ยินดีต้อนรับสู่บ้านแม่กะปอมค่ะ...มาร่วมแบ่งปัน พูดคุยทุกสาระเรื่องราวกัน ^o^ ก่อนกลับอย่าลืมฝากชื่อ/สังกัดด้วยนะคะ จะคลิกไปเยี่ยมเยือนกันค่ะ
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
สอนลูกให้ดี (LETTERS OF A BUSINESSMAN TO HIS SON)



ได้ไปเจอหนังสือดี คิดว่าอ่านแล้วได้ประโยชน์ เลยอยากบอกต่อกับทุกคน และเก็บไว้เป็นแนวคิดให้กับตัวเองและแทนการสอนให้กับลูกหลานด้วย




หนังสือเรื่องนี้เป็นที่กล่าวขานกันในทุกวงการของญี่ปุ่น เป็นหนังสือติดอันดับขายดีต่อเนื่องเป็นเวลานาน ใช้ประกอบการศึกษาในสาขาวิชาต่าง ๆ ถึงขนาดว่าภายในเล่มเดียวเท่ากับหนังสือดีมีสาระรวมกันถึง 30 เล่ม

มาดูความคิดเห็นของผุ้แปล สมิทธิ์ จิตตานุภาพ กันว่าน่าสนใจแค่ไหน





เริ่มจากบทแรกว่าด้วยการเรียนของลูกคุณวอร์ด ต้องย้ายไปเข้าโรงเรียนใหม่ที่เป็นโรงเรียนชั้นนำ แต่ลูกชายเกิดความกังวลกับโรงเรียนใหม่ เขาให้ข้อคิดและคำสอนที่น่าสนใจหลายอย่าง

(เป็นการใช้สอนลูกให้อดทนกับการใช้ชีวิตในยุคสมัยนี้ ซึ่งวิถีชีวิตพ่อ ๆแม่ ๆ อย่างพวกเราในสมัยนี้ที่ต้องขับรถไกลๆ ส่งลูกไปโรงเรียนที่ดี ๆ โชคดีของเราที่มีบ้านอากงอาม่าอยู่หน้าโรงเรียนแถวสีลมพอดี ลูกก็เลยกลายเป็นเด็กประจำที่นั่นมีป้าๆน้าๆคอยดูแล มันคือการได้อย่างเสียอย่างคือได้อยู่สบายๆ ใกล้โรงเรียนมีเวลาไปเรียนเสริมแถวนั้นและไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืด กินนอนในรถ แลกกับการไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เกือบสัปดาห์ ) (ไม่รู้คิดถูกหรือผิดนะที่ทำอย่างนี้)




เมื่อลูกชายคุณวอร์ดคิดถึงการทำธุรกิจมากกว่าสนใจการเรียน เขาเลยให้ข้อคิดไว้

(ในความคิดของเด็กๆ เห็นผู้ใหญ่ไม่ต้องท่องหนังสือ ไม่ต้องทำการบ้าน แค่ไปทำงานแล้วได้เงิน ก็เลยขี้เกียจเรียนอยากทำงานหาเงินบ้าง อย่างกะปอมก็อยากเป็นนักเขียนฝันว่าเขียน ๆ ๆเยอะ ๆ แล้วพิมพ์ขายเดี๋ยวก็มีเงินใช้แล้ว หรืออยากไปยืนหน้าเคาน์เตอร์ขายของเหมือนพี่ๆในแมคโดนัลด์สนุกดี ได้เงินด้วย เป็นต้น ทำไม เด็ก ๆ เขาชอบคิดว่าเป็นผู้ใหญ่สบายกว่าเป็นเด็กนักเรียนนะ )








บทนี้คุณวอร์ดพูดถึงการมีวินัยและความรับผิดชอบไม่ว่าการเรียนหรือการทำงานให้ลูกชาย

(อันนี้เป็นเรื่องพ่อกะปอมสอนลูกบ้าง วันหนึ่งครูให้ทำรายงานการละเล่นต่างๆมา10หน้า ด้วยความขี้เกียจบวกเจ้าเล่ห์และอยากใช้เวลาไปเล่นเกม ดูหนังการ์ตูนเลยทำแค่8เรื่อง โดยบอกว่า10 หน้าคือปกหน้าแลสารบัญ หามา 8 เรื่องก็พอ และยืนยันว่าทำถูกต้องแล้ว จนพ่อกะปอมหาวิธีโดยให้ทำไปก่อนแล้วพักมาเล่นเกมชิงของรางวัลโดยให้พี่ๆ ที่บริษัทฯ หาชื่อวัดใครมากสุดได้รางวัล พี่ๆก็ได้กันหมดยกเว้นกะปอม นี่คือบทเรียนว่าการมีความรู้มาก ๆ เป็นประโยชน์ ถ้าเป็นเกมก็ได้ของรางวัล ถ้าเป็นการเรียนก็ได้คะแนนและความรู้ ถ้ารายงานขาดไป 2 เรื่องก็ต้องถูกตัดคะแนน ไป เขาเลยคิดออกรีบทำต่อทันที)







เมื่อลูกชายคุณวอร์ดเรียนจบและเริ่มเข้าสู่ธุรกิจ เขาสอนเรื่องการปฎิบัติตัวในที่ทำงานว่า...



(สำหรับคนทำการค้าหรือธุรกิจ เรามีบทบาททั้งเป็นลูกค้าและผุ้ขาย ถ้าไม่มีtrainer คอยสั่งสอนบอกเทคนิคต่าง ๆ ก็ต้องหาประสบการเอง เหมือนอย่างที่คุณวอร์ดสอนลูกดังนี้)






(อันนี้เป็นข้อคิดสำหรับนายจ้างและลูกจ้าง)




(ก่อนจะประเมินผลงานลูกน้อง ลองดูความคิดเห็นของคุณวอร์ดอาจใช้เป็นแนวทางได้)



(คำแนะนำดี ๆ เมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นนายจ้างแล้วต้องไล่พนักงานออก หรือเป็นพนักงานที่กำลังจะถูกไล่ออก )





(คงต้องคิดกันหนักเลยสิว่าจะหาวิธีพูดยังไงเมื่อต้องเป็นผู้บอกให้พนักงานออก วิธีของคุณวอร์ดอาจช่วยได้)




(คุณวอร์ดเขาพูดถึงการเลือกอ่านหนังสือ อ่านอย่างมีคุณค่า จะทำยังไงลองดู)




(คุณวอร์ดเขาสอนเรื่องการทำตัวให้น่าคบ และเมื่อต้องเผชิญกับงานยาก อันนี้ก็น่าสนใจ)




(ทุกวันนี้คนเราขาดแคลนความสุขกันมาก อาจเพราะคาดหวังในชีวิตมากไป แล้วจะทำยังไงให้มีความสุขล่ะลองมาดูกัน)
(และสำหรับคนที่สับสนในชีวิต ลองมาดูการหาความหมายในชีวิตกัน)





(อันนี้สำหรับคนที่ไม่มีเพื่อนหรืออยากมีเพื่อน (ดี ๆ)






(เรื่องการวิจารณ์ เรื่องนี้พวกเราหนีไม่พ้นที่ต้องวิจารณ์เขาหรือถูกเขาวิจารณ์ มาดูวิธีการวิจารณ์อย่างไรให้เหมาะสม ไม่เสียเพื่อนและไม่เสียคน)




(เมื่อต้องเผชิญกับความเครียด ซึ่งมีผลเสียต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิต ลองมาดูวิธีจัดการกับความเครียดและการดูแลสุขภาพแบบง่าย ๆ ตามหลักปรัชญาของคุณวอร์ดกัน)





(อันนี้อึ้งเลย เรากำลังทิ้งเวลาอยู่กับครอบครัวและเฝ้าดูการเจริญเติบโตของลูกอยู่ใช่ไหม งั้น ! เริ่มตั้งแต่วันนี้ ยังทันเวลาที่จะหาโปรแกรมและโอกาสไปเที่ยวพักผ่อน บันทึกความทรงจำที่ดีๆไว้ )





(ปิดท้ายด้วยคติดี ๆ ในเรื่องการปฎิบัติต่อกันในครอบครัวที่เราลืมคิดหรือไม่ทันคิดกัน)



อ่านจบแล้ว ...หวังว่าชีวิตทุกด้านของพวกเราคงดีขึ้น ๆๆๆๆๆ

โอกาสต่อไป จะสรรหาหนังสือดี ๆ มาสรุปให้ฟังอีกจ้ะ




Create Date : 25 สิงหาคม 2551
Last Update : 26 กรกฎาคม 2552 12:03:31 น. 10 comments
Counter : 5617 Pageviews.

 
ยังไม่เคยอ่านครับ

แต่คิดว่า .. ถ้าอ่านเอาเป็นความรู้ แล้วมาประยุกต์ใช้ ก็น่าจะดีทีเดียว

โดยต้องคำนึงด้วยว่า สภาพแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม ของเรากับญี่ปุ่นนั้น ต่างกันมากทีเดียวนะครับ


โดย: oscilated วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:23:07:04 น.  

 
มาลงชื่อไว้ก่อน
แล้วค่อยย้อนกลับขึ้นไปอ่าน


โดย: แพท ภัทรียา วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:8:47:43 น.  

 
ต้องหาอ่านแล้วค่ะ


โดย: PS325 วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:19:02:14 น.  

 
หนังสือดีมากๆเล่มหนึ่ง...ที่เคยอ่าน

ผู้เขียนถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆหลายอย่าง

ที่เราเอามาปรับใช้ได้เองจริง...





โดย: January Friend วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:18:05:16 น.  

 
ขอบคุณ


โดย: ทศพล IP: 101.109.108.233 วันที่: 7 มิถุนายน 2554 เวลา:16:59:09 น.  

 
เคยมี ทั้งสามเล่มแต่หายสาบสูญไป ขอบคุณสำหรับความทรงจำดีๆที่กลับคืนมาค่ะ


โดย: ximmmmm IP: 223.204.29.236 วันที่: 7 พฤษภาคม 2555 เวลา:20:04:27 น.  

 
เพิ่งอ่านจบ เป็นหนังสือที่ดีมากเลยครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 10 มิถุนายน 2555 เวลา:15:47:34 น.  

 
ได้แง่คิด ในการนำไปใช้ในชิวิตจริง ขอบคุณมากนะคะที่ลงมาให้ได้อ่าน ^^


โดย: วันสุข IP: 58.11.40.98 วันที่: 26 พฤษภาคม 2556 เวลา:13:19:28 น.  

 
อ่านเฉพาะฉบับที่เขียนถึงลูกสาวฉบับนี้ไม่เคยอ่านรู้ว่าเป็นหนังสือที่ดีมาก ๆ พยายามหาซื้ออยู่ตามร้านหนังสือทั่วไปไม่มีขายมีขายเฉพาะในเนตต้องหาไว้ครอบครองให้ได้จะได้เก็บไว้ให้ลูก ๆได้อ่าน ขอบคุณที่ลงให้อ่านเป็นบางส่วน


โดย: สุกัญญา IP: 101.51.190.177 วันที่: 27 พฤษภาคม 2556 เวลา:14:18:20 น.  

 
กำลังหาค่ะ ชอบมากค่ะ เป็นหนังสือที่หน่้าอ่านมากค่ะ


โดย: กุ้ง IP: 49.230.151.112 วันที่: 23 ตุลาคม 2556 เวลา:0:13:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Maekapomkha
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




ขอร่วมแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ และสาระต่าง ๆ ให้กับเพื่อน ๆ ในช่องทางของสื่อนี้ค่ะ
Friends' blogs
[Add Maekapomkha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.