การตลาด>>เรียนรู้กลยุทธ์ชาเขียวอิชิตัน


การลอนซ์สินค้าชาเขียว “อิชิตัน” เข้าสู่ตลาด ถือเป็นการ
เปิดตัวสินค้าที่ “ตัน ภาสกรนที” มีประสบการณ์และความ
เชี่ยวชาญที่วงการเครื่องดื่มให้การยอมรับอย่างยิ่ง

หลายคนวิเคราะห์ว่าอิชิตันจะเป็นตัวกระตุ้นให้ตลาด
ชาเขียวกลับมาคึกคักมีอัตราการเติบโตถึง 30% จากปกติ
เติบโตเฉลี่ย 20% เท่านั้น แม้อิชิตันจะถ่อมตัวว่าวาง
เป้าหมายหวังเพียงเป็นแบรนด์ท็อปทรีของตลาดภายใน
3 ปี เท่านั้น

แต่การเข้าสู่ตลาดของอิชิตันครั้งนี้ กลับไม่ธรรมดา และมี
กลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจหลายประเด็นคือ

1.เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 15-40 ปีขึ้นไป ทั้งกลุ่มผู้หญิง
และผู้ชาย

2.วางตำแหน่งทางการตลาดเป็นชาเขียว ออร์แกนิค กรีนที
100% เพื่อให้สอดรับกับกระแสสุขภาพที่มาแรงทั่วโลก
และเทรนด์ออร์แกนิคที่กำลังได้รับความนิยม



3.ใช้บรรจุภัณฑ์ขนาด 420 มล. อยู่ตรงกลางระหว่าง
บรรจุภัณฑ์หลัก 2 ขนาด ที่มีใช้มากที่สุดในตลาดคือ
ขนาด 500 มล.ซึ่งมีข้อเสียเปรียบ คือ ปริมาณมากเกินไป
สำหรับผู้หญิงและเด็ก และขนาด 350 มล.ปริมาณน้อย
เกินไปสำหรับผู้ชาย

4.วางจำหน่ายในราคา 16.00 บาท เป็นตำแหน่งราคาที่
มีอิชิตันเชื่อว่ามีความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับขนาด 350 มล.
และยังมีราคาต่ำกว่าขนาด 500 มล. ที่วางจำหน่ายใน
ช่วงราคา 18.00-20.00 บาท

5.เลือกการออกแบบแพกเกจจิ้งให้ดูทันสมัย สะดุดตาผู้ซื้อ
เมื่อวางเทียบกับสินค้าคู่แข่งอื่นๆในตู้แช่

6.วางจำหน่าย 3 รสชาติ พร้อมกัน คือ ออริจินัล , น้ำผึ้ง
ผสมมะนาว และเก๊กฮวย ซึ่งรสออริจินัล , น้ำผึ้งผสมมะนาว
เป็นสองรสชาติหลักที่มีสัดส่วนการขายค่อนข้างมาก

7.การเริ่มต้นด้วยสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟในเซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่ง
เป็นกลยุทธ์ที่เคยใช้ได้ผลมาแล้วในการแจ้งเกิดชาเขียว
แบรนด์ "โออิชิ" เพราะเครือข่ายของร้านสะดวกซื้อเบอร์ 1
แห่งสยามประเทศนี้ จะช่วยตอกย้ำการรับรู้ในตราสินค้าและ
ก่อให้เกิดการทดลองซื้อเพื่อ “ชิม” แก่ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
หลังจากได้เห็นสินค้าจากการโฆษณาในหลากหลายสื่อมา
ก่อนหน้านี้แล้ว



อย่างไรก็ดีในช่วงแรกนี้แม้ว่าอิชิตันจะไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะ
เป็นเบอร์ 1 ในตลาด แต่ต้องการเป็นอันดับ 1 ในด้านของ
คุณภาพในการผลิตชาที่ดีสู่ผู้บริโภคก็ตาม เพราะเครือข่าย
การกระจายสินค้าที่เลือกใช้ดีเคเอสเอชให้เป็นผู้กระจายสินค้า
นั้นต้องใช้เวลา 1-2 ปี สินค้าถึงจะเข้าถึงมือผู้บริโภคได้
อย่างครอบคลุมทุกช่องทาง

แต่จากการลงทุน 2,380 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิต
ที่มีกำลังการผลิตถึง 144 ล้านลิตร /ปี หรือ 15 ล้านขวด
ต่อเดือน ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดอยุธยา นั้น
เป็นสิ่งยืนยันถึงเป้าหมายในอนาคตของสินค้าตัวนี้และใน
เครืออื่นๆได้เป็นอย่างดีว่าจริงจังในระดับ “มากถึงมากที่สุด”

การรุกครั้งนี้ผลกระทบจึงไม่ได้อยู่แค่ผู้นำตลาดอย่าง
แบรนด์โออิชิหรือแบรนด์ชาเขียวในตลาดอื่นๆเท่านั้น
แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการในตลาดเครื่องดื่มต่างจับตามอง
ก้าวต่อไปของอิชิตันกันทั้งนั้น เพราะหลายรายต่างรู้ซึ้งถึง
“กึ๋น” ของ “ตัน ภาสกรนที” ว่าชายผู้นี้มีความลึกล้ำและ
เฉียบคมขนาดไหน พิสูจน์ได้จากผลงานการสร้างแบรนด์
โออิชิที่ผ่านมา ถึงขนาดในช่วงเวลาหนึ่งตลาดเครื่องดื่ม
หลายๆชนิดต้องกบดานนิ่งๆเพื่อหลีกทางให้กระแส
ชาเขียวโออิชิมาแล้ว

        สนับสนุนข้อมูลโดย        
//www.marketinfo.co.th
Marketing Information Service




Create Date : 31 สิงหาคม 2557
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 10:55:55 น.
Counter : 5856 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เปปซี่ตัวดำ
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Group Blog
All Blog