พฤศจิกายน 2557

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
13
16
17
18
21
23
24
25
27
28
29
30
 
 
15 พฤศจิกายน 2557
บทที่ 2 การเดินทาง 100%


ฝ่ายดูแลกิจกรรมคู่รักรวบรวมหนังสือเดินทางพร้อมบัตรประชาชนของสมาชิกในคณะทัวร์รวมยี่สิบชีวิตหลังตรวจเที่ยวบินเรียบร้อย เพื่อเช็คอินตามที่นั่ง ผู้คนมากมายต่อแถวยาวเป็นขบวนรถไฟตามช่องหมายเลข รอจัดการทุกอย่างก่อนเดินทาง


มุกตาภาชะโงกข้ามไหล่เพื่อนร่วมคณะศึกษาขั้นตอนการเช็คอินอย่างละเอียด เผื่ออนาคตอาจเดินทางไกลอย่างนี้ พนักงานสาวประจำสายการบินหน้าเคาน์เตอร์บริการแย้มยิ้มหวาน ขอรายละเอียดการจองที่นั่งสำหรับเดินทาง พาสปอร์ตจากฝ่ายดูแลกิจกรรม เพื่อออกบอร์ดดิ้งพาสหรือใบผ่านขึ้นเครื่องบินพร้อมกับแทกซ์นัมเบอร์ของกระเป๋าเดินทาง จึงชั่งน้ำหนักสัมภาระ หรือนักท่องเที่ยวเรียก ‘โหลดกระเป๋า’ ส่วนใหญ่สายการบินจะกำหนดน้ำหนักของสัมภาระให้นำขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน7-10กิโลกรัม หากเกินกว่านั้นต้องทำการโหลดและแยกไปไว้ใต้เครื่องเท่านั้น


มุกตาภาสังเกตรอบๆ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เธอลากกระเป๋าเดินทางเตรียมขึ้นชั่งน้ำหนัก ทว่าไม่ทันได้ยก คู่รักกำมะลอก็หยิบสัมภาระใบโตขึ้นชั่งแทน เธอชำเลืองมองเขาที่สงบเงียบตั้งแต่ตกลงร่วมกิจกรรมคู่กัน สีหน้าดูเหนื่อยหน่ายกับการเดินทางพาคนมองรู้สึกไม่สบายใจ อดคิดไม่ได้ว่าข้อเสนอให้เดินทางร่วมกับเธอทำให้เขาอึดอัดใจพานหมดสนุกกับการท่องเที่ยวครั้งนี้


“แล้วกระเป๋าคุณล่ะ?” เธอแปลกใจเมื่อเขาไม่ปลดกระเป๋าเป้ลงจากหลังเพื่อชั่งน้ำหนักเช่นเดียวกัน


“ของผมไม่ถึงเจ็ดโล”


มุกตาภาเหลือบมองกระเป๋าเป้ของเขาและเทียบกับของตนช่างแตกต่างกันลิบลับ เริ่มเชื่อว่าผู้ชาย ต่อให้เดินทางไกลแค่ไหน สัมภาระก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่ากับของผู้หญิง


ใบหน้าคมคายใต้แว่นตาดำยังคงความนิ่งสงบตั้งแต่พบกัน เธอยังไม่เห็นรอยยิ้มของเขาสักนิด แอบนึกไปว่าชายคนนี้อาจเศร้าโศกกับการถูกแฟนขอเลิก รอยฝ่ามือจางๆ คงทำให้แก้มของเขาระบมจนไม่อยากพูดจากับใคร


เธอพยักหน้าเก้อๆ แตะไหล่ตัวเอง


“แล้วกระเป๋าใบนี้ล่ะฉันต้องให้เขาชั่งน้ำหนักด้วยหรือเปล่า” เพราะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกจึงไม่ทราบว่าควรทำอย่างไร ครั้นจะถามผู้ดูแลคณะทัวร์ก็ไม่มีโอกาส เมื่อทุกคนชุลมุนอยู่กับเรื่องเช็คอิน


“ถ้ามันไม่หนักมากก็สะพายไว้” รติมาว่าก่อนผละจาก


มุกตาภามองตามคนตัวสูงซึ่งหลบไปยืนตรงจุดอื่นราวกับอยากหาที่สงบพักพิง ทว่าถูกชายหญิงคู่หนึ่งขวางทางไว้เสียก่อน


“ขอโทษนะครับ ผมขอเชิญคู่รักทั้งหมดร่วมกันถ่ายรูปก่อนเดินทางสักนิด รบกวนยืนกับคู่ของตัวเองด้วยนะครับ” คนพูดปรบมือเรียกคณะทัวร์ให้รวมกลุ่มและควักมือเรียกมุกตาภาให้มายืนใกล้คู่ของตัวเอง


เธอลังเลชั่วครู่ก่อนเดินมายืนข้างรติมา สีหน้าฉายแววกระอักกระอ่วน ชำเลืองมองอารมณ์ของเขา คู่รักลวงโลกตามข้อตกลงซึ่งรับปากกับผู้จัดกิจกรรมไว้ว่าจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ


ชายหนุ่มถอนใจเล็กน้อยก่อนบ่ายหน้าหนี หากเขาไม่สวมแว่นดำอำพรางดวงตาไว้ สีหน้าหล่อเหลานั้นคงบ่งบอกว่ารำคาญทุกชีวิตบนโลกนี้เต็มที


การรวมตัวของผู้ร่วมเดินทางเบียดชิด ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ผิดกับมุกตาภาซึ่งมีท่าทางอึดอัดจนเธอยิ้มฝืดให้กล้อง ลอบมองคนด้านข้างเป็นระยะเกรงว่าเขาจะรังเกียจ ไหล่ของเธอแนบชิดกับแขนของเขา สัมผัสความอบอุ่นจนหัวใจเต้นผิดจังหวะ แม้เคยใกล้ชิดกับวาทีและเพื่อนร่วมงานชายคนอื่นอย่างนี้ แต่ไม่เคยสักครั้งที่หัวใจจะเต้นตูมตามมาก่อน ความหล่อเหลามีผลต่อจิตใจอย่างนี้นี่เอง



กำแพงกระจกใสกั้นตัวอาคารกับสนามบินกว้างใหญ่มองเห็นเครื่องบินจอดอยู่เรียงรายใกล้รันเวย์ ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสีจากมืดมิดกลายเป็นเรืองรอง ปรากฏแสงรำไรตรงเส้นขอบฟ้า เก้าอี้พักผู้โดยสารถูกคณะทัวร์คู่รักยึดพื้นที่ส่วนหนึ่ง หลังผ่านการสแกนร่างกายตรงด่านตรวจ


รติมากดโทรศัพท์ต่อสายแทบจะตลอดเวลาตั้งแต่เข้ามาอยู่ในส่วนที่นั่งรอขึ้นเครื่อง ท่าทางกระวนกระวายของเขาอยู่ในสายตาลอบมองของมุกตาภาเป็นระยะ เขาคงโทรง้อแฟนสาวแน่ๆ เธอเชื่ออย่างนั้น


เมื่อละความสนใจจากดวงหน้าคมคายเธอก็หันมาพูดคุยกับเพื่อนร่วมเดินทางคนอื่นๆ เมื่อเจ้าหน้าที่แนะนำให้แต่ละคนรู้จักกันคร่าวๆ เธอพูดคุยกับคู่แม่ลูก คู่เพื่อนสนิท คู่เกย์ คู่ทอมดี้ ทุกคนล้วนเป็นกันเองจนเธอคลายความกังวลเกี่ยวกับการเดินทาง


เด็กหญิงอายุราวสิบห้าปีชวนเธอพูดคุย กินขนม ไปห้องน้ำ ให้ความสนิทสนมเป็นกันเองจนบางจังหวะก็ลืมนึกถึงคู่รักลวงๆ ไปเสียสนิท เมื่อนึกได้ก็แสร้งหันมองแบบผ่านๆ เมื่อเห็นว่าเขาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้ว เธอจึงหาโอกาสมาพูดคุย เผื่อเขาอาจต้องการผ่อนคลายความตึงเครียด


“นี่คุณ ไม่คิดจะไปรวมกลุ่มกับคนอื่นบ้างเหรอ รู้จักเพื่อนใหม่ๆ สนุกดีนะ” มุกตาภาหยั่งเชิงขณะสาวเท้าเดินไปยืนตรงริมกระจก มองนกเหล็กเครื่องยักษ์แก้อาย


“ผมไม่ชอบความวุ่นวาย” เขาหย่อนกายนั่งในท่าเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เหยียดขา กอดอก “ดูเหมือนเธอจะชอบคุยกับเพื่อนใหม่นะ” ประโยคสะกิดใจชวนให้มุกตาภาหันกลับมา


ตั้งแต่แอบมองชายคนนี้ทุกขณะ เขาไม่มีท่าทีว่าจะมองเห็นเธอสักนิด และดูร้อนรนกับการต่อโทรศัพท์มากกว่า ไม่คิดว่าเขาจะรู้ว่าเธอคุยกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว มุกตาภานิ่งคิด ในเมื่อเขายอมพูดคุยด้วยแล้ว เธอควรทำความรู้จักกับเขาไว้บ้าง


“คุณคงไม่รังเกียจหากเราจะเป็นเพื่อนกันไว้”


รติมายักไหล่ “ผมชื่อเลิฟ ไม่ต้องเรียกคุณหรอกฟังแล้วเป็นทางการแปลกๆ”


“ฉันมุก” เธอยิ้ม และหยุดความคิดที่จะถามถึงแฟนสาวของเขา รอดูสถานการณ์ไปก่อน “ขอบคุณนะที่ยอมตกกระไดพลอยจนร่วมกิจกรรมกับฉัน”


“ทำไงได้เมื่อสถานการณ์บังคับ”


รติมานึกถึงเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับแฟนสาวก่อนถูกตบหน้าจนคู่รักกลายเป็นคู่กัดและแยกย้ายคนละทิศทาง กับกิจกรรมนี้เขาก็ไม่ได้เต็มใจมาตั้งแต่แรก หลังจากรู้ว่าแฟนสาวส่งรูปร่วมกิจกรรมเขาก็ได้แต่ภาวนาให้รูปนั้นไม่ผ่านการประกวด แต่ในเมื่อความโชคดีนำพาจึงต้องจำใจมา ไม่อย่างนั้นคงถูกต่อว่าหากไม่ให้ความร่วมมือ


ทว่าโชคชะตาก็เล่นตลกให้เขากับหล่อนทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเล็กน้อยจนแตกหัก แม้พยายามโทรศัพท์ไปหาก็ไม่สามารถติดต่อหล่อนได้ จึงปล่อยตามเลย


มุกตาภาครุ่นคิดอยู่นานจึงตัดสินใจจะถามเรื่องแฟนสาวของเขา แต่ก็ถูกขัดจังหวะ เมื่อเพื่อนใหม่วัยสิบห้าปีเดินเข้ามาหาและจับมือเธอไว้


“พี่มุกคะ ใกล้จะขึ้นเครื่องแล้วเราไปยืนรอตรงทางเข้ากันดีกว่านะคะ”


มุกตาภายิ้มตอบและปรายตามองคู่ของเธอ “ไปพร้อมกันไหม?”


รติมาเลิกคิ้วและระบายลมหายใจก่อนลุกยืนเต็มความสูง พยักหน้าตกลง สองสาวต่างวัยเดินนำหน้า ส่วนเขาเดินตามหลังและมองพวกเธอ นึกชมความสัมพันธ์ของหญิงสาว เพียงชั่วโมงเดียวก็รู้จักและสนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องคลานตามกันมา มุกตาภาคงเป็นหญิงสาวที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีทีเดียว จากที่สังเกตเห็นเธอเข้าได้กับทุกคนในคณะทัวร์


ผู้โดยสารของเที่ยวบินที่เดินทางไปสิงคโปร์ต่างทยอยเดินออกจากประตูอาคารเพื่อขึ้นเครื่องบิน มุกตาภายิ้มแย้มร่าเริงและพูดคุยกับเด็กสาวตลอดระยะทาง พนักงานต้อนรับคนหนึ่งยืนดักอยู่ตรงประตูทางเข้า กล่าวสวัสดีทักทายผู้โดยสารทุกคน เมื่อเดินเข้าภายในตัวเครื่องพนักงานอีกคนทำหน้าที่นำผู้โดยสารเข้านั่งตามหมายเลขบนตั๋วเที่ยวบิน


มุกตาภาสังเกตที่นั่งแบ่งออกเป็นสองฝั่ง แต่ละฝั่งมีสามที่นั่งต่อกันไปจนสุดเครื่องบิน เธอเดินตามแอร์โฮลเตสเข้านั่งริมหน้าต่าง และรติมานั่งตรงกลางข้างกัน ผู้คนวุ่นวายกับการหาที่นั่ง ทว่าความวุ่นวายนั้นไม่ได้ดึงดูดความสนใจของมุกตาภามากไปกว่านอกหน้าต่าง เมื่อตื่นเต้นกับบรรยากาศแปลกใหม่


“พี่มุกเรานั่งตรงกันเลย”


“ว้าวมันยอดมากจอร์จ” มุกตาภาเลียนเสียงเป็นชายหนุ่มแหย่เด็กสาวซึ่งโผล่พรวดขึ้นมาทักทายจากเบาะด้านหน้าเธอยิ้มและล้อเล่นกับเพื่อนใหม่ “ปันปันนั่งกับคุณแม่ดีๆ นะ ห้ามซน ไม่งั้นถูกพี่แอร์โฮลเตสจับตัวไปขายต่างประเทศ พี่มุกไม่รู้ด้วยนะ”


เด็กสาวหัวเราะชอบใจก่อนหันมองรติมาซึ่งนั่งกอดอกนิ่งๆ คล้ายหลับใหล เขายังคงเดิมด้วยท่าทางสงบใต้แว่นตาดำ วินาทีถัดมาแก้มใสๆ ของปันปันก็ออกแดงระเรื่อ เมื่อแอบมองเขาคนนี้ตั้งแต่มาถึงสนามบิน เด็กสาวแอบกระซิบกับมุกตาภาขณะเดินขึ้นเครื่องบินว่าแฟนหนุ่มของพี่มุกหล่อระเบิด ทำให้เผลอภูมิใจที่เลือกชายหนุ่มมาเป็นคู่รักลวงโลกไม่ผิดตัว เพราะความหล่อของเขาทำให้เธอมีหน้ามีตา


เมื่อนักท่องเที่ยวทยอยนั่งจนครบถ้วน พนักงานของสายการบินก็เริ่มสาธิตคำแนะนำและข้อปฏิบัติขณะเดินทาง เสียงประกาศของกัปตันประจำเครื่องกล่าวทักทายและแจ้งให้ปฏิบัติตามขั้นตอน ความตื่นเต้นทำให้มุกตาภาประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก กดปุ่มนั้นปุ่มนี้เหนือศีรษะ หยิบสายเข็มขัดนิรภัย เธอชำเลืองมองตัวอย่างจากคนด้านข้างแต่ก็ตามไม่ทันเมื่อเขาคาดเสร็จแล้ว


“นี่เลิฟมันต้องทำไงอะ”


มุกตาภาขอความช่วยเหลือโดยไม่ทันสังเกตว่าเขาเสียบหูฟังเพลง ไม่ได้ยินเสียงนกเสียงกาอย่างเธอ กระทั่งแอร์โฮลเตสสาวเดินผ่านมา


“พี่คะ ไอ้สายนี้คาดยังไง”


พนักงานสาวยิ้มและอธิบายให้ทำตามขั้นตอน จับสายคาดเอวสองฝั่งเสียบเข้าล็อก และดึงสายเพื่อกระชับให้แน่น มุกตาภาทำตามขั้นตอนทุกกระเบียดนิ้ว ทว่าจังหวะดึงเพื่อกระชับกลับยากเย็นเหลือเกิน ดึงเท่าไรก็ไม่แน่นเสียที และท่าทางขยุกขยิกทำให้คนด้านข้างรำคาญ เมื่อเขาไม่ได้หลับ แต่มองเธอผ่านแว่นตาดำตลอดเวลาตั้งแต่นั่งประจำที่


รติมาถือวิสาสะดึงสายคาดให้เธอ เท่านั้นแหละความวุ่นวายจึงสงบลง คนเสร่อใบหน้าร้อนผ่าวต่อว่าตัวเองเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง


“ขอบใจนะ” เสียงกล่าวขอบคุณแผ่วเบาจนเกือบเป็นกระซิบมากกว่า เธอเสมองนอกหน้าต่างเมื่อเครื่องบินค่อยๆ เคลื่อนที่ช้าๆ และเร็วขึ้นก่อนลอยเหนือกลุ่มก้อนเมฆบนฟากฟ้า เริ่มการเดินทาง



To be...


เครดิตภาพจากอินเตอร์เน็ตค่ะ

==========


มาเยี่ยมชม มาทักทาย

มาลงชื่ออ่านครับ ไดอาร็อกแท็คน้อยไปหน่อยนะครับ

อิอิ

โดย: อาคุงกล่อง

====

อิอิ ขอบคุณนะคะ อาคุงกล่อง
ฮ่าๆ ไดอาล็อคแท็ค คงได้เท่านั้น ยังห่างไกลมืออาชีพค่ะ
ฝึกไปเรื่อยๆ อาจเยอะกว่านี้ 555

====



Create Date : 15 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2557 10:55:37 น.
Counter : 675 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments