สภาพผิวของเรา: ผิวผสมแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย มีรอยแดง รอยดำประปราย

มาแล้วจ้า! มาสก์ 4 ตัวได้แก่ Tsururi, Dot free, innisfree, Kiehl’s

ซึ่งไล่ราคาอยู่ที่ระดับห้าร้อยถึงหลักพันค่ะ

เริ่มด้วยตัวดัง ราคาน่ารักก่อนเลยค่ะ

Tsururi Ghassoul Mineral Clay Pack

Morocco Ghassoul & Sugar, Honey

ราคาประมาณ 500 บาท (บวกลบเล็กน้อย)

ตัวนี้จะว่าซื้อตามกระแสก็ใช่ค่ะ มีช่วงนึงดังมากๆ บล็อกเกอร์หลายท่านก็รีวิวเลยลองจัดมา 1 หลอด มีส่วนผสมของโคลน Ghassoul จากโมร็อกโค ช่วยดูดซับความมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนค่ะ

เนื้อโคลนจะเป็นสีเทาๆ เค้าให้มาสก์ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แต่จริงๆ เราไม่ได้ดูนะว่ามาสก์ไปกี่นาที แค่รู้สึกว่าเนื้อมาสก์แห้งก็เตรียมล้างออกแล้วค่ะ แบบว่า...หน้าตึงมากค้าคู๊ณณณผู้ชมม ตึงเวอร์ ขยับทีมีร้าวอ่ะพูดเลย....

ลองใช้ดูแล้วเนื้อมาสก์แน่นมาก และมีสครับจากน้ำตาลเม็ดละเอียดอยู่ด้วย กลิ่นก็จะเป็นแนวสมุนไพรธรรมชาติ ตอนจะล้างออกให้เอาน้ำพรมหน้าเล็กน้อย แล้วค่อยๆ สครับออก บอกเลยผิวรู้สึกสะอาดมากๆ ค่ะ แต่แนะนำว่า หลังล้างเสร็จให้รีบทาครีมตามกันการเกิดอาการหน้าแห้งนะคะ

โดยรวมให้คะแนน 8/10 ค่า ก็จัดว่าปลื้มอยู่ในระดับนึงนะ

Dotfree AHA & Ghassoul Peeling Clay

ราคาประมาณ 500 บาท (บวกลบเล็กน้อย)

ตัวนี้สาวผิวแห้งน่าจะมีกรี๊ด เพราะเป็นเนื้อโคลนที่แปลกมาก เดี๋ยวทาให้ดูนะ เค้าว่าช่วยให้ผิวกระชับดูดซับความมันและสิ่งสกปรก ทำให้หน้าเนียนนุ่มขึ้นด้วยค่ะ

ลองทาดูแล้วจะเป็นเนื้อที่ไม่ใช่โคลนแห้งๆ ทาแล้วก็จะดึ๋งๆ นึดนึง 555 กลิ่นก็เป็นแนวสมุนไพรเช่นกัน เราลองมาสก์ทิ้งไว้ 15นาที แล้วล้างออกก็ไม่ทำให้หน้าแห้งนะคะ แถมสะอาดมากขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้นเล็กน้อย หน้าไบรท์ขึ้น แต่ตอนล้างออกเราล้างออกแบบปกตินะ คือ ใช้น้ำเปล่าล้าง ก็แอบงงเหมือนกัน เพราะจากหน้าแพ็กเกจเขียนว่าเป็นแบบ Peeling ในหัวตอนซื้อมา คือมีภาพประมาณว่า มันต้องดึงออกได้สิ! แต่ถึงแม้จะทาแบบไหนก็ลอกออกไม่ได้อ่ะ งงป่ะ ใครใช้ตัวนี้แล้วลอกออกได้แวะมาบอกเราบ้างนะ

ให้คะแนน 8/10 เท่าตัวบนค่ะ

มาลองดูเนื้อผลิตภัณฑ์เทียบกันระหว่างค่าย Tsururi กับ Dot free นะคะ

ของ Dotfree สีจะอ่อนกว่าและเนื้อสัมผัสแน่นไม่เท่าของ Tsururi ค่ะ

จากที่ใช้เทียบกันผิวมันน่าจะชอบ Tsururi ผิวแห้งน่าจะชอบของ Dot free เพราะเวลาล้างออกผิวก็ยังคงชุ่มชื้นอยู่ ใครผิวแบบไหนก็จัดเอาเนอะ ส่วนเราผิวผสมใช้ได้ทั้ง 2 แบบไม่มีปัญหาเลยค่ะ

ต่อมา ข้ามมายังฝั่งเกาหลี โอปป้าซารังแฮโยกันบ้าง

innisfree Jeju volcanic pore clay mask

ราคาประมาณ500 บาท (บวกลบเล็กน้อย)

ด้วยความที่ปลาบปลื้มกับเซรั่มชาเขียวของเค้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยจัดมาสก์มาลองด้วยค่ะ ต้องบอกก่อนว่าเค้าจะมีอีกสูตรนึงซึ่งเป็นสูตรดังเหมาะกับผิวมันเนื้อเข้มข้นกว่า แต่เราอยากลองสูตรนี้บ้างว่าเป็นยังไงเลยหยิบมาลองแทน ฮ่า

เปิดกระปุกมา เนื้อโคลนจะเป็นสีน้ำตาลเทาๆ ขาวๆ ค่ะ ว่าง่ายๆ คือไม่ใช้สีเทาเข้มแบบมาสก์โคลนทั่วไปนะ ส่วนตัวคิดว่ามีกลิ่นโคลนที่จางมากๆ อยู่ด้วย ไม่ได้มีกลิ่นแนวสมุนไพรค่ะ

จัดการทาหน้าดู อันนี้ไม่ได้ทำให้หน้าตึงมากเท่าไหร่นะคะ ก็สบายๆ ดี เค้าให้มาสก์ 15 นาที แล้วล้างออกค่ะ พอล้างออกก็รู้สึกว่าหน้าสะอาดแต่ก็ไม่ได้ว้าวอะไรเป็นพิเศษอ่ะ สงสัยคงต้องเตรียมเปลี่ยนไปลองสูตรดังกับเค้ามั่ง

ให้คะแนนที่ 7/10 ค่ะ

มาอันสุดท้าย ราคาแรงสุดและก็ชอบมากที่สุดเช่นกันค่ะ

Kiehl’s Turmeric & Cranberry Seed

Energizing Radiance Masque

ราคาพันต้นๆ

เป็นมาสก์เนื้อโคลนที่ใช้แล้วชอบมากค่ะเหมือนได้พักผ่อนผิวจริงๆ เลย เวลาเหนื่อยๆ พอลองใช้มาสก์นี้รู้สึกผ่อนคลายสุดๆ

เปิดกระปุกมาก็จะเจอกับมาสก์สีเหลือง เนื้อข้นแน่น เพราะมาสก์นี้มีส่วนผสมของขมิ้นรวมอยู่ด้วย และมีเมล็ดแครนเบอร์รี่ (ขนาดใหญ่ประหนึ่งเม็ดแมงลัก) รวมอยู่ที่เนื้อมาสก์ด้วยค่ะ

มาสก์นี้มีกลิ่นที่เรียกได้ว่าดมแล้วสดชื่นมาก ตอนมาสก์ลงผิวจะรู้สึกเย็นๆ ค่ะ ถ้ามาสก์แห้งแล้วใกล้จะล้างออกก็พรมน้ำเล็กน้อยแล้วขัดเบาๆ หลังล้างหน้าผิวไบรท์มาก สดชื่นเวอร์ ผิวดูดี เนียนนุ่มจนขอมอบมงลงไป ณ ตรงนี้ เพราะชอบมากจากใจจริงค่ะ

ให้คะแนน 10/10 เลย ซื้อซ้ำแน่นอน ชอบเวอร์!

ในที่สุดก็พิมพ์หมดซักทีกับมาสก์โคลน 4 แบรนด์ที่มีในกรุ ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ นะคะ ใครสนใจแบรนด์ไหนพุ่งตัวไปลองโลดแล้วแวะมาบอกกันบ้างว่าชอบตัวไหนกัน เผื่อเราซื้อมาลองบ้างพบกันใหม่กับกระทู้รีวิวหน้า บ๊ายบายค่า