เมษายน 2557

 
 
1
2
4
5
6
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
20
21
22
23
25
26
27
29
30
 
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 23


๒๓

ความจริง


แพขนตาหนากะพริบถี่ไล่ความพร่ามัวขณะเปิดมองเพดานสูงซึ่งมีโคมไฟระย้าสีนวลพาดผ่านสายตาสร้างความใคร่รู้ระคนแปลกใจแก่หญิงสาวที่ค่อยๆ ฟื้นคืนสติอีกครั้งผิวกายเย็นเยียบเมื่อรู้สึกถึงความหนาวเหน็บกรีดผ่านเรือนร่างบอบบาง ระหว่างปรับการมองเห็นจนเกือบชัดเจนดวงตาคมหวานก็กวาดมองรอบบริเวณพร้อมทวนความคิดก่อนหน้านี้


ความทรงจำที่ยังติดตาเมื่อสองบุรุษเผชิญหน้าระหว่างกันฝ่ายหนึ่งคือซาตานผู้มากับปีกดำและคุ้นเคยเป็นอย่างดี นัยน์ตาสีสนิมแปรเปลี่ยนเป็นแดงเพลิงวาวโรจน์ราวกับระอุโกรธต่อบุรุษอีกฝ่ายที่ไม่เคยเจอะเจอมาก่อนท่าทีของทั้งสองคล้ายกำลังเปิดศึกซึ่งกัน ในใจหวั่นไหวเกิดนึกห่วงผู้พิทักษ์ของเธอขึ้นมาซันเซ็ทจะเป็นอย่างไรบ้างเวลานี้


“ฟื้นแล้วก็ดื่มน้ำเสียหน่อย”น้ำเสียงห้าวของสตรีดึงความสนใจให้คนครุ่นคิดหันมองทางประตูบานใหญ่ ศศิชาขยับร่างกายลุกขึ้นนั่งและมองทางบุคคลคุ้นตายื่นถ้วยทรงสูงให้เธอถือไว้


“ที่นี่ที่ไหน?”ความสงสัยถาโถมตั้งแต่ฟื้นคืนสติและคงไม่ปล่อยให้เป็นปัญหาคาใจเมื่อยังมีหลายสิ่งที่ต้องถามไถ่เพื่อไขข้อสงสัยกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ศศิชาหยิบถ้วยทรงสูงดื่มน้ำแก้กระหายขณะลำคอแห้งผาก


“โลกรัตติกาล”นอร่ากล่าวพร้อมจดจ้องคู่สนทนาสักพักก่อนตัดสินใจนั่งบนเตียงฟูกขนาดใหญ่เมื่อเห็นความใคร่รู้กลาดเกลื่อนบนใบหน้านวลเนียน


ศศิชาหันมองโดยรอบอีกครั้งพร้อมส่งถ้วยทรงสูงคืนให้กับเจ้าของสถานที่แม้จะยังหวาดระแวงต่อทุกสิ่งรอบกายอยู่บ้าง แต่ยอมรับในความแปลกประหลาดของบรรยากาศอึมครึมนั้นกลับรู้สึกปลอดภัยดวงตาคมหวานหันมองนอร่าอีกครั้งเมื่อต้องการรับทราบเรื่องราวต่อไป


“ช่วยอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดได้ไหมทำไมเธอถึงช่วยฉันจากอุบัติเหตุ แล้วผู้ชายอีกคนเป็นใคร” แววตาระยิบไหวจ้องมองนอร่าซึ่งแสดงท่าทีคิดหนักก่อนจะหลบสายตาลงต่ำคล้ายลังเลกับอะไรบางอย่าง


“หากข้าเอ่ยบอกความจริง...เจ้าต้องให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับซันเซ็ทอีกต่อไป”นอร่ามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสู้สายตาอีกครั้ง ถึงอย่างไรเธอคงหลีกหนีความจริงไม่พ้นแม้ทุกสิ่งจะเป็นการฝืนคำสั่งของซันเซ็ทก็ตาม แววตาจริงจังกอปรกับน้ำเสียงหนักแน่นของนอร่าทำให้หัวใจของศศิชากระตุกหวั่นไหวอย่างไม่ทราบสาเหตุ


“ความจริงงั้นเหรอ?”แม้เรื่องราวจะเป็นอย่างไร เธอพร้อมรับฟังทุกอย่างที่คล้ายมีลับลมคมนัยแอบแฝงตามท่าทางของสตรีต่างโลกผู้นี้


“เจ้าคือเซเลเน่...เทพีแห่งจันทรา”


ศศิชาชะงักกลางอากาศเมื่อได้ยินนอร่าเล่าเรื่องราวเมื่อหลายร้อยปีก่อน...


โลกแห่งนี้เคยมีแสงสว่างและความรักสวยงามเมื่อเทพีแห่งจันทรากำเนิดขึ้นชีวิตของทุกสรรพสิ่งล้วนดำเนินไปตามวิถีแห่งรัก ไม่มีความบาดหมางริษยาและอาฆาตมาดร้ายหรือแม้แต่การแก่งแย่งทำลายล้าง


เมื่อกาลเวลาผ่านไปเรื่องราวในโลกแห่งรักก็แพร่สะพัดไปถึงภพภูมิสวรรค์และขุมนรกชั้นลึกกว่าบาดาล ทำให้เหล่าทวยเทพและปีศาจอยากครอบครองความเป็นอมตะแห่งรักทุกฝ่ายพร้อมแสดงพลังปกป้องและขอมอบรักแท้แก่เทพีแห่งจันทรา ทว่าไม่มีเทพและปีศาจตนใดได้ครอบครองหัวใจของนาง


ในเวลาต่อมาซาตานถูกมอบหมายคำสั่งจากปีศาจร้าย ให้นำเทพีแห่งจันทราไปกักขังยังขุมนรกอเวจีเมื่อปีศาจหมายครอบครองโลกแห่งรักนั้นโดยรอคอยจนกว่านางจะยอมสิโรราบ มอบหัวใจและดวงวิญญาณบริสุทธิ์ให้กับความร้ายกาจได้เป็นอมตะตลอดกาล


เมื่อซาตานมายังโลกแห่งรักเขาก็ตกหลุมรักเทพีแห่งจันทราจนฝืนขัดคำสั่ง และทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องดวงวิญญาณและหัวใจบริสุทธิ์โดยใช้อำนาจทั้งหมดที่มีกั้นโลกแห่งรักไว้ ไม่ให้เทพหรือปีศาจตนใดกล้ำกรายเข้ามา โลกที่เคยสวยงามจึงมืดมิดและเข้าสู่ห้วงรัตติกาลนับแต่นั้น


เมื่อการไล่ล่าเกิดขึ้นซาตานจำเป็นต้องนำเทพีแห่งจันทราไปซ่อนไว้ยังโลกอื่นที่ปลอดภัยกว่า เพื่อปกป้องดูแลดวงวิญญาณและหัวใจแห่งรักจนกว่าจะปิดกั้นแดนโลกจากเหล่าปีศาจร้ายที่หมายทำลายทุกสิ่ง


“เจ้าเกิดและดับตามกาลเวลาเพียงเพราะซันเซ็ทอยากปกป้องเจ้าให้รอดพ้นจากสายตาของเหล่าปีศาจที่หวังยึดครองวิญญาณและหัวใจบริสุทธิ์ของเจ้า”


ศศิชานั่งนิ่งต่อเหตุการณ์ที่ได้รับรู้สมองมึนสับสน ไม่อยากเชื่อในทุกสิ่งที่นอร่าบอกกล่าวถึงต้นกำเนิดของเธอเมื่อหลายร้อยปีก่อนช่างเหมือนนิทานหลอกเด็กที่คุณยายเคยเล่าให้ฟังก่อนนอนเพียงแตกต่างตรงไม่มีเจ้าหญิงและเจ้าชายเท่านั้น


“ตอนนั้น...เซเลเน่รักซันเซ็ทหรือเปล่า”แม้เรื่องราวต่างๆ จะไม่สามารถจับต้นชนปลายได้ทั้งหมดแต่ศศิชาเชื่อว่าซาตานที่คอยปกป้องเธอคือซันเซ็ทอย่างแน่นอน“แล้วเธอเป็นซาตานเหมือนเขาหรือเปล่า” ศศิชาตั้งคำถามถึงบางสิ่งที่ยังคาใจและอยากถามไถ่เพื่อไขความกระจ่าง


นอร่ามองแววตาคู่สวยที่ก่อกระแสความอยากรู้ชัดเจน“เจ้าเป็นหนึ่งเดียวที่ซันเซ็ทมอบความรักให้” หัวใจเต้นเร่าไม่เป็นจังหวะ เมื่อได้รับฟังในสิ่งที่นอร่าบอกกล่าวอย่างหนักแน่น“และเขาคือบุรุษเดียวที่เจ้ายอมมอบวิญญาณและหัวใจแห่งรักให้เช่นกัน”ความอบอุ่นแผ่ซ่านจากหัวใจไหลเวียนไปตามร่างกายจนระอุร้อนคล้ายคนกำลังจะเป็นไข้ หรือความเป็นมาในอดีตคือสิ่งชี้ชัดต่อความรู้สึกคุ้นเคยเมื่อได้เจอกับซันเซ็ทอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้


“แล้วเธอล่ะมีความเกี่ยวพันอะไรกับฉัน ถึงคอยช่วยเหลือกันอย่างนี้”


“ข้า...คือน้องสาวต่างบิดากับเจ้า”ศศิชาช็อคขั้นโคม่า เบิกตามองคู่สนทนาที่ตีหน้าเรียบเฉยแต่รับรู้ได้ถึงความจริงจังและทุกอย่างไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน “แต่เพราะกาลเวลาที่ผันผ่านทำให้เจ้าเปลี่ยนแปลงจนไม่เหลือความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องต่อกันข้าจึงขอเป็นผู้ช่วยของซันเซ็ทคอยดูเจ้าอยู่ห่างๆ แต่ถึงอยากดูแลเพียงใด ซาตานผู้นั้นยังไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เจ้าอยู่ดี”


“แต่เธอก็ยอมขัดคำสั่งของเขาเพื่อช่วยเหลือฉัน”


“มันจำเป็น...ในเมื่อเอียนสั่งให้ปีศาจตามหาเจ้าและพวกมันทำสำเร็จ” ศศิชานึกถึงตัวประหลาดและเรื่องราวพิสดารที่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ได้เจอกับซันเซ็ท“และนายของข้าไม่เคยยับยั้งจิตใจ หมั่นข้ามแดนโลกคอยดูแลเจ้า ทำให้พวกปีศาจที่เอียนส่งมาสอดแนมตามเจ้าเจอในที่สุด”


“คนที่เธอเรียกว่าเอียนคือปีศาจที่ต้องการวิญญาณและหัวใจของเซเลเน่ใช่หรือเปล่า”


“ใช่...เจ้าเข้าใจไม่ผิดและเอียนคือตัวการที่ทำให้ยวดยานในโลกมนุษย์ไร้การควบคุมเพื่อปลิดชีพของเจ้า”นอร่าเล่าถึงเหตุการณ์ที่รถกระบะเกือบพุ่งชนเธอ เป็นเพราะเอียนใช้อำนาจบังคับจิตใจมนุษย์ให้ทำตามในสิ่งที่เขาต้องการรวมถึงปีศาจทั้งหลายที่เฝ้าติดตามและวนเวียนสังเกตการณ์บางครั้งอาจแฝงมาในร่างมนุษย์โดยที่ศศิชาไม่รู้ตัว


“เธอติดตามฉันตลอดเลยงั้นเหรอถึงมาช่วยได้ทันเวลา”


“เอียนต่างหากที่ติดตามเจ้า”ตั้งแต่คราวนั้นที่ซันเซ็ทนำพาหญิงสาวจากโลกมนุษย์ขึ้นไปยืนเทียบเคียงดวงจันทร์ ลูกสมุนของปีศาจร้ายแอบคาบข่าวไปบอกเอียนและติดตามหาศศิชาจนเจอเมื่อถึงคืนที่แสงจันทร์ทาบผ่านเงามืดระหว่างมิติ ทำให้เส้นกั้นแดนโลกกับนรกอเวจีเชื่อมถึงกันเหล่าปีศาจจึงบุกผ่านมาได้อย่างง่ายดาย


“ทำไมเอียนถึงอยากได้วิญญาณและหัวใจของเทพีแห่งจันทรา”ศศิชาถามไถ่


“เพราะความบริสุทธิ์ของดวงวิญญาณและหัวใจแห่งรักสามารถทำให้เอียนเป็นอมตะเหนือเทพและปีศาจทุกตน”


“ในเมื่อตอนนี้ฉันมีวิญญาณและหัวใจแห่งรักอยู่ในตัวซันเซ็ทเลยมีอำนาจเหนือปีศาจอื่นด้วยหรือเปล่า”


“ใช่...เขาจึงปิดกั้นโลกนี้ไว้จากเหล่าปีศาจทั้งหลายเจ้าจึงปลอดภัยหากยังอยู่ที่นี่”


“แล้วที่เธอบอกไม่ให้ฉันยุ่งกับเขา...มันคืออะไร”ศศิชาลังเลในคำตอบที่กำลังจะได้รับหลังจากนี้ เหตุใดนอร่าจึงไม่อยากให้เธอข้องเกี่ยวกับซันเซ็ทในเมื่อเวลานี้เธอเป็นเพียงมนุษย์โลก ไม่ใช่เทพีแห่งจันทรา และไม่มีอภินิหารใดทำให้เธอกลับไปเป็นอย่างเดิมได้อีกแล้ว


“หากเจ้าจดจำเรื่องราวระหว่างกันได้และแสดงว่ารักนายของข้าเมื่อนั้นซันเซ็ทจะสละความเป็นอมตะและทิ้งโลกรัตติกาลแห่งนี้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์”


=====

สวนหย่อมภายในเขตคฤหาสน์สถานที่คุ้นเคยศศิชานั่งตรงเก้าอี้ตัวยาวซึ่งเป็นที่ประจำของเธอพร้อมแหงนมองดวงจันทร์เปล่งแสงนวลตาคิดถึงเรื่องราวที่ได้รับฟังจากนอร่า แม้จะยังไม่เข้าใจทุกอย่างมากนัก แต่กลับทำให้เธอรู้สึกหวิวโหวงในใจอยากเจอซันเซ็ทเพื่อถามไถ่ข้อเท็จจริง ทว่าเขายังไม่ปรากฏกายเสียที และเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีโลกแห่งความเป็นจริงรอคอยเธออยู่ศศิชาจึงขอร้องให้นอร่านำมาส่งยังคฤหาสน์อีกครั้ง

“ซันเซ็ท...เมื่อไหร่นายจะกลับมาซะที”เสียงหวานพึมพำกับตัวเองระหว่างจ้องมองผืนฟ้ามืดมิด โลกแห่งรัตติกาลใต้เงาจันทร์คือสถานที่ซึ่งเธอเคยอยู่มาก่อนอย่างนั้นหรือและเพราะเหตุนี้หรือไม่...เธอจึงคุ้นเคยและหลงใหลในดวงจันทร์นักหนา ศศิชาก็ไม่อาจตอบตนเองได้


แต่ในเมื่อเวลานี้เธอคือ ‘ศศิชา ประดับวงศ์อัครา’ ไม่ใช่เทพีแห่งจันทราและเรื่องราวในอดีตเคยเป็นความลับสำหรับเธอตามที่ซันเซ็ทปิดบังไว้ หลังจากนี้ก็จะเป็นความลับตลอดไปตามที่ได้ตกลงไว้กับนอร่า


เสียงเหยียบใบไม้แห้งดึงให้หญิงสาวสะบัดสายตามองไปยังต้นทางเสียงนั้นอย่างรวดเร็วและการรอคอยก็สิ้นสุดเมื่อซันเซ็ทปรากฏอยู่ต่อหน้าเธอศศิชาลุกขึ้นยืนด้วยความรู้สึกหวิวไหวในใจ สีหน้าของบุรุษผู้นี้ไม่สู้ดีนักทว่าเขายังระบายยิ้มน้อยๆ ให้เธอ


“ทำไมมาอยู่ตรงนี้นอร่าขัดคำสั่งของฉัน ไม่ดูแลเธออย่างนั้นหรือ”น้ำเสียงละมุนแผ่วพลิ้วตามสายลมอ่อน ทำให้คนรับฟังสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงผิดปกติคงมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาอย่างแน่นอน


“นายเป็นอะไรหรือเปล่าแล้วกับผู้ชายคนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง”


“ก็แค่ปีศาจที่คอยระรานฉันกับเธอเท่านั้น”ซันเซ็ทพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ เมื่อแววตาหวั่นไหวจ้องมองราวกับจับพิรุธ


เพียงเพราะซันเซ็ทอยากปกป้องเธอให้พ้นจากเงื้อมมือปีศาจร้ายที่หวังทำลายชีวิตให้ดับสูญการต่อสู้ระหว่างกันจึงเกิดขึ้น และเขาเกิดพลาดท่าได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ต่างกับคู่ต่อสู้ที่อ่วมไปทั้งตัวเช่นกัน


เมื่อเห็นใบหน้าคมคายออกอาการเหนื่อยล้าเรื่องราวที่ได้รับรู้จากนอร่าก็ถาโถมเข้ามาสร้างความหวั่นไหวให้เกิดขึ้นอีกครั้ง ศศิชาสาวเท้าเดินไปยืนตรงหน้าของซันเซ็ทขอบตาร้อนผะผ่าวเมื่อรู้สึกว่าหลังจากนี้ต้องเหินห่างจากเขาเพียงเพราะความสัมพันธ์เมื่อครั้งอดีต เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยรับรู้ว่าความรักระหว่างกันเป็นอย่างไรมีเพียงบุรุษผู้นี้ที่ยังเฝ้ารอและคอยดูแลเธอไม่เคยห่างไกลจากสายตา


“ฉันขอกอดนายหน่อยได้ไหม...”ศศิชาจ้องมองบุรุษตรงหน้าที่เลิกคิ้วแปลกใจในสิ่งที่เธอต้องการ และหากจ้องมองเขานานกว่านี้เธอคงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่


ไม่ทันได้รับคำตอบใดหญิงสาวก็โผเข้ากอดร่างสูงจนซันเซ็ทเซถอยหลังเล็กน้อยแรงโอบกอดจากอ้อมแขนของเธอสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมากจนต้องนิ่งคิดสักพักแม้ร่างกายจะเจ็บปวดจากการต่อสู้และมีบาดแผล แต่ไม่อาจเอ่ยบอกให้เธอรับรู้ได้ เขาพยายามเก็บซ่อนความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้อย่างแนบเนียน


สัมผัสอบอุ่นจากร่างบอบบางส่งผ่านถึงหัวใจซันเซ็ทกัดฟันยกแขนข้างที่พอมีแรงเหลือโอบกอดเธอตอบพร้อมลูบไล้เส้นผมสลวยเบาๆ เพียงไม่นานก็สัมผัสได้ถึงรอยเปียกชื้นตรงแผงอก‘น้ำตา’ แม้จะรู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้างกับอาการแปลกๆของเธอ แต่ในเมื่อหญิงสาวที่คอยปกป้องเสียน้ำตา เขาก็ไม่อาจนิ่งนอนใจ


“เหตุใดต้องร้องไห้บาดเจ็บหรือมีใครทำร้ายเธอ?”


“เปล่า...ฮือๆไม่มีใครทำร้ายฉันทั้งนั้น มีแต่ฉันที่ทำร้ายนาย ฉันขอร้อง...นายอย่าทำร้ายตัวเองอีกเลยไม่ต้องคอยดูแลหรือปกป้องฉันอีกแล้ว” เสียงสะอื้นทำให้แรงโอบกอดแนบแน่นขึ้นอีกเท่าตัวแม้แขนอีกข้างจะบาดเจ็บจนไม่สามารถขยับได้แต่ซันเซ็ทก็ยังพยายามโอบร่างบอบบางไว้อย่างทะนุถนอมและปลอบประโลมเขาและเธอยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบภายในสวนหย่อม ปล่อยให้หญิงสาวร่ำไห้จนพอใจโดยซันเซ็ทเองไม่อาจเข้าใจต่อสิ่งที่เธอกำลังเผชิญจนต้องเสียน้ำตาเช่นนี้


เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่จนเสียงสะอื้นสงบลงศศิชาค่อยๆ คลายวงแขนออกจากร่างของบุรุษที่เคยโอบกอดแนบแน่น เธอจ้องมองเขาชั่วครู่ก่อนจะกล่าวคำอำลาและผละจากไปเมื่อเห็นว่าควรกลับสู่โลกความจริงเสียที โดยในมุมหนึ่งของสวนหย่อมมีสายตาบางคู่ลอบมองทั้งสองอย่างเจ็บปวดนอร่าถอนใจหนักก่อนจะหันหลังให้ทั้งคู่ที่ต้องแยกทางจากกัน พร้อมเลือนสลายกลับไปยังโลกของตน


====

ดวงตาคมโตแดงช้ำเมื่อผ่านการร้องไห้อย่างสาหัสมาระยะหนึ่งศศิชาได้แต่เตือนตนเองให้ตั้งสติและนำความคิดกลับมายังปัจจุบันเพื่อลืมเรื่องราวทุกอย่างในอดีตเธอนำหลังมือเช็ดความเปียกชื้นตรงขอบตา พร้อมสาวเท้ารวดเร็วเพื่อเดินให้ถึงห้องส่วนตัวเสียทีเหนื่อยล้าเหลือเกินสำหรับวันนี้


แสงไฟภายในคฤหาสน์ยังคงเปิดสว่างราวกับมีใครรอคอยการกลับมาอย่างนั้นศศิชาหายใจเข้าลึกเพื่อปัดความคิดหลากหลายให้พ้นจากสมองมึนเบลอระหว่างเดินผ่านประตูทางเข้าจนถึงโถงห้องรับแขกและความแปลกใจก็มาเยือน เมื่อคนในครอบครัวยังคงนั่งอยู่ตรงชุดโซฟาหรูหราไม่หลับไม่นอนอย่างที่ควรเป็นเธอจึงเดินเข้าหาทุกคนเพื่อสำรวจและทักทาย


เมื่อทิพปภาหันเห็นหลานสาวที่รอคอยอารมณ์เดือดดาลก็จุดติดทันที ญาติผู้ใหญ่ลุกจากโซฟาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินมาหยุดตรงหน้าศศิชาพร้อมเหวี่ยงแขนตบที่ใบหน้านวลเนียนอย่างจังจนสะบัด พวงแก้มขาวขึ้นรอยแดงเต็มฝ่ามือคนถูกทำร้ายเกิดอาการชาและมึนงงอย่างมากระหว่างหันกลับมามองญาติผู้ใหญ่โดยไม่เข้าใจต่ออารมณ์โกรธนั้น


“ไม่นึกเลยจะทำตัวเหลวไหลอย่างนี้!รู้บ้างหรือเปล่าว่าการกระทำของเธอทำให้คุณยายต้องล้มป่วย!”น้ำเสียงเกรี้ยวกราดแสดงความโกรธจัดจนหลานสาวอื้ออึง ศศิชานึกถึงคุณยายทันทีอย่างห่วงกังวลเมื่อเธอเหลวไหลนึกถึงแต่ความรู้สึกของตนเอง โดยหายออกจากงานเลี้ยงไม่ทันคิดถึงผู้มีพระคุณและมันคือความผิดมหันต์ที่ไม่สมควรให้อภัย


“คุณแม่ครับ!”วศินเข้าห้ามปรามมารดาเมื่อเห็นแววไม่สู้ดี โดยทินกฤตรีบรุดมาดึงหลานสาวให้ไปหลบอยู่ด้านหลังของเขาราวกับปกป้องเธอ


“นี่คุณทำอะไรของคุณ!”ทินกฤตส่งเสียงถามไถ่ภรรยาด้วยท่าทางไม่พอใจอย่างหนัก พร้อมหันหาบุตรชายให้นำพาน้องสาวคนละสายเลือดหลบหลีกจากกระแสความโกรธกรุ่นในตอนนี้“ทำไมต้องลงไม้ลงมือกับแกอย่างนั้น พูดกันดีๆ คงรู้เรื่อง”


“จะให้พูดดีอย่างไรคะ!ขนาดงานเลี้ยงของตัวเองแท้ๆ ยังปล่อยปละละเลย ไหนจะทำให้คนอื่นต้องห่วงกังวล คุณไม่เห็นหรือทำเป็นปิดหูปิดตากันแน่คะให้ท้ายกันจนเสียคน สักวันเถอะจะกลายเป็นท้องป่องไม่มีใครรับผิดชอบ หรือคุณไม่สนใจเลยหรือคะที่หลานสาวหายออกจากงานพร้อมกับผู้ชายที่เป็นข่าวด้วยกันนี่คุณแม่คงล้มป่วยเพราะหลานสาวทำงามหน้าจนถูกครหานินทา” ทิพปภาแผดเสียงดังลั่นโถงห้องรับแขกคล้ายต้องการให้เจ้าตัวรับรู้เรื่องราวที่อยากต่อว่าตักเตือน


ศศิชาหยุดฝีเท้ายืนกับที่พร้อมควบคุมความรู้สึกที่เริ่มปะทุขึ้นมาในเมื่อทุกอย่างไม่เป็นความจริงอย่างที่ถูกกล่าวหาสักนิด จริงอยู่ที่เธอทำตัวเหลวไหลหลบออกจากงานเลี้ยงฉลองโดยไม่บอกกล่าวให้ใครรับรู้ และหากไม่เกิดเรื่องพิสดารขึ้นเสียก่อนเธอคงกลับเข้าในงานอีกครั้งหลังจากปลดปล่อยอารมณ์อึดอัดหมดสิ้น และคงไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ตามมา


วศินรั้งน้องสาวไว้เมื่อเห็นเธอทำท่าจะเดินเข้าไปอธิบายทุกสิ่งกับมารดาของตนเขามองเธอพร้อมส่ายศีรษะห้ามปรามคล้ายเตือนให้ใช้สติก่อนผลีผลาม น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือควรรอให้แต่ละฝ่ายเย็นลงก่อนจึงค่อยปรับความเข้าใจ ในเมื่อเขารู้จักนิสัยของมารดาเป็นอย่างดี


ศศิชาดึงมือของตนออกจากการจับกุมจนเป็นอิสระด้วยท่าทางนิ่งเฉยเธอยอมเป็นฝ่ายหลบเลี่ยงการปะทะคารมและก้าวขึ้นบันไดคฤหาสน์เพื่อเดินไปยังห้องนอนของคุณศจีปล่อยให้วศินมองตามเธอจนพ้นสายตา


‘ป่านนี้คุณยายจะเป็นอย่างไรบ้าง’ความรู้สึกผิดถาโถมเมื่อเธอคือตัวการที่ทำให้ญาติผู้ใหญ่ต้องล้มป่วยตามที่ได้รับรู้มาประตูห้อนนอนถูกเคาะเบาๆ ก่อนเปิดเข้าด้านใน


ภายในห้องนอนกว้างมีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟตั้งโต๊ะที่เปิดให้ความสว่าง ศศิชาสาวเท้าเดินอย่างเงียบเชียบไปยืนอยู่ข้างคุณยายของเธอพร้อมมองท่านอย่างสำนึกผิดโดยกล่าวคำขอโทษซ้ำๆ ในใจ หากการยอมรับผิดของเธอส่งผ่านให้คุณศจีรับรู้ในตอนนี้คงดีไม่น้อย


=====


ประตูห้องภายในคอนโดหรูถูกเคาะระรัวเพื่อส่งสัญญาณให้บุคคลด้านในรับรู้ถึงการมาเยือนตามความร้อนรนของหญิงสาววรดายืนอิงประตูชั่วครู่ก่อนมันจะเปิดออกจนร่างเพรียวของหล่อนเซไปอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มที่เปิดประตูห้องและรับได้ทันท่วงที


“ทำไมถึงเมาแบบนี้?”กลิ่นเหล้าคละคลุ้งทำให้เจ้าของสถานที่แปลกใจต่ออาการเมามายจนแทบประคองตัวเองไม่อยู่


“วีเครียด...ทำไมเธอถึงหนีวีออกจากงานแบบนั้น”วรดาดึงตนเองออกจากอ้อมแขนที่โอบประคองหล่อนไว้พร้อมยกมือทุบอกของเขาเมื่ออยากลงโทษให้สาสมกับความวิตกกังวล


ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในงานสังสรรค์เมื่อคืนนี้หลังจากศศิชาหายตัวจากงานรื่นเริงพร้อมกับดาราชื่อดัง เรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้นกับหล่อนเมื่อดอกไม้ที่สั่งซื้อเพื่อกลั่นแกล้งญาติสนิทกลายเป็นสิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัว


ทว่าทุกอย่างที่วรดาทำไปเพียงอยากพิสูจน์ถึงความรู้สึกแท้จริงของศศิชาที่มีต่อฟาโรแต่เมื่อความอ่อนโยนของชายหนุ่มกลับไม่เหมือนเดิม ความเย็นชาที่ได้รับทำให้หล่อนรู้สึกอยากขจัดปัญหาคาใจในสิ่งที่เกิดขึ้นและเมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดวรดาจึงหาเครื่องดื่มย้อมใจก่อนเดินทางมายังคอนโดแห่งนี้เพื่อหาต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด


“มีอะไรทำให้เครียดจนดื่มเหล้าเมามายขนาดนี้”ฟาโรประคองหญิงสาวเข้าด้านในพร้อมปิดประตูห้องและพาหล่อนเดินมานั่งตรงโซฟารับแขกวรดายื่นโทรศัพท์เครื่องกะทัดรัดในมือให้เขาถือไว้อย่างงุนงง ไม่เข้าใจต่อสิ่งที่หล่อนอยากบอกให้รับรู้


โทรศัพท์มือถือถูกกดเปิดพร้อมรูปภาพปรากฏตรงหน้าจอหญิงสาวซึ่งคุ้นตาในชุดราตรีขาวเดินควงแขนชายหนุ่มที่รู้จักเป็นอย่างดีเมื่อบุคคลในภาพนั้นคือ...เขาเอง!!


“ไม่เห็นบอกวีสักคำว่าเธอจะไปงานฉลองวันเกิดของเลดี้”ฟาโรจ้องมองหญิงสาวเบื้องหน้านิ่งๆ พร้อมเก็บอาการแปลกใจอย่างหนักไม่ให้แสดงออกมา


ความฝันซึ่งเสมือนจริงราวกับเขาเข้าไปเดินอยู่ในงานเลี้ยงใหญ่โตภายในโรงแรมหรูหราพร้อมกับหญิงสาวซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาเองนักข่าวและช่างภาพมากมายในความฝันนั้น ตามถ่ายรูปและถามไถ่เกี่ยวกับการปรากฏตัวของเขาในงานเลี้ยงรวมถึงคำถามระหว่างความสัมพันธ์ของเขากับทายาทเศรษฐีร้อยล้าน


‘ครับ...ผมชอบเธอ’ คำพูดของเขาในความฝันยังย้อนให้นึกถึงระหว่างเปิดรูปภาพในโทรศัพท์มือถือที่วรดาถ่ายเก็บไว้ฟาโรสับสนต่อสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก และอย่างแรกที่คิดได้คือคำพูดของอาร์ต ‘เลดี้มีพลังบางอย่างที่มนุษย์ธรรมดาไม่มี’


“ที่มาหาฉันตั้งแต่เช้าแบบนี้เพราะเรื่องปัญญาอ่อนแค่นี้เหรอวี” ฟาโรยอมจำนนต่อหลักฐานที่มีเขาอยู่ในภาพเหล่านั้นโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่เพียงแค่นอนหลับฝัน ทุกอย่างกลับเป็นเรื่องจริงอย่างที่เขาก็ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร


“วีแค่อยากรู้...ที่เธอบอกชอบเลดี้เป็นความจริงหรือเปล่า ถึงประกาศออกสื่ออย่างนั้น แล้วทำไมต้องทำเย็นชาใส่วีด้วยล่ะหรือเดี๋ยวนี้มีผู้หญิงอื่นให้แคร์มากกว่าวีแล้วใช่ไหม”น้ำเสียงตัดพ้อกล่าวทั้งที่หลับตาพร้อมเอนศีรษะพิงไปบนพนักโซฟาและยกมือบีบขมับของตนไล่ความปวดปร่าเบาๆ


ฟาโรนิ่งคิดถึงภาพฝันที่อาจกลายเป็นจริงตามที่วรดาบอกกล่าว“แค่สร้างภาพ...วีก็รู้นิสัยของฉันดีไม่ใช่หรือไงว่าเก่งในเรื่องเล่นละครตบตานักข่าวแค่ไหน”


“เธอไม่สนใจเลดี้จริงๆเหรอฟาโร ทั้งที่เมื่อก่อนเคยบอกวีว่าจะแต่งงานกันนี่”เรื่องราวในอดีตย้อนกลับมาให้นึกถึงอีกครั้ง


ในสมัยมัธยมต้นฟาโรและวรดาเป็นเพื่อนเรียนที่สนิทกันมากโดยฟาโรแวะเวียนมาติวหนังสือที่คฤหาสน์บ่อยครั้งจนรู้จักกับครอบครัวของหล่อนแม้จะไม่สนิทมากนักด้วยอารมณ์นึกสนุกวัยเด็กที่เห็นลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนครั้งแรกเกิดถูกใจจึงเอ่ยปากกับวรดาหากโตขึ้นจะขอศศิชาแต่งงานโดยที่หญิงสาวคนนั้นไม่เคยรับรู้ต่อเรื่องราวระหว่างใดๆ และไม่เคยจดจำฟาโรได้เลย


“ก็แค่เรื่องไร้สาระวัยเด็กเธอก็รู้ว่าฉันไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหน รวมถึงญาติของเธอด้วย”


“ทำไมล่ะเลดี้ออกจะคลั่งไคล้เธอขนาดนั้น แถมเมื่อคืนยังดูสดชื่นที่มีเธอเดินควงอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิด”ฟาโรคิดตามคำพูดชอบเพื่อนทุกคำอย่างไตร่ตรอง “เออ...วีอยากถามอีกข้อ ช่อดอกไม้ที่เป็นข่าวเมื่อวานนี้เธอซื้อให้สาวที่ไหน?”


ฟาโรนิ่งเงียบต่อความรู้สึกที่เขาเองยังไม่ทราบว่านึกคิดสิ่งใดในตอนนั้นเพียงแค่อารมณ์อยากซื้อดอกไม้และนำมาให้ผู้จัดการสาวเท่านั้น เขาทำตามในสิ่งที่ความคิดสั่งการไม่ได้มีความรู้สึกใดมากกว่านั้น


“อย่ามัวแต่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่เลยว่าแต่วีกลับมาเมืองไทยครั้งนี้จะอยู่นานแค่ไหน แล้วเด็กคนนั้น...จะทำไงต่อไป” เพียงฟาโรเอ่ยถึง‘เด็กคนนั้น’ วรดาก็เกือบสร่างเมาในทันทีหญิงสาวยกศีรษะขึ้นจากพนักโซฟาและมองหน้าดาราหนุ่มพร้อมแย้มยิ้มเยือกเย็น


“ก็แค่เด็กที่พ่อไม่ต้องการจะทำไงได้ล่ะ ในเมื่อเขาเกิดมาเป็นตัวถ่วงความเจริญและอาจทำลายความโด่งดังจนเปิดเผยให้ใครรับรู้ไม่ได้”


To be continued...




Create Date : 03 เมษายน 2557
Last Update : 3 เมษายน 2557 15:11:27 น.
Counter : 577 Pageviews.

6 comments
  
ชื่อเซเลเน่คล้ายเซเลอมูนเลย5555555
ชอบซันเซทททมทท ส่วนฟาโรแอบชอบเค้ามาแต่เด็กละหรอออ555555
ไม่ชอบวีเลยยย เพิ่มปมมีลูกมาอีก คัยเปนพ่ออ

รอตอนต่อไป เปนกำลังใจให้ค่าาา
โดย: นู๋บิว IP: 124.121.80.230 วันที่: 3 เมษายน 2557 เวลา:20:10:19 น.
  
มาให้กำลังใจคุณมาโซ 2 ที่เลยค่า ว่าแต่ ฟาโรกับเลดี้ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วหรอเนี่ย
โดย: crystal IP: 180.180.232.185 วันที่: 4 เมษายน 2557 เวลา:12:00:49 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจไปให้คุณมาโซคิสครับ
โดย: **mp5** วันที่: 5 เมษายน 2557 เวลา:10:34:05 น.
  
ขอบคุณทุกท่านมากนะคะ
โดย: มาโซคิส IP: 171.97.194.8 วันที่: 5 เมษายน 2557 เวลา:20:09:11 น.
  
ชอบค่ะ เนื้อเรื่องน่าติดตามมาก อ่านสนุก ลุ้นอยากให้ซันเซ็ทเป็นพระเอก
โดย: mint IP: 58.136.222.67 วันที่: 17 เมษายน 2557 เวลา:11:29:27 น.
  
ขอบคุณนะคะ ลุ้นกันต่อ อิอิ
โดย: มาโซคิส IP: 49.230.122.173 วันที่: 18 เมษายน 2557 เวลา:7:37:46 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments