29 เมย 60 ทริปสงกรานต์ 2 /2560
เขียนบันทึกท่องเที่ยวต่ออยากเขียนให้จบ อนาคตค่อยคิดกันอีกที กลับจากท่องเที่ยวแม่บ้านเก่าและลูกชายคนดูแลต้นไม้อยู่กันมา 15 ปีขอลาออกซะแล้ว สาเหตุคงหลายอย่าง ปัญหาสำหรับเรางานคงมากขึ้น ถึงจะได้คนใหม่ก็คงต้องใช้เวลาและความไว้วางใจคงไม่เหมือนเดิม ต้องหัดเลิกพึ่งพาคนอื่นเสียที หลายวันนี้มือข้างซ้ายชามากขึ้นเรื่อยๆทั้งที่อยากใช้ให้น้อยลง ตั้งแต่ไปเที่ยวหยิบจับกล้องและรื้อข้าวของ ได้แต่รอความหวัง หุ่นยนต์ช่วยงาน และพยายามปรับลดขนาดพื้นที่ส่วนตัวทำตัวให้เบาสบาย เป็นระเบียบมากขึ้นใช้ข้าวของให้น้อยลงถึงน้อยที่สุด ตั้งแต่เสื้อผ้าจานชามแก้วน้ำ รวมทั้งลดปริมาณต้นไม้ลง ให้สามารถดูแลได้เมื่อไม่มีใครช่วย
จาก Montreux เราขับรถลงมาทางใต้ ไปพัก Zermatt ไปชมยอดเขา Matterhorn Zermatt เป็นเมืองปลอดมลพิษต้องจอดรถยนต์ไว้ที่ Tasch และนั่งรถไฟไปอีกไม่กี่นาที เพื่อไปยัง Zermatt
ระหว่างทางวิวสวยไปตลอดสองข้างทาง ถนนในสวิสขับง่ายสภาพถนนเรียบเนียนดีที่สุดในโลกไม่มีหลุมบ่อ มีป้ายบอกทางชัดเจนไม่สับสน บ้านเมืองสะอาดสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ละบ้านดูแลรักษาไว้สะอาดสวยงามกริ๊บ มีการตกแต่งไว้สวยงาม สร้างบ้านมีเอกลักษณ์และกลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่เห็นที่รกร้างเลอะเทอะเลยสักแห่ง การมาท่องเที่ยวครั้งนี้ เพื่อตามหา "ลำธารสีฟ้าเทา" เป็นลำธารสีสวยงามที่ชอบมากๆค่ะ ไม่ใส ไม่ขาวไม่เขียวไม่เหมือนที่อื่นๆ
เรามาท่องเที่ยวครั้งนี้ตรงกับวันหยุด อีสเตอร์ ตามถนนมีรถมากมายจากหลายประเทศผ่านมาผ่านไปในสวิส ร้านอาหารระหว่างทางคึกคักรออาหารครั้งละนานๆ นั่งมองผู้คนก็สนุกไปอีกแบบ ชมวิวเรื่อยๆ มาถึงเมือง Tasch เราจอดรถทิ้งไว้ในอาคาร เลือกเสื้อผ้าเครื่องใช้ไปค้างคืนเท่าที่จำเป็น
Zermatt รถไฟฟ้าคันเล็กๆ จอดรอที่สถานีรถไฟ ถ้าจ้างไปที่ไหนในเมือง 17 ฟรังก์สวิส ถ้าไม่อยากจ้างเดินไปได้ Zermatt เป็นเมืองเล็กมากๆ มีถนนสายเดียวอยู่กลางเมือง มีร้านค้าของที่คนคาดหวังว่าจะมีขายที่สวิส แต่ที่ชอบมากและน่าสนใจคือ อุปกรณ์กันหนาวและเล่นสกี ที่มีหลากหลายให้เลือกมากกว่าเมืองไทย เนื่องจากคนยุโรปส่วนใหญ่มักมาเมืองนี้เพื่อไปเล่นสกีบนเทือกเขาแอลป์แห่งนี้ สำหรับเราพยายามสูดอากาศบริสุทธิ์ไร้มลพิษเข้าปอดให้มากที่สุด ให้คุ้มค่ากับการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล นั่งรถ ต่อรถไฟฟ้า มาหลายทอด
รถไฟฟ้าจากโรงแรมไปรับที่สถานีรถไฟ ถ้าหาไม่พบใช้โทรศัพท์แถวนั้นโทรตามฟรี มีเบอร์โทร รร. ติดไว้ข้างโทรศัพท์ สภาพโรงแรมที่ Zermatt หันหน้าหันหลังติดกันแน่นไปหมด เพราะเมืองตั้งอยู่ในซอกของหุบเขามีพื้นที่จำกัด แต่จากห้องพักยังมองเห็น Matterhorn ได้สวยงามชัดเจน โรงแรมส่วนใหญ่ตกแต่งด้วยไม้แกะสลักแบบพื้นบ้าน แต่เครื่องใช้และห้องน้ำทำใหม่ให้ทันสมัย ความสะอาดและบริการของโรงแรมสวิสหายห่วงได้
ทัวร์สะดวกสบายของเรา ถึงรร. พักผ่อนตามอัธยาศัย ตื่นมาหลังหกโมงเย็น เดินเที่ยวเล่นในเมือง แต่ร้านส่วนใหญ่ปิดร้านกันแล้วเหลือแต่นักท่องเที่ยวชาวไทย และนักเล่นสกีที่เลิกเล่นเดินลงจากภูเขามาตามถนนในเมืองพร้อมอุปกรณ์สกี ในเมืองมีสถานที่น่าสนใจไม่กี่แห่ง มีโบสถ์และพิพิธภัณฑ์ เราเดินชมบรรยากาศรอบๆสองทุ่มเศษจึงเริ่มมืด
โชคดีที่ท้องฟ้าเปิดตลอดการท่องเที่ยวครั้งนี้ มองเห็น Matterhorn อยู่ตลอดเวลา นอกจากจะมีเมฆหมอกเคลื่อนมาบังชั่วครู่
เดินเล่นจนมืดค่ำ เรารับประทานอาหารในโรงแรม อาหารเหมือนอาหารทั่วไปในสวิสไม่มีอะไรแปลกใหม่ เมนูคล้ายๆกันแทบทั้งนั้น เช้าวันรุ่งขึ้น ขึ้นรถไฟเพื่อไป Gornergrat เป็นสถานีรถไฟที่มองเห็นวิว Matterhorn ได้ชัดเจน ตามภาพ
บนรถไฟเต็มไปด้วย นักท่องเที่ยวเอเชีย และนักเล่นสกีชาวยุโรป รถไฟไต่เขาหิมะขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ละสถานีจะมีผู้โดยสารขึ้นลง เพื่อลงเล่นสกีในแต่ละสภาพสนามที่แตกต่างกัน
ยืนชมวิว 360 องศา บริเวณนี้ ท้องฟ้าเปิด มองเห็น Matterhorn สวยงามมาก
มีภัตตาคาร และโรงแรม รับประทานอาหารและชมวิว อากาศเย็นสบาย แต่แดดที่สวิสร้อนแสบผิวมากกว่าแดดเมืองไทยที่ว่าร้อนแล้วเสียอีก
คนยุโรปพาสุนัขมาเที่ยวอีสเตอร์เต็มไปหมด
วัยรุ่นจีนเสี่ยงมาก ปีนออกไปนั่งยืนกางแขนขาที่ชะง่อนผา อันตรายมากเพราะหิมะลื่น
เทือกเขาแอลป์นี้เป็นสวรรค์ของนักสกีทีเดียว เมื่อรถไฟจอดแต่ละคนรีบเร่งเดินใส่รองเท้า และเริ่มสกีกันครู่เดียวหายไปหมด บางพวกมาทางกระเช้ากระโดดลงจากกระเช้าก็เล่นสกีกันเลยทีเดียว โลดแล่นบนลู่หิมะเหมือนฝูงนกที่บินเต็มท้องฟ้า
ขากลับเราเพิ่งสังเกตเห็นกลุ่มนักเล่นสกีตามภูขาหิมะ และสนามสกีแต่ละสนามแตกต่างกัน พ่อแม่พาลูกมาหัดเล่นคล้ายพ่อแม่นกสอนลูกนกหัดบิน นักสกีแต่งชุดสีสันสดใสสวยงามทุกคน รูปร่างกายสวยงามสมส่วนดูแข็งแรงทะมัดทะแมงกล้ามเนื้อสวยงามดีเป็นส่วนใหญ่คนท้วมมีให้เห็นน้อยมาก ดูแล้วเป็นกีฬาสำหรับผู้ชอบความเร็วและความหวาดเสียว ออกจะเสี่ยงอันตรายอยู่มากถ้าหลุดโค้งอาจตกเขาไปได้
วันนี้โชคดีมากที่อากาศดี ท้องฟ้าเปิดมองเห็นวิวทิวทัศน์ และ Matterhorn ชัดเจนตลอดการท่องเที่ยว เสียดายที่เวลาจำกัดไม่เช่นนั้น คงได้ขึ้นกระเช้าไปจุดสูงสุดเห็นว่านั่งกระเช้าขึ้นจุดสูงสุดนั้นน่าไปขึ้นมาก ส่วนร้านอาหารไทยที่เมืองนี้ที่บางท่านว่าเอร็ดอร่อยนักหนา เราตั้งใจจะเดินไปรับประทาน บังเอิญคนไทยโต๊ะข้างๆที่ทานอาหารค่ำ ท่านว่าข้าวเปล่าถ้วยละ 15 ฟรังก์ คือประมาณ 500 กว่าบาท แพงเว่อร์วังมากและไม่อร่อยสักเท่าไหร่ จริงเท็จอย่างไรก็ไม่ทราบแต่เราตกลงใจแล้วว่าจะจัดการวัวสวิสไปเรื่อยๆ อร่อยนุ่มลิ้นสบายท้องดีมาก ไม่เหมือนเนื้อของไทยที่มักเกิดอาการท้องอืดเฟ้อหลังการรับประทาน จริงๆนะ อีกหน่อยคงต้องพักร้อนมาทานสเตกที่สวิสซะละมั้งเรา เริ่มเว่อร์แล้ว
|
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่น่าประทับใจนะคะ
โหวตท่องเที่ยวค่ะ
ปล.ขอให้อาการมือชาทุเลาจนหายสนิทเร็วๆค่ะ