มาดามฟราย...ชีวิตที่เลือกเอง กับ ฝันที่เป็นจริง
 
Life In USA-2 ตอน มาดามฟราย ตลุยตลาดฝรั่ง

Life In USA-2 ตอนมาดามฟราย ตลุยตลาดฝรั่ง

คีธทำอาหารกลางวันให้กินอยู่ประมาณสามวันเสบียงก็เกลี้ยงเราจึงไปที่วอลมาร์ทเพื่อซื้อเสบียงกัง และของใช้ที่จำเป็นของมาดามเอง...ในรูป คือ อาหารที่คีธทำ มี ทาโคส์ กับ เบอร์เกอร์

ที่ห้างวอลมาร์ทมาดามเดินตามคีธต้อยๆ ดูผักก็หน้าตาแปลก ๆ ดูป้ายราคาแล้วคูณด้วย 33 บาท ก็ต้องสะดุ้ง ค่าเงินดอลฯ กับเงินบาทไทยต่างกันสามสิบสามเท่า...อยู่เมืองไทยกว่าจะหาเงินได้แต่ละบาทเลือดตาแทบกระเด็น...เงิน 33 บาทซื้อผักที่ตลาดนิคมบางปูได้เป็นตะกร้า เรื่องจริง...ไม่ได้โม้ เพราะว่าซื้อจากร้านขายส่งไง  ที่นั่นมีตลาดขายส่งผักขายเฉพาะตอนเช้า  ซื้อขีดนึงเขาก็ชั่งกิโล มาดามจ่ายค่าผักไม่เกิน 60 บาทกินได้เป็นอาทิตย์เลยแหละ...ส่วนตอนเย็นแม่ค้ารายย่อย จะเอาผักมานั่งกำเป็นกำ ๆ 3 กำ 10 บาท คละกันไปได้ กำไรพะเรอเกวียนเลยละพี่น้อง!!!

ผักแต่ละอย่างที่เมืองฝรั่ง ราคาสองถึงสี่เหรียญบางอย่างราคาตามน้ำหนัก บางอย่างเป็นราคาต่อแพ็ค หรือต่อลูก หรือต่อกำ...พี่คีธเป็นคนที่ซื้อของแบบรวดเร็วเหมือนกำลังเข้าแข่งขันช้อปปิ้งที่เคยดูในรายการโชว์ที่เมืองไทยสมัยสาว ๆ เลย (เด็กรุ่นใหม่คงเกิดไม่ทันมั้ง..เล่าให้ฟังนิดก็ได้...รายการโชว์จะตั้งเวลาให้ผู้เข้าแข่งขันหิ้วตะกร้าไปคว้าของในห้างสรรพสินค้า อะไรก็ได้ เอามาให้มาก เอาให้แพงๆ...ถ้าไม่วางแผนมาว่าจะเอาอะไรก็จะเสียเวลานึกคิด เงอะๆ งะ ๆ เวลาก็จะหมดของก็ได้น้อย ประมาณนี้แหละ)

ที่นี่ไม่มีของที่มาดามต้องการ เช่น มะขามเปียก กะปิ น้ำปลา พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ถั่วฝักยาวมะละกอ กุ้งแห้ง ถั่วลิสงดิบ/คั่ว (มาดามอยากกินส้มตำ ต้มยำ ผัดกระเพา ท่านผู้ชม) มีหอมแดงแต่แพงเกินหัวละ 66 บาทแน่ะ ส่วนมะเขือมีแต่สีม่วง ซึ่งไม่เคยกิน ฟักทองที่ชอบก็ไม่มี...เห็นลูกสควอทคิดว่าเป็นฟักทองเกือบซื้อมานึ่งซะแล้ว...แตงกวาก็หน้าตาแปลก...คะน้าก็แปลก ๆ ไม่น่ากิน ส่วนผักชี กับ โหระพานั้นไม่มีวางขายเป็นกำ/แพ็ค แต่เขาปลูกในกระถางพลาสติกดำ ใบก็เฉา ๆ เหมือนอยากตาย มาดามไม่กล้าซื้อ คิดว่า เมื่อพ้นหน้าหนาวไปแล้วจะต้องซื้อเมล็ดมาปลูกเพราะเห็นขายที่อีเบย์เยอะ...  

มีอาหารสำเร็จรูปพร้อมกินบรรจุในกล่องอย่างดีวางในชั้นตู้เย็นมากมายก่ายกองให้เลือกซื้อ แค่ดูรูปที่หน้ากล่องมาดามก็น้ำลายจะหก...อยากจะเหมาทั้งตู้ไปเลย เมืองฝรั่งเขาผลิตอาหารสำเร็จรูปขายอย่างเป็นล่ำเป็นสันจริงๆ....คีธซื้อ พิซซ่ายักษ์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ใหญ่กว่าเมืองไทยเพราะพิซซ่าที่นี่บางมาก สนนราคาไม่ถึงสองร้อยบาท แต่เมืองไทย เคยเห็นราคา 199, 299 และ 300+เล็กกว่า...คีธบอกว่าคนอเมริกันชอบกินพิซซ่า....เพราะความที่เค้าซื้อของเร็วๆ ทำให้มาดามไม่ทันมีเวลาสังเกตว่ามีอาหารจากเมืองไทยขายที่นี่หรือเปล่า

วอลมาร์ท เป็นห้างอารมณ์เดียวกับเทสโก้โลตัส แต่ว่ามีมากแผนกกว่า คือมี แผนกซุปเปอร์มาร์เกต ขายผัก ผลไม้อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารสำเร็จรูปจากโรงงาน และที่ผลิตเองจากครัวของห้างทุกวันมีแผนกอาหารแห้ง หรือ Grocery สารพัดชนิด และแบรนด์ รวมทั้งแบรนด์ของห้างเองคือ Great Value ราคาจะถูกว่า แบรนด์อื่น...แผนกเบเกอรี่ มีขนมอบหลากหลายชนิดล้วนแต่น่ากิน..แผนก Dairy products แผนกอาหารเนื้อสด หมูไก่ เนื้อ ไส้กรอก เบคอน แฮม ชีสต่าง ๆ..แผนกเสื้อผ้า-รองเท้า-กระเป๋า,ของใช้ในบ้าน-นอกบ้าน, ของใช้ประจำวัน, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อิเลคทรอนิคส์,คอมพิวเตอร์-มือถือ, แผนกเครื่องมือทำสวน-ต้นไม้-ดอกไม้-ดิน-ปุ๋ย,แผนกยาและเวชภัณฑ์...มันเยอะมากเลยนะ บรรยายไม่หมดหรอก ..คนที่อยู่เมการู้ดี....แต่มันยังมีห้างอื่น อีกที่พอจะซื้ออาหารการกินและเครื่องดื่มได้ เช่น Schnucks ซึ่งมีสาขาไปทั่วเรียกว่า ประกบคู่ไปกับวอลมาร์ทเลยทีเดียว

ออกจากวอลมาร์ทก็ไปแวะซื้ออาหารกลางวันสำเร็จรูปจากร้านอาหารจีน China Wok เป็นร้านแบบสั่งซื้อกลับบ้าน สนนราคาอยู่ระหว่าง 5.50-12.99 เหรียญ/รายการ ที่ร้านนี้มาดามเห็นแค่ผู้หญิงคนนึงประจำหน้าเค้าน์เตอร์รอรับออเดอร์และผู้ชายอีกคนอยู่ข้างในเป็นเชฟ...โฮ!! แค่สองคนก็เปิดร้านอาหารได้!!! ร้านไม่กระจอกด้วยนะ...คีธซื้อสำหรับแค่กลางวันสองมื้อเพราะเขาต้องขับรถออกมาซื้อเบียร์ทุก ๆ สองวัน เหตุผลที่ต้องออกมาทุกสองวันโดยไม่เสียดายเชื้อเพลิงคือ “ผมชอบเข้าไปในเมืองทุกสองวัน”....อึ้งกิมกี่!!!

บางครั้งเราก็ซื้อมื้อกลางวันที่ร้าน Popeyes เป็นร้านอาหารแบบเข้าไปสั่งและนั่งกินในร้านได้ดีสำหรับคนขี้เกียจล้างจานที่บ้าน หรือหิวจัดส่วนคนที่ไม่ขี้เกียจเอาจานใส่เครื่องล้าง หรือไม่หิวจัด ก็สามารถใช้บริการแบบ ไดรฟ์ทรู (Drive thru) สั่งซื้อโดยที่ไม่ต้องเดินเข้าไป แค่จอดรถตรงบอร์ดที่จัดแสดงรูปรายการอาหารและราคา ก็จะมีเสียงพนักงานหญิงกล่าวสวัสดีผ่านลำโพงมา และถามว่าจะสั่งอะไร คีธก็สั่งไปพนักงานก็จะทวนรายการเพื่อกันความผิดพลาดจากนั้นคีธก็ขับรถเข้าไปตรงจุดที่จะรอรับอาหารเป็นหน้าต่างมีพนักงานหญิงนั่งบริการอยู่...คนซื้อก็ลดกระจกรถลง จ่ายเงิน รับบิล รอและรับอาหาร ขับออกไป...รถคนอื่นที่เข้าคิวรอข้างหลังขับเลื่อนเข้ามาตามลำดับ ๆ...ราคาอาหารแต่ละอย่างไม่ต่ำกว่าสี่เหรียญคิดเป็นเงินไทยได้ 132 บาท กินสองคนก็ 264 บาท คูณ 2 มื้อก็ 582 บาท คูณ 30 วัน ก็ 17,460 บาท นี่แค่ขั้นต่ำของมื้อกลางวันนะจ๊ะ...

ร้านอาหารในเมืองเคปเจอราโดมีเยอะมากมายนับไม่หวาดไหว นั่นเป็นเพราะฝรั่งนิยมชมชอบการกินอาหารนอกบ้าน...มีทั้งร้านอาหารแม็กซิกัน อเมริกัน ญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน...แต่ยังไม่มีร้านอาหารไทยที่เมืองนี้เลย...ร้านรวงในย่านธุรกิจการค้าไม่ใช่เป็นอาคาร หรือตึกแถวแบบเมืองไทยอาจเป็นเพราะที่นี่ไม่ใช่เมืองใหญ่ ที่ดินเลยไม่แพงมาก ทำให้นักลงทุนซื้อที่เป็นของตนเองแล้วสร้างอาคารชั้นเดียวโดด ๆเฉพาะของใครของมัน ห่าง ๆ กัน มีที่จอดรถเพียงพอสำหรับลูกค้าถนนหนทางก็แบบใยแมงมุม รถราก็ไม่ได้หนาแน่นควักไขว่เหมือนกรุงเทพ พัทยา เชียงใหม่ หรือโคราช....รถแล่นกันสบาย ๆ ที่สำคัญ ไม่มีสิงห์มอไซ สร้างความรำคาญเลย

วันถัดมา มาดามต้องไปทำความรู้จักพ่อแม่สามี และขนเครื่องนอนจากบ้านท่าน (ดีจุงงง ประหยัดได้เยอะเลย) เพราะสองวันหลังจากที่ไปถึงบ้านคีธ แม่คีธโทรมาถามลูกชายว่าลูกสะใภ้เป็นยังไง...กินได้ นอนหลับ หรือว่า Jet lag หรือเปล่า...คีธก็บอกไปว่า โอเค แต่ว่าตอนนี้มาดามยึดโซฟาเป็นที่นอน จะต้องไปซื้อเตียงและเครื่องนอน...แม่คีธเลยบอกว่าต้องซื้อทำไมให้ไปขนมาจากบ้านท่าน ยกชุด ทั้งเตียงเครื่องนอนและ คาบิเน็ท

...จินตนาการไม่ออกเหมือนกันพวกท่านจะเป็นยังไง ในใจเกรงว่า ฝรั่งจะดูแคลนคนไทยหรือเปล่า...แต่ก็ผิดคาด พ่อแม่คีธ น่ารัก อบอุ่นที่สุด...มาดามเรียกพวกท่านว่า แด๊ด-มัม ซึ่งปกติสะใภ้ฝรั่งจะเรียกแค่ชื่อพ่อแม่สามี (ต่างจากคนไทย และคนเอเชียหลายชาติ)...พวกเราพูดคุยกันสักพักก็ลงไปที่ห้องนอนที่อยู่ข้างล่าง (ฝรั่งเรียก เบสเม้นท์แต่บ้านเราเรียกห้องใต้ดิน) ซึ่งเป็นห้องนอนเดิมของคีธ...ลำดับแรกเอาที่นอนขึ้นมาก่อน...มันหนักเอาเรื่องทีเดียว แด๊ด ดูแข็งแรงกว่าลูกชายมว๊าก...คีธหอบแฮ่ก ๆ เหงื่อไคลไหลย้อย ส่วนแด๊ด แม้ว่าปีนี้อายุ 82 ปีแต่ไม่มีท่าว่าจะเหนื่อยหอบแต่อย่างใด...ถ้าท่านผู้ชมยังไม่เคย อ่านเรื่องระหว่าง มาดามกับพ่อแม่คีธ คลิกอ่านได้ที่นี่ "สะใภ้ต่างแดน"


ติดตามอ่านตอนต่อไป Life In USA-3

คลิกอ่าน ตอน มาดามฟราย เทคโอเวอร์ครัวฝรั่ง

อ่านเรื่องอื่น ๆ คลิกที่นี่จ้ะ






Create Date : 08 ตุลาคม 2558
Last Update : 20 ตุลาคม 2558 1:34:01 น. 4 comments
Counter : 1770 Pageviews.  
 
 
 
 
ตามไปอ่านแล้วคะ เขียนใน blogspot.com ด้วยรึคร้า
เก่งจังคะ มิน่าเล่าเรื่องราวถ่ายทอดได้น่าอ่านมากมาย
ขอบคุณคะ ...
 
 

โดย: Tui Laksi วันที่: 8 ตุลาคม 2558 เวลา:10:04:45 น.  

 
 
 
ค่ะ มาดามเขียนที่ Blogspot 2 บล็อกค่ะ อีกบล็อกนึงจะเป็นแนว อาหาร สุขภาพ และวางแผนจะเขียนเกี่ยวกับ พืชผักสวนครัว สิ่งประดิษฐ์ ตกแต่งบ้านอะไรแถว ๆ เนี้ยละค่ะ เลยตั้งชื่อบล็อกไว้ว่า Home Sweet Home แต่ว่าคนอ่านน้อย เลยไม่ได้โพสต์มากนัก มาดามเลยหนีมาสิงสถิตย์อยู่ Bloggang นี่แหละค่ะ กะว่าจะมาทุกอย่างไว้ที่นี่เลย...
ถ้าคุณตุ้ย ได้อ่านโพสต์แรกของมาดาม ก็จะทราบละค่ะ ว่ามาดามอยู่ที่ blogspot มาก่อน และมาดามวางลิ้งค์ไปที่นั่น ไว้ตอนท้ายโพสต์ด้วย เพียงแต่โพสต์หลัง ๆ มีไม่ได้ลิ้งค์ 2-3 โพสต์ค่ะ เพราะคิดว่าส่วนมากแวะไปอ่านกันแล้วน่ะค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำชม และติดตามกันมานะคะ
 
 

โดย: มาดามฟราย (สมาชิกหมายเลข 1963584 ) วันที่: 8 ตุลาคม 2558 เวลา:21:04:54 น.  

 
 
 
คุณมาดามพี่ ควรแกล้งทำลืมๆอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยบ้างก็ดีนะคะ เวลาไปช้อปปิ้งในซุปเปอร์ฯ จะได้แฮปปี้ 555 เราไม่เคย convert ค่าเงิน Euro เป็น ไทยบาทเลยค่ะ เลิกทำมานานล่ะ ..ยิ่งช่วงนี้ ยูโรต่ำเตี้ยเรี่ยดิน! แอบชีช้ำนะเนี่ย ...
พูดถึง ถนนหนทางเวลาขับรถในอเมริกา...หูย...ถนนสร้างมาได้กว้างขวางใหญ่มากมาย(หากเทียบกับที่เยอรมัน) แต่ที่เราไม่เข้าใจคือ ทำไมเค้าถึงมี speed limit กันตลอดคือขับได้ทุกเลน แต่ห้ามเกินสปีดลิมิตที่กำหนดไว้ ซึ่งต่างกับที่เยอรมันค่ะ ที่นี่ในบางช่วงจะ "ไม่มีสปีดลิมิต" เหยียบคันเร่งไปเลยให้มิด...555 แต่พอถึง โซนที่กำหนดให้มี สปีดลิมิต หากไม่ทำตามจะโด๊นนนนนนน ค่าปรับอย่างแพรงงงง กล้องติดจับกันถ้วนทั่ว (เออ ที่เมกาไม่มีกล้องติดตามถนนเนอะไว้จับภาพรถที่ขับเร็ว ใช่มั๊ยคะ) เด็ดกว่านั้น บางโซนมันก็ขยันดันติด เรดาร์ อีกตะหาก ฮ่วยยยยย อิช้านนะโดนมาแย๊ว แง๊...
 
 

โดย: Max Bulliboo วันที่: 9 ตุลาคม 2558 เวลา:14:12:20 น.  

 
 
 
โธ่ มันลืมไม่ลงจริง ๆ ค่า มันอยู่ในไขกระดูกไปซะแร้วว์ แต่ยังหวังว่ากาลเวลาอาจช่วยได้ค่ะ...
Speed limit กำหนดไว้เพื่อความปลอดภัยค่ะ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเขตเมือง เขตชุมชน เขตโรงเรียน จะใช้ได้ไม่เกิน 35, 45, 55 mile/hr. แต่ถ้าขับบน Highway ได้ 70 mile/hr ถ้าเกินนั้น และความซวยมาเยือนในบางวัน ก็จะมี ตร. มาซุ่มยิงเรดาร์มือถือ ...คีธบอกที่เคปเจอราโดไม่ติดตั้งกล้องค่ะ ใ้ช้งาน ตร. ให้เป็นประโยชน์ ส่วนเมืองอื่นจะติดกล้องหรือเปล่า อันนี้ไม่ทราบจริง ๆ เพราะนโยบายการบริหารจัดการของแต่ละรัฐ และเมืองก็จะแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น การเก็บภาษีรายได้จากการทำงานทางอินเตอร์เน็ท บางรัฐเรียกเก็บจากบริษัทผู้จ่ายเงินรายได้นั้น โดยต้องรายงาน และหักภาษีนำส่งให้ แต่บางรัฐ ก็ไม่ค่ะ มาดามอยู่มิสซูรี่ ซึ่ง "งก" เก็บภาษีรายได้แบบนี้ ทำให้ ผู้ประกอบการ e-commerce บางเจ้า เช่น Amazonไม่ยอมยุ่งด้วยค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาแชร์ค่ะ
 
 

โดย: มาดามฟราย (สมาชิกหมายเลข 1963584 ) วันที่: 9 ตุลาคม 2558 เวลา:21:24:42 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

สมาชิกหมายเลข 1963584
 
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาดามฟรายค่ะ...
ข้ามห้วยมาไกล...ขอจอยน์ด้วยคนนะคะ
หากอ่านแล้วมีความคิดเห็นยังไง
ก็กระซิบกระซาบมาให้ได้ยินได้อ่านบ้าง
หรือเชิญมาดามไปเยี่ยมที่บล็อกของเพื่อนบ้าง
ด้วยความยินดีค่ะ...
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามา
และทุก ๆ ท่านที่ติดตามประจำนะค๊า
New Comments
[Add สมาชิกหมายเลข 1963584's blog to your web]

MY VIP Friends


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com