2015: ทริปหนึ่งวัน นั่งรถไฟหวานเย็นเที่ยวอยุธยากรุงเก่า
วันนี้วันเข้าพรรษา วันที่สองของการหยุดยาว 4 วัน เมื่อวานนอนเลื้อย ไปนวด หาของกินอร่อยๆ เข้ายิม ลั้ลลาสบาย ๆ ไปแล้ว 1 วัน ดังนั้น วันนี้สมควรจะออกไปตรากตรำข้างนอกบ้าง
อิฉันกะอาเฮียจึงตกลงกันว่า งั้นเรานั่งรถไฟไปเที่ยวใกล้ ๆ กันดีกว่า เป้าหมายคือนั่งรถไฟนี่แหละ นั่งแบบหวานเย็นเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่างไปที่ไหนซักที่ดีกว่า ตกลงกันได้ว่า ไปอยุธยาละกัน
สำหรับอิฉันอ่ะ ทริปทัวร์วัดที่อยุธยา น่าจะเป็นครั้งที่สองหรือสามนี่แหละ แต่อาเฮีย เนื่องจากเป็นฝาหรั่งผู้อยู่เมืองไทย ดังนั้น ทริปยุดยาจึงเป็นอะไรที่น่าเบื่อสำหรับอาเฮียพอ ๆ กับทริปวัดพระแก้ว และทริปเมืองกาญจน์ อาเฮียไปอยุธยาเพราะพาพ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูงไปซะจนเลิกนับครั้งแล้ว
ป้ะ เราไปนั่งรถไฟกันดีกว่า
รถไฟจากหัวลำโพงที่มุ่งหน้าไปอยุธยานั้น มีถี่มากมาย ออกกันเกือบ ๆ ทุกชั่วโมงเลยเชียว อิฉันอยากนั่งแบบชั้นสามที่เป็นที่นั่งแบบเบาะแข็ง ๆ และไม่มีแอร์ ซึ่งมันก็น่าจะร้อนพอดูถ้าแดดแรง ดังนั้น เราจึงกะจะเริ่มทริปกันแต่ไก่โห่ ก่อนที่แดดจะร้อนเปรี้ยง เราจึงไปเพื่อขึ้นรถไฟรอบ 6.40 น. ซะเลย เพื่อที่จะถึงอยุธยาประมาณ 8.25 น. (รถไฟไปอยุธยารอบแรกนี่เริ่มกันตั้งแต่ตีสี่ยี่สิบเลยทีเดียวฮ่ะ )
ไปถึงหัวลำโพงกันแต่เช้าตรู่
มาซื้อตั๋วก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยออกเดินแรด
แบบชั้นสาม คนขายบอกไม่ระบุที่ให้ อยากนั่งตรงไหนก็นั่งไป ในตู้ชั้นสาม ราคายี่สิบบาทเท่านั้น
ได้ตั๋วแล้วก็สบายใจ ยังพอมีเวลาเหลือ ออกมาเดินสำรวจหัวลำโพงดีก่า
ดูสภาพไม่ย่ำแย่เท่าที่คิด ก็ดูโปร่ง ๆ สะอาดตาดีที่นั่งก็มีให้นั่งเยอะอยู่ มีดังกิ้นโดนัท มีไก่ KFC มี Black Canyon ด้วย
อาหารก็ราคาไม่แพงนะ
บริโภคคาเฟอีนเข้าเส้นซะหน่อย จะได้มีแรงปีนรถไฟ
เมื่อใกล้เวลารถออก เราก็ไปที่ชานชาลา
เช้า ๆ คนน้อย
ได้ที่นั่งว่าง ๆ ริมหน้าต่างกันทั้งคู่ ตอนอยู่หัวลำโพง ยังนั่งได้หลวม ๆ เก้าอี้ถึงนั่งหลังตรง แต่เบาะนิ่มกว่าที่คิด ได้ยินว่าบางขบวนยังเป็นแบบเก้าอี้ไม้พนักตรง 90องศาอยู่เลย
เก็บภาพชานชาลาอีกครั้งก่อนรถออก ป้าแกนั่งกันเองดีมาก
รถออกแล้วววว
รถวิ่งชิลล์ ๆ ลมพัดเย็นสบาย
รถรอบนี้วิ่งไกลไปถึงอุบล ดังนั้น จึงมีลุงๆ ป้า ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ชาวอีสานขึ้นมากันเยอะ และของที่ขนขึ้นมาบนรถก็เป็นลังของใหญ่ ๆ ที่เอากลับไปฝากที่บ้าน
เมื่อวิ่งไปเรื่อย ๆ ผ่านหลายสถานีคนก็เริ่มมากขึ้น
ตลอดทางจะมีพ่อค้าแม่ค้าหิ้วตะกร้าหิ้วถุงมาขายของกันเยอะ มีทั้งข้าวกล่อง ข้าวเหนียวหมูปิ้ง แหนม สะตอ น้ำเย็น กาแฟ มาม่า ปาท่องโก๋ ผ้าเย็น มีกระทั่งแผงหนังสือ
อย่างคุณลุงคนนี้ ขายหนังสือหวย และการ์ตูนแบบเล่มละ 5 บาท คนที่มานั่งข้าง ๆ อิฉันเค้าซื้ออ่านด้วย
แต่ไอ้เรื่องระบบที่่นั่งของรถไฟไทยเนี่ย น่างุนงงเป็นอันมาก เพราะที่นั่งของอิฉันเดินทางกรุงเทพ-อยุธยา คุณเจ้าหน้าที่ขายตั๋วเค้าว่าเป็นการเดินทางระยะใกล้ ดังนั้นจะระบุที่ไม่ได้ อยากนั่งตรงไหนนั่งได้เลย
แต่ทีนี้ เมื่อเรานั่ง ๆ ไป คนเต็มรถขึ้นทุกที ดั๊นมีคนขึ้นมากลางทาง แล้วบอกว่าตั๋วเค้าระบุที่นั่งซึ่งเป็นที่ ๆ อาเฮียนั่งอยู่ ซึ่งเมื่อเป็นอย่างงั้น เราก็ต้องลุก แต่ในเมื่อมันไม่มีที่อื่นให้นั่ง ก็ถือว่าซวยไป เราต้องลุกยืนอย่างนั้นเหรอหว่า ทั้งที่เราขึ้นแต่ต้นทาง
อิฉันงงกับระบบอันนี้มากเลย ซึ่งพอถึงเวลาจริง ๆ พอเค้าเห็นว่าอาเฮียเป็นฝรั่ง เค้าก็เดินหายไป แต่จริง ๆ มันใช่เหรอ? เมื่อไปถึงอยุธยา อิฉันไปถามคนขายตั๋ว เค้าบอกว่าที่นั่งชั้นสามที่จะจองที่นั่งให้พวกเดินทางระยะไกลเท่านั้น ดังนั้น คนเดินทางระยะใกล้ ต้องลุกให้คนเดินทางไกลนั่ง ถึงแม้จะมาก่อน
มันใช่เรอะ??
ที่ประเทศอื่น ๆ ที่เจอมา หากมีการจองที่นั่ง เค้าจะมีป้ายระบุไว้ว่าที่นั่งนี้ ๆ มีคนจอง ตั้งแต่สถานีไหนถึงไหน ซึ่งทำให้คนที่ขึ้นมาก่อนสามารถเลือกได้ว่า ตรูข้าสามารถนั่งได้ไหม หรือเลือกไปนั่งที่อื่นดี รถไฟประเทศอื่นบางขบวนก็ไม่ได้ใช้ระบบเทคโนโลยีอะไรทันสมัยนักหรอกค่ะ แบบใช้แค่กระดาษแปะที่พนักเท่านั้นก็มี แต่เมืองไทยทำไมถึงไม่ทำ จะบอกว่า เพราะค่ารถไฟมันถู๊กถูก ไม่มีแรงงานทำก็ไม่น่าใช่ มันเกิดจากการไม่พยายามปรับปรุงระบบการจัดการรถไฟมากกว่า
เฮ้ออออ.. บ่นไปก็เท่านั้น รู้ ๆ กันอยู่ว่า รถไฟไทยไม่มีการพัฒนามาตั้งแต่สมัย ร.5 ละ
รถช้าม่วกกกกกกก จอดที่บางซื่อ 1-2 อยู่สถานีละครึ่งชั่วโมง เพราะอะไรไม่รู้ ตารางบอกจะถึงยุดยา 8.25 น. แต่ไปถึงจริง 9.40 น.
ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่างจริง ๆ
เซลฟี่เล่นดีก่า
เมื่อออกนอกเมืองผ่านรังสิตมา ก็มีวิวทุ่งเขียว ๆ ดูสบายตา
เก้าโมงสี่สิบ เราก็ถึงอยุธยา
เมื่อลงมาปุ๊บ กลุ่มรถสองแถวก็กรูเข้ามาหา ค่ารถเหมาทั้งวัน 900 บาท ถ้าเป็นชั่วโมง ๆ ละ 200 บาท มีอีตาลุงคนนึงมาเกาะอิฉันหนึบ บอกแกว่าจะไปหากาแฟหาข้าวกินก่อน แกบอกแถวสถานีไม่มีหรอก ร้านจะอยู่แถว ๆ หน้าวัด อิฉันไม่เชื่อ ก็ชะโงกดูแถว ๆ สถานี เออ.. มันไม่ค่อยมีอะไรจริง ๆ แฮะ
เลยตกลงเอาไว้ 3 ชั่วโมง ไปวัดเท่าที่ไปได้ และให้ไปแวะร้านหากาแฟ และร้านข้าวด้วย อ้ะ.. ไปกันเล้ยยยย
กระเป๋ารถสองแถว
สองแถวแถวนี้หน้าตาเมือนกบ คันเล็ก ๆ เหมือนตุ๊ก ๆ แต่อิฉันได้แบบคันใหญ่นั่งสบายไม่เตี้ยมาก
อันนี้ ตุ๊ก ตุ๊กหน้ากบ
เป้าหมายแรก ไปแวะร้านกาแฟ ร้านเพิ่งเปิดใหม่กริ๊บ แม้แต่เมนูยังไม่มีเลย ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากวัดพนัญเชิง มีขนมเค้กชิฟฟ่อน และมาม่อนเค้กอร่อยดี
อิฉันได้นมเผือกมากิน อันนี้อร่อยดีค่ะ แนะนำ ๆ
มาต่อที่วัดพนัญเชิง แวะกินข้าวด้านหน้าวัดนี่แหละวะ ถ่ายรูปก่อน ค่าเข้า 20 บาท จริง ๆ ในตั๋วก็ระบุ 20 นั่นแหละ คนขับรถไปซื้อตั๋วให้ แต่ทำไมใช้ตั๋วใบเดียวก็ยังงงๆ
มาเพิ่มพลังก่อน
อะไรจะดีไปกว่าข้าวหมูกระเทียม
เดินต่อเข้ามาวัดพนัญเชิง ออกแนวจีน ๆ เนอะ
วัดนี้มีให้อาหารปลาด้วย ปลาสวายตัวเท่าเด็กเลย
ในแพที่ให้อาหารปลา จะมีคุณยายหน้าบู๊ดบูดขายอาหารปลาอยู่ มีให้เลือกด้วย ขนมปังกะโหลก 12 บาท แป้ง ๆ เหลืองๆ ถุงละ 10 อาหารปลาเม็ดถุงละ 10 มีแค่ 3 แบบ
แต่ด้านนอกวัดเค้ามีเป็นกระสอบขายด้วย สีสันสายรุ้งมาก เห็นมีคนแบบเข้ามาขุนปลาสวายกันเป็นล่ำเป็นสันอยู่เหมือนกัน
ปลา ๆๆๆๆๆ
แบบสี ๆ ดูน่ากลัวเชียว
ของอาเฮียให้แบบคอนพัฟ
สาวคนข้าง ๆ ให้แบบกระสอบสีรุ้ง
น้องหมาร้านอาหารปลา
กำแพงสวย ๆ รอบวัด
ไปต่อที่วัดมหาธาตุ
แวะกินไอติมกันก่อน
ไอติมลูกมะพร้าวที่นี่ลูกละ 45
วันนี้วันพระใหญ่ วัดมหาธาตุให้เข้าฟรี
จริง ๆ ป้ายเป็นอย่างงี้ ดูจงใจ๊จงใจที่จะไม่ให้ชาวต่างชาติรู้ว่าคิดตังค์ไม่เท่ากัน
วัดถัดมา อยู่ไม่ไกล จำชื่อไม่ได้ เป็นวัดที่มีถวายตุ๊กตาไก่ชนให้พระนเรศวร ไก่เต็มเลยค่ะ
มีสิงห์อยู่รอบเจดีย์เลย
วัดที่สี่และเป็นวัดสุดท้ายที่เราไปวันนี้ ชื่อวัดจำไม่ได้อีกแล้ว เป็นวัดที่มี 3 เจดีย์ ก่อนเดินถึงวัด ต้องฝ่าด่านตลาดมายาวมากกกกกก
และแล้ว เวลา 3 ชั่วโมง เราก็หมดลง และเพื่อที่จะกลับให้ทันรถไฟรอบ 13.10 น. ก็รีบบึ่งไปสถานีรถไฟ
ทีแรกตอนก่อนวัดสุดท้าย อิฉันบอกอีตาคนขับว่า เดี๋ยวก่อนกลับสถานีจะขอแวะร้านกาแฟซักร้านนะ เค้าก็โอเค แต่พอเวลาไม่เหลือละ ตานี่ดั๊นมาบอกอิฉันว่า งั้นเดี๋ยวไปซื้อกาแฟร้านหลังสถานีละกันนะ ไปซื้อตั๋วก่อน แล้วเดี๋ยวเดินออกมาซื้อได้ ทั้งที่อีตานี่แหละที่บอกอิฉันว่าร้านกาแฟแถวสถานีไม่มี ทำไมแค่ 3 ชั่วโมงระหว่างดูวัด ร้านกาแฟหลังสถานีมันงอกขึ้นมาฟระ
นั่งรอที่สถานีอยุธยา
ได้ตั๋วมาแล้ว ขากลับอยากนั่งสบายหน่อย เลยซื้อชั้นสองแอร์ ราคา 125 บาท
สภาพเป็นอย่างงี้
นั่งสบายดีจัง เอนเบาะได้ แอร์เย็น เงียบ ๆ
แต่ก็มีคนขึ้นมาขายข้าวเหนียวหมูด้วย อร่อยดี ร้อน ๆ
ขากลับ มาถึงอย่างรวดเร็ว ชั่วโมงหน่อย ๆ ก็ถึง ทำไมขาไปมันตั้ง 3 ชั่วโมงฟระ
บ๊ายบายหัวลำโพงค่ะ
ทริปนี้ สนุกสนานและราคาย่อมเยาว์ดี เดินรอบวัด 4 วัดในวันที่อากาศไม่ร้อนมาก ไม่มีแดด ก็น่าสนใจไม่เบา รถไฟชั้นสามก็น่านั่ง เป็นประสบการณ์ที่ดี เหมาะสำหรับวันชิลล์ ๆ ไม่เร่งรีบ และไม่สนเรื่องเวลา แต่ถ้านั่งระยะยาวก็นี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะยังรู้สึกสนุกอยู่หรือเปล่านะคะ เพื่อนอิฉันคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เคยเดินทางชั้นสามไปเชียงใหม่ช่วงเทศกาล เดินทางกัน 16 ชั่วโมง ตอนเดินลง แทบลืมไปเลยว่ามีก้นอยู่
หากใครพอมีเวลา และร้อนเหนื่อยจากการเดินทางโดยรถไฟ ข้างหัวลำโพงมีร้านเบเกอรี่น่ารักน่านั่ง แอร์เย็นฉ่ำ ร้านฮ. นกฮูก ข้างหัวลำโพงเลย
Create Date : 31 กรกฎาคม 2558 |
Last Update : 1 สิงหาคม 2558 18:14:52 น. |
|
4 comments
|
Counter : 20195 Pageviews. |
|
|