http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
2 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
5th World Film Festival (PART 3)

อ่าน PART 1, PART 2


DAY 7 : 1 Nov 2007

-- น้อง Nanoguy เล่าให้ฟังว่า พนง.ตรวจกระเป๋าถามน้องเค้าว่า “น้องไม่เบื่อบ้างเหรอคะ” (หมายถึง มาดูหนังบ่อยๆ ไม่เบื่อบ้างเหรอ – ทำไมเค้าไม่ถามอะไรแบบนี้กับชั้นล่ะ ชั้นดูบ่อยกว่าอีก หรือว่าเค้ากลัวชั้นกันนะ ฮ่าๆ) และ “หนังเรื่อง EGG นี่อ่านว่า อี-จี-จี หรือเปล่าคะ” (ดีนะไม่อ่าน “อี-จี-วี”)

-- ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนว่าตอนดู Things We Do When We Fall In Love ภาพมันบีบๆยังไงไม่รู้ (เพื่อนบอกว่า “นึกว่ากำลังดูหนังซูม”) ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดจากอะไร

-- วันนี้ได้ปลื้มอีกแล้ว เพราะได้ถ่ายรูปกับ Roydton Tan จริงๆเค้าก็ไม่ได้หล่ออะไรเท่าไร (เค้าหน้าเด็กมากอ่ะ จริงๆอายุ 31 แล้ว แต่บอกว่า 24 เราก็เชื่อนะ) แต่วันนี้เค้าแต่งตัวดูดี (ลองแอบไปดูในบล็อกสิ แต่งตัวสาวมาก 5555) แล้วเค้าก็ดูเฟรนด์ลี่มากๆ อ้อ ตอนถ่ายรูปเค้ายังแอบแต๊ะอั๋งเราด้วยนะ (เอ่อ หมายถึงว่าเค้าโอบไหล่จ้ะ)

-- ตอนนี้ขอทายเล่นๆว่าหนังที่ได้รางวัลใหญ่น่าจะเป็น The Band’s Visit หรือไม่ก็ Egg (ณ ตอนที่พิมพ์นี้ยังไม่ได้ดูเรื่องแรก) อย่างไรก็ดี ถ้ากรรมการชุดนี้ให้รางวัลกับ Phantom Love เราจะไปยืนกรี๊ดกลางรัชดาลัยเธียเตอร์ (ฮา)




1. Losers and Winners (2006, Michael Loeken + Ulrike Franke, Germany, A-)

สารคดีติดตามชีวิตแรงงานจีนที่ถูกลอยแพในประเทศเยอรมัน หนังมีข้อดีตรงที่ถ่ายทอดให้เห็นมุมมองของทั้งฝ่ายจีนและฝ่ายเยอรมัน ทำให้เราได้ทราบว่าจริงๆแล้วอาจจะไม่ได้มีใครเป็นคนผิดก็ได้ ปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นจาก “กระบวนการคิด” ที่แตกต่างกัน บางตอนก็ของหนังอาจจะดูจงใจเกินไปบ้าง (เช่นไปโคลสอัพหน้าคนงานที่โทรกลับไปหาลูกที่บ้านเกิด) แต่ชอบพวกฉากที่ถ่ายเอาบรรยากาศ อย่างตอนที่คนจีนมานั่งเคาท์ดาวน์ปีใหม่ด้วยกัน หรือตอนที่แพ็คกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน ฉากพวกนี้ทำเอาเราน้ำตาซึมหน่อยๆทีเดียว





2. Import Export (2007, Ulrich Seidl, Austria, A)

เพราะภาพตัวอย่างที่ปล่อยออกมาดูรุนแรงมาก ใครต่อใครก็เลยพาลกันนึกว่าหนังต้องแรง หรือ feel bad สุดๆ แต่พอเอาเข้าจริงแล้วหนังก็ไม่ได้แรงอะไรมาก แถมออกจะฮาด้วย (อย่างฉาก sex show เราก็เฉยๆนะ แต่ถ้าชวนเพื่อนผู้หญิงบางคนมาดู คงร้องไห้วิ่งออกจากโรงแหงๆ) จริงๆแล้วก็มีปัญหาแบบนี้กับ Phantom Love นิดหน่อย คือเรานึกว่ามันจะเฮี้ยนกว่านี้ แต่พอดี Phantom Love มันเป็นหนังที่มี “ช่องว่าง” ให้เราได้คิดอะไรอีกมากมาย เราก็เลยยังชอบ Phantom Love มาก ในขณะที่ Import Export มันค่อนข้างเล่าตรงไปตรงมา เราก็เลยอาจจะชอบกน้อยว่า อย่างไรก็ดี จัดว่าเป็นหนังที่ชอบประมาณหนึ่ง





3. Things We Do When We Fall in Love (2007, James Lee, Malaysia, A)

หนังเรื่องที่สองจากไตรภาคความรักของ James Lee (ภาคแรกคือ Before We Fall In Love Again – ฉายในงานบางกอกฟิล์ม และเป็นหนังที่คนก่นด่ามากที่สุด แต่เราชอบมาก) ยัยหน้าเงือก (คำนี้ คุณปุ้ม ณ อีสาวซากดิบ เป็นคนบัญญัติ) กลับมารับบทนางเอกอีกครั้ง แต่พระเอกกลายเป็นใครไม่รู้ที่ไม่หล่อเท่าไร (พี่ Mds เลยนิยามหนังว่า “ผู้หญิงหน้าเงือกปะทะผู้ชายหน้าปลาจวด”) หนังเล่าถึงชายหญิงคู่หนึ่งที่ขับรถไปเที่ยวด้วยกัน แต่ก็เป็นทริปที่ไม่ราบรื่นนัก เพราะความสัมพันธ์ของเขากำลังอยู่ในขั้นแตกร้าว เราชอบที่หนังคล้ายกับจะสำรวจว่า “จะเป็นอย่างไรถ้าคนสองคนทำอะไรๆ แบบที่คนรักกันเขาทำกัน แต่จริงๆแล้วสองคนนี้อาจจะไม่ได้รักกันแล้ว หรือยังรักกันแต่ไม่เหมือนก่อน” ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เราว่าใครๆก็เคยเจอนะ มันทรมานน่ะ กับการที่เดินกับคนๆเดิม แต่ว่าข้างในเขาไม่ใช่คนที่เราเคยรู้จักแล้ว เหมือนเพลง Out of Time ของ Blur ที่บอกว่า “You can’t love someone you don’t know anymore” (ขอน้ำเน่าเล็กน้อย)

รวมโดยแล้ว เราค่อนข้างชอบหนังเรื่องนี้ มันยังมีอะไรเซอร์ๆเหมือนเดิม เช่น ฉากที่พระเอกเต้นกลางถนน (ในขณะที่ความเซอร์ของ Before ก็น่าจะอยู่ที่ฉากตรงลานจอดรถ ที่มีพวกแก๊งอันธพาลโผล่มา) Things We Do มีการแสดงออกทางอารมณ์มากกว่า แต่ก็ไม่ได้ฟูมฟายอะไรเกินไป และยังพอน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ดี เราชอบ Before มากกว่า เพราะมันดูมีเสน่ห์ และความลึกลับอย่างประหลาด (ประกอบกับการถ่ายเป็นหนังขาวดำด้วย) ตอนนี้ก็รอดู Waiting for Love หนังปิดไตรภาคไปแล้วกัน (อนึ่ง ตลกมาก ไปอ่านใน imdb.com มีคนเขียนด่าหนังทั้งสองภาคอย่างรุนแรง แต่ตอนจบเขาก็บอกว่าจะรอดูภาคจบแน่นอน เขาเขียนว่า “Because I’m a sucker of pain” ฮ่าๆๆๆๆๆ)





4. 881 (2007, Royston Tan, Singapore, A+)

ในบางกอกฟิล์มปี 2004 หนังเรื่อง 15 ของ Royston Tan ทำเอาเราอึ้งแตก และมึนไปหลายวัน แต่อาจจะเพราะ ณ ตอนนั้นภูมิต้านทานยังไม่ค่อนแข็งแรงเท่าไหร่ มาคราวนี้เขากลับมากับหนังที่เหมือนจะง่ายขึ้น (แต่เจ้าตัวดันบอกว่าเรื่องนี้แหละดูยากที่สุด) ว่าด้วยวงดนตรีสองพี่น้องมะละกอ ที่ต้องตบตีกับพี่น้องวงทุเรียน (พล็อตมีแค่นี้จริงๆ) หนังไปด้วยฉากมุกตลกรั่วๆ และฉากร้องเพลง ต้องบอกเลยว่านี่เป็นหนังที่เราดูแล้วรู้สึก “สนุก” มากที่สุดในรอบปีนี้ เราชอบ “ความบ้า” และ “ความแร่ด” ของมันมาก โดยเฉพาะเรื่องคอสตูมนี่สุดยอดจริงๆ ขอกราบ (ส่วนหนึ่งทำให้เรานึกถึง Ayumi Hamasaki ด้วย เพราะเธอก็ชอบใส่ชุดอลังการเสร่อๆ ขึ้นเวทีบ่อยๆ) ฉากที่พี่น้องมะละกอกับพี่น้องทุเรียนดวลเพลงกัน เราตื่นเต้นมากจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ (จะว่าไปแล้วมีชุดนึงที่พวกนางเอกใส่แล้วเหมือนหางเครื่องบ้านเรามากๆ ชวนให้คิดถึงหนังเรื่อง "อีส้มสมหวัง" แต่ไม่รู้ทำไมอีส้มฯถึงดูโสโครกเหลือเกิน) แล้วก็มันน่าสนใจมากว่าเป็นการปะทะกันระหว่างเพลงยุคเก่ากับยุคใหม่ด้วย (เปรียบเทียบให้เห็นภาพ ก็ประมาณ “บัวรุ่งคาเฟ่” ปะทะ “บาร์ยันทรี”) ยิ่งฉากที่ “นมหนาม” ของพี่น้องทุเรียนปล่อยลำแสง ยิงกระสุนได้ นี่แทบกรี๊ดคาโรง แต่ก็แอบเซ็งที่ตอนจบหนังพยายามที่จะเป็นเมโลดราม่ามากเกินไป (คือเข้าใจว่าฉากสุดท้ายนี่ถ่ายกันยากมาก แต่เราว่ามันยัดเยียดเกินไป) ถ้าฉากสุดท้ายไม่เห่ย เราอาจจะชอบหนังเรื่องนี้มากกว่า Egg ด้วยซ้ำ (อนึ่ง ตอนนี้ใช้ชื่อ MSN ว่า The President of Papaya Sisters Fanclub ฮ่าๆๆๆ)






DAY 8 : 2 Nov 2007

-- วันนี้ได้เจอตัว Fred Kelemen ถึงได้รู้ว่ารูปในเวบมันหลอกนี่หว่า ในเวบดูเหมือนอาร์ตติสแนวๆ แต่ไหงตัวจริงกลายเป็นฝรั่งทำงานออฟฟิศแถวสีลมไปได้ (ฮา) แต่ยังไงก็ยังชอบหนังของเขานะ

-- น้อง Nanoguy บอกว่า ตั๋วเรื่อง 4 Months รอบวันอาทิตย์ขายไปได้ประมาณครึ่งโรงแล้ว

-- ตอนดู Celeste ฟิล์มคงเก่ามาก ช่วงแรกๆฟิล์มเต้นๆๆๆๆ ดูแล้วปวดตามาก (ยังดีว่าตอนหลังก็หาย) ตอนกลางเรื่องฟิล์มไหม้ไป (เจอกันชินแล้ว) ตลกมากที่มีคนบอกเราว่า “ภาวนาให้ฟิล์มมันเจ๊ง แล้วให้ refund เงินให้ เพราะว่าช่วงแรกของหนังน่าเบื่อมาก”

-- ฮากว่านั้นคือ ตอนออกมาจากเรื่อง Celeste เห็นเค้ามีงานกินเลี้ยงอะไรไม่รู้ ก็เลยเข้าไปแจมด้วย มารู้ทีหลังว่ามันงานของปูนอะไรสักอย่าง ไม่ได้เกี่ยวกับเวิลด์ฟิล์ม!

-- ในที่สุด วันนี้พนักงานตรวจกระเป๋าก็ปล่อยผ่านกระเป๋าเราแล้ว คงจำของเราได้แล้วแหละ (ก็สีแปร๋นขนาดนั้น)




1. Celeste (1981, Percy Adlon, Germany, A)

หนังเกี่ยวกับคนรับใช้ของ มาร์เซล พรูสต์ คนเขียน Remembrance of Things Past (ตลกมาก เราแอบเห็นมี นศ.สาวน่ารักคนนึงมาดูหนังเรื่องนี้ พี่ grappa เลยสันนิษฐานว่า “สงสัยเรียนเอกวรรณกรรม เลยต้องมาดู”) ชอบหนังช่วงแรกๆ มาก มันดูนิ่งมากๆ แล้วบรรยากาศก็ดูเหวอๆดี (ยัย Celesta ก็ชอบทำหน้าโรคจิตๆ ใส่กล้องด้วย) แต่ไม่รู้ทำไม ดูหนังของ Percy Adlon สองเรื่อง (คือเรื่องนี้กับ Salmonberries) แล้วรู้สึกมีปัญหาเหมือนกัน ตรงที่ฉากท้ายๆ เขาชอบเล่าเรื่องแบบเอาหลายๆคัทมาต่อๆๆๆกัน ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเล่าแบบนี้ สำหรับเราแล้วมันเสียอารมณ์น่ะ อย่างไรก็ดี พอมาถึงฉากที่เล่นไวโอลินนานๆก็ชอบมาก มันดูเก๋ดี ลาตายแบบ poetic จริงๆ





2. The Band's Visit (2007, Eran Kolirin, Isarael, B)

หนังเกี่ยวกับวงดนตรีอียิปต์ที่ไปหลงทางในอิสราเอล ส่วนตัวเราเฉยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กับหนังเรื่องนี้มาก ไม่รู้เพราะตั้งความหวังไว้สูงเกินไปหรือเปล่า ดูแล้วแทบจะหลับ (รู้งี้ดู Possible Lives ซ้ำรอบสอง หรือไม่ก็ดู “อพาร์ตเมนต์ผี 1303” อาจจะดีกว่า) จริงๆแล้วหนังมันคงไม่ได้แย่อะไรมากหรอก จะได้รางวัลก็ไม่น่าเกลียด แต่เรารู้สึกว่าหนังมันดูไม่มีอะไรเลย แล้วหนังแบบนี้มันก็มีมาเยอะแล้วด้วย (แต่ฉากจับขาก็ฮาดีนะ) อนึ่ง ดีใจที่ได้เห็นหน้า Ronit Elkabetz อีกครั้ง เพราะชอบเธอมากจากหนังเรื่อง To Take a Wife อย่างไรก็ดี บทของเธอได้เรื่องก็ไม่น่าสนใจนัก





3. Tokyo Tower (2007, Joji Matsuoka, Japan, A-)

ไม่ค่อยอยากดูหนังเรื่องนี้เท่าไรหรอก เพราะเดาเอาว่ามันจะต้องเป็นประมาณ Always ภาคสองแหงๆเลย (Always เป็นหนังที่เราเกลียดมาก คือชีวิตนี้จะไม่ยอมดูซ้ำอีกแล้ว) แต่เพราะพระเอกเป็น Joe Odagiri เลยยอมดู ซึ่งหนังก็ออกมาแนวเดียวกับ Always จริงๆแหละ แต่รู้สึกชอบมากกว่า เพราะมันดูฟูมฟายและบิวด์น้อยกว่า ถึงแม้เหตุการณ์บางอย่างจะดูจงใจ และดูเวอร์ๆไปหน่อยก็เถอะ หนังเล่าถึงความผูกพันระหว่างแม่กับลูกชาย (และก็พ่อบ้างนิดหน่อย) ในช่วงเวลาเกือบ 40 ปี ได้ค่อนข้างน่าประทับใจ ใครที่อินกับเรื่องแม่ๆ รับรองได้ร้องไห้กันถล่มทลาย (ตอนดูหนังก็ได้ยินเสียงสูดน้ำมูกเป็นระลอก) แต่ที่เราฮาที่สุดคือ ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป Takako Matsu ก็ยังเหมือนเดิมเลย เธอนี่แหละ เจ้าแม่แอ๊บแบ๊วตัวจริง!





4. The Murmuring Coast (2004, Margarida Cardoso, Portugal, A)

ตอนแรกนึกว่าจะเป็นหนังสงครามระเบิดตูมตาม เราเลยเตรียมเข้าไปหลับเต็มที่ (วันนี้รู้สึกเหนื่อยๆ แถมยังไม่ได้กินข้าวด้วย) แต่ปรากฏว่าหนังไม่ได้พูดสงครามโดยตรง แต่พูดถึงคนข้างหลังอย่างพวกเมียๆ ของทหารที่รอผัวตัวเองกลับมา ตรงนี้ก็เลยรู้สึกชอบหนัง เพราะหนังมันดูเดาทางไม่ค่อยได้ดีว่าจะไปทางไหน แล้วก็ชอบปฏิกิริยาของผู้หญิงทั้งสองคนที่แตกต่างกันไป นางเอกก็ทำหน้านิ่งๆ เดินออกสำรวจสภาพสังคมการเมือง ส่วนผู้หญิงอีกคนนึงขอขังตัวเองอยู่ในบ้าน เธอบอกว่า “ฉันจะยอมออกจากบ้าน เมื่อรู้ว่าผัวฉันตาย” (เธอแช่งให้ผัวตาย – เราอินและลุ้นกับตัวละครนี้มาก เราช่วยแช่งให้ผัวเธอตายจริงๆ ทั้งที่รู้ว่าผัวเธอไม่ตายแหงๆ) เราคิดว่าสาเหตุที่ทำให้เราชอบหนังก็คงเพราะ มันเป็นหนังสงครามที่ไม่ค่อยมีผู้ชาย ดูไม่ macho มาก (ความ macho ในหนังสงครามทำให้เราเกลียดหนังประเภทนี้มากๆ สำหรับเราเลยการดูหนังอย่าง Black Hawk Down เป็นความทรมานชนิดมหากาพย์ / จริงๆ เราจะยิ่งชอบหนังกว่านี้ ถ้าช่วงท้ายมันตัดบทของพวกผู้ชายทิ้งไปหมดเลย) อีกอย่างคือ ชอบการแสดงแบบเฉยๆ เรื่อยๆ ของนางเอก แล้วหน้าเธอก็ชวนให้นึกถึง กิลเลียน แอนเดอร์สัน (นางเอก The X-Files) สมัยสาวๆ






DAY 9 : 3 Nov 2007

-- ตอนนี้โฆษณาที่ทรามมากๆ ไม่ใช่ “ผีแสงดาว” แต่เป็น “มาสร้างเซคันด์สกินกับเป๊กกี้สิคะ” และ ”มาร่วมเป็นครอบครัวเซนต์แอนดรูว์กับเราสิครับ” (ถามจริงเถอะใครดูโฆษณาพวกนี้แล้วอยากใช้ผลิตภัณฑ์มันบ้าง อีคนทำโฆษณา มันเคยลงเรียนคลาส marketing หรือ psychology บ้างหรือเปล่าเนี่ย หรือกระทั่ง common sense เนี่ย มันมีม้ายยย!!??)

-- วันนี้ Fred Kelemen ดูดีกว่าเมื่อวาน เลยเข้าไปขอถ่ายรูปด้วย รูปเค้าก็ออกมาดูดีทีเดียว (ดีจนไม่น่ามาอยู่วงการนี้ 5555)

-- ตอนดู The Man From London ก็มีจังหวะที่ซับตกขอบล่างไป แต่ก็แค่แป๊บเดียว ช่วงหลังๆ ของหนังคนฉายก็ต้องคอยดึงภาพขึ้นๆลงๆ

-- มีคนเดินออกจากหนังเรื่อง The Man From London อย่างน้อย 10 คน

-- เมื่อวานยังอุตส่าห์คิดว่าเทศกาลนี้โชคดีมากที่เราไม่เจอพวกคนดูโสๆ หรือเหตุการณ์แย่ๆ แต่ทว่าวันนี้ก็เจอจนได้

1) ตอนดู Siao Yu ที่โรง 3 ช่วงท้ายๆ ก็มีเสียงคนคุยกัน (เข้าใจว่าเป็นพนักงานนะ ไม่รู้ว่า พนง.โรงหนัง หรือพนง.ทำความสะอาด) รอดเข้ามาในโรง แต่มันก็ไม่ได้มีผลอะไรเท่าไร ก็หนังมันก็งั้นๆ แต่ตอนหนังจบก็เห็นมีฝรั่งเดินไปด่าๆ (ข้อนี้ยังไม่เท่าไร)

2) พอมาดู A Hero in Rome เรามาเจอกับสิ่งที่เกลียดในชีวิต...เด็กครับ! แถมไม่ใช่เด็กทารกนะ แต่เป็นเด็กวัยกำลังซน 3-4 คน ที่ไม่รู้พ่อแม่หน้าโง่ที่ไหนเอาเข้าโรงมา แรกๆอีเด็กเปรตพวกนี้ก็ยังแค่ส่งเสียงบ้าง แต่หลังๆมันเล่นวิ่งรอบโรงหนังเลยครับ แถมมีอีเด็กคนนึงมันเดินมาตรงเรา (เรานั่งริม) แล้วก็มาจ้องๆ เราก็เลยส่งสายอาฆาตไปว่า “อย่ามายุ่งกับกู” เด็กมันก็เลยวิ่งหนีไป สรุปว่าเซ็ง หนังมันก็ห่วย แถมยังเจอเด็กเวร (ที่พ่อแม่เวรกว่า) เลยดูไม่รู้เรื่องไปหลายตอน

3) เรื่องสุดท้าย The Man From London หนังระดับฮาร์ดคอร์ นึกว่าจะปลอดภัยแล้ว ก่อนเข้าโรง เจอผัวเมียฝรั่งเอาลูกใส่รถเข็นมา! โอ๊ย กูจะบ้าตาย ยังดีว่าตอนดูเด็กมันร้องแอ๊ะๆ แค่นิดหน่อย สักพักก็เงียบไป (เราเข้าใจว่าเค้าคงเดินออกจากโรงไป) แต่ที่แย่กว่าคืออาเจ๊ที่หนังข้างหลังผมครับ แกคงเบื่อและเซ็งหนังมาก แกก็เลยหาวดังๆ ไป 3-4 ที (โอเค อันนี้ยังทนได้) สักพักเจ๊เริ่มถีบเบาะผมครับ ก็เอาวะ หยวนๆ คนเรามันพลาดกัน โดนเข้าไป 5-6 ที ก็ยังทน แต่มีจังหวะนึง เจ๊แกถีบมา 4 จังหวะติดกันครับ (ไม่รู้ตั้งใจ / ไม่ได้ตั้งใจ / หรือกล้ามเนื้อกระตุกกะทันหัน) แต่ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ผมเลยหันไปมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจงเกลียดจงชัง ส่งสารไปบอกว่า “E-DOK ถ้ามรึงยังถีบกูอีกที กูเอากระเป๋าฟาดหน้ามรึงแน่” ได้ผลครับ หลังจากนั้นเจ๊เงียบไปเลย (แต่ตอนท้ายก็ยังไม่วาย เรากำลังอินๆกับตอนจบ อีเจ๊ก็พูดว่า “เออ จบซะที” ทำลายอารมณ์ดูหนังของกูจนหยดสุดท้ายเลยนะ)

-- พรุ่งนี้ก็วันสุดท้ายแล้ว ก็หวังว่าจะไม่เจออะไรโสๆ แบบนี้อีกนะ เฮ้อ




1. Siao Yu (1995, Sylvia Chang, Taiwan, B+)

หนังว่าด้วย เสี่ยวหยู สาวชาวจีนที่ต้องแต่งงานแบบหลอกๆ กับฝรั่งแก่ๆ เพื่อเอากรีนการ์ด ตอนแรกเดาว่าหนังคงออกมาประมาณหนังจีนที่ฉายช่อง 7 ตอนเช้า แต่ปรากฏว่าหนังดีกว่าที่คิด ตัวละครพระเอกก็เล่นดีมาก ส่วนตัวร้าย (เมียเก่าพระเอก) ก็ดูร้ายอย่างมีเหตุผล แล้วก็ชอบที่หนังจบอย่างนิ่งสั้นกระชับ ปล่อยให้คนดูคิดต่อเอาเอง ไม่ต้องมาอธิบายอะไรยืดยาว





2. A Hero in Rome (2006, Panos Angelopoulos, Greece, C+)

หนังที่โสโครกที่สุดในเทศกาลนี้อย่างเอกฉันท์ (สำรวจคะแนนเสียงมาแล้ว) หนังเล่าเรื่องของหนุ่มกรีกที่ดันไปหลงทางอยู่ในโรม หนังใส่พล็อตหรือสถานการณ์ต่างๆ มาแบบมั่วๆ และที่สำคัญมันพยายามจะตลก แต่ไม่ตลกอ่ะครับพี่! หนังมีการเล่นมุกเรื่องภาษา แต่ก็กร่อย แถมเพลงประกอบก็ยังเชยเสร่อเฉิ่มเป็นที่สุด สรุปว่าดีแล้วล่ะที่ผู้กำกับไม่มา Q&A ตามที่เขียนไว้ (อนึ่ง หวังว่า Panos Angelopoulos คงไม่ได้เป็นอะไรกับ Theo Angelopoulos นะ





3. The Red Squirrel (1993, Julio Medem, Spain, A)

หนังจังหวะพิสดารตามสไตล์ ฮูลิโอ เมเด็ม (และหนังสเปนหลายๆเรื่อง) หนังเล่าพล็อตประมาณ หญิงสาวมอเตอร์ไซค์ตกถนนจนความจำเสื่อม พระเอกไปเจอเข้าก็เลยโมเมว่าเธอน่ะเป็นแฟนเขา ฟังดูพล็อตกับเรื่อง Hana & Alice แต่หนังไม่ได้หวานแวว ออกจะจิตๆ ด้วยซ้ำ (ตัวละครเรื่องนี้ดูไม่มีใครปกติสักคน เอาง่ายๆ มีคู่พี่น้องอายุ 10 กว่าขวบ ที่คิดว่าตัวเองป็นผัวเมียกัน!) ชอบอารมณ์ของหนัง ที่อยู่ดีๆ ก็ชอบทำตัวเป็นหนังทริลเลอร์ขึ้นมา จากนั้นก็กลับมาเป็นดราม่า ขึ้นๆลงๆสลับกันไปเรื่อย (บางคนอาจดูแล้วเหนื่อย) เสียดายแค่ว่าตอนจบเดาง่ายไปหน่อย เฉลยแล้วไม่ค่อยโดน (แต่ถ้าคิดว่าหนังออกมาตั้งแต่ปี 1993 ก็เปรี้ยวเอาการ) อ้อ แล้วก็ฮาคอสตูมวงดนตรีของพระเอกมาก อารมณ์มนุษย์หินฟลินต์สโตนยุคโพสต์โมเดิร์น (อนึ่ง หนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่าคำว่า “ตัดหน้า” ไม่ใช่เพียงคำอุปมา)





4. The Man from London (2007, Bela Tarr, Hungary-France, A++++++++)

หนุ่มใหญ่อาชีพยามเฝ้าเรือกะดึก พบเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรม ก่อนที่จะลงไปเก็บกระเป๋าลึกลับนี่เต็มไปด้วยเงินฟ่อน นี่คือหนังที่ทุกคนต่างกลัวว่าจะหลับ หรือตายไปกลางทางเสียก่อนจนเอาชีวิตไม่รอด แต่ปรากฏว่าเรารู้สึกว่าหนังไม่น่าเบื่อเลย แถมยังตื่นตัวกับหนังตลอดเวลา บางฉากก็ยังตื่นเต้นเอามากๆด้วย (ง่ายที่สุดแค่ฉากเปิดเรื่องประมาณ 7 นาที ที่ tilt กล้องขึ้นไปตามหอเฝ้าเรือ เราก็ขนลุกแล้ว) 132 นาทีสำหรับหนังเรื่องนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว (ในขณะที่ 90 นาที A Hero In Rome ยาวประหนึ่ง 9 ชั่วโมง)

จริงๆ ถ้าพูดถึงเนื้อเรื่องของหนังแล้ว เราก็ไม่รู้สึกอะไรมากมาย มันไม่ได้มีความชั่วร้าย/ดำมืด มากมายอย่างที่เราคิด แต่เราชอบจังหวะช้าๆนิ่งๆ ของหนังเรื่องนี้มาก ทั้งการแช่กล้องนานๆ หรือการเคลื่อนกล้อง (โดยเฉพาะภาพที่แทนมุมมองการมองจากหอเฝ้ายาม เป็นการเคลื่อนกล้อง/จัดวางภาพ ที่น่าอัศจรรย์มาก) ปัญหาเล็กน้อยที่เรามีกับหนังก็คือ การพากย์เสียงทับ (ซึ่งคิดว่าคงตั้งใจเพราะพากย์ทับกันหลายคน), การปรากฏตัวของ ทิลด้า สวินตัน ที่ดูเด่นเกินไปสำหรับหนัง และเพลงประกอบที่เป็นเสียงหีบเพลง (แต่อีกเพลงหนึ่งที่ออกน่ากลัวๆ ที่ใช้ช่วงเปิด/ปิดเรื่อง เราชอบมาก ให้อารมณ์เหมือน “บทเพลงแห่งความชั่วร้าย” มาก)

สิ่งที่ประทับมากอีกอย่างก็คือ การแสดงของคนที่เล่นบทเป็นเมียของ Brown เธอมีฉากที่สุดยอดมากๆ ถึง 2 ฉาก คือ ฉากที่เธอต้องร้องไห้หน้ากล้อง และฉากจบที่ทรงพลังมาก ที่น่าสนใจมากคือ ทั้งสองฉาก ถ่ายโคลสอัพ และเธอแทบไม่กะพริบตาเลย!

โดยสรุปแล้ว The Man From London ไม่ใช่หนังที่เราอินอะไรกับเนื้อเรื่องของมันมาก แต่ชอบในแง่งานด้านภาพ และการนำเสนอต่างๆมากกว่า และถือว่าเป็นประสบการณ์ทางภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่มากอีกครั้ง เพราะหนังแบบนี้มันต้องดูในโรงเท่านั้น (ดูแผ่นที่บ้านก็คงหลับ ไม่ก็กรอลูกเดียว)

แนะนำให้ดูอย่างแรง : The Man From London ฉายอีกที 4 พ.ย. รอบ 15.30







น้องเมอร์ & หลี่คังเซิง (หน้าตูอืดเชียว...)



น้องเมอร์ & Royston Tan
(ใส่เสื้อหนาวแล้วเหมือนไปถ่ายกันที่เทศกาลเบอร์ลิน อะไรเทือกนั้น 5555)



น้องเมอร์ & Fred Kelemen
(รูปนี้พี่ Fred ดูดีนะเนี่ย นายแบบมาก)

*ขอบคุณ น้อง nanoguy ที่ช่วยถ่ายรูปให้



อ่านต่อ PART 4


Create Date : 02 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2550 23:41:19 น. 33 comments
Counter : 2155 Pageviews.

 
881 ก็สนุกดี เพลงมีให้ฟังกันระเบิดระเบ้อ
และหน่ายตอนนอนโรงบาลมากๆ อึดอัด เบื่อ
รวมๆก็หนุก เทคนิคตอนต้นเรื่องน่ารักดี


โดย: renton_renton วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:15:57 น.  

 
ใสเสื้อหนาวแล้วดูดีว่ะต่อ
วันนี้ได้ไปเอสพลานาด แล้ว
(ถ้าไม่มีอะไรฉุกเฉินอีกนะ )


โดย: grappa IP: 58.9.184.242 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:42:02 น.  

 
วันนี้คงได้ไปดูสักที


โดย: duldb วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:00:04 น.  

 
เสื้อหนาวสวยดี...แต่สีกระเป๋าต้องปรับปรุง


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:08:26 น.  

 
เราจะไปดูวันนี้ ชั่งใจอยู่ว่า จะใต้หวันหรือเกาหลี

อาจจะเป็นใต้หวัน 555+

พรุ่งนี้ไปสอบโทอิคอ่ะเมอร์ เมอร์ว่ายากป่ะ


โดย: nan IP: 58.10.68.146 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:35:36 น.  

 
อยากไปแต่ไม่ได้ไป ภาระกิจพันพัว
อาจเห็นชั้นได้ สองวันสุดท้าย รอลุ้นละกัน

จะพยายามไปเพิ่มจำนวนประชากรเพศหญิงให้ละกัน


โดย: เพอร์รี่ IP: 58.9.139.83 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:41:41 น.  

 
หลี่คังเิซิงนี้ที่ใช่แสดงหนังของพี่ไฉ่หรือเปล่า

เคยดูแต่ the wayward cloud เลยไม่แ่น่ใจว่าคนเดียวกันไหม

ป.ล. อยากดูแสงศตวรรษอ่ะ เศร้าใจ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:42:47 น.  

 
รู้สึกว่า หลี่คังเิซิง อวบขึ้นน่ะ...ฮ่า
และแร้วก็พลาดตามระเบียบ...เฮ้อ อดดู
ขอกรี๊ดดดดดดดดดดด ให้กับ แสงศตวรรษ


โดย: ennisdelmar IP: 125.24.25.134 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:35:19 น.  

 
ลป. แต่ Royston Tan นี่เท่ห์กว่าที่คิดไว้เยอะเรยอะ


โดย: ennisdelmar IP: 125.24.25.134 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:39:31 น.  

 
เฉยๆ และค่อนไปทางเบื่อกับ Help me Eros นะ
สัญลักษณ์มันตรงมากไป
อย่างฉากที่เราสามคนมีอะไรกันบนดาดฟ้า แล้วมีไฟส่องทาบตัวเป็นลายแบรนด์เนมน่ะ
แหมๆ พี่จะบอกว่า เรากำลังมีเซ็กซ์กับบริโภคนิยมเหรอ
ตรงไปหน่อยมั้ง พี่

แล้วก็ฉากเมาควันมาลีฮวนน่าเยอะไปหน่อยนะ
เวียนหัวดีแท้

สรุปแล้ว ยังคงชอบหนังไฉ้หมิงเหลี่ยง มากกว่าอยู่หลายช่วงตัว


โดย: grappa IP: 58.11.125.235 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:10:33 น.  

 
ชอบเพลงเรื่อง love songs มากๆๆๆๆเลยครับ
ไม่รู้ว่าพอจะมีใครหาได้มั่งอะครับ ไม่รุ้จะทำไงดีอยากได้จัด.....


โดย: jara IP: 58.9.100.150 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:04:53 น.  

 
เสียดาย 881 รอบ QA ต้องกลับมาปิดต้นฉบับ ขืนดูรอบสองทุ่มคงไม่ไหว

Things We Do ฉายด้วย beta อ่ะครับ ไม่แน่ใจว่าใช่สาเหตุที่ภาพบีบหรือเปล่า
ผมดูเรื่อง ยุง เป็น beta เหมือนกัน ภาพบีบแบบนี้ แถมมัวยิ่งกว่านี้อีก

วันนี้ได้ดู possible lives แล้วครับ
หนังดีจัง จบได้เยี่ยมมาก

ปล.วันนี้ยังเห็นหนึ่งในกรรมการตระเวนดูหนังเข้าประกวดอยู่เลย สองเรื่องรวด แต่สงสัยดูซ้ำมั้ง


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:09:21 น.  

 
พี่เมอร์ หมอนดู possible live ไม่รู้เรื่อง เพราะแอบหลับ ฮ่ะๆๆ
fallen ก็มีวูบๆ สงสัยไม่ถูกกับอะไรนิ่งๆ ฮ่ะๆๆ
(จริงๆ ร่างกายไม่พร้อมด้วยล่ะ ไม่ได้นอน)

ตอนแรก็สงสัยว่าโหพี่ต้องใส่เสื้อกันหนาวเลยเหรอ...วันนี้พิสูจน์ด้วยตัวเองล่ะ ว่าที่ไม่ใส่เสื้อแขนยาวนี่คิดผิดมหันต์ ฮ่ะๆๆๆ


โดย: psycho patch วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:2:02:32 น.  

 

ตอบ renton_renton

881 นี่อยากได้แผ่นซาวด์แทร็กอ่ะ แล้วรู้สึกว่าที่สิงคโปร์เค้าจะมีทัวร์คอนเสิร์ตของพี่น้องมะละกอ/ทุเรียน แบบจริงจังเลยนะ อยากดูจัง



ตอบ duldb

ตกลงวันนี้ได้มามะ ไม่เห็นเลย (นายจะใส่ชุดฟอร์มมาอีกป่ะเนี่ย 55)



ตอบ แฟนผมตัวดำ

อะไรกัน! กระเป๋านี่เป็น trademark ของเราเลยนะ!



ตอบ nan

TOEIC ง่าย ควรได้ 800 ขึ้น (เพื่อนเราได้ 900 กว่ากันหมดเเลย)



ตอบ เพอร์รี่

สรุปแกจะมาดูแค่เรื่อง Secret ใช่มะ 555



ตอบ I will see U in the next life.

คนเดียวกันจ้ะ พี่หลี่เป็นนักแสดงคู่บุญของพี่ไฉ้ ส่วนจะเป็นอะไรมากกว่านั้นรึป่าว ไม่รู้แล้ว



ตอบ ennisdelmar

จะว่าไป เรายังไม่เห้นโจ๊กที่เอสพลานาดเลยนะ



ตอบ grappa

ว่าแล้ว พี่แป๊ดต้องไม่ชอบ Help Me Eros แต่ยังไงก็คงดีกว่ามาดู Tokyo Tower แหละพี่

อ้อ ตลกมาก ตอน Q&A พี่หลี่แกบอกว่า ไอ้ที่มีลาย Luis Vitton ตอนเอากันบนดาดฟ้า ก็เพื่อ "ไม่ให้คนดูเกิดความรู้สึกทางเพศมากเกินไป"



ตอบ jara

อยากได้เหมือนกัน เราว่าเค้าน่าจะ OST ออกมาขายนะ ก็รอพี่คนนั้น



ตอบ แค่เพียงรู้สึกสุขใจ

ดีใจที่พี่ชอบ Possible Lives ครับ ผมก็ชอบมากเหมือนกัน

กรรมการที่ผมเห็นบ่อยๆ คือ คุณอิทธิสุนทร ครับ นอกนั้นไม่ค่อยเห็นเลย (เค้าคงมา แต่ผมไม่เห็น / ไม่รู้จักหน้า) แต่ที่เห็นบ่อยจริงๆคือ คุณพิมพกา โตวิระ, คุณเอกชัย เอื้อครองธรรม, ปราโมทย์ แสงศร, พี่ก้อง ฤทธิ์ดี และชาวบอร์ด Bioscope และ Screenout (กลุ่มหลังนี่กองกำลังสูงมาก จนอาจสามารถยึดเอสพลานาดได้ 555555)


โดย: merveillesxx วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:2:16:04 น.  

 

และแล้วก็ได้เวลาของหนังที่น่ากลัว + น่าเกรงขามที่สุดของเทศกาลนี้...


THE MAN FROM LONDON

วีรกรรมของหนังเรื่องนี้ คือ ทำให้คนที่เทศกาลหนังเมืองคานส์เดินออกกันครึ่งโรงมาแล้ว

รอดชีวิตออกมาได้ นัดฉลองกันหน้าโรงดีกว่าครับ!


โดย: merveillesxx วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:3:41:31 น.  

 
แหม.. เค้าก็ทำได้ผลจริงๆนะ
เพราะฉากเซ็กส์ใน Help Me Eros ไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกอะไรเลย เพราะบรรยากาศมันดูฝันๆ ยังไงไม่รู้
(ตั้งแต่ฉากที่ 69 กันแนวตั้งแล้ว - ตอนดูยังงงเลย กูเกิดอาการตายด้านชั่วขณะเหรอ?)


โดย: nanoguy IP: 125.24.75.103 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:4:00:54 น.  

 
เกิดครึ้มอะไรไม่รู้ กลับไปนั่งอ่านที่พี่สัมภาษณ์ตอนได้รางวัลบล๊อกอะไรซักอย่างเมื่อสองปีก่อน

ตอนนั้นยังคิดตอนเปิดมาบล๊อกนี้เลย
"ยาวชี้บบบบบบบหายยยยยยย + หนังเชี่ยอะไรเนี่ยยยยยย"




ปล. นี่ทำไมชั้นยังไม่นอน.. แล้วชั้นจะรอดชีวิตจากเบล่า ทาร์ ได้มั้ยเนี่ย


โดย: nanoguy IP: 125.24.75.103 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:5:12:27 น.  

 


เราไปค้นมาว่า หนังสั้นของ royston tan ที่เราชอบมากคือ
Mother (2002) และ Monkeylove (2005)

อีกอย่างเราชอบ fallen นะแต่ไม่สุด คือก็มากแต่ไม่ได้มากมายน่ะ แต่ความเป็นขาวดำของหนัง kelemen บอกว่ามันก็เทียบกับdrawing (หนังสีคือสีน้ำ) ซึ่งทำให้การจัดแสงที่เข้ามา มันสวยมากจริงๆ ยิ่งบวกกับเสียงหมาเสียงรถรอบๆ ความรู้สึกเราก็ว่ามันเอนเอียงไปทาง spiritual ซึ่งผู้กำกับก็ตอบเราว่ามันอาจไปทางนั้นแหละ แต่ฝรั่งส่วนใหญ่ไม่เข้าใจตรงนี้ คนไทยน่าจะเข้าใจดีสินะ


โดย: 1812 IP: 58.8.3.91 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:59:29 น.  

 
คาดว่าน่าจะไม่ได้เจอกันที่เอสพลานาดแน่นอนแร้ว
เพราะด้วยเรื่องงาน และเรื่องซัมธิง แฮ่ะๆๆ


โดย: ennisdelmar IP: 161.246.1.34 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:50:20 น.  

 

ผลรางวัล 5th World Film Festival


หนังสายประกวด มี 10 เรื่อง คือ
1. 4 Elements (Netherlands)
2. 881 (Singapore)
3. The Band’s Visit (Israel)
4. Egg (Turkey)
5. Help Me Eros (Taiwan)
6. Import Export (Austria)
7. Love Songs (France)
8. Phantom Love (USA)
9. Possible Lives (Argentina)
10. Tokyo Tower (Japan)


คณะกรรมการ มี 5 คน
1. Ittisoontorn Vichailak (Thailand)
2. Niwat Kongpian (Thailand)
3. Elizabeth Romhild (Denmark)
4. Kulthep Narula (Thailand)
5. Fred Kelemen (Germany)



ผลรางวัล

* Best Film : Import Export (Austria)
For its brave, uncomfortable look and unspoiled excess to reality which forces the spectators to confront with their own lives in the successful driven capitalized world. And for giving and revealing an insight of human being’s existence of uncovered bodies and souls.

* Best Artistic Achievement : Phantom Love (USA)
For its outstanding black and white cinematography, its well composed narrative structure and extraordinary usage of sounds which creates a surreal atmosphere offering excess to deeper levels of reality.

* Best Director : Egg (Turkey) Semih Kaplanoglu
For the director’s respectful and beautiful way of looking at human beings and for his serene and fine cinematic presentation of the desire for identity and love.

* Special Jury Prize มี 2 เรื่อง

1. Help Mo Eros (Taiwan)
For its courageous attempt to reflect loneliness in modern society in a contemporary style, creating strong scenes of human despair and longing and giving a sensual experience of the shown world.

2. The Band’s Visit (Israel)
For its simplicity, well wishing messages and outstanding performance of the main actor.


โดย: merveillesxx วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:3:30:39 น.  

 
คนที่เล่นเป็นเมียบราวน์ชื่อ Ági (หรือ Agnes) Szirtes ครับ ผลงานยาวเป็นหางว่าวแต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในฮังการีล่ะมั้ง (ลองคลิกๆดู ส่วนใหญ่เป็นหนังฮังการีที่ได้คะแนน imdb ประมาณ 3-4 คะแนน 555+)


โดย: nanoguy วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:4:03:08 น.  

 
"รวมโดยแล้ว" << ตรงหนังเรื่องที่สาม ไม่ได้จับผิดนะ แต่แอบฮาตรงที่ว่า ตอนฉันอ่าน ฉันก็อ่านแบบสลับคำเลยน่ะ ทั้งๆที่มันอ่านตรงตัวก็ได้ แต่เหมือนสมองมันสลับให้เลย

อ่านแล้ว ท่าทางฉันจะเข้าไม่ถึงหนังประมาณนี้แน่เลย อาจต้องฝึกฝนเพื่อการดู เพราะจริงๆแล้วไม่ค่อยถูกโรคกับการแช่กล้องนิ่งๆ

อืม อยากดู Tokyo Tower กับ Siao Yu


โดย: cottonbook วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:31:38 น.  

 
ดู The Man from London แล้วครับ

เห็นตรงกันที่ว่าเนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก เด่นที่งานด้านภาพซึ่งทำได้เหนือคำบรรยาย
แต่พอดูภาพรวม หนังเรื่องนี้กลับกลายเป็นงานที่ทำออกมา "เกินกว่าเหตุ"

ถ้าชำแหละหนังเป็นฉากๆ มาฉายให้ดู ผมคงปลื้มไปซะทุกฉากแน่ๆ โดยเฉพาะฉากเปิดหน้าต่างห้องที่เล่นกับแสงน่ะ ทำเอาผมตะลึง


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:11:03 น.  

 
ต่อเจออะไรๆในงานเทศกาลเยอะนะเนี้ย



โดย: cheatoneself IP: 125.24.78.190 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:09:46 น.  

 

จบสิ้ยเสียที 40 เรื่อง

ขอนอนยาวววววววว 1 ทีก่อน

เดี๋ยวจะอัพตอนสุดท้ายจ้ะ


โดย: merveillesxx IP: 58.8.118.173 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:06:51 น.  

 
สมควรนอนมาก


โดย: visuallyyours IP: 58.8.101.14 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:15:52 น.  

 
จบแล้วสมควรนอน ถูกต้อง
ว่าแต่เจ็ดโมงแล้วพี่เต๋อ ต่อ ยังไม่นอนกันเหรอ??? ทำไรอยู่


โดย: 1812 IP: 58.8.13.101 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:37:01 น.  

 
ทำไมยังไม่มาเขียนอีกเนี่ย


โดย: nanoguy วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:18:24 น.  

 
เหมือนลงแข่งดูหนังวิบากเลย 40 เรื่อง
นอนหลับจะฝันถึงหนังไหมเนี่ย
เราดูไม่กี่เรื่องก็เมื่อยขนาดขาดใจแล้ว


โดย: danaya IP: 58.8.47.143 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:28:55 น.  

 
เราคลาดกันนะ ชั้นเห็นเธอยืนอยู่ไกลๆล่ะ 555


โดย: เพอร์รี่ IP: 58.9.144.223 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:51:24 น.  

 
DAY 7

ความคิดเห็นที่ 5

-วันนี้ดูเหมือนกันเรื่อง 2 กับ 3 เป็นวันแรกที่ดูครบ 4 เรื่อง และจะขอเป็นวันเดียวด้วย นับถือ จขกท.เลยดูได้ทุกรอบทุกวัน

-วันนี้ดูเรื่องที่ 3 ออกมาก็เกือบอ้วกเป็นเลือดแล้ว แต่เชื่อคุณเมอร์เรื่อง อีจีจี ก็โอเคนะ ผ่าน ผ่าน แต่เสียดายที่ตีความหมาย "ไข่" ออกตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก

-ระหว่ง band's vist กับ egg นี่พูดลำบาก feel good เหมือนกันแต่คนละอารมย์

-Things We Do When We Fall in Love มันเป็นเทป beta อ่ะ คือระบบที่ใช้ในทีวี หนังมาเลย์เป็น beta ทุกเรื่องเลย เข้าใจ(เอาเอง)ว่าเพราะตลาดมาเลย์เล็กมาก
ประชากรแค่10กว่าล้าน รวมทั้งเป็นหนังคนจีนมาเลย์ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยลงไปอีก คงไม่สามารถลงทุนกับฟิลม์ 35mm ได้

-881 เรื่องนี้เกลียดสุดๆเลย คิดถึงอีส้มฯเหมือนกันเลย(ไม่ได้ดูอีส้มหรอกนะ) คือมีแต่มุกเล่นคำ รอบที่ดูมีหมวย2-3คนนั่งขำอยู่นั่นแหละ ไอ้เราก็นั่งเอ๋อไม่รู้เรื่อง

จากคุณ : pooh - [ 2 พ.ย. 50 04:31:53 ]






ความคิดเห็นที่ 6

คูมาเด๊า...

อยากดูเรื่องในคห สองจัง อิอิ....









จากคุณ : pikaball - [ 2 พ.ย. 50 05:09:24 ]






ความคิดเห็นที่ 7

เมื่อวานไปดูมาเหมือนกัน
กว่าจะหาเวลาได้
เลยได้ดู
Phantom love
Love songs
Egg
ชอบทั้งสามเรื่องเลย ใช้ได้เลย
ถึงPhantom Love จะดูไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
แต่มันก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ของตัวละครอยู่เนืองๆ

วันนี้คงได้ไปดูเป็นวันสุดท้ายแระ
ว่าจะไปดูFallen กะอีกเรื่องรอบ5โมง
ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าเรื่องไรดี
มีแนะนำมั้ยอ่ะ 5555

จากคุณ : bassflea - [ 2 พ.ย. 50 09:13:56 ]






ความคิดเห็นที่ 8

อยากรอดู Secret วันอาทิตย์ที่ 4 พ.ย นี้จังเลยค่ะ
ชอบบบบบบบบ Jay Chou มากทั้งมีความสามารถ และเก่ง!!

จากคุณ : ก้อย - [ 3 พ.ย. 50 14:48:39 A:125.24.240.125 X: ]


-------------------------------


DAY 8

ความคิดเห็นที่ 6

แต่หนังที่ขโมยซีนผู้คนมากๆ เมื่อเดินลงมาจากบันไดเลื่อนคือเรื่อง Rise นะพี่
(นำแสดงโดย ลูซี่ ลิว)

ชื่อไทย ผีกระชากหัว

จากคุณ : nanoguy - [ 3 พ.ย. 50 04:04:00 ]






ความคิดเห็นที่ 7

-วันนี้ส้มหล่นสถานฑูตสวีเดนเปิดห้องรับรองให้คนถือตั๋วสารคดีเรื่อง The Planet เป็นพิเศษ มิน่าเรื่องนี้ต้องจองอยู่ 3 รอบกว่าจะได้

ฟาดไวน์ฟรีไปหลายแก้ว ดูหนังได้อรรถรสขึ้นอีกเยอะ

-The Planet เป็นสารคดีแนวๆ In convenient truth แต่เป็นสายตาคนยุโรป

ไม่ใช้พรีเซนเตอร์ แต่ใช้การสัมภาษณ์นักวิชาการหลายๆคนเป็นตัวเดินเรื่อง

หนังเหมือนจะพยายามชี้นำว่าการเติบโตของจีนกับอินเดียกำลังจะเป็นตัวสร้างปัญหา

แต่แล้วก็มีนักวิชาการฝรั่งเองออกมาสวนกลับว่า อย่าไปโทษเค้า พวกตะวันตกนี่แหละที่ก่อปัญหาที่กำลังเกิดอยู่ในปัจจุบัน

-เด็ดสุดช่วงท้ายสัมภาษณ์นักจิตวิทยาว่าทำไมคนถึงไม่ตื่นตัวกับปัญหาโลกร้อน

จากคุณ : pooh - [ 3 พ.ย. 50 04:25:21 ]






ความคิดเห็นที่ 8

^
^
อ่านแล้วท่าทางผมจะชอบมากกว่า An Inconvenient Truth แฮะ
พรุ่งนี้ต้องไปพิสูจน์

เค้าจะเปิดให้อีกมั้ยนะ... ห้องวีไอพีมีไวน์ให้กินน่ะ 55+
แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 50 04:49:20

จากคุณ : nanoguy - [ 3 พ.ย. 50 04:48:48 ]







ความคิดเห็นที่ 9

คูมาเด๊า รายวัน
จองตั๋วล่วงหน้า ได้ด้วยหรือ
เพิ่งรู้นะ
ผมจะไปดูเรื่องความลับวันอาทิตย์
จะเหลือมั้ยเนี้ย









จากคุณ : pikaball - [ 3 พ.ย. 50 06:19:46 ]






ความคิดเห็นที่ 10

^
^
กันไว้ก่อนก็ดีนะครับ
วันนี้ได้ยินมาว่า เว็บแฟนคลับเจย์โจวเขาจะนัดกันไป...

จากคุณ : nanoguy - [ 3 พ.ย. 50 06:51:11 ]






ความคิดเห็นที่ 11

"แต่หนังที่ขโมยซีนผู้คนมากๆ เมื่อเดินลงมาจากบันไดเลื่อนคือเรื่อง Rise นะพี่
(นำแสดงโดย ลูซี่ ลิว)

ชื่อไทย ผีกระชากหัว"

55555555555555... ได้ดูเหมือนกันครับ trailer หนังเรื่องนี้ สะอึกเล็กน้อย

จากคุณ : พัท - [ 3 พ.ย. 50 08:40:33 ]






ความคิดเห็นที่ 12

ถ้ามีหนังเรื่อง ผีกระชากผัว จะยอมดู

จากคุณ : merveillesxx - [ 3 พ.ย. 50 10:54:06 ]


---------------------------

DAY 9

ความคิดเห็นที่ 6

The Red Squirrel มันบ้าบอมาก คือดราม่า ทริลเลอร์ แล้วบางทีก็กลายเป็นเซอร์เรียล (ชอบฉากโลกแห่งความฝันอันสุดท้ายมาก)
แสดงว่านอกจากตัวละครโรคจิตแล้ว ผู้กำกับก็ยังโรคจิตหน่อยๆอีกด้วย 55+
อนึ่ง ฉาก "ตัดหน้า" สุดยอดมาก 555+


ฝรั่งสาวสองคนข้างๆ ตอนดู Red Squirrel พูดถึงซาวนด์เช็คตีตูดเด็กของไทยประกันชีวิตว่า
"What a soundcheck!!!"
"EEEEEEEWWWWW"

จากคุณ : nanoguy - [ 4 พ.ย. 50 04:38:27 ]






ความคิดเห็นที่ 7

เข้ามาดู้....
เมื่อวานไปมา ไม่รู้จะดูเรื่องอะไร
จึงไปจองตั๋ว เพื่อจะดูเรื่องนี้โดยเฉพาะ
คราวนี้ได้ดูเเน่ๆ สมใจเเล้ว
พี่เมอร์ น้อง nanoguy จะได้ดูด้วยกันรึเปล่าน้า...
ที่ผมไปจอง ก็มีคนซื้อไปหลายเเถวเเล้วนะ









จากคุณ : pikaball - [ 4 พ.ย. 50 05:16:58 ]






ความคิดเห็นที่ 8

เดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อแต่เช้าล่ะครับ ^^
ใช้ Student Discount เหลือเรื่องละ 50 บาท มันจองล่วงหน้าไม่ได้ง่ะ


*** ต้อง "วันนี้" สิ ///
แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 50 06:29:33

จากคุณ : nanoguy - [ 4 พ.ย. 50 05:50:20 ]







ความคิดเห็นที่ 9

รีบไปจองเลยนะ
หวังว่าคงได้ดูโรงเดียวกัน

วันนี้กะจะไปสัก 5โมง
ดูรอบ 17.40 สักเรื่อง









จากคุณ : pikaball - [ 4 พ.ย. 50 06:53:28 ]






ความคิดเห็นที่ 10

The Red Squirrel หนังจากสเปนเคยฉายแล้วที่เทศกาลหนัง EU
สมัยนั้นยังฉายดูฟรี (มั้ง ไม่งั้นก็บัตรถูกมาก) ที่ศาลาเฉลิมกรุงอยู่เลย
ตอนเห็นโปรแกรมยังแอบงง ทำไมเอาฟิล์มเก่ามาฉายหว่า

สงสัยน้องๆ เกิดไม่ทันเทศกาลหนังสมัยนั้น สมัยศาลาเฉลิมกรุง (ปรับปรุงใหม่) หรือหนังตามสถาบันต่างๆ
ที่เฉลิมกรุง ฉายฟรี ทำให้คนดูกันมหาศาล มีทุกรูปแบบ แม้กระทั่งคุณลุงคุณป้าที่อาจจะแวะมาเดินพาหุรัดเลยมาดูหนังฟรีเล่นๆ แจกบัตรกันรอบต่อรอบ คนดูยืนรอตั๋วกันยาวเหยียดวนรอบหัวถนนเลย
เลิกจากดูหนังก็หาที่กินวนเวียนกันอยู่แถวนั้นแหละ เอสแอนด์พี ร้านอาหารในดิโอลด์สยามพลาซ่า+ศูนย์อาหาร
ที่สำคัญ อยากติสต์ อยากแนว ต้องไปกินร้าน "ออนล็อกหยุ่น" ต้นตำรับ (คลาสสิกกว่านมมนต์เสาชิงช้าสมัยอยู่ข้างคลองน้ำเน่าซะอีก) มีผู้เฒ่าผู้แก่มากมาย ได้เจอคุณลุง (ที่จริงน่าจะเรียกคุณตา) ที่เล่นเรื่อง "ห้องหุ่น" สมัยเด็กๆ ด้วย เล่นเอาหลอนไปเลย

มาบ่นเป็นป้าอะไรแถวนี้เนี่ย...
แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 50 12:00:57

จากคุณ : หมัดแมวเมามาย - [ 4 พ.ย. 50 11:59:01 ]







ความคิดเห็นที่ 11

^
^
เกิดไม่ทันแน่นอนครับ 55555555555

ผมเข้าวงการก็ตอน Bangkok International Film ครั้งแรกของ ททท. เมื่อปี 2003 ครับ

ขอบคุณที่เล่าบรรยากาศให้ฟังจ้ะ

จากคุณ : merveillesxx - [ 5 พ.ย. 50 04:38:47 ]






ความคิดเห็นที่ 12

555 เข้ามาบอกว่าเกิดทันและได้ดูเทศกาลหนังที่เฉลิมกรุงด้วยล่ะ จำได้ว่าหนังตุรกี หลับ หนังของมิยาซากิก็มีเรื่อง Princess Mononoke เป็นเรื่องเดียวของสตูดิโอนี้ที่ได้ดูในโรงค่า

อ่านกระทู้ของคุณ merveillesxx บ่อย ๆ ค่ะ ขอบคุณที่เอามาแชร์ เทศกาลนี้อยากดู The Planet แต่เวลาไม่ลงตัว ส่วน 4 eliment ได้ดูค่ะ แปลกตาดีค่ะ ดูหนังได้ไม่เยอะเลยปีนี้

จากคุณ : Lily of the Valley - [ 5 พ.ย. 50 16:16:44 ]


โดย: merveillesxx วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:10:10 น.  

 
เห็นด้วย Royston Tan เท่จัง หุหุ

เออ Import Export ไม่แรงอย่างที่คิด

จริง ๆ น่ะแหละ เราว่าน่ารักดีด้วยนะ

อยากดู Celeste เหมือนกันแหละ ชิ

เสียใจมากที่ปีนี้งบน้อย ฮืออออ

ป.ล. อิจฉาคนได้ถ่ายรูปกะหลี่คังเซิง -*-


โดย: อีรี่ IP: 203.158.215.80 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:49:11 น.  

 
อยากดู help me eros กะ Tokyo Tower..

ทำไมคุณเมอร์ไม่ชอบ Always อ่ะ หนังดีออกนะ แต่ตอนนี้ผมติก Noriko's Table
IOI..


โดย: Boyd IP: 58.8.118.85 วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:10:03:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.