'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
~ หรือ'พี่'เขาจะมาบอกข่าว...?(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน!) ~






สวัสดีทุกท่านค่ะ...
ห่างหายไปจากหน้าบล็อกไปพักใหญ่ ๆ ทีเดียว
ไม่อยากจะออกตัวซ้ำ ๆ ซาก ๆ หรอกค่ะว่าภารกิจชีวิตช่วงนี้มันช่างวุ่นวายสับสนเสียจริง
เพราะดูเหมือนจะไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย...
(ก็พระพุทธองค์ท่านทรงตรัสไว้ว่า...
"อะนากุลา จะ กัมมันตา - - การงานที่ไม่ยุ่งเหยิงสับสน" เป็นหนึ่งในมงคลชีวิต ๓๘ ไง แหะ ๆ )

ซึ่งหากจะว่ากันตามจริงแล้ว ในช่วงนี้ฉันก็เจอแต่เรื่องอันไม่เป็นมงคลสักเท่าไหร่...

มันเริ่มตั้งแต่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของพี่อิ้งเมื่อเดือนที่แล้วนั่นแหละ...





พี่อิ้งเป็นกึ่งญาติห่าง ๆ กึ่งเพื่อนรุ่นพี่ที่ค่อนข้างสนิทมากคนหนึ่งของฉัน
เดิมทีเราก็ไม่ได้สนิทสนมกันสักเท่าไหร่หรอก เพราะเมื่อก่อนฉันไม่ได้อยู่ที่บ้าน
และวัยของเราก็ค่อนข้างห่างกันอยู่พอสมควร น่าจะประมาณรอบหนึ่งได้
แต่หลังจากที่ฉันย้ายกลับมาอยู่บ้านอย่างถาวร เราก็มีการไปมาหาสู่กันบ่อยขึ้น
แม้เราจะมีอุปนิสัยใจคอ ความคิดความอ่านรวมถึงอุดมการณ์ในการดำเนินชีวิตที่ค่อนข้างแตกต่างกัน...
ชนิดที่แทบจะเรียกได้ว่า...คนละขั้วกันเลยทีเดียว

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราจูนกันติดและคบหากันได้สนิทใจก็คือ เราต่างก็เป็นหนอนหนังสือด้วยกันทั้งคู่
และแน่ล่ะ จากความแตกต่างเรื่องแนวคิด วิถีชีวิตดังที่กล่าวแล้วข้างต้น แนวการอ่านหนังสือของเราก็แตกต่างกันเช่นกัน ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่อุปสรรค กลับเป็นตัวช่วยให้เราได้ปรับเปลี่ยนมุมมอง
และแลกเปลี่ยนหนังสือกันอ่านได้หลากหลายมากขึ้น

อ้อ...ความเหมือนกันอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราต่างเป็นสาวโสดโดดเดี่ยวกันทั้งคู่
ฉันอยู่บ้านกับแม่ ในขณะที่พี่อิ้งอยู่คนเดียวเพราะพ่อกับแม่แกเสียไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน
แต่ที่บ้านพี่อิ้งเขาอยู่ในเขตรั้วเดียวกันกับบ้านน้องสาว ก็เลยดูไม่ค่อยเดียวดายนัก





กิจกรรมสุดโปรดอย่างหนึ่งของพี่อิ้งก็คือ...การจ่ายตลาด
ภาพที่ผู้คนในหมู่บ้านของฉัน(หรือกระทั่งในหมู่บ้านใกล้เคียง)เห็นกันจนชินตาในช่วงระยะ ๗-๘ ปีที่ผ่านมา
ก็คือภาพของฉันกับพี่อิ้งขี่จักรยานเคียงกันไปตามทางที่มุ่งสู่ตลาดเย็นประจำหมู่บ้านเกือบจะทุกวัน
หรือเวลาที่ในหมู่บ้านมีงานอะไร ๆ (งานวัด งานศพ งานบวช ขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ)ก็จะเห็นเราไปคู่กันเสมอ ๆ

เพิ่งจะมาห่างหาย เลิกร้างกิจกรรมเหล่านั้นไปก็เมื่อประมาณปีเศษ ที่ผ่านมานี่เอง
ก็คือตั้งแต่พี่อิ้งเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองเป็นมะเร็งลำไส้นั่นแหละ

พี่อิ้งเลิกขี่จักรยาน และต้องเทียวไปรักษาตัวที่เชียงใหม่
ฉันเองก็จำต้องปรับเปลี่ยนตารางกิจกรรมของตัวเองตาม
เลิกไปตลาดเย็น(เพระเส้นทางที่ไปตลาดเย็นมีบางช่วงค่อนข้างเปลี่ยว)
เปลี่ยนเป็นไปตลาดเช้าแทน และถ้าช่วงที่พี่อิ้งอยู่ที่บ้าน แกก็จะโทรศัพท์มาฝากซื้อของนั่น ๆ นี่ ๆ แทบจะทุกวัน
เพราะทางไปตลาดเช้าต้องผ่านหน้าบ้านแกอยู่แล้ว
กลับจากตลาดฉันก็แค่แวะเอาของที่แกสั่งซื้อแขวนไว้ให้แกหน้าประตูบ้าน
แกตื่นมาสาย ๆ ก็ลุกออกมาหยิบของเข้าไป ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรเลย

พี่อิ้งแกไม่ถนัดใช้โทรศัพท์มือถือ แกก็ใช้โทรศัพท์บ้าน
และโทรเข้าเครื่องที่บ้านฉันวันละหนึ่งถึงสองครั้งเป็นอย่างน้อย
ครั้งแรกราว ๆ บ่ายสองโมงครึ่ง(ฉันเพิ่งมารู้ในทีหลังว่านั่นเป็นเวลาหลังจบรายการครัวคุณต๋อย
พี่อิ้งแกดูรายการนี้ เห็นอะไรน่ากินแกก็จะจดไว้แล้วโทรสั่งให้ฉันซื้อมาให้แกในวันถัดไปนั่นเอง)
กับอีกครั้งก็เย็น ๆ ค่ำ หลังหกโมงเย็น เป็นการทบทวนเน้นย้ำสิ่งที่ฝากเมื่อตอนกลางวัน
(ซึ่งอาจจะมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติม)กับเป็นการบอกเล่าอัพเดตอาการเจ็บป่วยของตัวเอง
แล้วก็บ่นนั่น ๆ นี่ ๆ จิปาถะซะป๊ะซะเป้ส...
ถ้าฉันพอมีเวลาว่าง ก็แวะเข้าไปเยี่ยมเยียน พูดคุยกันเจ๊าะแจ๊ะ ๆ เรื่องนู้นเรื่องนี้
ประมาณอาทิตย์ละสองถึงสามครั้ง

จนเป็นที่รู้กันระหว่างฉันกับแม่ว่าถ้ามีเสียงโทรศัพท์บ้านดังละก็...นั่นคือพี่อิ้งแน่นอน
เพราะมาถึงยุคนี้สมัยนี้พี่น้องเพื่อนฝูงคนอื่น ๆ ของฉันไม่มีใครโทรถึงฉันด้วยเครื่องโทรศัพท์บ้านอีกต่อไปแล้ว

การณ์ก็ดำเนินมาเช่นนี้ร่วม ๆ ปี แกดูไม่เหมือนคนป่วยมะเร็งสักเท่าไหร่
เพราะดูภายนอกแกก็ยังใช้ชีวิตตามปกติแทบทุกอย่าง ยังทำกับข้าวเอง
(เผลอ ๆ ทำเผื่อคนอื่นอีกต่างหาก เพราะแกชอบทำอาหารทีละเยอะ ๆ
ทำเสร็จก็เที่ยวโทรเรียกคนโน้นคนนี้มาแบ่งไปกิน)
อ่านหนังสือดูละคร อัพเดตข่าวสารบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา....

จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาที่ผ่านมานี่เอง จู่ ๆ อาการของพี่อิ้งก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว
น้อง ๆ ญาติ ๆ แกก็พาไปส่งโรงพยาบาล พี่อิ้งนอนโรงพยาบาลแค่ ๗ คืนก็เสียชีวิต...





นับแต่วันที่พี่อิ้งเข้าโรงพยาบาล และจากไป โทรศัพท์ที่บ้านฉันก็เงียบสนิท...
เงียบจนแม่บ่นแน่ะว่า ตกลงคนที่โทรมาบ้านนี้มีแต่พี่อิ้งเหรอเนี่ย พอไม่มีแกแล้วโทรศัพท์ก็เลยกลายเป็นใบ้ไปซะงั้น


หลังจากพี่อิ้งเสียชีวิต เวลาฉันไปไหนมาไหน พบปะใครในหมู่บ้านหลังดอยของฉันนี่
ก็จะมีผู้คนมาถามไถ่ทีเล่นทีจริงว่า เป็นยังไง เหงาไหม พีอิ้งมาหามั่งไหม บลา บลา บลา...
ฉันก็ได้แต่ตอบว่า ไม่มีหรอก พี่เขาคงไปสบายแล้วล่ะ เขาจะมาทำไม...
แต่บอกตามตรง ฉันกับแม่ก็แอบเหงาหูอยู่มั่งเหมือนกันแหละที่เสียงโทรศัพท์ที่เคยมีมาทุกวัน ๆ มันเงียบหายไป
มันเงียบจนฉันออกจะรู้สึกเหงา และสงสารมัน ร่ำ ๆ จะไปทำเรื่องยกเลิกโทรศัพท์บ้านไปเสียเลย
แต่คนอื่น ๆ ก็ติงว่าเอาไว้ก่อนเถอะ เผื่อฉุกเฉินอาจจำเป็นก็ได้...

แล้วก็มี "เหตุจำเป็น" อันเนื่องมาจากโทรศัพท์เกิดขึ้นจริง ๆด้วย...

บ่ายจัดวันหนึ่ง วันที่พี่อิ้งจากไปครบหนึ่งเดือนพอดิบพอดี...
ขณะที่ฉันกับแม่กำลังนั่งดูละครภาคบ่ายด้วยกัน เสียงโทรศัพท์ก็กรีดดังกริ๊งงง.....ยาว ๆ หนึ่งที
ฉันสะดุ้งโหยง ผวาไปที่โทรศัพท์ที่วางไว้บนหลังตู้หนังสือ แต่ตอนนั้นเสียงโทรศัพท์เงียบไปแล้ว
แม่มองหน้าฉันแล้วก็พูดลอย ๆ ว่า..."พี่อิ้งโทรมามั๊ง..."
ฉันก็บอกว่าไม่ใช่หรอก คงมีใครกดผิดแล้วเลยรีบวาง

พอฉันถอยกลับมานั่ง...โทรศัพท์เจ้ากรรมก็กรีดร้องขึ้นมาอีก...
ดังหนึ่งกริ๊งแล้วก็เงียบไป...หนึ่งกริ๊งแล้วก็เงียบไป เป็นเช่นนี้อยู่สามคำรบ
ฉันก็เลยอดรนทนไม่ไหว จึงไปยกโทรศัพท์ขึ้น กะจะดึงสายออกให้มันรู้แล้วรู้รอดไป





แล้วฉันก็ต้องผงะ...เมื่อได้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้โทรศัพท์...
มันคือปลวกค่ะคุณผู้ชม!!!
เจ้าแมลงสีขาว ๆ ตัวเล็ก ๆ กำลังเดินกันเป็นสายขึ้นมาจากหลังตู้ เลาะเลียบตามขอบผ่านใต้โทรศัพท์เพื่อลอดรูโหว่เล็ก ๆ (ที่ฉันใช้โทรศัพท์วางบังไว้)ลงไปหาหนังสือนับร้อยเล่มที่อยู่ในตู้...
(หนังสือชุดนี้เป็นหนังสือเก่าเก็บและหายากที่ฉันเฝ้าเก็บอย่างทนุถนอมมานานนับสิบ ๆ ปี)

โอ้วววว..ใพระเจ้าช่วยกล้วยทอด!!!
คราวนี้ฉันสะดุ้งยิ่งกว่าตอนที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ทีแรกเสียอีก เพราะเคยมีประสบการณ์การสูญเสียหนังสือเพราะเจ้าปลวกมาแล้วเข็ดขี้อ่อนขี้แก่อยู่เป็นนาน...

ฉันรีบสำรวจหนังสือในตู้อย่างเร่งด่วน เดชะบุญที่มันคงจะเพิ่งเริ่มปฏิบัติการ ทำให้หนังสือยังไม่ทันเสียหาย
แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ฉันเชื่อว่าถ้าฉันช้าไปเพียงหนึ่งถึงสองวัน หนังสือฉันคงวอfวายหมดตู้เป็นแน่...
นึกแล้วสยองสุด ๆ !!!
ต้องขอบคุณเสียงโทรศัพท์ที่ดังอย่างไร้เหตุผลในบ่ายวันนั้นสินะ

ฉันวุ่นวาย สาละวนอยู่กับการกำจัดปลวกนานเป็นอาทิตย์ ต้องย้ายตู้ รื้อพื้น
เก็บหนังสือออกมาทำความสะอาด จัดเรียงใหม่ ฯลฯ
จนออกจะลืมเลือนสาเหตุแห่งการค้นพบเจ้าปลวกมหาภัยนี่แล้วล่ะ...

กระทั่งแม่บอกว่า...
"แกน่าจะทำบุญให้พี่อิ้งหน่อยนะ เขาคงมาเตือนเราเรื่องปลวกหรือเปล่า"
ฉันก็เฮ่ย...ไม่ใช่หรอก เรื่องบังเอิญน่า...
แต่ก็เอาเถอะ...เพื่อความสบายใจของแม่ วันพระถัดจากวันนั้น
ตอนที่ไปวัดตอนเช้าฉันก็ตั้งใจกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้พี่อิ้งเป็นพิเศษ

คืนนั้นก็เลยได้เรื่อง....

*(เรื่องราวมันยาวจัด ขออนุญาตแบ่งเป็นสองบล็อกนะคะ เดี๋ยวมาต่อค่ะ )





ป.ล. เพื่อน ๆ บล็อกที่รออ่านรีวิวหนังสือ กรุณารออีกแป๊บนะคะ ตอนนี้กำลังอ่านชุด"อัญมณีเหนือกาล"เล่มที่สามอยู่ค่ะ จบแล้วจะมาเล่าต่อค่า...






Create Date : 19 สิงหาคม 2557
Last Update : 22 สิงหาคม 2560 12:42:53 น. 6 comments
Counter : 1165 Pageviews.

 
เจิม เจิม เจิม ค่ะ

กำลังสนุกได้ที่เลยค่ะคุณแม่ไก่
คืนนี้คงนอนไม่หลับอยากรู้ตอนต่อไป

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
แม่ไก่ Diarist ดู Blog



โดย: หอมกร วันที่: 20 สิงหาคม 2557 เวลา:9:29:15 น.  

 
^
^
สวัสดีค่ะคุณหมอ
ห่างหายจาการอัพบล็อกไปพักใหญ่ ๆ กลับมาก็เล่าแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง แหะ ๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและโหวตให้นะคะ


โดย: แม่ไก่ วันที่: 20 สิงหาคม 2557 เวลา:14:40:24 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณแม่ไก่
ถึงว่าไม่ค่อยเห็นอัพบล็อคเลย

เป็นหนอนหนังสือ สิ่งที่รักสุดๆก็คือหนังสือ
ศัตรูของหนังสือก็คือปลวก ดีนะคะเนี่ยที่รู้ก่อน
จะว่าพี่เค้ามาเตือนรึเปล่าตามประสาคนชอบหนังสือเหมือนกัน

เพื่อนรุ่นพี่ของนุ่นคนนึง
เป็นมะเร็งเม็ดเลือดค่ะ เร็วมาก
แต่คิดอีกแง่เค้าสบายไปแล้วไม่ทุกข์ก็ดีเหมือนกันค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่านะคะ
รออ่านต่อค่ะ



โดย: lovereason วันที่: 20 สิงหาคม 2557 เวลา:21:36:55 น.  

 
มาลุ้นด้วยค่ะ


โดย: maistyle วันที่: 21 สิงหาคม 2557 เวลา:20:53:46 น.  

 
แหมนี่ถ้าไม่ได้เข้ามาอ่านอีกรอบ
คงไม่รู้ว่าคุณแม่ไก่แอบคุยด้วยนะคะ



โดย: หอมกร วันที่: 23 สิงหาคม 2557 เวลา:20:10:38 น.  

 
ชีวิตแต่ละคนสับสนวุ่นวายต่างกันไปครับ..


โดย: Kaxrus วันที่: 26 สิงหาคม 2557 เวลา:18:37:40 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.