คีธทำอาหารกลางวันให้กินอยู่ประมาณสามวันเสบียงก็เกลี้ยงเราจึงไปที่วอลมาร์ทเพื่อซื้อเสบียงกัง และของใช้ที่จำเป็นของมาดามเอง...ในรูป คือ อาหารที่คีธทำ มี ทาโคส์ กับ เบอร์เกอร์
ที่ห้างวอลมาร์ทมาดามเดินตามคีธต้อยๆ ดูผักก็หน้าตาแปลก ๆ ดูป้ายราคาแล้วคูณด้วย 33 บาท ก็ต้องสะดุ้ง ค่าเงินดอลฯ กับเงินบาทไทยต่างกันสามสิบสามเท่า...อยู่เมืองไทยกว่าจะหาเงินได้แต่ละบาทเลือดตาแทบกระเด็น...เงิน 33 บาทซื้อผักที่ตลาดนิคมบางปูได้เป็นตะกร้า เรื่องจริง...ไม่ได้โม้ เพราะว่าซื้อจากร้านขายส่งไง ที่นั่นมีตลาดขายส่งผักขายเฉพาะตอนเช้า ซื้อขีดนึงเขาก็ชั่งกิโล มาดามจ่ายค่าผักไม่เกิน 60 บาทกินได้เป็นอาทิตย์เลยแหละ...ส่วนตอนเย็นแม่ค้ารายย่อย จะเอาผักมานั่งกำเป็นกำ ๆ 3 กำ 10 บาท คละกันไปได้ กำไรพะเรอเกวียนเลยละพี่น้อง!!!
ผักแต่ละอย่างที่เมืองฝรั่ง ราคาสองถึงสี่เหรียญบางอย่างราคาตามน้ำหนัก บางอย่างเป็นราคาต่อแพ็ค หรือต่อลูก หรือต่อกำ...พี่คีธเป็นคนที่ซื้อของแบบรวดเร็วเหมือนกำลังเข้าแข่งขันช้อปปิ้งที่เคยดูในรายการโชว์ที่เมืองไทยสมัยสาว ๆ เลย (เด็กรุ่นใหม่คงเกิดไม่ทันมั้ง..เล่าให้ฟังนิดก็ได้...รายการโชว์จะตั้งเวลาให้ผู้เข้าแข่งขันหิ้วตะกร้าไปคว้าของในห้างสรรพสินค้า อะไรก็ได้ เอามาให้มาก เอาให้แพงๆ...ถ้าไม่วางแผนมาว่าจะเอาอะไรก็จะเสียเวลานึกคิด เงอะๆ งะ ๆ เวลาก็จะหมดของก็ได้น้อย ประมาณนี้แหละ)
ที่นี่ไม่มีของที่มาดามต้องการ เช่น มะขามเปียก กะปิ น้ำปลา พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ถั่วฝักยาวมะละกอ กุ้งแห้ง ถั่วลิสงดิบ/คั่ว (มาดามอยากกินส้มตำ ต้มยำ ผัดกระเพา ท่านผู้ชม) มีหอมแดงแต่แพงเกินหัวละ 66 บาทแน่ะ ส่วนมะเขือมีแต่สีม่วง ซึ่งไม่เคยกิน ฟักทองที่ชอบก็ไม่มี...เห็นลูกสควอทคิดว่าเป็นฟักทองเกือบซื้อมานึ่งซะแล้ว...แตงกวาก็หน้าตาแปลก...คะน้าก็แปลก ๆ ไม่น่ากิน ส่วนผักชี กับ โหระพานั้นไม่มีวางขายเป็นกำ/แพ็ค แต่เขาปลูกในกระถางพลาสติกดำ ใบก็เฉา ๆ เหมือนอยากตาย มาดามไม่กล้าซื้อ คิดว่า เมื่อพ้นหน้าหนาวไปแล้วจะต้องซื้อเมล็ดมาปลูกเพราะเห็นขายที่อีเบย์เยอะ...
มีอาหารสำเร็จรูปพร้อมกินบรรจุในกล่องอย่างดีวางในชั้นตู้เย็นมากมายก่ายกองให้เลือกซื้อ แค่ดูรูปที่หน้ากล่องมาดามก็น้ำลายจะหก...อยากจะเหมาทั้งตู้ไปเลย เมืองฝรั่งเขาผลิตอาหารสำเร็จรูปขายอย่างเป็นล่ำเป็นสันจริงๆ....คีธซื้อ พิซซ่ายักษ์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ใหญ่กว่าเมืองไทยเพราะพิซซ่าที่นี่บางมาก สนนราคาไม่ถึงสองร้อยบาท แต่เมืองไทย เคยเห็นราคา 199, 299 และ 300+เล็กกว่า...คีธบอกว่าคนอเมริกันชอบกินพิซซ่า....เพราะความที่เค้าซื้อของเร็วๆ ทำให้มาดามไม่ทันมีเวลาสังเกตว่ามีอาหารจากเมืองไทยขายที่นี่หรือเปล่า
วอลมาร์ท เป็นห้างอารมณ์เดียวกับเทสโก้โลตัส แต่ว่ามีมากแผนกกว่า คือมี แผนกซุปเปอร์มาร์เกต ขายผัก ผลไม้อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารสำเร็จรูปจากโรงงาน และที่ผลิตเองจากครัวของห้างทุกวันมีแผนกอาหารแห้ง หรือ Grocery สารพัดชนิด และแบรนด์ รวมทั้งแบรนด์ของห้างเองคือ Great Value ราคาจะถูกว่า แบรนด์อื่น...แผนกเบเกอรี่ มีขนมอบหลากหลายชนิดล้วนแต่น่ากิน..แผนก Dairy products แผนกอาหารเนื้อสด หมูไก่ เนื้อ ไส้กรอก เบคอน แฮม ชีสต่าง ๆ..แผนกเสื้อผ้า-รองเท้า-กระเป๋า,ของใช้ในบ้าน-นอกบ้าน, ของใช้ประจำวัน, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อิเลคทรอนิคส์,คอมพิวเตอร์-มือถือ, แผนกเครื่องมือทำสวน-ต้นไม้-ดอกไม้-ดิน-ปุ๋ย,แผนกยาและเวชภัณฑ์...มันเยอะมากเลยนะ บรรยายไม่หมดหรอก ..คนที่อยู่เมการู้ดี....แต่มันยังมีห้างอื่น อีกที่พอจะซื้ออาหารการกินและเครื่องดื่มได้ เช่น Schnucks ซึ่งมีสาขาไปทั่วเรียกว่า ประกบคู่ไปกับวอลมาร์ทเลยทีเดียว
ออกจากวอลมาร์ทก็ไปแวะซื้ออาหารกลางวันสำเร็จรูปจากร้านอาหารจีน China Wok เป็นร้านแบบสั่งซื้อกลับบ้าน สนนราคาอยู่ระหว่าง 5.50-12.99 เหรียญ/รายการ ที่ร้านนี้มาดามเห็นแค่ผู้หญิงคนนึงประจำหน้าเค้าน์เตอร์รอรับออเดอร์และผู้ชายอีกคนอยู่ข้างในเป็นเชฟ...โฮ!! แค่สองคนก็เปิดร้านอาหารได้!!! ร้านไม่กระจอกด้วยนะ...คีธซื้อสำหรับแค่กลางวันสองมื้อเพราะเขาต้องขับรถออกมาซื้อเบียร์ทุก ๆ สองวัน เหตุผลที่ต้องออกมาทุกสองวันโดยไม่เสียดายเชื้อเพลิงคือ ผมชอบเข้าไปในเมืองทุกสองวัน....อึ้งกิมกี่!!!
บางครั้งเราก็ซื้อมื้อกลางวันที่ร้าน Popeyes เป็นร้านอาหารแบบเข้าไปสั่งและนั่งกินในร้านได้ดีสำหรับคนขี้เกียจล้างจานที่บ้าน หรือหิวจัดส่วนคนที่ไม่ขี้เกียจเอาจานใส่เครื่องล้าง หรือไม่หิวจัด ก็สามารถใช้บริการแบบ ไดรฟ์ทรู (Drive thru) สั่งซื้อโดยที่ไม่ต้องเดินเข้าไป แค่จอดรถตรงบอร์ดที่จัดแสดงรูปรายการอาหารและราคา ก็จะมีเสียงพนักงานหญิงกล่าวสวัสดีผ่านลำโพงมา และถามว่าจะสั่งอะไร คีธก็สั่งไปพนักงานก็จะทวนรายการเพื่อกันความผิดพลาดจากนั้นคีธก็ขับรถเข้าไปตรงจุดที่จะรอรับอาหารเป็นหน้าต่างมีพนักงานหญิงนั่งบริการอยู่...คนซื้อก็ลดกระจกรถลง จ่ายเงิน รับบิล รอและรับอาหาร ขับออกไป...รถคนอื่นที่เข้าคิวรอข้างหลังขับเลื่อนเข้ามาตามลำดับ ๆ...ราคาอาหารแต่ละอย่างไม่ต่ำกว่าสี่เหรียญคิดเป็นเงินไทยได้ 132 บาท กินสองคนก็ 264 บาท คูณ 2 มื้อก็ 582 บาท คูณ 30 วัน ก็ 17,460 บาท นี่แค่ขั้นต่ำของมื้อกลางวันนะจ๊ะ...
ร้านอาหารในเมืองเคปเจอราโดมีเยอะมากมายนับไม่หวาดไหว นั่นเป็นเพราะฝรั่งนิยมชมชอบการกินอาหารนอกบ้าน...มีทั้งร้านอาหารแม็กซิกัน อเมริกัน ญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน...แต่ยังไม่มีร้านอาหารไทยที่เมืองนี้เลย...ร้านรวงในย่านธุรกิจการค้าไม่ใช่เป็นอาคาร หรือตึกแถวแบบเมืองไทยอาจเป็นเพราะที่นี่ไม่ใช่เมืองใหญ่ ที่ดินเลยไม่แพงมาก ทำให้นักลงทุนซื้อที่เป็นของตนเองแล้วสร้างอาคารชั้นเดียวโดด ๆเฉพาะของใครของมัน ห่าง ๆ กัน มีที่จอดรถเพียงพอสำหรับลูกค้าถนนหนทางก็แบบใยแมงมุม รถราก็ไม่ได้หนาแน่นควักไขว่เหมือนกรุงเทพ พัทยา เชียงใหม่ หรือโคราช....รถแล่นกันสบาย ๆ ที่สำคัญ ไม่มีสิงห์มอไซ สร้างความรำคาญเลย
วันถัดมา มาดามต้องไปทำความรู้จักพ่อแม่สามี และขนเครื่องนอนจากบ้านท่าน (ดีจุงงง ประหยัดได้เยอะเลย) เพราะสองวันหลังจากที่ไปถึงบ้านคีธ แม่คีธโทรมาถามลูกชายว่าลูกสะใภ้เป็นยังไง...กินได้ นอนหลับ หรือว่า Jet lag หรือเปล่า...คีธก็บอกไปว่า โอเค แต่ว่าตอนนี้มาดามยึดโซฟาเป็นที่นอน จะต้องไปซื้อเตียงและเครื่องนอน...แม่คีธเลยบอกว่าต้องซื้อทำไมให้ไปขนมาจากบ้านท่าน ยกชุด ทั้งเตียงเครื่องนอนและ คาบิเน็ท
...จินตนาการไม่ออกเหมือนกันพวกท่านจะเป็นยังไง ในใจเกรงว่า ฝรั่งจะดูแคลนคนไทยหรือเปล่า...แต่ก็ผิดคาด พ่อแม่คีธ น่ารัก อบอุ่นที่สุด...มาดามเรียกพวกท่านว่า แด๊ด-มัม ซึ่งปกติสะใภ้ฝรั่งจะเรียกแค่ชื่อพ่อแม่สามี (ต่างจากคนไทย และคนเอเชียหลายชาติ)...พวกเราพูดคุยกันสักพักก็ลงไปที่ห้องนอนที่อยู่ข้างล่าง (ฝรั่งเรียก เบสเม้นท์แต่บ้านเราเรียกห้องใต้ดิน) ซึ่งเป็นห้องนอนเดิมของคีธ...ลำดับแรกเอาที่นอนขึ้นมาก่อน...มันหนักเอาเรื่องทีเดียว แด๊ด ดูแข็งแรงกว่าลูกชายมว๊าก...คีธหอบแฮ่ก ๆ เหงื่อไคลไหลย้อย ส่วนแด๊ด แม้ว่าปีนี้อายุ 82 ปีแต่ไม่มีท่าว่าจะเหนื่อยหอบแต่อย่างใด...ถ้าท่านผู้ชมยังไม่เคย อ่านเรื่องระหว่าง มาดามกับพ่อแม่คีธ คลิกอ่านได้ที่นี่ "สะใภ้ต่างแดน"
ติดตามอ่านตอนต่อไป Life In USA-3
คลิกอ่าน ตอน มาดามฟราย เทคโอเวอร์ครัวฝรั่ง
อ่านเรื่องอื่น ๆ คลิกที่นี่จ้ะ
เก่งจังคะ มิน่าเล่าเรื่องราวถ่ายทอดได้น่าอ่านมากมาย
ขอบคุณคะ ...