All Blog
j43 จึงจือหยาง


Smileyjjy5009 จึงจือหยาง

jjy5009จึงจือหยาง

ผมกำลังฟังดีไมนอร์ เพลงของพาเชลเบล
ขณะพิมพ์สิ่งนี้ลงในสมุดแห้ง

ผมมาเปิดดูว่ามีคนติดตามผมหรือไม่
พบว่ามันเพิ่มขึ้นมาเป็น5518รายการ
จริงหรือเท็จหรือผิดพลาด
ผมเชื่อว่ามีคนติดตามผม

ความรู้คู่คุณธรรมที่เรียนมาสะกิดใจผมทันที
เราต้องไม่ทำให้เพื่อนผิดหวัง
ต้องพยามยามสื่อต่อไป
แม้แรงมันกำลังจะหมด
ใช่ผมนอนรอความตายบนเตียงนอน6คูณเมตรของผมซึ่งมาจากแม่
ผมไม่รับบริจาคความตายท่ผมรอคอยนั้นเป็นนามธรรม
ที่ถูกสร้างมันขึ้นมา
ผมจึงไม่หวังการช่วยเหลือ

ถ้าเป็นรูปธรรมล่ะผมจะขอรับความช่วยเหลือมั้ย
คำตอบนี้ต้องถามพ่อที่ผมนับถือ
ที่มีอาชีพขับรถไฟหัวรถจักรในอังกฤษ
ที่ไม่พบกันมาแล้ว40ปี
เคยให้คำตอบนี้กับผมครั้งหนึ่งในชีวิต

มันน่าเศร้ามั้ยเมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้
ไม่เลยทุกคนมีปัญหาคล้ายคลึงกัน
แต่โอกาศจะเปิดให้พูดหรือไม่
นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
มันต้องมีเวที
คำตอบคือใช่่

มีคำถามว่าผมคงฆ่าตัวตายแน่
เมื่อทุกอย่างหมดไปและไม่มีทางออก
ผมเคยเรียนจิตวิทยามา
ผมไม่ทำในสิ่งนี้
ผมจะไม่เป็นเหมือนดั่งภาพวาดของศิลปินท่านหนึ่ง
ที่ผมเคยซื้อที่ในเมืองออกร์ฟอร์ด
เยื้องหน้าโบสถ์แองลิกันที่ผมเคยแบบติสต์
กับท่านพีเตอร์เด็กเก่าศาสนาวิทยาแห่งมหาลัยเคมบริดส์
ภาพนั้นคือภาพที่ชาวอังกฤษทุกคนรู้จักคือภาพวาด
ความตายของเชตเตอร์ตัน
The dead of the lord Cheterton
ไม่ผมไม่เป็นดั่งภาพนั้น เพราะชีวิตผมมีปริญญาจากมหาลัยปิดถึงสองใบ
ผมหนักแน่นพอ
ที่จะไม่ทำอะไรโง่ๆ เมื่อถึงทางตัน
ที่ไม่มีใครช่วยได้นอกจากตัวเองเท่านั้น

สรุปผมต้องว่ามันต่อไปเมื่อพบว่ามีผู้ติดตามผม
ซึ่งที่จริงมันควรจะมีสักล้านคนตามที่บล็อกมีผู้ติดตาม
แต่ว่าเพียงคนเดียวที่มาติดตามผม
ผมก็พอใจ
ผมเรียนวิชานักเขียนที่รร.วิชาหนังสือพิมพ์กับท่านทินเลอร์(ปกปิด)
จากรชั้นเยี่ยมของลอนดอนทางไปรษณีย์
และผมมาจบมันเมื่อได้มาอยู่ที่ปารีส
พำนักที่ฝรั่งเศส
ในช่วงเทศกาลเดินทาง

มือผมนั้นหมดแรงที่จะเขียนอะไอีกแล้วในวัยนี้
โอกาศที่ผมได้รับมันช้าเกิน
แต่ว่าถ้าป้ายสีนั้นผมคิดว่า
ทำได้คือวาดภาพเพราะผมก็เรียนมาช่วยชีวิตพลัดพรากแต่ผมทนดม
นำมันลินซีดคุณภาพดีหลายขวดเหล่านั้นอีกไม่ไหว
จบกันและยุติเพียงเท่านี้
ไม่ล่ะฮะ
ผมจะยืนยัน
ว่าจะพยายามอะไรก็ได้
เมื่อยังหายใจอยู่


ใช่คำถามมีว่า
นิ้วมือผมต้องใช้ดีดเปียโนบนงานชีวิต
ที่ผมต้องรับผิดชอบดูแล
มือเปื้อนโคลนดีดเปียโนด้วยมือเปื้อนโคลน
หรือบ้าหรือเปล่า
คำตอบไม่ได้บ้า
แต่สถานการณ์ทุกขณะจิตคิดมันเป็น
สถานการณ์สุดท้าย
ที่ผมพึงและทำมัน

เพราะงูไม่กัดผมให้ตายเสียเพราะยุงไม่เอาเชื้อมาเเรีย
ขนาดมหัศจรรย์มาแต้มลงไปในเส้นเลือดผม
ตอนนี้ที่ผมแพ้มันทั้งสองอย่าง

คงจะเป็นว่าเทพสัตว์สองชนิดนี้ มันต้องการให้ผมหายใจต่อไปเพื่ออะไรทั้งหมดที่ผมจะต้องทำ
ชดเฃยความคั่งค้างที่มีอยู่
เป็นแน่



ผมจึงสื่อมันต่อไป
ถามว่าแล้วเรื่องทั้งหมดมาสัมพันธ์กันอย่างไรกับการค้นญาติ
ผมบอกว่าไม่สัมพันธ์กันเป็นคำตอบ
แต่ถ้าว่า
กาแฟสักหนึ่งถ้วยร้อนหรือชาดีหนึ่งถ้วยร้อนก่อนเริ่มทำงานชิ้นต่อไปที่ค้างคามาหลังตื่นนอนสักจิบ
มันจะทำให้ทำงานได้
นี่ก็เช่นกัน
ที่ผมออยากบอก

ว่าสืบค้นญาติก่อนจะเริ่มทุกครั้งมันต้องมากับเรื่องเสริมเกินเป็นกองหนุนมาก่อนเสมอ
ถ้ามิฉะนั้นงานผมไม่เดิน
ผมคิดเรื่องการแก้ปัญามีสองวิธีกรรมคือ
แก้ที่ต้นเหตุและแก้ที่ปลายเหตุ
เรื่องสืบค้นญาติของผมแก้ที่ต้นเหตุมิใช่แก้ปลายเหตุ

ใช่ว่าผมอยากเขียนหนังสือให้คนอ่านเพื่อได้เงินม่ซ่อมอานองเตก็หาไม่
ถ้าเรามีแผนอย่างนั้นเขียนเรื่อง
การเที่ยวไปกลางสายฝนระหว่างไทยและกว้างตุ้งไฮหลำจีน
จะน่าอ่านกว่า
บอกอใหญ่หนังสือหนึ่งที่กรุงเทพฯ
เคยแนะนำผม

แต่เรื่องจึงจือหยาง
jjy
มันไม่ใช่อย่างงั้น
ผมว่า
และผมคิด

หาใช่ว่าอยากร่ายยาวให้
พิมพ์ออกเป็นหนังสือเพื่อออกสู่สายตาผู้อ่านสนใจติดตามก็หาไม่
นี่มิใช่แผน

ภาพบอกเหตุแล้วว่า
กิยองตินเผ่าติดตามผมตลอดเวลา
ผมรู้เรื่องนี้ดีเมื่อผมคิกมากไปเอง
แล้วผมจะหนีความหายนะไปไหนรอด

ผมต้องยอมรับผมแพ้ธรรมชาติ และเผ่ากิยอง
ผมจะไม่สู้กับธรรมชาติและเผ่ากิยองติน
ผมจะไม่สู้กับความตาย
ความรักและโชค
ผมจะยอมมัน
เว้นแต่ความชั่วเท่านั้นผมจะหลีกทางให้มัน

ผมจะไม่ขัดรถชิดซ้ายเมื่อท่านบอกว่าที่นี่ชิดขวา
ผมจะไม่ขัดรถชิดขวาเมื่อที่นี่เขาบอกว่าชิดซ้าย
ผมฝืนสามารถฝืนคำสั่งโหดของเผ่ากิยองตินในคำสั่งที่สิงสู่ชนิดนี้ได้
เพราะผมเป็นมนุษย์ที่กล้าพูดได้ว่าถูกฝึกมาให้
ทำคุณธรรมที่ดีเท่านั้น
เป็นแม่นมั่นและสอบผ่าน
จากปริญญาสองใบเป็นหลักฐาน

เพราะฉนั้นผมจึงสมมุติสิ่งที่ผมต้านทานไม่หวและไม่อยากต้านทานว่าเทพ
เช่นเทพพ่อเทพแม่ในเรื่องกตัญญู
เทพหนูผีเพราะผมรำคาญมันไม่ไหว
เทพกิยองตินที่ว่าผมไม่มีเวลาจะไปต่อสู้กับมัน
เทพแห่งโชคชะตาที่ผมไปเลือกเกิดเลือกรับมันไม่ได้
เทพแห่งความตายเพราะความตายผมไม่สามารถหนีมันไปได้
ให้ยศเขาเหล่านั้นว่าเทพ
ข้าฯขอคารวะในความแพ้และความชนะของเทพเหล่านี้
โดยดุษฎียภาพ
ว่าอย่างงั้น
เชียวเลยหละ

อนึ่งการติดตามผมในสิ่งที่ผมสื่อตามบล็อกหรือื่นใดนั้น
ต้องเป็นคนมืออาชีพเนตจริงๆ
จึงตามผมทัน
มิใช่ผมพยายามหนีมิให้ใครติดตาม
แต่เพราะผมโง่และไม่เป็นเนตในระดับอาชีพ
ทำไมรึ
เท่าที่ผมเรียนมา
การสืบค้นข้อมูลมีเทคนิคหลายอย่าง
เท่าที่ผททราบ
เช่นมีโปรแกรม
มีภาษาคอมและเนต
เพียงกดง่ายๆจะพบค่าที่ต้องการสืบค้นทันทีโดยมือาชีพ
แต่คนไม่เป็ฯหากันตายก็ยังหาไม่เจอ
เพราะเนตมันกว้างไกลและยาวมากที่เราจะตามพบ
นอกจากสื่ออาชีพเป็นฝีมือ

ดูแล้วมันก็ง่ายในระบบเนตคอมมั้นคั้งต้นมาเพียงสองเครื่องหมายคือ
ตักอักษร หนึ่งและศูนย์ตามตัวเลขอาราบิค
ก่อนที่มันจะสื่อเป็นตัวหนังสือเป็นภาพให้เราเห็ฯทันทีได้้
เมื่อปลยนิ้วสัมผัสของคนอยาก
ตั้งใจทำมันลงไป

แต่ว่าผมรู้แด่นี้มากกว่านี้ไม่รู้
ก็เท่านี้แหละความเป็นคนของคนๆหนึ่งบนผิวโลกที่กว้างใหญ่


วินาทีต่อไป
ผมจะบันทึกความทรงจำไว้ว่าดังนี้ อิติคือว่า
เรื่องยายตอนเป็นไข้ที่บ้านขุนนาง
เรื่องการเขียนเมื่อเป็นนักเขียนเรื่องเขียนตอนที่ได้เป็นนักเขียน
เรื่องแม่ตอนหาบของไปขายทั่วไปตามหมู่บ้านตอไม่แต่งงาน
ใบประกาศที่ผมหายังไพบของแม
เรื่องการชดใช้ค่าเสียหายและเรื่องความผิดดพิสดารเชิงนิติปรัชญา


เพิ่มสิ่งที่ลืมที่ว่าในบทก่อนโดยหลักกรแม่บทของเรื่องและมาขยายความ
แบบวิวริยะ วิวรณะ และแบบสัญญีสัญญาแบบเทคนิคบาลีภาษาตะวันออกโบราณ

เรื่องที่ต้องสานต่อเพราะหลังจากหายใจได้อากาศท่วมปอด

ไก่ที่เลี้ยงหลายครั้งและความเป็นมาและความสูญหาย

ต้นไม้อะไรบ้างปลูกแล้วขึ้นแต่บางอย่างงตายที่จำได้

ต้นไม้ของแม่ที่ตายไป

เหลี่ยมข้างหลามตัดพบกับเหลี่ยมข้าวหลามตูดที่แข่งกัน
กันแพ้และแข่งกันชนะ

การฝึก ทอสอปอชอกอรอมอนอลอสอชอ บอ
และการติดอาวุธเดินยามมีคำสั่งใช้

การเป็นหัวหน้าเขต

เรื่องราวที่เขียนเรื่องที่จำได้แต่ไม่มีค่าเขียน
เรื่องบ้านทุ่งไร่ละหกล้านมีค่าเขียน

แมวและหมาตัวโปรด
บ้านที่สร้างหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ
เพื่อนอนคิดและวาดภาพชีวิตใหม่

การนับญาติและวิธีตามบล็อกนี้

ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนว่า
บางครั้งทำงานช้า แต่ว่าการช้าแล้วไม่เกิดข้อผิดพลาดและภายหลังท้วงติงได้
ปล่อยให้ช้าดีกว่า


การจะอ้างว่าไม่มีเวลาทำ อันนี้เมื่อความผิดเกิดขึ้นเพราะเหตุนี้มา
เป็นข้ออ้างย่อมที่จะฟังไม่ขึ้น

การเขียนต้องนำมาทวนแก้อักขระที่พิมพ์ผิดให้เรียบร้อย
เรื่องจับต้นชนปลายอาจจะสับสน อันนี้ในบล็อกเป็นเรื่องราวทบทวนความจำ
มิใช่ตำราเรียน
คงจะไม่มีปัญหาอะไร


แต่ทว่าหากมีข้อผิดหวังจากผู้ติดตามโดยกรณีใดก็ตาม
ขออภัยมาล่วงหน้าในบล็อกนี้ด้วย

ผมจำได้ว่าเมื่อตอนผมเรียนเป็นนักเขียนที่อังกฤษ ผมเขียนตามอารมณ์
ที่มันบรรเจิดขึ้นว่าไปเรื่อยจนกว่าไม่มีอะไรจะว่า
 ก็หยุดและนอนจนอารมณ์บังเจิดขึ้นอีกผมก็เขียนต่อไป
แต่การเขียนของผมเมื่อสมัยผมเรียน
ผมถือว่าทำตามหน้าที่ของคน
มิได้หวังว่า
มันจะผ่านหรือไม่ผ่านที่กองบอกอหรืออะไร


ที่จะนำประโยชน์มาให้ผมอันนี้คือเป้าหมายเบื้องต้นการเรียนเป็นนักเขียนของผม
ในอังกฤษและสอบผ่าน

ต่อมาอีก30ปี
ให้หลังและผมจำได้ว่า
งานเขียนที่ผ่านกองบอ ที่ได้รับค่าจ้างใหเขียนนั้น
ผมมีนิเวศน์ชนิดอยู่ในกระท่องหน้าบึงขนาดใหญ่อากาศดี
เป็นตัวของตัวเอง
เรียนหนังสือระดับมหาลัยเปิดไปด้วย
เรียนเลขที่ตึกตรีบุรัมย์หาลัยเปิด
แต่เป็นการฝึกรู้เลขในระดับต่างๆเท่านั้น
มิได้หวังสอบผ่าน


อย่างไรก็ตามจากการเรียนครั้งนี้ทำให้ผมฝึกสมองให้ได้
รู้ตื้นลึกหนาบางของสูตรเลขต่างๆทั้งหมดที่โลกคณิตศาสตร์มีอยู่

ผมเขียนเรื่องราวที่ได้ค่าจ้างผมคงใช้สูตรนี้ที่เรียนจบมา
ปรากฎว่า
ได้ค่าเขียนที่เริ่มต้นเป็นเงิน300บาทถ้วนเงินไทย
ส่งให้ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนพร้อมหนังสือฉบับยที่ลงพิมพ์ในนิตยสารแห่งชาติฉบับหนึ่ง
ชื่อว่า "ฟ้า"หรือฟ้าเมืองไทย
ของ อแาจินต์ ปัญจพรรค์


ผมตีะหนักดีว่า
เงิน300บาทนี้ไม่พอสำหรับเลี้ยงชีพเท่าไหร่นัก
สืบต่อมาการเขียนผมจึงทำเมื่อว่างและทำเก็บไว้
ในฐานะที่เรียนรู้มาทางด้านนี้
ไม่คิดทะเยอทะเยานมากกว่านี้
เพราะมีปัญหาเรื่องจุดคุ้มทุน


แต่กลับมาดูตำราที่เรียน


แต่ต่อมาสมัยยุคใกล้จะตายของผมนี้
ที่บ้านอานองเตนี้
ผมรู้สึกว่า
ระวังอย่างมากเรื่องพล็อตเรื่อง
วางแผนไว้อย่างดีล่วงหน้าว่าจะเริ่มอย่างไรลงอย่างไร
การปะติดปะต่อ
ความถูกต้องตามหลักภาษา
และความใจเย็นชนิดมั่นใจก่อนส่งขึ้นเผยแพร่
อย่างกรณีในบล็อกนี้เป็นต้น  เป็นอย่างมาก
แม่เป้าหมายมิใช่การเขียนเพื่อขาย


แต่เป็นการเขียนเพื่อสื่อ
ให้อีกฝ่ายคือฝ่ายรับว่า
จะทำอไะและอย่างไรเพื่ออะไรเท่านั้น
โดยมีหลักหนังสืออยู่บ้างว่า
ใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่และอย่างไรอยู่บ้าง
แต่ที่สำคัญไม่รู้บอกว่าไม่รู้จำไม่ได้รับว่าจำไม่ได้
ถ้ามีหลักวิชาถ้าไม่แม่นผมจะไม่นำมาอ้างหรืออ้างเพื่อการสืบค้นต่อไปผมจึงจะทำมัน

เพราะผมรู้ดีว่าเวลาของคนเขียบนและคนอ่านนั้นมีค่ากว่าสิ่งอื่นใด
การทำให้ตนเองและผู้อื่นเสียเวลานั้น
เป็นสิ่งไม่ค่อยจะถูกนัก


ผมตระหนักดีในวาระใกล้จะตายนี้




ต่อไปคำนิยามสักนิดเรื่องญาติ
และการสืบค้นญาติที่ไม่เกี่ยวกับคำว่าญาติเชิงลบของผม
 เพราะคำนี้กินความกว้าง


เพราะปัญหาการนับญาติเกิดขึ้นมาในเรื่องของตายายของผม
ตาของผมที่มีแซ่เคยใช้แซ่จากเอกสารใบ ปอ สี่ของแม่สมัยประชาบาลใช้แซ่สืบค้นญาติง่าย
แม้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด

แต่ฝ่ายยายเป็นคนไทยนับสืบค้นญาติยาก
เมื่อย้อนกลับไปยุคไทยยังไม่มีนามสกุลก่อยสมัยร.6
เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกันการสับสนุน
และมีปัญหาจึงนิยามมันขึ้นก่อนและตีความทีหลังตามหัวข้อที่นิยามไว้
จะสะดวกกว่ามาก
ผมคิดว่าอย่างนั้น

คำนิยามการนับญาติของผมในบล็อกนี้มีว่าดังนี้คือ
คำว่าญาติผมต้องให้คำนิยามมันหลายชนิดว่า


ข้อที่1
ญาติในลำดับที่หนึ่งคือญาติที่กฏหมายครอบครัวไทยกำหนดและสอดคล้องกันกับประเทศอื่น
รวมถึงญาติของผมในเชิงลบในบล็อกนี้ด้วย
ที่มีคติเป็นลบเพราะการห่างเหิน
และปัญหาครอบครัวแต่เกิดมา
แม้จะพเป็นญาติที่นับได้ในระดับที่หนึ่ง
 ผมเรียกในบล็อกนี้ว่าเป็นญาติเชิงลบ
เพราะขาดการติดต่อการพึ่งพิงพาอาศัยอะไรอีกแล้ว
รวมถึงแง่กฏหมายก็ตัดออกไป
อันสืบเนื่องมาจากนิติกรรมสัญญาผได้มอบหมายบุคคลอื่นมาจัดการ
หน้าที่และสิทธิผมที่มีอยู่หลบังการตายเป็นที่เรียบร้อย
ทางทะเบียน


คือไม่ติดใจติดตามพึ่งพาหรืออื่นใดที่จะเกิดมีทั้งสิ้น
 ปล่อยให้ชีวิตและนิติกรรมเป็นหน้าที่ของกฏหมาย

ข้อที่2
ญาติลำดับที่สอง
คือญาติที่กล่าวถึว่าแซ่เดียวกันนาสกุลเดียวกันจะโดยรู้จักกันหรือไม่ก็ตาม
แต่ถือว่าแซ่เดียวกกันนามสกุลเดียวกัน
ตามปรากฏทางทะเบียที่ได้มาโดยกฏหมายอย่างนี้อย่างหนึ่ง
เช่น
กรณีพ่อแซแต้ ตาแซ่บ่าง เป็นต้น
 โดย
เฉพาะแซ่แต้ซึ่งเป็นแซ่เดียวกับพระเจ้ตากสินที่ชาวจีนในไทยเรียกท่านว่า "แต้อ้วง"เป็นต้น
 อันนี้พ่อผมเป็นคนจีนในไทยคนหึ่งเป็นคนยืนยันและบอกผม
ว่าเป็นแซ่เดียวกับพระองค์ท่านแน่นอน


ส่วนผมเองไม่ทราบว่าเกี่ยวพันกันอย่างไร
หรือไม่
นอกจากมีสิทธิใช้แซ่และมีความเป็นแซ่เดียวกันจากพ่อเท่านั้น
ตามภาษาที่เรียกสำเนียงภาษาแต้จิ่ว
ส่วนจีนกลางเรียกตามสำเนียงภาษาว่า แซ่จึง
คือแซ่แต้ในสำเนียงภาษาแต้จิ่ว
ที่คนจีนใช้มากในเมืองไทยเท่านั้น
คือสิ่งที่ผมรู้และติดตามในเรื่องนี้

กรณีนี้นับเป็นนิยามที่สองโดยไม่จำเป็นต้องระบุตามทำเนีบยบเหมือนญาติในลำดับที่หนึ่ง
ผมขออนุญาตในข้อนี้นิยามอย่างนี้


ข้อที่3

ส่วนนิยามที่สามมีว่าญาติธรรมคือญาติที่ไปร่วมกิจกรรมกันไปงานวัดด้วยกันมา

ข้อที่4

นิยามที่สี่ของญาติคือสุดแท้แต่จะนับจากกันในระดับปู่  พี่น้อง   ปู่ทวด ที่ไม่ชัดแจ้ง
ยอมรับฟังได้
ในช่วงที่ผู้สูงอายุที่จำความได้อ้างอิงมา
ให้คนรุ่นหลังฟังแล้ว
เล่าสืบสืบกันมา โดยไม่มีมาตรวจดีเอ็นเอ

ข้อที่5

นิยามญาติชนิดนับถือกันอย่างมาก
เช่นบิดามารดาโดยนับถือกันจะโดยจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนก็ตาม

ข้อที่6

ญาติชนิดนับญาติกัน

ข้อที่7

ญาติชนิดต้องสืบสาว เพราะคลับคล้ายคลับคลากันจนเกือบจะลืมเลือนกัน
ว่าใครเป็นญาติกับใคร


ข้อที่8

และญาติชนิดที่ถูกลืมไปหมดแล้ว
เพราะเคยมีปัญหากันเรื่องมรดกเรื่องแม่น้อยแม่หลวงพ่อน้อพ่อหลวงกรณีของตาของผม


ข้อที่9

ญาติชนิดที่ประวัติศาสตร์กลืนไปหมดแล้ว
เช่นญาติของยายที่พลัดถิ่นในพม่าก่อนอพยพหรือเรียกว่าไทยอพยพ
มาไทยหลังจากที่ไทยสยามมิได้ปกครองมะริดแล้วเป็นต้น

ข้อที่10

ต่อไปเรื่องญาติของยายผัวของตาที่ปรากฏผมเห็นและทราบยืนยันได้ด้วยตนเอง
สมัยยายมีชีวิตอยู่ไม่ค่อยเล่อะไรให้ผมฟัง
จะรู้ก็พอดีได้ยินขณะเพื่อนยายเขาคุยกัน
แล้วผมก็จำมา


จะให้ผมถามยายว่าใครเป็นใครบ้าง
ผมไม่กล้าถาม

หน้าที่ของผมต่อยายเมื่ออยู่ด้วยกันคือคืออ่อนน้อมถ่อมตนต่ออย่างเดียว
ผมจำได้อย่างนั้เมื่อผมได้อยู่กัยบยาย
เชื่อฟังท่านอย่างเดียว
เมื่อท่านไหว้วานให้ทำอะไรก็ทำอย่าดื้อและขี้เกียจ
หรือหน้าไหว้หลังหลอก

และตรงนี้ผมนึกคิดอย่างนี้


ผมรู้สึกว่าเขียนๆไปพบว่าสมองผมสั่งให้มือทำแต่มือผมเหนื่อย
จนผมต้อยงหยุดเขียน
เพราะหมดแร

ต่อไปถ้าผมหมดแรงทุกอย่างถ้ายังเขียนอยู่อีก
จะต้องเหมือนท่านอาจารย์ผู้นี้แน่นอนคือ

ทำให้ผมเองคิดถึงท่าน

คือ ศาสตราจารย์ท่านหนึ่งรางวัลโนเบิลสาขาหนึ่งทางด้านวิทยาศาสตร์
โลก
ท่านสอนหนังสือได้ด้วยวิธีพิเศษ
มิใช่สอนปากเปล่าได้เหมือนอาจารย์ทั่วไปทำสอนคนแบบธรรมดาทั่วไปทำ
ที่มหาลัยเคมบริดส์ปัจจุบัน อังกฤษ

ผมเรียนรู้เรื่องนี้จากหาลัยไทยปิดสมัยหนึ่ง



ผมพบว่า
พบว่าคนจีนในไทยนั้นแสนดีและต้องขยันและดีมาก มิฉะนั้นเขาจะถูกส่งกลับเมืองจีนก่อนแน่นอน
ที่จะมาตั้งตัวเพราะกฏหมายสากลบังคับอยู่แล้วเรื่องนี้
หมายความว่า
ถ้าคนจีนเข้ามาเมืองไทยแล้วทำตัวไม่ดี
เช่นพ่อผมทำตัวดีมีเมียเดียวแม้จะแยกกันอยู่ขยันทำมาหากินไม่้ยุงเรื่องผิดกฏหมาย
ถือศีลกินเจ เป็นต้น ผมเชื่อว่าอย่งนั้น

ผลที่คนจีนในไทยขยันจนตั้งตัวได้แทบทุกคนรวยบ้างจนบ้าง
จนกลายเป็นคนไทยอยู่มากมายในสังคมไทย
จนชั่วลูกชั่วหลานเป็นคนไทยไปแล้ว
เกือบเก้าสิบเก้าจุดเก้สเปอร์เซนต์
จาก400ปีถึงปัจจุบัน
ถ้าจะนับ


จนผมถามไถ่บางคนที่ผมเข้าใจผิดว่าเป็นคนไทยเห็นพูดไทยชัด
กลับกลายเป็นเชื้อไทยจีนบ้าง ไทยมอญบ้าง ไทยแขกบ้างเป็นต้น
ที่บ้านอานองเต
มีคนเชื้อสายจีนเป็นไทยสมบูรณ์ไปแล้วมากมาย
เมื่อนับบย้อนหลังกลับไปมีมอญบ้าง
ไทยดำบ้างไทยอื่นบ้าง


ที่ไทยแท้เริ่มมีน้อยลง
คงจะจริงที่ว่า
เพราะเท่าที่สังเกตุครัวจีนเชื้อจีนจะมีลูกมากและอายุยืน
ส่วนคนไทยมีลูกน้อยที่มีมาก    และอายุสั้น
ดูจะเป็นอย่างนี้


เช่น
ครัวของแม่ผมจีนผสมไทยที่เรียกว่าไทยบ๋าบานั้นมี
มี6คนตายไป2คนชาย และผมก็เป็นลูกคนเดียวเป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตามความเป็นคนไทยคงแข็งแรงขึ้น
ดีขึ้นแม้มีหลายผ่าพันธ์มาผสมผสานกัน
เอกภาพและความสัทพันธภาพผสมกลมกลืนกัน
จนไม่สามารรู้และสามารถนับได้ว่าใครเป็นใครไปเสียแล้ว
จนในที่สุดมีบัตรประชาชนเป็นสำคัญ


และเหลือคือความเป็นไทยในที่สุดชาติเดียวกัน


และยุคดีเอ็นเอใหม่
นี้แสดงว่าวิทยาศาตร์เจริญขึ้น
คนไทยก็จะเป็นวิทยาศาตร์ไปกับโลกยิ่งขึ้น
และฝรั่งมาอยู่ในเมืองไทยมากขึ้น
และคนไทยก็ไปอยู่ตะวันตกมากขึ้น


ต่อไปไม่มีผิวขาวผิวเหลืองผิวดำแน่นอน
คำว่าเชื้อชาติคือมนุษย์สัญชาติคือมนุษย์เผ่าพันธ์คือมนุษย์มิใช่ลิง
แน่นอน


อันนี้ผมคิดเองเอา
ต่อไปเชื่อว่า
มนุษศยน์ในโลกนี้ผิวเดียวกันหมด
เพราะกินอาหารเหมือนกันการเป็นอยู่เหมือนกัน
ก้าวหน้าเหมือนกัน


ผมเชื่อว่าต้องเหมือนกันหมดแน่นอน
ใน
โลกยุคดีเอ็นเอใหม่ของมนุษย์ปัจจุบัน

อันนี้เป็นความเชื่อของผมโดยปราศจาก
หลักเกณฑ์การพิสูจน์ความเชื่อ
ว่ามีค่าความเป็นไปได้สูงหรือไม่อย่างไร


จากนิยามคำว่าอาหารผมว่ามันคือยา
เพราะผมรู้สึกตัว่าเมื่อผมตื่นขึ้น ผมตื่นมาด้วยยา
ผมจะหลับนอนผมก็นอนด้วยยา
แม้จะมีสมาธิก่อนหลับ
แต่การมีสมาธิผมได้เรียนมา เพราะฉะนั้นสมาธิก็คือยาที่ผมใช้มันเพื่อบังคับการ

แต่เมื่อผมตื่นขึ้น เพราะพอดีเนื้อไปโดนกับมุ้งตอนผมดิ้นและปวดตื่นขึ้น เพราะยุง
ยุงตัวนี้มิใช่ยา
มันเป็นศัตรู
มันรอาจจะมาจากเผ่ากิยองตินที่ผมนิยามมันก็ได้


ผมพยายามพูดว่าผมเป็นมนุษย์มิใช่นก
แทนคำว่าผมเป็นมนุษย์มิใช่สัตว์ดิรฉานที่ผมเคารพคำนี้มากเพราะจริงตามสูตร
หรือว่ามนุษย์มิใช่สัตว์
คำนี้ผมคิดว่าใช้ได้ดีเมื่อตอบคำถามตามสูตร
และกล่าวต่อไปแล้วต่อไปอะไรนอกสูตรหรือป่าว
คำตอบคือไม่
อันนี้เป็นเพียงเจตนาใหฟ้งง่าย
เข้าใจดีอย่างมนุษย-อรรถรส
เชิงอรรถาธิบายและขยายความตามเหล่ามนุษย์นั้น
เพียงใดผมเทียบเคียงให้เพียง
นั้นด้วยประการฉะนี้



แต่สำหรับผมแรงไปสำหรับคนแก่
และในโลกวัตถุ
มิใช่นอกรีดอื่นใด
แต่มาจากเสรีภาพในความคิด
ที่ฝันและโรมานติค
เป็นทางออก
ผมเป็นคนมีศาสนามิใช่ไม่ีศาสนา
ผมจึงนิยามเสียใหม่ว่าผมเป็นมนุษย์มิใช่นก
ตามประสาที่ผมจะนิยามมัน
สรุปแล้วไม่ให้ขัดกับความรู้สึกในคำ


เอาละเมื่อผมว่าผมเป็นมนุษย์มิใช่นกตามคำนิยาม

อันที่จริงนกผมถือว่เป็นสัตว์สันติภาพ
เพราะผมเชื่อว่าโลกมนุษย์ไม่มีสงคราม
มีแต่สันติภาพ
รายละเอียดผมกล่าวมันไว้แล้วในบทก่อนๆ
โลกนี้มีแต่ความยุติธรรม
มิใช่ว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม

ไม่มีอิทธิพลมืดในโลกนี้เพราะความอ่อนน้อมถ่อมตน
รายละเอียดผมได้กล่าวไว้แล้วในตอนบทก่อนๆ

ขอเพิ่มตรงนี้อีกสักนิดว่า
มนุษย์อาจจะมีสงครามความอยุถติธรรมและมีอิทธิพล
ก็เป็นเพียงเป็นเหมือนอย่างที่นกเป็น
เพราะนกมีความไพเราะตลอดเวลา
จะทะเลาะกันก็ไพเราะ
จะกัดกันก็เพราะ
จะเสพพันธุ์กันก็เพราะ
จะข่มเห็งรังแกกันก็เพราะ
นกเป็ฯดังนั้น
นกจึงเป็นเครื่องหมายสันติภาพจริง ๆ
อาจตจะมีนกบางชนิดที่นิยามว่ามันคือเทพีแห่
งสันติภาพ

แต่สำหรับผนิยามนกทั้งหมดเป็นเครื่องหมายแห่งสวันติภาพ

และอยากเอ็นดูนกเลี้ยงนกไว้ตามป่าธรรชาติ
และนำมาสู่การห้ามใครคนมาดักกยิงนกไปจากในสวนของอานองเต
เพราะเป็นเขตให้อภัย
อุธรฃณ์จากเหตุการณ์ของเมื่อเช้าวานตอนหกโมง
จากคุณธรรมฝ่ายเลวของเผ่ากิยองติน
ที่ผมเชื่อว่าเขามารังแกนกในส่วนสิทธิส่วนบุคคลของผม
โดยพลการและมิชอบ
ซึ่งมีโทษแน่นอน
แต่ตอนนี้ผมบันทึกไว้ในทรงจำ
จนกว่าผู้ที่มีหน้าจะเอาโทษจะเดินทางมาถึง


คาดว่าผมต้องส่งเข้าบล็อกก่อนที่งานยังไม่ทันสิ้นกระแสความตามที่คาดไว้
หรืออาจจะ
ผมอาจจะตายเสียก่อนประโยคต่อไปจะมาถึง
หรือเผ่ากิยองตินอาจจไม่เห็นด้วยกับความเจริญแบบนี้ของ
มนุษย์อย่างของผม


แอบบินมาโฉบเอาเครื่องคอมและเนตผมไปเสีย
ในนิยามแห่งการขโมยอันผิดเพื่อชีวิตที่ถูกต้องของเขา
ที่ผมหมดแรงสุดจะต้านไหว
เมื่อพูดถึงเผ่ากิยองตินมนุษญ์ในมโนคติที่ไม่มีจริงเนิ๊ยะ
ถ้าเหตุร้ายเกิดอย่างนั้นจริงดั่งที่คาด
ก็คงจะต้องงดสื่อกันอีกนาน



จนกว่าจะพร้อมอีก
เพราะฉะนั้นผมขออนุญาต
ส่งตอนที่เขียนแล้วมาลงถึงบล็อกก่อน
ก่อนที่จะสายเกินแก้
เมื่อเราลองสมมุติเป็นคนปรากฏการณ์วิเคราะห์
ว่าอย่างใดอย่างนั้น

เพราะว่าความสมบูรณ์ที่สุดในโลกนั้นไม่มี

สิ่งที่ผมเชื่อ

Smiley



Create Date : 03 มิถุนายน 2560
Last Update : 18 กันยายน 2560 21:43:48 น.
Counter : 775 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3538694
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



จึงจือหยาง
(jjy)
จบไฮสกูล
ได้ปริญญาสองใบในไทย เคยเป็นนักเรียนเก่าในอังกฤษและฝรั่งเศส
สอบได้ Dip-in-JourจากLondon School of Journalism,MIOJ.ในประเทศอังกฤษ
สอบได้นักวาด ว.อ.(แนวนามธรรม)...
เป็นสมาชิกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย..มีสัญชาติไทย (แซ่แต้) พ่อมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
New Comments
MY VIP Friends