มีนาคม 2557

 
 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
15
16
17
18
20
21
22
24
26
28
29
30
 
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 20
๒๐

สุขสันต์วันเกิด


แสงสุดท้ายของวันค่อยๆหรี่ลงจนลาลับจากเส้นขอบฟ้ายามอาทิตย์อัสดง ความมืดมิดกำลังคืบคลานทาบทับผืนท้องฟ้ากว้างใหญ่ซึ่งอีกไม่นานจะปรากฏแสงเดือนดาวส่องไสว สู้กับแสงไฟของสังคมเมืองยามราตรีผู้คนซึ่งเคยนั่งเล่นอยู่ภายในสวนสาธารณะที่รายล้อมไปด้วยตึกรามสูงเสียดฟ้า ต่างทยอยเดินออกจากสวนนั้นจนบางตาลงทุกที


ศศิชาเดินเรื่อยเปื่อยไปตามถนนฟุตปาธรอบสวนสาธารณะคล้ายกำลังเหม่อลอยกับความคิดหลากหลายอย่างที่รุมเร้าจิตใจโดยมีซันเซ็ทเดินเคียงข้างไปอย่างนั้นเงียบๆ


ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สองนางแบบตบตีกันจนนลัทเข้าห้ามปรามศศิชาก็ได้แต่ระบายความผิดหวังและเสียใจซึ่งกลั่นออกมาเป็นน้ำตาโดยพิงพักอยู่ในอ้อมกอดของซันเซ็ทจนอารมณ์หวั่นไหวเบาบาง เธอจึงเดินออกจากบริษัทอย่างเงียบเชียบไม่บอกกล่าวให้ใครรู้ตั้งแต่เย็นจรดค่ำ ทว่าจิตใจของเธอยังร้อนรุ่มไม่ยอมสงบลงเสียที


คำเตือนของนลัทผุดพรายในความคิดแทบจะตลอดเวลาเกี่ยวกับความร้ายกาจของฟาโร ซึ่งเปรียบเสมือนเขาเป็นผู้ชายเลือดเย็น ไม่มีความรักแท้จริงให้กับหญิงใดที่เคยคบหาหรือกำลังควงเพื่อความสนุกและสนองตัณหาราคะเท่านั้น หากไม่เห็นกับตาหรือเจอกับตัวคงไม่รู้ว่าสิ่งที่เพื่อนสนิทพร่ำเตือนนั้นคือความจริง ทั้งที่ควรดีใจมากกว่า หากฟาโรไม่คิดจะปักหลักกับสาวคนไหนแต่เหตุใดจึงรู้สึกรวดร้าวและเจ็บแค้นแทนพวกหล่อนทั้งหลายก็ไม่รู้


เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นระหว่างศศิชาเดินทอดน่องเข้าไปในสวนสาธารณะทำให้ความคิดหลายอย่างเลือนสลาย สองขาเรียวหยุดยืนกับที่ พร้อมระบายลมหายใจเบาๆ ก่อนจะหันกลับมามองบุรุษชุดดำที่เดินตามหลังมาติดๆ


“ขอบใจนะซันเซ็ทที่อยู่ข้างกันจนถึงตอนนี้ ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่แค่มีนายใกล้ๆ ฉันก็รู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก”ไม่มีคำพูดโต้ตอบจากซันเซ็ท มีเพียงรอยยิ้มจางๆ ที่ส่งให้ เขารับรู้ในสิ่งที่เธอบอกกล่าวและหากเมื่อใดเธอท้อแท้ผิดหวัง จะยังมีเขาอยู่ข้างๆ ไม่ห่างหายไปไหนเป็นอย่างนี้มาเนิ่นนาน และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป ซันเซ็ทให้คำมั่นกับตนเอง


ศศิชายกโทรศัพท์มือถือขึ้นดูข้อความที่ส่งมาเมื่อครู่นี้และเป็นไปตามคาด เมื่อมันคือข้อความจากนลัทส่งถามไถ่ว่าเธออยู่ที่ใด จะรีบมาหาและพากลับยังที่พักอาศัยทันทีเมื่อจัดการธุระบางอย่างเสร็จสิ้น


ยังไม่ทันที่ศศิชาจะได้ตอบข้อความกลับเสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน ‘ฟาโร’ชื่อซึ่งปรากฏเป็นสายเรียกเข้า ทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างคาดไม่ถึงว่าเขาจะติดต่อหาเธอในเมื่อปัญหาระหว่างนางแบบสาวยังไม่น่าจะยุติลงง่ายๆ


“กลับบ้านเป็นเพื่อนกันหน่อยได้ไหมฉันอยากนั่งรถกินลมไปเรื่อยๆ สักพัก” ศศิชาเลือกที่จะกดตัดสายโทรเข้า และหันพูดคุยกับซันเซ็ทจงใจลืมเรื่องของฟาโรจากความคิดชั่วคราว


เมื่อเจ้าชายรัตติกาลตกลงตามคำขอศศิชาจึงกดตอบข้อความหานลัท บอกให้เพื่อนรับรู้ว่าเธอต้องการจะกลับบ้านเพียงลำพัง ให้นลัทจัดการธุระโดยไม่ต้องเป็นห่วงกันแต่อย่างใดและโทรศัพท์ก็ถูกปิดเครื่องในทันที เมื่อบอกกล่าวกับเพื่อนสนิทเป็นที่เรียบร้อย


ทั้งสองชายหญิงเดินเล่นรอบสวนสาธารณะอยู่พักใหญ่ก่อนจะเดินออกไปตามเส้นทางเท้าเพื่อขึ้นรถเมล์โดยสาร กลับยังคฤหาสน์ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรกทว่าสายตาของหลายคนที่เดินสวนทางทำให้ศศิชานึกประหลาดใจจนเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง


“นี่ซันเซ็ทถ้าเราสองคนเดินคุยกันแบบนี้ คนอื่นที่เดินผ่านไปมาจะมองว่าฉันบ้าหรือเปล่าที่พูดคุยคนเดียว”ศศิชาส่งยิ้มให้บุรุษด้านข้าง หลังจากเห็นหญิงสาวสองคนที่เดินผ่านไปหันมองเธอด้วยท่าทีแปลกๆโดยทั้งสองซุบซิบขบขัน คงคิดว่าเธออาจเป็นโรคประสาทที่เดินพูดจาอยู่คนเดียวอย่างนี้


“ใครว่าเธออยู่คนเดียวทุกคนที่เดินผ่านก็มองเห็นเราทั้งสอง หากฉันจงใจปรากฏกายให้มนุษย์พวกนั้นเห็น”ซันเซ็ทกล่าวเสียงเรียบ แต่ทำให้ศศิชาชำเลืองมองเขาและหันกลับไปมองสองสาวที่ซุบซิบกันเมื่อครู่นี้หรือเพราะเธอทั้งสองเห็นซันเซ็ท จึงทำให้เขาเป็นจุดสนใจมากกว่าจะมองว่าเธอ ‘บ้า’ พูดจาอยู่ฝ่ายเดียว


ศศิชาหันกลับมาทางซันเซ็ทอีกครั้งพร้อมยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก เกิดนึกขำกับสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวสองคนอมยิ้มและซุบซิบกันเพราะอะไรดวงตาคมหวานภายใต้กรอบแว่นสีสวยตั้งใจมองบุรุษร่างสูงตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า และยังขำขันอยู่อย่างนั้นจนซันเซ็ทต้องเลิกคิ้วมองศศิชาอย่างประหลาดใจ คล้ายถามเป็นนัยว่าเธอหัวเราะชอบใจในสิ่งใดจึงไม่ยอมเลิกราเสียที


มันคงไม่แปลกหากใครจะมองบุรุษผู้นี้เป็นตัวประหลาดในเมื่อเขาใส่เสื้อคลุมสีดำยาวแทบลากพื้นดิน แต่งกายผิดแปลกไปจากมนุษมนาสวมใส่กันและการกระทำของเธอทำให้ซันเซ็ทอดรนทนไม่ไหว ต้องถามออกไปในสิ่งที่สงสัยแคลงใจ


“เธอหัวเราะฉันด้วยเรื่องใด”


“ก็หัวเราะที่นายจงใจปรากฏตัวให้คนอื่นเห็นด้วยชุดนอกโลกแบบนี้ไง”ศศิชาชี้นิ้วไปที่ชุดของเขา ทำให้ซันเซ็ทก้มสำรวจตนเองก่อนจะเงยหน้าจ้องมองเธออีกครั้งพร้อมยกยิ้มมุมปาก


“เธอคิดว่าฉันจะทำให้ตนเองอับอายอย่างนั้นหรือ”บุรุษชุดดำยกมือกอดอกและยืนอย่างมั่นใจในท่าอกผายไหล่ผึ่งราวกับตนเองถือไพ่เหนือกว่า


แท้จริงแล้วทุกอย่างที่เป็นเขามีเพียงศศิชาเท่านั้นที่เห็นตัวตนแท้จริง ทว่ากับผู้อื่นที่เขาจงใจปรากฏกายจะมองเห็นในมุมที่เขาต้องการให้เห็นเท่านั้น และในสายตาของมนุษย์ทุกคนที่เดินผ่านซันเซ็ทเวลานี้จะเห็นภาพชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา แต่งกายสุภาพในแบบฉบับผู้ชายมาดเท่จึงไม่แปลกหากหญิงสาวที่เดินผ่านจะชายตามองด้วยรอยยิ้มผูกมิตรอย่างนั้น


“ทำไมนายถึงมั่นใจว่าการแต่งตัวแบบนี้จะไม่อับอายผู้หญิงที่เดินผ่านไปเมื่อกี้”


“ฉันมั่นใจ”ซันเซ็ทเหล่มองหญิงสาวด้านข้างพลางแย้มยิ้มมีเลศนัยเขาไม่คิดเฉลยปริศนาที่เก็บงำไว้ ปล่อยให้ศศิชาเซ้าซี้ถามอยู่อย่างนั้นจนถึงป้ายรถประจำทาง


แม้เรื่องราวเลวร้ายในวันนี้จะยังไม่เลือนหายไปจากหัวใจและความคิดแต่มันก็ช่วยยับยั้งและทุเลาความเจ็บปวดให้เบาบาง เมื่อมีบุรุษผู้นี้เดินเคียงข้างกัน


ประตูรั้วบานใหญ่ถูกเปิดต้อนรับหญิงสาวซึ่งเป็นทายาทของผู้ครอบครองคฤหาสน์หน่วยรักษาความปลอดภัยค้อมศีรษะเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพตามหน้าที่ ศศิชาแย้มยิ้มตอบกลับพร้อมก้มศีรษะและจีบนิ้วกรีดกรายจับลมคล้ายยกกระโปรงย่อกายถอนสายบัว เธอล้อเล่นกับหน่วยรักษาความปลอดภัยสร้างรอยยิ้มขำขันโดยซันเซ็ทก็ลอบยิ้มตามอีกคน


ศศิชาหมุนกายอีกรอบก่อนจะเดินไปตามเส้นทางเข้าคฤหาสน์ผ่านสวนหย่อมซึ่งเป็นสถานที่คล้ายกับประตูมิติ นำพาให้สิ่งลึกลับผ่านเข้ามาตามที่เธอเข้าใจ


“ถึงบ้านนายแล้วพร้อมทะลุมิติกลับไปหรือยัง วันนี้นายอยู่กับฉันตั้งแต่เย็นแล้วนะ” หญิงสาวหยุดยืนกับที่ระหว่างยกข้อมือมองนาฬิกาก่อนจะเตือนคู่สนทนาซึ่งจดจ้องเธอแทบไม่ละสายตา “นี่จวนจะสามทุ่มแล้วหรือยังไม่ใช่เวลากลับของนาย คงต้องรอให้สว่างก่อนใช่ไหม”


“เหตุใดจึงคิดว่าฉันผ่านประตูมิติเข้ามา”ซันเซ็ทระบายยิ้มน้อยๆ อยากฟังเหตุผลและข้อเท็จจริงในสิ่งที่เธอรับรู้จากเหตุการณ์ประหลาดซึ่งเคยบอกเล่าให้เขารับฟัง


“ไหนจะผู้หญิงห้าวที่ชื่อนอร่าไหนจะอนาคอนด้าเขี้ยวยาว ไหนจะตัวประหลาดเหมือนผีไม่มีหน้าโผล่อยู่ในห้องของฉันลองคิดดูสิ ถ้าไม่ได้ผ่านมิติเข้ามา แล้วพวกนั้นจะมาให้ฉันเจอได้ไงล่ะ”ซันเซ็ทค่อยๆ ปรับสีหน้าเป็นนิ่งเฉย รับฟังในสิ่งที่ศศิชาสาธยาย


“แล้วยังไม่หมดแค่นั้นนะ”ศศิชาก้าวเท้าข้างที่มีร่องรอยประหลาดหลงเหลือไว้เป็นหลักฐาน เพื่อยืนยันในสิ่งที่จะบอกกล่าวต่อไปนี้“เมื่อคืนฉันฝันว่าไปที่ไหนซักแห่ง แล้วเจอสาวห้าวนอร่ากำลังมีปัญหากับแม่มดพอฉันหันหลังกลับก็เจอต้นไม้จับตัวไว้ แล้วฉันก็สะดุ้งตื่นเพราะซีโทรเข้ามา แต่เมื่อคืนที่ฉันเรียกหานายในโรงพยาบาลข้อเท้าเกิดเจ็บและก็มีรอยรัดแบบนี้ นายช่วยอธิบายได้ไหมว่าฝันอะไรถึงทำให้ฉันเจ็บจริงโดยไม่ใช้แสตนอิน”


“ฉันขอดูข้อเท้าของเธอหน่อย”ซันเซ็ทขยับเข้าใกล้หญิงสาวพร้อมจับให้เธอนั่งลงบนตักขณะเขาย่อกายชันเข่าขึ้นมาข้างหนึ่ง เสมือนเป็นเก้าอี้ชั้นดีให้แก่เธอที่ไม่ทันตั้งตัว


บุรุษชุดดำจับข้อเท้าของหญิงสาวยกขึ้นสำรวจพร้อมกับนำฝ่ามืออบอุ่นประคบลงตรงร่องรอยนั้น ราวกับลบล้างความเจ็บปวด เพียงไม่นานร่องรอยประหลาดก็ค่อยๆจางหายไปจนกลายเป็นปกติดังเดิม


“นายนี่มีพลังพิเศษหลายอย่างนะทั้งปกป้องฉัน ทั้งรักษาบาดแผล ไหนจะดึงวิญญาณของคนอื่นออกจากร่างได้อีกนายเป็นใครกันแน่ เท่าที่ฉันเคยดูหนังหรืออ่านหนังสือ ซาตานมักโหดร้ายและตามไล่ล่ามากกว่าจะช่วยเหลืออย่างนี้”ซันเซ็ทชำเลืองมองหญิงสาวนิ่งๆ ก่อนจะจับไหล่ทั้งสองข้างให้เธอลุกขึ้นยืนโดยศศิชาก็จ้องเขาตอบอย่างคาดคั้นเช่นกัน


ไม่มีคำตอบใดจากบุรุษผู้นั้นนอกเสียจากท่าทีเรียบเฉย เขาลุกยืนเต็มความสูงและทอดสายตามองไประยะไกล เมื่อบุคคลที่สามกำลังย่างกรายเข้ามา


“เลดี้...ทำไมเพิ่งกลับมาป่านนี้แล้วยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”วศินเดินมาทักทายน้องสาวเมื่อสังเกตเห็นว่าเธอยืนอยู่หน้าสวนหย่อมนานผิดปกติทำให้คนรอร้อนรนอยู่นานสองนาน


ตั้งแต่นลัทโทรมารายงานว่าศศิชากลับบ้านเพียงลำพังวศินเกิดร้อนใจจนต้องโทรติดต่อน้องสาวทันทีทว่าโทรศัพท์ของเธอกลับปิดเครื่องและติดต่อไม่ได้ จึงได้แต่รอคอยอยู่อย่างนั้น


ศศิชาหันมองพี่ชายด้วยสีหน้าตื่นตระหนกก่อนจะหันกลับไปมองบุรุษชุดดำซึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้วเธอจึงหันหาพี่ชายอีกครั้ง “อ๋อ...ค่ะ...ดี้ยืนรับลม พี่วินล่ะคะมีอะไรกับดี้หรือเปล่าถึงเดินมาตามกันที่นี่”ศศิชากลบเกลื่อนพิรุธด้วยการเดินเข้าไปจับแขนพี่ชายและดึงดันให้เขาออกห่างจากสวนหย่อมทันทีโดยเธอยังชำเลืองมองหาซันเซ็ทอีกครั้ง


“พี่โทรติดต่อเราไม่ได้คุณย่าก็ห่วง เห็นว่ามีเรื่องจะคุย พี่เห็นเรากลับมาถึงแต่ยังยืนเตร่อยู่ตรงนี้เลยมาตาม”วศินอธิบายไปตามเรื่องราว หากไม่มีคุณย่าเป็นตัวช่วยเขาคงจนมุมน้องสาวเช่นกัน ว่าเหตุใดต้องเฝ้ารอและกระวนกระวายจนต้องเดินตามมาอย่างนี้


“คุณยายมีเรื่องอะไรคุยกับดี้เหรอคะ”


“เอาเป็นว่าเราเข้าไปคุยกับคุณย่าเองดีกว่า”วศินกล่าว


“เออ...พี่วินคะช่วงนี้พี่วินว่างหรือเปล่า ดี้อยากให้ช่วยสอนขับรถหน่อยคะ”


“นึกยังไงขึ้นมาถึงอยากขับรถทั้งที่เมื่อก่อนคะยั้นคะยอแทบตายไม่เห็นจะสนใจ” จะให้เธอบอกได้อย่างไรว่าเป็นเพราะความเอาแต่ใจของดาราชื่อดัง ทั้งที่ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเธอยังโกรธแค้นเขาไม่หายเวลานี้กลับนึกถึงและยอมทำตามในสิ่งที่ฟาโรต้องการเสียอย่างนั้น


“ก็หัดไว้ค่ะอีกหน่อยอยากไปไหนมาไหน จะได้ไม่ต้องลำบากคนอื่น” ช่างเป็นข้ออ้างที่ดูดีสำหรับเธอในเมื่อไม่สมควรเอ่ยบอกเรื่องจริง


“เกรงใจพี่หรือไงที่พาไปโรงพยาบาลเมื่อคืนนี้”


“เปล่าค่ะดี้รู้ว่าพี่วินเต็มใจพาดี้ไปส่ง นะคะ ถ้าว่างเมื่อไหร่ ช่วยสอนดี้หน่อย”


“อืม...ได้สิว่าแต่ตอนนี้เข้าไปหาคุณย่าก่อนแล้วกัน ท่านคงรอเรานานแล้วล่ะ”วศินยกมือยีผมน้องสาวเบาๆ และเดินนำเข้ายังคฤหาสน์เพื่อไปหาคุณศจีตามที่ท่านรอคอยเจอหลานสาวตั้งแต่หัวค่ำที่ผ่านมา


=====


ประตูไม้สักบานใหญ่ถูกเคาะเป็นจังหวะส่งสัญญาณให้บุคคลด้านในรับทราบ ก่อนจะเปิดเข้าหาญาติผู้ใหญ่ที่เรียกพบศศิชาปิดประตูเบาๆ เมื่อเข้าไปยืนอยู่ในห้องนอนกว้างขวาง พร้อมส่งยิ้มทักทายคุณยายที่ละสายตาจากทีวีจอใหญ่หันมองหลานสาวคนโปรด


“มาแล้วรึปล่อยให้ยายคอยเสียนาน ติดต่อก็ไม่ได้ หลานมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงเย็นค่อนขอดเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปใส่ใจหน้าจอทีวีอีกครั้ง


“พอดีดี้งานยุ่งน่ะค่ะเลยมาช้าว่าแต่คุณยายเรียกหาดี้ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ศศิชาหย่อนกายนั่งลงข้างคุณยายของเธออยากรู้ถึงการเรียกหาครั้งนี้ คงมีเรื่องสำคัญ เมื่อคุณยายไม่เคยนอนดึกเช่นนี้ปกติไม่เกินสองทุ่มท่านก็หลับไหลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


“พรุ่งนี้ลางานสักวันได้ไหมยายอยากให้หลานไปงานเลี้ยงเสียหน่อย”


“งานเลี้ยงอะไรคะแล้วเริ่มกี่โมง” ศศิชาหวั่นใจ เมื่อเธอยังไม่ได้สำรวจตารางงานของตนเอง ไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้จะมีงานด่วนหรือไม่และเธอก็ไม่อยากขัดคำขอร้องของคุณยายเช่นกัน จึงได้แต่หวัง ขออย่าให้มีงานเร่งด่วน


“งานเลี้ยงสังสรรค์ในวงธุรกิจยายอยากให้หลานไปเปิดหูเปิดตาบ้าง อีกหน่อยจะได้ชิน”เพียงเอ่ยบอกงานสังคมก็ทำให้เธอขยาดและแอบนิ่งอึ้งไปสักพักไม่ชอบใจเสียเลยกับการปั้นหน้าฉีกยิ้มและสวมหน้ากากใส่กัน ทั้งที่ในมือถือมีดซ่อนไว้ด้านหลังเตรียมฟาดฟันเมื่อมีโอกาสบทบาทซึ่งเธอไม่คุ้นชินกับวงสังคมชั้นสูง


“ถ้าคุณยายอยากให้ไปดี้ก็ไม่ขัดค่ะ แต่ดี้ขอโทรถามซีก่อนนะคะว่ามีงานด่วนอะไรหรือเปล่า”


“หากยายยังเดินไหวคงได้ไปด้วยกันแต่ยายก็วานให้ตาวินไปเป็นเพื่อนหลานแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”


“ค่ะ”ศศิชาตกปากรับคำอย่างจำใจ ในเมื่อเป็นหน้าที่ของหลานที่ดี เธอก็จำเป็นต้องไปแทนคุณยายของเธอและอย่างน้อยยังมีวศินเป็นเพื่อนร่วมทางอีกคน



====



ดึกดื่นค่อนคืนคนคิดมากยังนอนกระสับกระส่ายพลิกกายไปมาอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่จบการสนทนากับคุณศจี ศศิชาก็กลับมายังห้องนอนส่วนตัวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า อยู่ในชุดนอนผ้าแพรสีชมพูอ่อนขายาวเธอนั่งถักผ้าพันคอไหมพรมจนเสร็จจึงล้มตัวลงนอนและเรื่องราวปั่นป่วนก็กลับมาวนเวียนในความคิดอีกครั้ง


ภาพพิมพ์มาดายั่วยวนฟาโรยังติดอยู่ในความทรงจำไม่ยอมเลือนหายไปเสียทีความรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเริ่มกระตุ้นเตือนให้รวดร้าวอีกครั้งจนต้องยกมือทาบวางที่หน้าอกด้านซ้ายเผื่อความอบอุ่นจากฝ่ามือจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้ทุเลาลงบ้างไม่มากก็น้อย


แสงสีส้มนวลตาจากโคมไฟตรงหัวเตียงกะพริบติดๆดับๆ อยู่สองสามครั้งจนมันมืดสนิททำให้หญิงสาวเจ้าของห้องทิ้งความคิดทั้งหลายหันไปสนใจโคมไฟเจ้าปัญหาที่เกิดสิ้นใจกะทันหันศศิชายันกายลุกขึ้นนั่ง ทว่าความสนใจกลับไม่ใช่โคมไฟที่ตายสนิทอีกต่อไปแต่เป็นแสงไฟจากเปลวเทียนด้านนอกระเบียงมากกว่าที่ดึงให้เธอลงจากเตียงนอนและเดินไปหาแสงสว่างวูบไหวนั้น


ประตูระเบียงถูกผลักเปิดพร้อมลมเย็นโชยปะทะร่างกายแสงไฟจากเปลวเทียนกะพริบวูบคล้ายจะดับมิดับแหล่ แต่แล้วแสงสว่างก็เพิ่มขึ้นทีละดวงเป็นทอดๆตามทางเดิน สร้างความประหลาดใจแก่ศศิชาไม่น้อยเธอเพ่งมองไปยังริมระเบียงเมื่อเห็นเงาตะคุ่มคล้ายมีใครบางคนปรากฏอยู่ตรงนั้น


หญิงสาวค่อยๆย่างกรายเข้าใกล้เงาทะมึนจนพบว่าเป็นซันเซ็ทนั่งขัดสมาธิอยู่บนขอบระเบียงพร้อมกับถือดอกกุหลาบสีขาวในมือดวงตาคมหวานจ้องมองดอกไม้นั้นอย่างประหลาดใจ เมื่อมีเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มกำลังแผดเผาดอกกุหลาบจนลุกโชนศศิชายกมือขึ้นปิดปากและเบิกตากว้าง ตกตะลึงกับความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นแม้ดอกไม้นั้นจะถูกเปลวไฟสีเย็นตาระอุเผา ทว่ามันกลับไม่มอดไหม้อย่างที่ควรเป็นแต่กลับเสริมให้มันงดงามอย่างที่ไม่เคยเจอะเจอมาก่อน


“ราตรีนี้คล้ายวันเกิดของเธอฉันมีของขวัญมอบให้” ดอกไม้ในมือถูกยื่นส่งให้หญิงสาวพร้อมกับเปลวไฟค่อยๆหรี่ลงจนเกือบดับสนิท ทว่ากุหลาบขาวดอกนั้นยังคงความงดงามดังเดิม


“นายรู้ได้ไงว่าวันนี้เป็นวันเกิดฉัน”ศศิชาเลิกคิ้วเรียวถามอย่างใคร่รู้น้อยคนนักที่จะล่วงรู้ว่าวันนี้คือวันคล้ายวันเกิดของเธอแม้กระทั่งตัวเธอเองยังลืมเลือนเสียด้วยซ้ำ


“ไม่มีสิ่งใดที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเธอ”ซันเซ็ทกล่าวพร้อมระบายยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาสีสนิมที่เคยมีแต่ความเย็นชาและดุดันเวลานี้กลับมีแววอ่อนโยนจนสัมผัสได้ “เธออยากได้สิ่งใดเป็นของขวัญในราตรีนี้”


“นายจะให้ของขวัญฉันจริงๆเหรอ” น้ำเสียงใสส่อแววตื่นเต้น ของขวัญที่อยากได้คงไม่อาจหาซื้อได้ด้วยเงินทองมากมายหรือแม้แต่มนุษย์คนใดก็ไม่อาจมอบให้เธอได้อย่างแน่นอน


“เธอต้องการสิ่งใด”บุรุษนัยน์ตาสีสนิมย้ำถามความต้องการของศศิชาอีกครั้ง


“ฉันอยากเห็นดวงจันทร์ใกล้ๆนายพาฉันไปหน่อยได้ไหม แต่...ขอไปแบบเรื่องจริง ไม่ใช่ความฝันนะ” ทั้งสองหัวเราะประสานกันเบาๆโดยซันเซ็ทขยับกายลงมายืนเต็มความสูงใกล้เคียงกับศศิชา พร้อมนำมือข้างหนึ่งโอบกอดรอบเอวอ้อนแอ้นไว้หลวมๆ


ความอบอุ่นแทรกผ่านตามผิวกายจนถึงหัวใจหวั่นไหวเรือนร่างเบาหวิวเมื่อปลายเท้าไม่ได้แตะอยู่บนพื้นระเบียงอีกต่อไป ศศิชาหันซ้ายหันขวามองรอบกายเมื่อรู้ว่ากำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศทำให้เธอรีบคว้าร่างของบุรุษชุดดำไว้แน่นราวกับกลัวตกอย่างนั้น


บรรยากาศโดยรอบคล้ายมีม่านหมอกกระจายอยู่ทั่วบริเวณแม้มองฝ่าม่านหมอกนั้นจะเจอความมืดมิดทว่าบางจังหวะกลับมีแสงระยิบระยับเปล่งประกาย


เมื่อผ่านพ้นม่านหมอกขาวและแสงวิบวาวระยับรอบด้านจึงกลับมามืดทะมึนอีกครั้ง จะหันเหทางใดก็ปราศจากดวงดาวหรือแสงไฟใดๆมีเพียงพระจันทร์ดวงใหญ่มหึมาพาดผ่านสายตากลมโตไร้แว่นตาที่เคยสวมใส่ศศิชาจ้องมองพระจันทร์ดวงใหญ่นั้นอย่างอื้ออึงไม่คิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะได้เห็นความอัศจรรย์อย่างนี้


ศศิชาหันมองบุรุษด้านข้างที่ปล่อยเรือนร่างบอบบางให้เป็นอิสระทั้งสองยืนอยู่ปลายหน้าผาสูงชัน พื้นดินโดยรอบที่เหยียบยืนอยู่นั้นเป็นก้อนกรวดดำราวกับถ่านหินสีแวววาวส่องสะท้อน


“ใกล้ดวงจันทราอย่างนี้ใช่ตามความต้องการของเธอหรือไม่”


“มันใช่ยิ่งกว่าใช่ซะอีกนายทำได้ไง แล้วตรงนี้มันคือที่ไหนกันแน่ จากความสูงระดับนี้คงไม่ใช่นรกหรอกนะ” ซันเซ็ทแย้มยิ้มและยืนมองหญิงสาวที่ก้าวเดินไปรอบบริเวณ เธอยื่นมือคล้ายจะแตะดวงจันทร์สุกสกาว ราวกับมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมหากก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกนิด คงไม่ตกลงไปใช่ไหม ศศิชานึกคิดในใจในเมื่อเจ้าชายรัตติกาลก็ยังอยู่ตรงนี้ ศศิชาจึงก้าวไปข้างหน้า ลองทำอะไรแผลงๆดูบ้าง


“นั่นเธอทำอะไร!”


“กรี๊ดดดดดดด”ไม่ทันขาดคำร่างบอบบางของศศิชาก็ไถลลงจากขอบหน้าผาสูงชันทำให้ซันเซ็ทรีบกระโจนคว้ามือเธอเอาไว้


“อยู่นิ่งๆฉันจะไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ!”


“ซันเซ็ท!นายต้องดึงฉันขึ้นไป อย่าปล่อยให้ฉันตกลงไปนะ ฉันยังไม่อยากตาย!”


“ไม่มีวันแต่ขอร้อง ช่วยอยู่นิ่งเฉยบ้างได้ไหม” บุรุษชุดดำหมอบราบกับพื้นถ่านหิน และพยายามดึงหญิงสาวขึ้นมาโดยศศิชายังดิ้นขลุกขลักไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยตามคำสั่ง ทำให้ยากลำบากต่อการดึงเธอให้พ้นจากขอบหน้าผาสูงลิบ


ปีกดำขนาดใหญ่ค่อยๆปรากฏและกระพือบินสูงขึ้นจากพื้นดำทะมึน ช่วยให้ศศิชารอดพ้นจากก้นบึ้งหุบเหวลึกที่เกือบกลืนกินร่างของเธอหากซันเซ็ทไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน


“นายนั่นล่ะผิด!ทำไมไม่บอกฉัน ว่านายไม่ได้ร่ายเวทมนตร์ให้ฉันลอยได้แบบนาย”เสียงหวานสั่นเครือเมื่อผ่านเหตุการณ์ใจหายใจคว่ำมาหมาดๆหน้าตาเหยเกทำให้บุรุษชุดดำลอบขำขันในความอยากลองดีของเธอ ซันเซ็ทส่ายศีรษะเล็กน้อยก่อนปรับสีหน้าเป็นนิ่งเฉยตามเดิม


“ลุกไหวหรือไม่”เขาถามไถ่เมื่อเห็นแววเจ็บปวดจากบาดแผลซึ่งอาจได้รับตอนที่เธอลื่นตกลงจากหน้าผาและเขายังช่วยประคองให้เธอยืนขึ้นทว่าบาดแผลก็ทำให้หญิงสาวที่กำลังประคับประคองตนเองยืน ล้มลงพร้อมกับร้องโอดโอยเจ็บปวด


“ฉันเจ็บ!”ศศิชาผลักมือของบุรุษด้านข้างออกไม่อยากให้เขาแตะต้องข้อเท้าของเธอซึ่งบาดเจ็บรุนแรง “กระดูกหักหรือเปล่าก็ไม่รู้”สีหน้าเจ็บปวดแสดงออกอย่างเปิดเผยทำให้ซันเซ็ทต้องสำรวจดูร่องรอยบาดแผลโดยไม่สัมผัสถูกข้อเท้าของเธอตามที่วอนขอ


“ไม่ให้ฉันแตะต้องแล้วจะรักษาอาการเจ็บได้อย่างไรเล่า”


“พลังของนายมีรังสีอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้หากปล่อยคลื่นพลังเข้าในตัวฉันบ่อยๆ เกิดสมองเสื่อมหรือกลายเป็นอัมพาตจะว่าไง”ซันเซ็ทเลิกคิ้วสูง ไม่เข้าใจต่อความคิดของเธอสักเท่าไหร่ในเมื่อเธอไม่ต้องการให้เขาแตะต้องหรือช่วยเหลือ คงช่วยอะไรไม่ได้และต้องหาวิธีอื่นเพื่อจะนำพาเธอกลับยังคฤหาสน์ของเธอ


“อย่างนั้นคงต้องทำแบบนี้”บุรุษร่างสูงย่อกายชันเข่าและหันหลังให้หญิงสาวที่ยังครวญครางด้วยความเจ็บปวด“เธอต้องขึ้นหลังฉัน” ซันเซ็ทหันมองหญิงสาวเบื้องหลัง พร้อมแล้วกับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่และทางเลือกของเขาคงดีที่สุดกับเธอเวลานี้


ศศิชาขยับเคลื่อนไหวและพยายามประคองตัวโน้มกายค่อมไปบนแผ่นหลังกว้างให้เขาได้นำพาเธอเดินไปตามเส้นทางพื้นถ่านหินเรื่อยๆ “จริงๆ นายไม่ต้องเก็บปีกก็ได้จะได้พาฉันบินกลับไปส่งบ้าน” ศศิชาโอบกอดรอบคอของบุรุษที่เต็มใจช่วยเหลือโดยเขาไม่ปริปากพูดจาสักคำ


“...”วิธีช่วยเหลือและนำพาเธอกลับยังโลกมนุษย์ยังมีอีกมากมายและไม่เหนือบ่ากว่าแรงทว่าความต้องการของเขาคืออยู่กับเธออย่างนี้ต่อไปอีกสักพัก ความเจ็บปวดจากบาดแผลเพียงแตะสัมผัสเธอก็จะหายดีเป็นปลิดทิ้ง ทว่าการได้ใกล้ชิดกันอย่างนี้คงไม่มีโอกาสง่ายดายนัก


“นี่คงเป็นโลกของนายใช่ไหมโลกที่ไม่อาจมีแสงสว่างใช่หรือเปล่า ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่อย่างบอกไม่ถูก หากฉันไม่ต้องกลับไปโลกของฉันนายให้ฉันอยู่ที่นี่ด้วยได้ไหม” หญิงสาวรำพึงรำพันเมื่อเกิดนึกถึงชายหนุ่มอีกคนขึ้นมา


“...”ซันเซ็ทรับรู้ได้ถึงแรงกระชับจากวงแขนที่โอบกอดรอบคอของเขาแน่นขึ้นอีกนิดจนใบหน้าของทั้งสองชายหญิงใกล้ชิดกัน


“นายนี่ใจดีนะฉันไม่คิดว่าซาตานอย่างนายจะดีกับมนุษย์อย่างฉันหากฟาโรใจดีได้สักครึ่งของนายคงดี” ศศิชาแค่นยิ้มเมื่อภาพบาดตาบาดใจกลับมาเยือนในความคิดอีกครั้ง หากหลับไหลไปเสียตอนนี้ คงลืมเลือนเรื่องราวเจ็บปวดที่กำลังปะทุขึ้นมาอีกแล้วในใจ


“ฉันไม่ได้ใจดีอย่างที่เธอคิดไม่แน่...อาจเลวร้ายกว่าที่เธอเคยเจอมาก็ได้” ซันเซ็ทกล่าวเสียงเรียบเฉยพร้อมหลบสายตาลงต่ำคล้ายมีบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายให้เธอรับรู้ได้


ในมุมหนึ่งระหว่างทางเดินที่ซันเซ็ทกำลังนำพาหญิงสาวผู้ได้รับบาดเจ็บกลับยังที่อยู่ของเธอมีสายตาสองคู่กำลังลอบมองทั้งสองอย่างไม่คลาดสายตา


“นางจะใช่เซเลเน่อย่างที่เราเข้าใจหรือไม่”


“ข้าไม่รู้...แต่ในเมื่อซันเซ็ทนำนางมายังที่แห่งนี้และคอยปกป้องราวกับไข่ในหิน นางต้องสำคัญอย่างแน่นอนข้าจะนำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวกับเอียน”



To be continued...




Create Date : 25 มีนาคม 2557
Last Update : 25 มีนาคม 2557 15:03:36 น.
Counter : 544 Pageviews.

2 comments
  
แฟนคลับซันเซ็ทตามมาแล้วค่า....

ชอบตอนนี้มากเลยค่ะ ฟิน อยากให้ซันเซ็ทเป็นพระเอกจริงๆ นะคะคุณมาโซคิส 555
โดย: crystal IP: 180.180.234.177 วันที่: 25 มีนาคม 2557 เวลา:18:39:54 น.
  
คุณ crystal ไปร่วมสนุกในกระทู้ถนนนักเขียนกันนะคะ //pantip.com/topic/31826158 ลิงค์นี้ค่ะ เผื่อจะตอบคำถามถูก ได้กระเป๋ามิกกี้เม้าด้วยน้าาาาา อิอิ

ตอนหน้าคงได้ฟินกันอีกนะคะ
โดย: มาโซคิส IP: 1.47.72.202 วันที่: 25 มีนาคม 2557 เวลา:20:39:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments