกไปจากร้านผมดึงร่มออกจากที่เสียบ

เขย่าไล่เม็ดฝนแล้วกางออกก่อนจะส่งมันให้เธอ

"จะจีบหนูเหรอ ?"เธอถามผมด้วยสีหน้าท่าทางไม่ค่อยไว้วางใจในตัวผมเท่าไหร่

"ร่มสำหรับลูกค้าประจำ...ถ้ายังไงครั้งหน้ารบกวนเอามาคืนด้วยนะ"

เธอลังเลที่จะรับมันผมเลยวางมันไว้ที่พื้น บอกย้ำว่าเอาไปใช้เถอะแล้วเดินกลับเข้าร้าน

ผมกลับมานั่งที่เดิมเปิดหนังสือแล้วบอกให้พนักงานเปิดเพลงของเธออีกครั้ง

ฟังครั้งแรกก็รู้สึกขอบคุณเธอขึ้นมาที่ช่วยแนะนำเพลงเพราะๆ ให้

เพลง Waltz บรรเลงอีกรอบผมเหลือบเห็นเธอกางร่มเดินผ่านหน้าร้าน

เธอเห็นผมมองมาเลยผงกศีรษะให้ผมแล้วเดินผ่านไป

รูปยิ้มที่เธอวาดไว้บนกระจกสะท้อนในดวงตาผม

ตลกดีที่ประโยค"sentence in clouds ..." ในเพลงดังขึ้นพอดี

ด้วยความสนใจและแรงดึงดูดบางอย่าง

ผมโน้มตัวไปแล้วเป่าลมหายใจลงบนบานกระจก

ไม่ใช่แค่หน้ายิ้มที่เธอเขียนเอาไว้

แต่ยังมีลายมือที่เขียนจากปลายนิ้วเขียนเอาไว้สั้น ๆ ว่า 'I Luv Rain'





4


ผมถ่ายรูปกระจกบานนั้นด้วยกล้องโพราลอยKodak 

สะบัดแผ่นฟิล์มทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันก็ไม่ได้ช่วยให้ภาพปรากฏเร็วขึ้น

แต่คงเพราะสะบัดจนชินนิสัยไปแล้ว

เดินไปหยิบปากกาหมึกดำเขียนคอมเมนต์ใต้ภาพว่า'Me Too' ลงไป

ผมแปะภาพนั้นลงที่บอร์ดไม้ก๊อกที่ชวนให้ลูกค้ามาแปะมาเขียนอะไรต่อมิอะไรกัน

สองอาทิตย์ร่มที่เธอยืนไปไม่ได้หวนกลับมาที่ร้านเฉกเช่นตัวเธอเอง

แอบคิดว่าคงเหมือนกับลูกค้าคนอื่นๆ ที่ชอบหยิบติดมือไปแต่ไม่ชอบเอากลับมาคืน

เกือบจะข้ามเดือนผมนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม

จรดวิปครีมลายโดราเอมอนชึ้นแตะริมฝีปากอีกรอบ

ร่มสีเหลืองใสวูบผ่านหน้าผมไปเสียงโมบายดังขึ้นที่ประตู

วันนี้เธอไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนเปียกๆ แต่ใส่ชุดลำลองสบาย ๆ

เธอกวาดสายตามองหาที่นั่ง

วันนี้ลูกค้าไม่เยอะเหมือนครั้งก่อนเธอเลยเลือกนั่งโต๊ะมุมร้านเงียบ ๆ

ผมกวักมือเรียกพนักงานให้ช่วยเปิดเพลงWaltz เพราะนึกถึงขึ้นมา

จะว่าไปผมก็ไม่ได้ฟังเพลงนี้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว

พอเจอเธอผมเลยนึกถึงมันขึ้นมา...

เธอดูแปลกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ เพลงนี้ก็เล่นขึ้นมา

เธอเหม่อมองลำโพงร้านอยู่พักใหญ่

พนักงานเดินเข้าไปถามหาสิ่งที่เธอต้องการ

วันนี้เธอไม่ได้มาแค่หลบฝนแต่ยังช่วยอุดหนุนกาแฟลาเต้อุ่น ๆ แก้วหนึ่งด้วย

คงเพราะมุมที่เธอนั่งมันอยู่ใกล้ๆ บอร์ดไม้ก๊อกของร้าน

เลยลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินดูเดินอ่านลายมือและรูปถ่ายของลูกค้า

เลื่อนไล่มาจนถึงโซนรูปถ่ายโพลารอยที่ผมชอบถ่ายแล้วเอามาแปะ

เป็นรูปถ่ายจากในร้านไปข้างนอกบ้างจากนอกร้านมาข้างในบ้าง

แปะไล่แปะเรียงโดยมีคอมเมนต์ลายมือหวัดๆ ของตัวเองเขียนเอาไว้ด้วย

มีบ้างที่รูปถ่ายของคนอื่นจะแปะปนมาอวดฝีมือบนบอร์ดของร้านบ้างเหมือนกัน



5



เธอมองผ่านรูปหน้ายิ้มบนกระจกพร้อมตัวหนังสือ'I Luv Rain' ไป

คงเพราะจำไม่ได้แล้วว่านั่นคือผลงานของเธอเอง

หญิงสาวกลับมานั่งที่โต๊ะเพราะกาแฟมาเสริฟแล้ว

ผมนั่งอ่านหนังสือในมือเวลาล่วงเลย ฝนยังตกอยู่

เธอลุกขึ้นจากที่แล้วเดินผ่านโต๊ะของผมไป

เสียงโมบายดังขึ้นผมมองเห็นเธอกางร่มสีเหลืองใส

เหลือบมองผมแล้วผงกศีรษะให้ก่อนจะเดินผ่านไป

ผมคิดว่าเธอจำผมได้...

พนักงานเดินเข้ามาบอกว่าเธอเอาร่มที่ยืมไปมาคืนแล้ว

ปิดหนังสือในมือถือถาดเดินไปที่โต๊ะของเธอ

หยิบแก้วลาเต้วางบนถาดเห็นวงน้ำจากก้นแก้วปรากฏอยู่บนโต๊ะ

มีรอยแต้มรูปตาและยิ้มเหมือนที่เคยเห็นผมเลยเผลอยิ้มตามไปด้วย

คงเพราะยังคิดถึงบานกระจกเลยหันไปมอง

ไม่มีอะไรอยู่ที่หน้าต่างแต่ความโรคจิตบางอย่างก็ทำให้ผมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้

แล้วเป่าลมไปบนบานเกล็ดกระจกอีกรอบ

"I Luv Rain" เธอเขียนมันลงที่บานกระจกอีกครั้ง

แถมเพิ่มคำว่า 'ขอบคุณ' เอาไว้ด้วย

เป็นข้อความลับที่แปลกดีผมรู้แล้วว่าเธอรักสายฝน

แต่ไม่มั่นใจว่าเธอกำลังขอบคุณอะไร

หลังจากนั้นไม่กี่วัน

เธอก็เปิดประตูร้านเข้ามาพร้อมชุดนักเรียนเปียกๆ เหมือนเคย

เพลง Waltz เปิดต้อนรับเธอและมันยังคงเปิดรับเธออยู่ตลอด

บางวันบานกระจกไม่มีข้อความลับอะไรบางทีก็มีอยู่บนนั้น

เป็นประโยคเดิมๆ ซ้ำ ๆ และหน้ารูปยิ้มเหมือนเคย

ข้างนอกฝนตกหนักเธอยืนอยู่หน้าประตูร้านเหมือนเดิม

ผมเดินออกไปดึงร่มสำหรับลูกค้าเขย่าไล่เม็ดฝนแล้วกางออกก่อนจะส่งให้

"จะจีบหนูเหรอ ?"เธอถามผมเหมือนอย่างวันแรก

"ร่มสำหรับลูกค้า"ผมบอกเธอสั้น ๆ แล้วกางร่มอีกคันเดิมนำออกไปก่อน

ดูเหมือนวันนี้ผมไม่น่าจะได้กลับไปทันอ่านข้อความลับของเธอ

เพราะน้ำตาลที่ร้านดันหมดผมเลยต้องออกไปซื้อที่เซเว่นใกล้ ๆ

"พี่ ๆ"เธอร้องเรียก ผมเลยหันกลับไป

"ห๊ะ ?"

"หนูไปด้วยได้ไหมขี้เกียจเอาร่มกลับมาคืน"

"อ่อ...จะจีบพี่เหรอ?" ผมย้อนถามกลับไปบ้าง

"งั้นหนูเอาร่มไปแล้วค่อยเอากลับมาคืนแล้วกัน"เธอย่นจมูกเล็ก ๆ ของเธอให้ผม

"ยังไงวันนี้ก็ไม่ใช่วันสุดท้ายที่จะมาที่ร้านไม่ใช่เหรอ?"

"ที่นี่เปิดเพลงเพราะดี"

เพราะว่าเราเดินไปทางเดียวกันเลยมีร่มสองคันกางเคียงกันไปตามทางเท้า

เป็นครั้งแรกที่เราได้พูดคุยกัน


6


ผมหลับตาลงพักสายตาจากการอ่านหนังสือ
ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางตัวเอง ฟังเสียงสายฝนข้างนอก
เสียงเพลงผ่านลำโพงในร้าน ตามด้วยเสียงโมบายประตูเป็นระยะ ๆ
ผมหลับตาลง...เสียงโมบายดังขึ้นอีกครั้ง
เพลงผ่านลำโพงเงียบงัน
ก่อนจะเป็นเพลงนั้นที่ผมมักได้ยินตอนเธอผลักประตูร้านเข้ามา

ผมลืมตาขึ้นเธอเดินยิ้มเข้ามาในร้าน กล่าวทักทายผม
ผมยิ้มทักเธอตอบก่อนที่เธอจะเดินผ่านโต๊ะที่ผมนั่งไปนั่งยังโต๊ะที่ว่างอยู่ด้านหลัง
พนักงานเดินมาบ่นนิดหน่อยเรื่องที่เธอเอาสตาร์บั๊คเข้ามากินอีกแล้ว
ชุดนักเรียนของเธอยังเปียกอยู่

ทั้ง ๆที่น่าจะเข็ดกับการเดินตัวเปียกเข้ามาในร้านได้แล้ว
ผ่านไปไม่นานผมก็ต้องเดินตามเธอออกไปหน้าร้าน
หยิบเอาร่มจากที่เสียบสำหรับลูกค้าออกมาเขย่าแล้วกางส่งให้เธออีกครั้ง

"ที่จริงหยิบจากที่เสียบร่มนี่ไปเลยก็ได้นะด้านขวาทั้งหมดเป็นของร้าน" ผมบอกเธอ
"กลัวหยิบผิด" เธอตอบ
"ถ้างั้นพกร่มมาโรงเรียนด้วยน่าจะดีกว่าหรือเปล่า ?"
"ขี้เกียจ..พกร่มแต่ขาไม่ก็ไหล่เปียกอยู่ดี
ใส่เสื้อกันฝนตัวไม่เปียก แต่หน้ากับขาก็เปียก ไม่มีอะไรกันฝนได้ 100%อ่ะ
ถือมาด้วยก็เกะกะเปล่า ๆ"
"เลยเลือกเดินตากฝนแทน ?"
"อื้อ" เธอพยักหน้าหงึกหงักตอบ
เออ...แปลกดีถึงมันจะเปียกแต่ก็ยังน้อยกว่าสภาพของเธอตอนนี้หรือเปล่า

ฤดูฝนผ่านไปในวันฝนตกวันสุดท้ายของฤดู

จำได้ว่าเธอนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะด้านในของร้าน

ส่วนผมก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะตัวเดิมที่นั่งฟังเสียงฝนเป็นประจำ

ผมออกไปหยิบร่มให้เธอเหมือนเดิมบอกลากันเล็กน้อยเหมือนทุกที

แล้วเธอก็ไม่มาที่ร้านอีกจนฤดูฝนเวียนมาอีกครั้ง


7


ผมนัดคุยกับรุ่นน้องชมรมดูดาว

เพื่อตรวจเช็คงบประมาณและที่ทางที่เราจะไปออกทริปด้วยกัน

เสียงโมบายประตูสั่นไหวตามมาด้วยเสียงของสายฝนที่ดังไล่หลังมา

เพลง Waltz เข้ามาทักทายผมอีกครั้ง

ผมเลยละสายตาจากคู่สนทนาชะเง้อมองนักเรียนมัธยมปลายตัวเปียก

เธอยิ้มและผงกศีรษะทักทายผมผมเองก็ยิ้มทักทายเธอกลับไป

หญิงสาวเดินไปนั่งที่โต๊ะด้านในซึ่งเหลือว่างอยู่เพียงโต๊ะเดียว

ผมยังคงพูดคุยกับเพื่อนๆ และรุ่นน้องในชมรม

ช่วยกันลิสรายชื่อของใช้จำเป็นและคำนวนรายจ่ายที่ต้องแชร์กันทั้งหมด15 คน

เสียงโมบายเขย่าที่หน้าประตูอีกครั้งผมเลยหันไปมองที่โต๊ะของเธอ

พอเห็นว่าเธอไม่อยู่ผมเลยลุกขึ้นแล้วขอตัวออกไปที่หน้าร้าน

เธอยังคงยืนมองสายฝนอยู่ด้านนอกของร้านเหมือนเคย

เสียงเพลงที่เธอชอบยังคงเปิดไล่หลังเธอตอนที่ผมผลักประตูออกมา

..................................................................

Life was forever
Tell you is far from
every time nobody calls my name
Nobody calls my name is love

the radio turns on, so I
I loved you good-bye now
I think you do not see much
The song will be better days
ride on, ride
.................................................................

ผมเขย่าเม็ดฝนออกจากร่มกางมันแล้วส่งให้เธอเหมือนปีก่อน

"ไม่เจอกันนานเลย"ผมเอ่ยทักเธอ

"พี่จะจีบหนูเหรอ?" เธอหันมาแลบลิ้นให้"ให้คนอื่นหยิบร่มให้ก็ได้มั้ง"

"สงสัยจะเคยชินซะแล้ว"ผมบอกเธอ เธอยิ้มพลันรับล่มไป

ผมกลับมานั่งร่วมกับกลุ่มเพื่อนเธอกางร่มที่ผมให้เดินผ่านมา

ผงกศีรษะให้ผมเล็กน้อยแล้วเดินผ่านหน้าร้านไป

เธอเดินผ่านไปได้ครู่หนึ่งถึงพึ่งนึกขึ้นได้

ผมลุกจากที่แล้วเดินไปที่กระจกข้างโต๊ะของเธอ

ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะเป่าลมหายใจลงบนกระจกท่ามกลางสายตาแปลกๆ ของเพื่อน ๆ

รูปหน้ายิ้มแปะอยู่บนกระจกพร้อมกับประโยคยาวกว่าเคย

'Nice to see you again'

ผมหยิบกล้องโพราลอยตัวเดิมขึ้นมามองมันผ่านเลนส์

เขย่าฟิล์มที่เคลื่อนผ่านตัวกล้องออกมาเหมือนเคย

ผมแปะมันลงบนบอร์ดไม้ก๊อกแล้วกลับมานั่งคุยกับเพื่อนๆ

เหลือบมองภาพถ่ายนั้นที่ผมเขียนคอมเมนต์กำกับไว้อีกครั้ง

ถึงอยู่ไกลแต่ผมก็มองเห็นลายมือของตัวเองที่พึ่งจะเขียนลงไป

'Me too'





Create Date : 24 ธันวาคม 2559
Last Update : 24 ธันวาคม 2559 1:14:57 น.
Counter : 1357 Pageviews.

2 comments
  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 25 ธันวาคม 2559 เวลา:3:04:17 น.
  
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะครับ :D
โดย: Oneneung (สมาชิกหมายเลข 3599246 ) วันที่: 25 ธันวาคม 2559 เวลา:10:08:59 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 3599246
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ธันวาคม 2559

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
25
26
27
28
29
30
31
 
  •  Bloggang.com