1 กค 64 ตะพาบ 280 มหาวิทยาลัยวัยซน
วันนี้ค้นภาพเก่าๆ ได้มาประกอบตะพาบ ที่จริงการสื่อสารด้วยภาพจะค่อนข้างง่ายกว่าการเขียน เขียนยาวเหยียดไม่มีภาพประกอบ ก็ไม่น่าอ่าน แต่ก็นะ ถ้าจะอ่านอะไรก็ไม่ยาก ถ้าไม่อ่านอะไรก็ยาก " มหาวิทยาลัยวัยซน" หัวข้อนี้แทบไปไม่เป็นเลยค่ะ เป็นน้องเล็กเด็กว่าง่าย ไม่ซุกซนไม่มีวีรกรรมอะไร หัวดี เรียนเก่งมาแต่เด็ก ครูให้ขึ้น ป.1 ตั้งแต่ สองขวบครึ่งไม่ให้เรียนอนุบาล ครูว่าเก่งเกินเด็ก ป. 1 แม่จับมาซ้ำชั้น ป.1 อีกจะได้ไม่จิ๋วเกินเพื่อน ความดีงามฉลาดหัวไว ครูสรรเสริญมาในสมุดพกเป็นปกติ ก็ไม่ได้ใช้ความพยายามอะไร เพียงแค่ตั้งใจฟังครูสอนในชั้นเรียน ก็เล็กจิ๋วอยู่แต่ท้ายแถวเลือกที่นั่งที่ไหนต้องถูกครูเรียกมานั่งกลางหน้าห้อง ก็คงจำใจฟังครูไปโดยปริยายไม่กล้าคุย อยู่ในระเบียบวินัยไม่พูดไม่คุย ไม่เหม่อลอย กลับบ้านก็เป็นอีกคน ดูทีวี เล่นกับพ่อและพี่ๆ ไม่ต้องอ่านหนังสือ ไม่ต้องทำการบ้านเพราะทำเสร็จตั้งแต่ครูให้การบ้านแล้ว ผลสอบตั้งแต่เด็กไม่เคยได้มากกว่าที่ 2 เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ตามหลังพี่ๆ ไม่เคยมีไอเดียว่าโตขึ้นจะเป็นอะไร การเลือกคณะเอนทรานส์ก็ตามความนิยม ว่าเด็กเรียนเก่งต้องเรียนเป็นหมอ ก็กดดันนะ เพราะเจ้าตัวไม่รู้ว่าอยากเรียนหรืออยากเป็นอะไร พ่อแม่พี่น้องประชุมกันว่ายังไงก็ยังงั้น เด็กเก่งเวลาแข่งขันก็เครียดหน่อย พลาดไม่ได้ เป็นโรคกระเพาะอาหารช่วงเอนทรานส์ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ต้องเข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้ง แบกความฝันความหวังแบกหน้าของคนในบ้านไว้หลายคนรวมทั้งของตัวเอง
อายุ 16 ปี เริ่มเรียนแพทย์ปีที่ 1 ภาพถ่ายข้างตึกแมงปอ ศาลายา เอนทรานส์เลือก แพทย์ศิริราชอันดับหนึ่ง เพราะเกิดที่รพ.ศิริราช พ่อแม่อยากให้เรียนเป็นแพทย์ที่นี่ หลังจากเข้ามหาวิทยาลัยปีแรกเรียนที่ ศาลายา มีหอพักอยากพักก็พัก อยากกลับบ้านก็บอกพ่อแม่มารับ หรือถ้าเลิกเร็วนั่งรถสองแถวไปต่อรถเมล์กลับบ้าน ส่วนใหญ่กลับบ้านเพราะสะดวกดี หอพักอยู่เตียงสองชั้นห้องละ 4 คน วันไหนมีงานมหาวิทยาลัย อยู่ฟังเพลง ซ้อมเชียร์บ้าง ไม่ใช่เด็กกิจกรรม ถ้าจำเป็นจะทำหมดแต่ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ทำ
เป็นคนไม่ค่อยชอบกิจกรรมคนหมู่มากมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ยังมีสปิริตไปงานรับน้องแรกเข้ามหาวิทยาลัยที่ศรีราชา สมัยนั้น แอ๊ดคาราบาว ยังเตาะแตะเพิ่งเริ่มเข้าวงการ เพลงแรกที่เสียงกระหึ่มใส่หน้าอก ก็คือ เพลงวณิพกที่ประกอบบลอกนี้ล่ะ น้าแอ๊ดร้องลงท้ายว่า " ฉันก็ยังมีควาย.. มานั่งฟัง " เรียกเสียงฮาได้มากมาย จนวันนี้น้าแอ๊ดรวยไปกี่หมื่นล้านแล้วเราก็ยังเหมือนเดิม เขาก็แบ่งเป็นกลุ่มคละกันทุกคณะก็ไม่รู้จักใครสักคน จำได้ว่า รอรถบัสเบื่อมาก นอนดีกว่า
ข้ามฟากมาอยู่ รพ.ศิริราช มีหอพักให้อยู่ ชั้นปรีคลินิกคือปี 2 ปี 3 อยู่บ้างไม่อยู่บ้างจะเป็นเด็กหอก็ไม่ใช่เด็กบ้านก็ไม่เชิง ตามสะดวกโยธิน เหมือนอยู่ปี 1 ถ้าวันไหนอยู่หอเลิกเรียนว่าง ไปเดินเที่ยวพระบรมมหาราชวัง สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีแฮมเบอร์เกอร์ ถั่วและโรงอาหาร มีเก้าอี้นั่งใต้ต้นไม้ร่มรื่น และห้องสมุดมหาวิทยาลัยศิลปากรกับเพื่อนสนิท ไม่ได้เข้ากลุ่มก๊วนจี๋จ๋ากับใคร ไม่ค่อยได้เข้าร่วมกิจกรรมถ้าไม่จำเป็น
ขึ้นปี 4 พ่อแม่ก็ยังมาส่ง รับกลับบ้านเป็นปกติ แต่การเรียนหนักมากไม่สามารถกลับบ้านได้บ่อยๆ มักจะได้กลับเฉพาะวันสุดสัปดาห์ที่ไม่ต้องอยู่เวร เพราะต้องขึ้นดูคนไข้แต่เช้าประมาณ 6 โมงเช้าต้องไปแสดงตัวที่ตึกผู้ป่วย ช่วยพี่extern พี่ intern พี่ resident ทำงานวอร์ด เช่นทำแผล เปลี่ยนสายยางปัสสาวะ ฯลฯ และรอส่งรายงานคนไข้ให้อาจารย์ประจำตึกอ่านตรวจและสอนทีละตัวอักษรทีละตัว ทีละคน จนกว่าจะหมด เสร็จแล้ว ราว์ดวอร์ดเช้ากับอาจารย์และพี่ๆทั้งหมด เสร็จทำงานวอร์ดที่ต้องหัดทำ รอให้พี่ๆและอาจารย์สอนทำ ฝึกทำ ทั้งหมดที่ต้องจัดทำกับคนไข้ ระหว่างวันมีคนไข้เข้าตึก พี่ๆจะแจกคนไข้ให้เวียนกันรับคนไข้ใหม่ตลอดทั้งวัน ตรวจเช็คการส่งตรวจและผลตรวจต่างๆเก็บรวบรวมมาใส่แฟ้มคนไข้ให้ทันเวลา ราวด์วอร์ดเย็นพร้อมอาจารย์และพี่ๆอีกครั้ง แต่ละวันได้คนไข้หลายคน เวียนจนกว่าจะหมดคนไข้ใหม่ แต่ละวอร์ดมีนักศึกษาแพทย์ประมาณ 3 คนก็เวียนกันรับ ช่วยกันทำงานวอร์ด รับคนไข้ใหม่ ถามประวัติตรวจร่างกายให้ละเอียด มาเขียนรายงานบันทึก และอ่านตำราต่างประเทศโรคที่คนไข้เป็น และมาเขียน discussion เป็นรายงานส่งอาจารย์ให้เสร็จในเช้าวันถัดไป อาจารย์มาตรวจ เวียนไปเช่นนี้เรื่อยไป หมายความว่า ต้องศึกษาทั้งวันทั้งคืน เพราะระหว่างว่างต้องรีบเขียน รีบอ่านหนังสือมาเขียนให้เสร็จ นอกจากชั่วโมงเลคเชอร์รวม วิชาการ หรือ conference ต่างๆที่ต้องเข้าไปฟังยกทีมกับพี่ๆ เรียนชั้นคลินิกเป็นเด็กดีความประพฤติดีมาก ได้คะแนนล้นท่วม เกรดเฉลี่ย 3.7 กว่าทั้งสามปี
เมื่อขึ้นชั้น ปี 6 เป็นพี่ใหญ่แล้ว ก็ต้องคอยสอนน้องๆ งานหลัก ความรับผิดชอบและการสอนความรู้ถ่ายทอด จับมือสอนให้กับน้องๆต่อไป เป็นทอดๆ ที่ศิริราช สถาบันของเรานั้น เคารพระบบอาวุโสเป็นอย่างมาก น้องพี่รักกัน พี่รักน้องและน้องเคารพพี่ๆ แพทย์แต่ละสถาบันจะมีลักษณะเฉพาะของแต่ละแห่ง อย่างศิริราชเรามีชื่อเสียงเรื่อง ความรู้ความสามารถเพราะประสบการณ์มาก เห็นมากทำมาก เคสสวยเคสดีมีให้เรียนมากมาย งานหนักมีให้ทำ อึดถึกทนไม่อู้ ไม่เอาหน้า ทำแต่งาน อาจพูดไม่เก่ง ไม่ discuss ข้ามศีรษะคนอื่นๆเพื่อโชว์พาว์ เต็มฝีมืออาจารย์ศิริราชแล้วก็เป็นที่สุดนอนตายสงบศพชมพูได้
เขียนมาเยอะ ไม่ค่อยเข้าเรื่อง "มหาวิทยาลัยวัยซน" สักเท่าไหร่ เพราะชีวิตการเรียนแพทย์ มีแต่ระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ จะมาตั้งหน้าเล่นซนไม่ได้ ของเทียมไม่มี ไม่ผ่าน ส่วนความสนุกสนานระหว่างเพื่อน พี่ อาจารย์ ก็เป็นเกร็ดเล็กน้อยของสัมพันธภาพ เรื่องกิจกรรมออกหน่วยสารพัดทั้งในเวลาเรียนและเวลาปิดเทอมก็มีเป็นปกติ ปิดเทอมใครอยากไปก็ไป ถ้าไม่มีธุระก็ไปบ้างชนิดเช้าไปเย็นกลับ พ่อแม่คอยเป็นห่วงและคิดถึง นานๆจะได้กลับบ้านสักที เพื่อนๆพี่ๆน้องในคณะ ดีงาม สะอาด หมดจดทั้งนั้น ไม่เห็นใครเกเรซน ซกมก ไม่มีเวลาว่างจะทำเรื่องเหล่านั้น ถ้าใครมีวีรกรรมมาก ส่วนมากก็จะมีชื่อเสียงด้านซ้ำชั้น บางท่านซ้ำอยู่หลายปี จบไปบ้าง ไม่จบบ้าง ซ้ำหลายปีก็มักไปไม่สวยงาม สำหรับเรา การเจียดเวลาอ่านนิยายก็เป็นอย่างมากแล้ว เพื่อนหญิงส่วนใหญ่เอาหนังสือเรียนไปนั่งอ่านอยู่แต่ในห้องทีวีของหอ และหลับกลิ้งไปมา ส่วนเราเป็นเด็กเกียจคร้านไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเรียน สอบทีไรอ่านไม่เคยจบ เพราะตำราเยอะเหลือเกิน อาศัยให้เพื่อนสนิทมาสรุปใจความสำคัญให้ฟัง ส่วนชั้นคลินิกไม่ยากเพราะขลุกอยู่บนตึกคนไข้แทบจะทั้งวันทั้งคืนอยู่แล้ว ชีวิตในมหาวิทยาลัย 6 ปี จึงเป็นความทรงจำดีๆ ตั้งแต่เราไม่รู้จักกัน ได้มาเล่าเรียน วนเวียนพบปะเจอะเจอกันตั้งแต่เช้ายันค่ำ ฝ่าฟันความเหนื่อยยากลำบากอาบเหงื่อต่างน้ำ ผ่านวิกฤตผ่านอะไรๆมาด้วยกันสารพัด ความผูกพัน ความสนิทสนม ความรัก ความซาบซึ้งใจ ในความรักความดีงาม ของทุกๆคนในมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ครูบาอาจารย์ที่ดีรักศิษย์ราวกับลูกในไส้เป็นอาจารย์พ่อ อาจารย์แม่ เพื่อนๆ รุ่นพี่ บุคคลากรร่วมงานใน รพ. ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ รปภ.ทุกๆคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ถามไถ่ทักทาย ห่วงใย ช่วยเหลือ ความยินดีบริการด้วยไมตรีกับนักศึกษาแพทย์ทุกๆคน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตอย่างหนึ่งที่ไม่มีวันลืมเลือน
Create Date : 01 กรกฎาคม 2564 |
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2565 22:04:46 น. |
|
12 comments
|
Counter : 964 Pageviews. |
|
|