Group Blog
 
 
กันยายน 2554
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
17 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
ไส้ติ่ง.... บทสรุปสุดท้าย

บล๊อกนี้น่าจะยาวมากๆ เพราะฉันเขียนอะไรให้สั้นกระชับและได้ใจความแบบคนอื่นเค้าไม่เป็น แต่ฉันก็ไม่อยากยืดเรื่องนี้ออกไปหลายบล๊อก ดังนั้นผ่านไปเลยนะคะสำหรับคนไม่ชอบอ่านอะไรนานๆ แต่ถ้าเริ่มอ่านแล้วห้ามเลิกกลางคันด้วย เพราะฉันตั้งใจเขียน และพยายามลงรายละเอียดเท่าที่ฉันจะจำได้ เพราะอย่างน้อยคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ขึ้นเตียงพิเศษๆแบบนี้จะได้รู้ไว้ เผื่อใจว่าหากมันจะต้องเกิดกับคุณ จะได้รู้ทางหนีทีไล่เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้



=================================================================




26 August 2011


หลังจากเซ็นต์ใบยินยอมการผ่าตัด และเลือกห้องพักเรียบร้อย น้องผู้ช่วยพยาบาลก็พาฉันไปที่ตึกเฉลิมพระบารมีชั้น 14 ห้อง 14 เปิดห้องเข้าไปเจอพยาบาลและผู้ช่วยยืนกันอยู่เต็มระเบียง กำลังดูการซ้อมหนีไฟอพยพอะไรซักอย่าง ฉันเลยเดินไปร่วมวงดูกับเค้าด้วย น้องผู้ช่วยพยาบาลที่มาส่งฉันก็บอกดังๆ "คนไข้แอดมิทจ้า" วงแตกค่ะ อิ อิ และคุณพยาบาลคนสวยคนนึงก็หันซ้ายหันขวา ถามฉันและน้องผู้ช่วยพยาบาล "แล้วคนไข้อยู่ไหนล่ะ" พี่นี่แหละค่ะคนไข้.... ฉันยืนยิ้ม "อุย.... ทำไมดูแข็งแรงจังเลยคะ" ฉันก็ตอบไปว่าฉันยังไม่เชื่อเลยว่าฉันเป็นไส้ติ่งอักเสบ คุณน้องคนงามอ่านใบรายงานส่งตัวฉัน แล้วบอกให้ฉันฉิ้งฉ่องใส่แก้วพลาสติกเพื่อนำไปตรวจ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคนไข้สีฟ้า เปลื้องเครื่องในออกให้หมด สร้อย แหวน ถอดเก็บให้สิ้น หลังจากนั้นจะให้น้ำเกลือ และห้าโมงครึ่งจะมีเจ้าหน้าที่พาไปห้องผ่าตัด น้องพยาบาลอีกคนที่นำชุดมาให้ฉันเปลี่ยน มองเล็บฉันแล้วหัวเราะ "สีเล็บแรงมากค่ะ แต่ต้องล้างออกให้หมดนะคะ เดี๋ยวหนูมาล้างให้".... แล้วก็ล้างเล็บให้ฉันจนเกลี้ยง แม้ฉันจะบ่ายเบี่ยงว่าฉันล้างเองได้


((ระหว่างผ่าตัดหมอต้องสังเกตุเล็บเราด้วย ถ้าเล็บเปลี่ยนสีขึ้นมาจะได้เป็นที่สังเกตุได้ง่าย เพราะธรรมดาเล็บนี่บอกถึงความผิดปรกติหรือมีโรคภัยได้เหมือนกัน แล้ววันนั้นฉันทาสีเขียว Stranger Tides ถ้าไม่ล้างออกซะก่อน หมอคงคิดว่าฉันอยากหลับไม่ตื่นแน่ๆเพราะเล็บเขียวซะขนาดนั้น))


ซักพักพยาบาลก็มาให้น้ำเกลือที่หลังมือซ้าย แล้วก็ชวนฉันคุยนั่นนี่ เลยทำให้ฉันได้รู้ว่าคุณหมออานนท์ที่เป็นเจ้าของไข้ เป็นคุณหมอที่ละเอียดมากกกกกกกกก ทำให้ฉันอุ่นใจขึ้นมาอีกหลายกอง.... เมื่อฉันเดินร่อนไปทั่วห้องไม่ได้ ก็นั่งๆนอนๆดูทีวี หันซ้ายหันขวาสังเกตุห้องพัก จำได้ว่าสองปีที่แล้วแม่ฉันต้องมานอนที่ศรีพัฒน์เพราะอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร ห้องพักฟื้นของแม่ดูดีกว่าของฉันอีก มีรูปภาพดอกไม้สวยงามแขวนในหลายมุม มีโต๊ะนั่งทำงาน และโซฟาตัวโตสีขาว แต่ห้องนี้ดูเก่ากว่า โซฟาสีน้ำตาลทึมไม่สว่างตาเลย ส่วนอย่างอื่นมีเหมือนๆกัน ไมโครเวฟ ตู้เย็น ทีวี เตียงสำหรับคนเฝ้าไข้ และห้องที่ดูกว้างกว่าเล็กน้อย.... ฉันนอนกลิ้งไปกลิ้งมา เหลือบมองโต๊ะหัวเตียงเห็นป้ายว่ามีบริการ wifi ฟรี ขอ ps ได้จากพยาบาล ฉันคว้าโทรศัพท์รีบกดไปหาแม่ ให้เอา laptop มาให้ด้วย แต่มานึกอีกทีมันคงดูน่าหมันไส้มากกว่า อดใจไว้กลับไปเล่นที่บ้านละกัน


เกือบสี่โมงเย็นแม่มาถึง ถามว่าฉันเป็นยังไงบ้าง ฉันบอกว่าฉันอยากผ่าตัดให้เร็วที่สุด ฉันไม่ชอบการรอคอย เวลาที่คืบคลานไปอย่างช้าๆมันทำให้ฉันฟุ้งซ่าน


17.30 น เจ้าหน้าที่เปลและน้องพยาบาลนำรถเข็นมารับไปห้องผ่าตัด ฉันขอว่าเดินไปเองได้ไหม ฉันยังเดินไหว ท้องก็ไม่ได้ปวดอะไรนักหนา.... คำร้องขอไม่เป็นผล ฉันต้องนั่งรถเข็นยอมรับสภาพของคนป่วย ก่อนออกห้องฉันหันไปยิ้มให้แม่เพื่อไม่ให้แม่เป็นห่วง "ไปแล้วนะแม่"


เราลงลิฟท์จากตึกเฉลิมพระบารมี เพื่อย้ายไปตึกศรีพัฒน์ แล้วขึ้นไปที่ชั้น3 (หากฉันจำไม่ผิด).... การเดินทางสั้นๆจากตึกนึงไปอีกตึกดูช่างยาวนานทั้งที่อยู่ติดกัน เรามาหยุดอยู่หน้า OR (Operating Room) วูบแรกของความกลัวเริ่มพัดเข้ามาในใจ


เจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัดออกมารับ และบอกให้ฉันเปลี่ยนขึ้นไปนอนบนเตียงที่อยู่ด้านใน ซึ่งมีแค่ช่องประตูเปิดกว้างแบ่งอาณาเขต ว่าถ้าผ่านประตูบานนี้ไป ตรงนี้คือส่วนต้องห้ามสำหรับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง แม้แต่เจ้าหน้าที่เปลและพยาบาลที่มาส่งฉันยังไม่สามารถก้าวล้ำเข้าไปได้.... เจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัดถามชื่อฉันระหว่างที่ตะกายขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วก็บอกว่าฉันดูไม่เหมือนคนไข้ที่กำลังจะผ่าตัดเลย


ฉันถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด เห็นมนุษย์ scrub ชุดเขียวเต็มไปหมด เอ่อ.... ฉันแค่ผ่าไส้ติ่งไม่ใช่เหรอ ทำไมใช้บุคลากรเยอะจัง จากเตียงที่เข็นมาฉันต้องมาเปลี่ยนขึ้นเตียงผ่าตัดของจริงอีกครั้ง พยาบาลกรูเข้ามาเพื่อช่วยย้ายฉันไปอีกเตียง แต่ฉันรีบลุกนั่ง "ไหวค่ะ" แล้วย้ายก้นทีเดียวไปนอนสบายอยู่อีกเตียง พี่พยาบาลที่นั่งอยู่หัวเตียงบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วอบอุ่นมากๆ "ขยับตัวขึ้นมาหาพี่นะคะ พี่จะเก็บผมให้" "หนาวมั้ยคะถ้าหนาวเดี๋ยวพี่ปิดแอร์ให้นะ" จากนั้นก็ถูกจับแก้ผ้าล่อนจ้อน "ขอถอดเสื้อผ้านะคะ" โดยมีผ้าห่มบางๆคลุมไว้ แขนทั้งสองข้างต้องกางออกและมีผ้าห่อไว้มิดชิด(เพื่ออะไรไม่รู้)มีการวัดความดัน จับชีพจร พยาบาลอีกสองคนช่วยกันรัดขาฉันไว้กับเตียง อารมณ์นี้เหมือนขึ้นเขียงจริงๆเลยคุณผู้ชม ฉันคงเริ่มหน้าไม่ดี พี่พยาบาลคนสวยเลยชวนคุย "รู้สึกยังไงบ้างคะตอนนี้" "กลัวค่ะ" ฉันเริ่มเสียงสั่น "ธรรมดาเนอะก็คนไม่เคยนี่ แต่ไม่มีอะไรน่ากลัวนะคะทำตัวสบายๆค่ะ" แล้วก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามา "สวัสดีค่ะ หมอดมยานะคะ" "สวัสดีค่ะ" ฉันขานรับเพราะมือไม่ว่างที่ยกมาสวัสดีคุณหมอแล้ว คุณหมอซักถามว่าฉันเคยถูกวางยาสลบไหม เคยผ่าตัดรึเปล่า แพ้ยาอะไรหรือไม่.... คำตอบทั้งสามข้อคือ ไม่เคยค่ะ


ระหว่างที่รอคุณหมอหน้านิ่ง คุณหมอวิสัญญีก็เอาที่ครอบจมูกมาครอบ "ดมออกซิเจนไปเล่นๆก่อนนะคะ" คงเพราะเห็นฉันเริ่มกระสับกระส่าย มองไฟผ่าตัดที เหลียวมองซ้ายทีขวาที อย่างคนที่พยายามบำบัดความกลัวของตัวเอง ด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจ แต่สิ่งที่ฉันเห็นมันทำให้ใจฝ่อลงไปอีก เครื่องไม้เครื่องมืออะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด.... งือๆๆๆ


จากที่ไม่กลัวทำตัวแสนเก่ง ตอนนี้หัวใจฉันมันเต้นผิดสเต็ปไปแล้ว ทำไมคุณหมออานนท์ไม่มาซะที มาผ่าๆให้มันรู้เป็นรู้ตายไปเลยดีกว่า ฉันไม่ชอบโมเม้นท์นี้เลย นอนนิ่งๆอยู่กับตัวเอง มันทำให้คิดฟุ้งซ่านนั่นนี่ไปหมด


เสียงพยาบาลและหมอดมยาคุยกันจุ๊งจิ๊งๆอยู่บนหัวฉัน ฉันเลยใช้วิธีตั้งใจฟังสองสาวคุยกันเพื่อให้ลืมสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง (จริงๆเปล่าหรอก ฉันมันพวก"เรื่องของชาวบ้านคืองานของเรา" เลยอดไม่ได้ ฮ่า ฮ่า).... อีกซักแป๊บก็ได้ยินมนุษย์ชุดเขียวคนนึงส่งเสียงมาจากทางประตูห้อง "อาจารย์อานนท์มาแล้ว" และทุกคนก็รีบประจำที่ ห้องเงียบกริบ อืม.... คุณหมอของฉันคงมีของอยู่ไม่น้อยทุกคนถึงมีอาการแบบนี้


อีกอึดใจใหญ่ๆ มนุษย์ชุดเขียวที่สำคัญที่สุดของห้องก็มาถึง ฉันหันไปมองคุณหมอ(ของฉัน) หุ หุ คุณหมอเซ็กซี่น่ารักมาก เหมือนใส่ชุดนอนมาผ่าตัด.... กร๊ากกกกกก นี่พูดจริงๆนะ เพราะเวลาฉันไปโรงพยาบาลไม่ว่าจะที่ไหน เวลาเห็นหมอผ่าตัดจะชุดเขียวหรือชุดฟ้า(ที่เมืองนอกฉันมักจะเห็นศัลยแพทย์ในชุดสีฟ้า)ฉันต้องมองตามจนเหลียวหลัง สำหรับฉันชุดแบบนี้มันมีเสน่ห์มากๆ(เอ.... เข้าข่ายโรคจิตรึเปล่าหว่า).... คุณหมอยิ้มพร้อมกับโบกมือให้ โบกมือแบบนี้แปลว่าเดี๋ยวเจอกัน หรือลาก่อนคะหมอ ตอนนี้ฉันกลัวจนเก็บอาการไม่อยู่ เผลอถอนหายใจดังเฮือก คุณหมอดมยาเลยรีบจัดการกับฉัน "ไม่มีอะไรค่ะ ไม่ต้องกลัว ดมยาดีกว่าเนอะ" สิ้นเสียงคุณหมอความรู้สึกฉันก็ดับวูบไปทันที


"คุณประภัสสรคะ คุณประภัสสร.... ตื่นได้แล้วค่ะ" ใครเรียกฉันแล้วมาตีแขนฉันทำไม อูยยยย.... เจ็บท้องมากๆเจ็บมากกว่าที่คาดไว้เยอะเลย แถมยังรู้สึกหนาวสะท้านเข้าไปถึงตับไต พยาบาลเพิ่มความอุ่นให้กับผ้าห่มไฟฟ้าที่คลุมฉันอยู่เมื่อเห็นฉันสั่น "เป็นยังไงบ้างคะ" พยาบาลคนหนึ่งถามฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ทุกอย่างโอเครึเปล่าคะ ผ่าตัดนานรึเปล่า" ฉันไม่ตอบคำถาม แต่ถามสวนกลับไป "อืม.... เรื่องการผ่าตัดคงต้องถามคุณหมอ แต่ใช้เวลาไปสองชั่วโมงกว่าค่ะ" คุณพยาบาลหยิบใบรายงานการผ่าตัดขึ้นมาดู "สองชั่วโมงกว่า" ตอนนี้ฉันตกใจยิ่งกว่าก่อนผ่าตัดอีก เท่าที่เคยรู้มาผ่าตัดไส้ติ่งมันใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเคสฉันมันนานอย่างนี้อ่ะ "ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ" ความสงสัยของฉันยังไม่จบแค่นั้น "สี่ทุ่มกว่าแล้วค่ะ" อูยยย ป่านนี้แม่ฉันจะห่วงฉันขนาดไหนก็ไม่รู้ ฉันลงมาตั้งเกือบห้าชั่วโมงแล้ว และตอนนี้ฉันรู้สึกไม่ดีเลยหอบเหนื่อยจนแทบขาดใจ ฉันบอกพยาบาลว่าหายใจไม่ได้ หอบ พยาบาลถามว่ามียาพ่นไหม จะเอายาพ่นรึเปล่า เดี๋ยวจะให้เจ้าหน้าที่เอาลงมาให้ กำลังจะพยักหน้าตอบรับ ฉันก็ไอขึ้นมาซะก่อน ป๊าดโถะ.... อาการเจ็บสะท้านโลกันต์มันเป็นแบบนี้นี่เอง เจ็บเหมือนรถไฟสิบโบกี้กำลังวิ่งสวนไปมาอยู่บนท้อง แต่ไม่เจ็บเสียเที่ยว เพราะเสลดที่ติดอยู่ในคอก้อนเบ้อเริ่มมันก็ออกมาด้วย คุณพยาบาลรีบเอาทิชชู่มามาให้ฉันบ้วนทิ้ง แต่ฉันแย่งทิชชู่มาจัดการเอง แล้วม้วนเก็บส่งให้คุณพยาบาล


หลังจากหายใจคล่องขึ้นฉันก็บอกว่าฉันโอเคแล้ว ขอกลับขึ้นห้องได้มั้ย(ลืมบอกไป ว่าหลังผ่าตัดเค้าก็จะย้ายฉันออกมาที่ห้อง Recovery Room เพื่อตรวจสอบสัญญาณชีพรอดูอาการก่อนส่งกลับขึ้นห้องพักฟื้น)ฉันรู้สึกว่าใต้สะโพกมันแฉะๆเย็นๆเลยถามว่าทำไมถึงเปียก เปียกอะไร พยาบาลไม่ตอบ แต่รีบมาเปลี่ยนผ้าที่รองให้(ทุกวันนี้ยังสงสัยอยู่ว่ามันคืออะไร หวังว่าคงไม่ใช่เพราะฉันฉี่แตกตอนสลบนะ) และก็ใส่เสื้อผ้าให้.... ซักพักพนักงานเปลและพยาบาลที่อยู่ชั้น 14 ก็มารับฉันกลับห้อง ทันทีที่น้องพยาบาลเห็นหน้าฉันก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง ฉันไม่ตอบแต่ชูสองนิ้วให้ว่าสู้ตาย ทำเอาพยาบาลขำกลิ้ง


ขึ้นไปถึงห้องแม่ฉันยืนรอหน้าซีดอยู่ข้างเตียง หลานสาวที่กำลังเริ่มเข้าสู่วันรุ่นยืนกอดตุ๊กตาจ้องฉันตาโตอยู่ปลายเตียง แม่ถามว่าทำไมนานจังเป็นยังไงบ้าง ฉันบอกว่าฉันไม่เคยเจ็บอะไรอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต.... พยาบาลเดินมาบอกว่าคุณหมอสั่งยาฆ่าเชื้ออย่างแรงให้ ยาตัวนี้จะแรงหน่อย และถ้าปวดแผลให้เรียกพยาบาลขอมอร์ฟีนได้ทันที และจิบน้ำได้จากเหยือกที่อยู่ข้างเตียงเท่านั้น เวลาฉี่ก็ให้เก็บใส่ขวดที่อยู่ในห้องน้ำด้วย เพื่อเทียบกับการดื่มเข้าและปล่อยออก.... แต่ฉันไม่ได้ทำเลย แหะ แหะ


กำลังจะเคลิ้มหลับก็ได้ยินเสียงเล็กๆเบาๆ "ป้า ป้าแอ๊กจ๋า" "อะไรลูก" ฉันหันไปมองหลานสาวที่ยืนกอดตุ๊กตาหมียักษ์อยู่ข้างเตียง "อ่ะ.... หนูเอามาเผื่อป้าด้วยตัวนึง" พร้อมกับยื่นหมียักษ์สีขาวให้ฉัน "ไม่เอาลูกป้าเจ็บแผล กอดไม่ได้" "แล้วป้าจะนอนหลับเหรอ" หลานฉันรู้ดีว่าเวลาฉันนอนต้องมีหมอนข้าง ตุ๊กตาไว้ซ้ายขวาไม่งั้นนอนไม่หลับ "หลับซิลูก ป้าเจ็บแผลมากๆ".... จริงๆแล้วฉันอายต่างหาก เพราะตั้งแต่เจอหมอพยาบาล ทุกคนพูดทำนองเดียวกันว่าฉันเข็มแข็งดูไม่เหมือนคนป่วย เพราะภาพลักษณ์ฉันดูเป็นหญิงแกร่งหน้าตาแอบวีน แล้วถ้าใครมาเห็นว่าตอนนอนฉันกลายเป็นหญิงอ้อแอ้ นอนกอดตุ๊กตา คงได้ฮากระจายทั้งหมอและพยาบาล


ตีสองกว่าๆฉันปวดฉิ้งฉ่องและปวดแผลขึ้นมาจนน้ำตาแทบเล็ด "แม่ แม่.... แอ๊กปวดฉี่" แม่ฉันเด้งจากที่นอนทันที รีบลุกมากดปุ่มเรียกคุณพยาบาลว่าฉันอยากเข้าห้องน้ำ ฉันบอกแม่ว่าเรียกทำไมแค่พยุงฉันไปห้องน้ำก็พอ แม่บอกว่าฉันเพิ่งผ่าตัดได้ห้าชั่วโมงเองนะ จะลุกแล้วเหรอ


พยาบาลผมสั้นหน้าตาใจดีเดินเข้ามาพร้อมกับแวะหยิบโถฉี่จากห้องน้ำออกมาด้วย ฉันบอกว่าขอเข้าห้องน้ำเพราะไม่อยากปล่อยในโถ คุณพยาบาลถามว่าแน่ใจเหรอว่าไหว เพราะแค่พลิกตัวฉันก็โอดโอยแล้ว ฉันยืนยันว่าไหว แต่พอแม่กับคุณน้องพยาบาลช่วยพยุงฉันขึ้นฉันก็ร้องจ๊ากทันที มันเจ็บยิ่งกว่ารถไฟสิบโบกี้ทับอีกตอนนี้ เจ็บจนหูอื้อว่างั้นเถอะ คุณพยาบาลเห็นท่าไม่ดีบอกฉันว่าเดี๋ยวจะฉีดมอร์ฟีนให้ ฉันรีบส่ายหน้าบอกว่ายังทนไหว แต่แม่ฉันรีบบอกว่าฉีดเลยค่ะฉีดเลย พยาบาลฟังแม่มากกว่าฉัน รีบฉีดมอร์ฟีนเข้าที่สายที่แทงน้ำเกลือเอาไว้ คือมันมีหัวต่อสำหรับฉีดนั้นนี่เข้าไป โดยที่ไม่ต้องมาจิ้มแขนกันใหม่อ่ะค่ะ เรียกว่าอิหยังก็บ่อฮู้เรียกไม่ถูก แต่ฉันขอเรียกมันว่า usb hub 555.... ก็มันทำงานเหมือนกันนิ


หลังจากได้มอร์ฟีน ฉันก็กระปลกกระเปลี้ยลงจากเตียงมีแม่และน้องพยาบาลหิ้วปีกคนละข้าง พยาบาลตามฉันเข้ามาในห้องน้ำ ทำท่าเหมือนจะช่วยปลดกางเกง แอร๊ย.... ไม่เอาค่ะ พี่ฉี่เองได้ (จะอายอะไรว๊า ในห้องผ่าตัดก็ไม่เหลืออะไรแล้ว แถมยังมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันวันรุ่งขึ้นอีก)ฉันกลั้นใจฉี่แบบแผ่วๆ จากที่เคยเป็นคนเต็มที่กับชีวิตวันนี้ต้องเปลี่ยนแนวเป็นหญิงเบาๆ เพราะเจ็บแผลแบบโคดๆ.... คืนนั้นทั้งคืนพยาบาลเปลี่ยนกันเข้ามาวัดความดัน วัดไข้ จนฉันแทบไม่ได้หลับ




27 August 2011


เจ็ดโมงกว่าพยาบาลนำอาหารมื้อแรกในรอบสามสิบชั่วโมงที่ฉันอดอาหารมาให้.... น้ำซุป น้ำข้าว น้ำสีแปลกๆฟ้าไม่ใช่ม่วงไม่เชิง(เป็นน้ำอัญชัญผสมใบบัวบก) และดีน่างาดำมาให้ แค่นี้เองเหรอหิวจะแย่ แต่เอาเข้าจริงฉันจิบทุกอย่างได้แค่อย่างละนิดละหน่อย เพราะแต่ละอึกที่กลืนเข้าไปมันเจ็บสะท้านแผลจนขนลุก พอสายๆผู้ช่วยพยาบาลก็เข้ามาเช็ดตัวให้ฉัน ทุกอย่างเป็นไปด้วยความรวดเร็ว.... ปิดม่านรอบเตียง แล้วสองสาวก็ช่วยกันถอดเสื้อผ้าฉัน เช็ดตัวฟอกสบู่ เช็ดสบู่ออก เช็ดบนปิดล่าง เช็ดล่างปิดบน ทั้งๆที่ทำอย่างเบามือแต่พอเช็ดมาที่ท้องฉันก็ร้องจ๊ากทันที แต่ความเจ็บก็เปลี่ยนมาเป็นความอายแทน ตอนที่สองน้องเช็ดตัวฉันลงมาถึงด้านล่าง พร้อมกับบอกว่า "แยกขาออกด้วยค่ะ ต้องเช็ดน้ำยาออกให้หมดนะคะ" (ฉันรู้ตั้งแต่เข้าห้องน้ำเมื่อคืนแล้ว ที่เห็นรอยเบตาดีนเลอะไปจนถึงจิมมี่ หมอคงควักไส้ฉันมาวางบนหน้าท้องสินะ เพราะรอยแผลผ่าตัดอยู่ตรง McBurney point ซึ่งต่ำพอสมควร) แต่ฉันยิ่งหุบขาแน่นเข้าไปอีก จนน้องอีกคนต้องมาช่วยถ่างขาฉันออก และอีกคนก็รีบเช็ดรีบฟอกสบู่ โห.... ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ตรงไหนดี


ช่วงสายๆคุณหมอ "น่ารักอ่ะ" ในห้องผ่าตัด ก็กลายร่างกลับมาเป็นคุณหมอหน้านิ่งคนเดิม แวะมาดูอาการฉัน พอเห็นหน้าหมอ ฉันรีบเปิดแผลไว้รอเลย เพราะฉันไม่อยากให้ใครมาแตะต้องบริเวณท้อง มันเจ็บค่ะ เจ็บจนไม่ไว้ใจใครแม้กระทั่งหมอ ดังนั้นฉันเปิดเองดีกว่า.... หมอเหลือบมองแผลฉันแว๊บเดียว แล้วก็ดึงเสื้อมาปิดให้(เออ ไม่เจ็บแฮะ) "ไส้ติ่งเราแตกนะ" "ห๊าาาาา....!!" ฉันตาเหลือก "แต่มันแตกอยู่กับที่ ไม่ได้กระจายไปทั่วท้อง.... โชคดีมากๆ ผ่าตัดยากอยู่เหมือนกันนะ อาการเราก็น้อยมาก ขี่จักรยานได้จริงๆเหรอ" "จริงค่ะ ไม่เชื่อถามคุณแม่ดูได้" ฉันพยักหน้าไปทางหลังคุณหมอ "สวัสดีครับ" คุณหมอหันไปไหวแม่ฉัน(กด like ร้อยที คุณหมอน่ารักมาก)"คุณหมอไม่เอาไส้ติ่งที่ตัดมาให้ดูด้วยล่ะคะ" แม่ฉันอยากจะดูขึ้นมาทำไมละเนี่ย เดี๋ยวก็กินข้าวไม่ลงกันหรอก "เราต้องส่งไปตรวจน่ะครับ" หมอพูดอะไรกับฉันอีกสองสามประโยค แต่จำไม่ได้แล้วว่าพูดอะไร แล้วหมอก็จากลาด้วยการพยักหน้าให้หนึ่งที


วันนั้นฉันนอนทรมานไม่ใช่ด้วยอาการเจ็บแผล ฉันค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว เพราะหลังอาหารจะมียาแก้ปวดให้หนึ่งเม็ด แต่ฉันทรมานด้วยอาการตายอดตายอยาก เพราะคนเยี่ยมไข้แต่ละคน ขนอาหารการกินมาฝากคนเฝ้าไข้อย่างมิได้เกรงใจคนป่วย แม่และหลานฉันก็กินกันทั้งวัน อืม มาเฝ้าไข้หรือมาปาร์ตี้กันคะเนี่ย.... ส่วนฉันก็อิ่มน้ำเกลือกันไป กี่ขวดต่อกี่ขวดแล้วไม่รู้




28 August 2011


เช้าวันนี้ฉันดีขึ้น ลุกไปเข้าห้องน้ำเองตอนใครๆยังหลับกันอยู่ แถมยังเดินลากสายน้ำเกลือไปทั่วห้อง ออกไปชมวิวริมระเบียง ทำตัวเหมือนคนปรกติสุดๆ คุณพยาบาลเปิดประตูเข้ามา เจอฉันเดินกระย่องกระแย่งก็ทักว่า "เก่งจังเลยค่ะ ลุกเดินเองได้แล้ว ดีค่ะแบบนี้ท้องจะได้ไม่อืด" "ลุกเดินตั้งแต่หลังผ่าตัดได้ห้าชั่วโมงแล้วค่ะ" ฉันคุยโอ่(เริ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเองแล้ว อิ อิ)....อีกพักใหญ่ๆผู้ช่วยพยาบาลสาวในร่างชายก็เดินแคทวอร์คเข้ามาบอกฉันว่า "เช็ดตัวนะครับ" "ไม่ค่ะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง ขอแค่เอาชุดเปลี่ยนมาให้พี่ก็พอ" วันนี้ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้ใครเช็ดตัวให้ทั้งนั้น เพราะวันแดงเดือดเปิดศึกกับฉันตั้งแต่เช้า เจ็บแผลผ่าตัดไม่พอ ยังมาปวดท้องปวดมดลูกกันอีก.... เฮ้อ "ได้ครับได้" น้องสาวรีบตอบรับ.... โล่งอกกันทั้งสองฝ่าย


สายๆคุณหมออานนท์มาดูอาการ ขอดูแผลว่าซึมรึเปล่า พร้อมกับบอกว่าวันนี้ไข้ลดแล้ว พรุ่งนี้น่าจะกลับบ้านได้ ฉันฉีกยิ้มทันที "วันนี้หมอจะสั่งข้าวต้มให้นะ" ฉันดีใจลิงโลดที่จะได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซักที ตอนนี้เบื่อพวกน้ำข้าวน้ำซุปเต็มทน รู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมายังไงก็ไม่รู้.... แต่พออาหารมื้อจริงมาถึง เอิ่ม ข้าวต้มโรงพยาบาลนี้ รสชาติแบบ.... โนคอมเม้นท์ดีกว่านะ เอาเป็นว่าฉันทำสถิติได้แค่ห้าช้อน.... จบข่าว




29 August 2011


ฉันรีบตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าล้างหน้าแปรงฟันเตรียมตัวกลับบ้านเต็มที่ ยังไม่ทันแปดโมงดีคุณหมออานนท์ก็เดินลิ่วเข้ามาในห้อง มีพยาบาลวิ่งเข็นรถเครื่องมือตามมาติดๆ "หมอขอตัดไหมหน่อย" หน้านิ่งๆเหมือนเดิม ยิ้มบ้างก็ได้นะคะคุณหมอ มันไม่ผิดจรรยาบรรณหรอก ฮ๊า ฮ๊า


ฉันนึกว่าคุณพยาบาลจะเป็นคนทำ แต่ไม่ใช่ คุณหมอลงมือเองเลย ตอนที่หมอแกะพลาสเตอร์ฉันเกร็งไปทั้งตัว ตอนที่หมอดึงไหมออกฉันต้องกัดฟันทำเป็นไม่เจ็บ เพราะฉันสร้างภาพไว้ตั้งแต่แรกว่าฉันเป็นหญิ่งแกร่งเข้มแข็ง จะมาเสียฟอร์มตอนนี้ไม่ได้(บ้าเปล่าวะ) ตอนนี้ทั้งแม่และหลานมะรุมมะตุ้มดูหมอตัดไหม และใช้เทปติดแผล ตัดเป็นแผ่นเล็กๆยึดแผลเอาไว้ และแปะพลาสเตอร์กันน้ำให้เป็นขั้นตอนสุดท้าย ระหว่างที่ทำแผลก็บรรยายไปด้วยว่าอาบน้ำได้นะ แต่อย่าไปฟอกสบู่ตรงบริเวณที่แปะพลาสเตอร์ไว้ล่ะ กลับบ้านไปก็สังเกตุอาการด้วยว่ามีไข้รึเปล่า เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดหลังการผ่าตัดคือการติดเชื้อในกระแสเลือด หมอจะให้ยาฆ่าเชื้อและแก้ปวดไปด้วย กินจนหมดนะและมาเจอหมออีกทีอาทิตย์หน้า บลาๆๆ


พอคุณหมอออกไป ฉันก็เด้งลงจากเตียงทันที เปลี่ยนเสื้อผ้า รอแผนกการเงินมาแจ้งค่าใช้จ่าย ระหว่างที่รอ น้องพยาบาลก็เข้ามาทวนเอกสารที่ฉันต้องการอีกที และถามย้ำอีกครั้งว่าฉันมีประกันรึเปล่า ฉันมีประกัน AIA ที่เมืองไทย แต่เป็นประกันแบบอุบัติเหตุหากม่องเท่งเท่านั้น ไม่ได้มีประกันแบบเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ดังนั้นก็ก้มหน้าก้มตาจ่ายเองไป.... ฉันย้ำเรื่องเอกสารที่ฉันแจ้งไปตั้งแต่วันแรกที่ต้องผ่าตัด ว่าฉันต้องการ medical report เป็นภาษาอังกฤษด้วย เพราะฉันต้องเอากลับไปให้หมอประจำตัว ซักพักใหญ่ๆพนักงานการเงินขึ้นมาพร้อมใบเสร็จรับเงินที่เป็นภาษาอังกฤษ และเครื่อง EDC เพื่อรูดบัตร เห็นค่าใช้จ่ายแล้วมีอาการเหงื่อแตกนิดหน่อย ตัวเลขเกินครึ่งแสนเต้นเยาะเย้ยอยู่ในกระดาษ นี่ยังไม่รวมค่า CT scan อีกหมื่นกว่าบาทในวันแรกที่จ่ายไปแล้ว ถ้าฉันป่วยที่อิตาลี่ฉันไม่ต้องเสียซักยูโรเลยนะ(แต่คงไม่หายเร็วแบบนี้แน่ๆ คงเหมือนผักเหี่ยวๆแน่นอน) แต่ก็ถือว่าคุ้มกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ เพราะฉันพอใจกับที่นี่มากๆ บุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์อยู่ในขั้นเกินมาตรฐานที่คาดไว้ มีขัดใจบ้างนิดหน่อยกับขั้นตอนที่ช้าไปนิด (แต่ว่ากันจริง ถือว่าเล็กน้อยมาก)พนักงานการเงินที่ขึ้นมารับชำระเงินสุภาพมากๆ ก่อนออกไปก็สวัสดีและบอกว่าหายไวๆนะครับ


หลังจากนั้นพยาบาลนำยา ผล CT scan และใบนัดของคุณหมอมาให้ พนักงานเปลเข็นรถเข็นมารอ น้องผู้ช่วยพยาบาลนำรถเข็นขนของอีกคันมาช่วยขนของลงไป ทำเอาลืมตัวนึกว่าเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม




30 August - 1 September 2011


ฉันสังเกตุอาการของตัวเองอยู่บ้าน ว่ามีอะไรผิดปรกติบ้างรึเปล่า เจ็บแผลยังไง พลิกตัวท่าไหนทำอะไรแล้วแล้วเจ็บ ช่วงนี้ฉันต้องแต่งตัวเป็นคุณหนูทุกวัน ใส่ได้แต่เดรสเพื่อป้องกันการเสียดสีที่แผล ทุกอย่างดูจะไปได้ด้วยดี ยกเว้นอย่างเดียวคือท้องเสีย ฉันเริ่มท้องเสียตั้งแต่วันที่สองหลังการผ่าตัด คาดว่าคงเป็นผลจากยาฆ่าเชื้อที่ทำให้ท้องเสีย ช่วงนี้ฉันนอนทั้งวันเพราะฤทธิ์ยา พอตื่นก็พยายามเดินให้ได้มากที่สุด สลับกับการนั่งดูคลิปผ่าตัดไส้ติ่ง ดูไปเสียวไส้ไป แหวะไป แต่ก็นั่งดูมันทุกคลิปทุกภาษา เอาให้มันด้านชากันไปเลย


อาหารของฉันเป็นโจ๊กสลับกับข้าวต้ม และต้มจืด จนฉันเอียน บอกแม่ว่าขออะไรที่มันแรงกว่านี้หน่อย แม่จัดมาเป็นต้มเลือดหมู กับโจ๊กเจ้าดังแถวบ้านที่ฉันโปรดนักโปรดหนา แต่พอเห็นตับเห็นไส้ในชามฉันแทบขย้อน ภาพในยูทูปมันหลอนขึ้นมาทันที ไม่ได้ทำให้ด้านชาอย่างที่คิดไว้เลย




2 September 2011


วันนี้คุณหมออานนท์นัดฉันตอนเก้าโมงเช้า ฉันเรียกรถสนามบินให้มารับ เพราะที่ศรีพัฒน์เป็นดินแดนมหัศจรรย์ใครหาที่จอดรถได้คุณต้องรีบไปซื้อหวย ดังนั้นเรียกรถให้มารับส่งสะดวกกว่า ฉันไม่อยากให้แม่หรือน้องไปส่ง เพราะอยากให้ทุกคนเห็นว่าใกล้หายแล้ว ไม่ได้เป็นคนป่วยที่ต้องดูแลกันทุกระยะ


เก้าโมงกว่าๆฉันก็เห็นคุณหมอหน้านิ่งก็เดินจ้ำอ้าวมาแต่ไกล อาจารย์หมอที่นี่ต้องทำหน้าแบบนี้ทุกคนรึเปล่าเนี่ย ก่อนคุณหมอเลี้ยวเข้าห้องตรวจก็มองมาเห็นฉัน ที่นั่งจ้องสะกดจิตหมออยู่แล้ว อิ อิ คุณหมอยิ้มให้และรับไหว้ฉัน "อ้าว ว่าไง" แล้วก็เดินเข้าห้องไปเลย.... แป่ว


ฉันได้คิวที่สอง นั่งรอไม่นานก็ถึงคิวฉัน คุณหมอขอดูแผลแล้วบอกว่าแผลดีมาก แห้ง ไม่ติดเชื้อ พร้อมกับเปลี่ยนพลาสเตอร์กันน้ำอันใหม่ให้ฉัน ตอนลอกพลาสเตอร์ออกฉันเสียวแปล๊บ จนต้องโอ๊ะออกมาคำนึง คุณหมอบอกว่า "หมอเปลี่ยนอันใหม่ให้นะ จะได้กันฝุ่น พอครบอาทิตย์เอาออกเองเลยนะ" "กันฝุ่นหรือกันน้ำคะ" ฉันถามขำๆ ก็มันใช้กันน้ำไม่ใช่เหรอ ฉันคงไม่ได้ไปเปิดพุงปะทะสายลมและผงฝุ่นที่ไหนหรอก "กันน้ำและกันฝุ่นด้วย" คุณหมอตอบแบบนึกได้ว่าพูดผิด แล้วก็หัวเราะ


กลับมานั่งที่โต๊ะ คุณหมอก็ถามว่าจะขอ medical report เป็นภาษาอังกฤษไปทำไม ฉันบอกว่าเอาไปให้หมอประจำตัว คุณหมอก็ถามว่าหมอที่ไหน ฉันว่าก็ประเทศที่ฉันอยู่น่ะซิ คุณหมอทำหน้างงๆถามฉันว่าฉันไม่ได้อยู่เมืองไทยเหรอ ฉันเลยงงมั่งเพราะคิดว่าบอกคุณหมอไปแล้ว.... คุณหมอบอกขั้นตอนการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด เรื่องอาหารว่าทานได้ทุกอย่าง แล้วก็ออก medical report ให้ และถามฉันว่า "มีอะไรจะถามหมอมั้ย" "หมอแต่งงานรึยังคะ" กร๊ากกกกกกก ไม่ใช่ อันนั้นนึกในใจ ถ้าถามออกไปหมอคงดีดฉันออกนอกห้องแน่ๆ โทษฐานลวนลามหมอ 555+ "คุณหมอตัดไส้เราออกไปด้วยรึเปล่า" คุณหมอหยุดก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรซักอย่างทันที "เปล่านี่ มีอะไรเหรอ" "รู้สึกว่าข้าศึกมันเดินทางถึงประตูเมืองเร็วเกินไปหลังจากผ่าตัด" หมอหัวเราะก๊าก น้องพยาบาลก็ขำด้วย "เป็นผลมาจากยานะ ท้องเสียด้วยรึเปล่า ถ้าใช่ก็เพราะยามันแรง แต่พอทานยาจนหมดอาการก็จะดีขึ้น" หลังจากนั้นก็มีคุยกันนิดหน่อยว่าอยู่อิตาลี่ทำอะไร กลับมานานแค่ไหน แล้วฉันก็ลาคุณหมอกลับ




3-7 September 2011


ช่วงนี้ถือเป็นช่วงเลวร้ายที่สุดหลังผ่าตัด ฉันนั่งๆนอนๆอยู่บ้านทั้งวัน มีเวลาย้อนทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เริ่มรู้สึกกลัวว่าทำไมฉันถึงมีอาการน้อยมาก ขนาดไส้ติ่งอักเสบจนแตกฉันก็ยังดำรงชีวิตเหมือนคนปรกติได้ นี่ถ้าหากว่าฉันป่วยด้วยโรคที่มันร้ายแรงกว่านี้คงตายไปแล้ว เพราะไม่รู้ตัวว่าตัวเองป่วยอยู่ในระดับไหน ยิ่งคิดยิ่งเครียด แถมฉันยังมีอาการปวดรอบๆสะดือ เริ่มปวดช่วงวันจันทร์ตอนบ่าย แถมมีอาการหน้ามืดหมดแรง วันอังคารมีอาการวูบ เช้ามืดวันพุธฉันปวดท้องจนสะดุ้งตื่น สายวันนั้นเลยโทรไปนัดคุณหมออานนท์ว่าขอพบวันพฤหัสเช้า ฉันจดอาการทุกอย่างไว้โดยละเอียด ไม่ให้ขาดให้พลาดเลยซักนิด เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นอีกหมอจะได้วินิจฉัยได้ง่ายขึ้น


แต่สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าอาการทางกาย คืออารมณ์ฉันขึ้นๆลงๆเหมือนค่าเงินยูโรตอนนี้ไม่มีผิด ธรรมดาฉันเป็นคนไม่เหวี่ยงไม่วีนใส่ใครก่อน แต่ตอนนี้ฉันควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ไม่ว่าแม่ น้อง หรือหลานที่ฉันรักสุดหัวใจ โดนฉันเหวี่ยงกระเด็นไปคนละทิศละทาง แม้แต่สามีโทรคุยกับฉันไม่เกินห้านาทีก็ต้องรีบวางหูเพราะฉันวีนแตกขัดหูขัดตาไปหมด อูย.... ฉันเป็นอะไรเนี่ย




8 September 2011


ฉันได้พบคุณหมอตอนเก้าโมงกว่าเช่นเคย อ่อนระโหยโรยแรงเพราะนอนไม่หลับด้วยอาการปวดท้อง และบั้นเอว แถมตอนเช้าฉันยังท้องเสียจู๊ดๆเข้าให้อีก หมอมองสภาพฉันแล้วบอกว่าหมอขอตรวจท้องอีกที แล้วหมอก็ดึงพลาสเตอร์กันน้ำออก ฉันก็ปรี้ดว่าดึงออกทำไมคะ ยังไม่ครบอาทิตย์เลย คุณหมอก็ใจเย็นบอกว่าจะสิบสี่วันแล้วไม่เป็นอะไรแล้วละ.... กดท้องตรวจอย่างเบามือ แล้วก็ถามว่าฉันเจ็บตรงไหนบ้าง ฉันบอกว่าเจ็บต่ำๆเหมือนตอนปวดไส้ติ่งวันแรก และก็บั้นเอว หมอกดที่เอวด้านหลัง ฉันสะดุ้งทันที หมอทำหน้าตกใจว่าเจ็บเหรอ ฉันพยักหน้าเพลียๆพร้อมกับจับยาดมยัดจมูก


คุณหมอบอกว่าเราต้องตรวจละเอียดกันอีกครั้ง ฉันรีบสวนว่าไม่ผ่าอีกแล้วนะคะ หมอหัวเราะบอกว่าหมอก็ไม่อยากผ่า ไม่ใช่ว่าคนไข้ไม่อยากผ่าคนเดียว คงต้องทำ ultrasound หรือ CT scan อีกครั้ง ฉันก็บอกว่าผลทำซีทีก่อนผ่าตัดฉันไม่มีอะไรผิดปรกตินี่ นอกจากไส้ติ่งอักเสบ คุณหมอก็บอกว่านั่นมันก่อน แต่นี่หลังผ่าตัดเราต้องดูกันอีกครั้ง เพราะฉันไม่มีไข้ เลยต้องดูว่ามีอะไรผิดปรกติในท้อง ฉันหน้าหงิกเพราะไม่อยากนั่งรออีก คุณพยาบาลเลยบอกฉันว่าทำเถอะนะคะจะได้สบายใจ.... คุณหมอพยายามทำให้ฉันเย็นลงด้วยการอธิบาย ว่าตอนผ่าตัดเช็คหมดแล้วว่าตัดส่วนที่อักเสบออกหมดแน่นอน ไม่มีการแพร่กระจาย แม้ว่าการผ่าตัดเคสของฉันจะยาก แต่ก็ไม่ได้ยากมากมาย (ต้องย้อนกลับไปอ่านบล๊อกก่อนหน้านี้ ว่าทำไมการผ่าตัดไส้ติ่งของฉันถึงไม่ได้ผ่าง่ายๆเหมือนคนอื่น) "หมอไม่กังวลเลยนะกับเคสเรา ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง" "แต่เรากลัวนี่ คุณหมอก็บอกเราเองว่าเราอาการน้อยมาก แล้วเราปวดท้องมาหลายวันจะไม่ให้เรากังวลได้ไง" "หมอก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณนี่ ก็ถูกแล้วที่คุณกลับมาหาหมอ" หมอคงเริ่มอยากถีบฉัน 555


"จะทำ ultrasound หรือ CT scan ดี" คุณหมอถาม "ไม่ทำซีทีแล้วค่ะ ทรมานเกิน ทั้งดื่มน้ำผสมสารรังสีเป็นเหยือก ไหนจะตอนฉีดสารทึบแสงอีกร้อนวูบวาบเหมือนจะตาย.... ไม่เอา" "โอเคงั้นทำ ultrasound บอกคุณหมอที่ทำด้วยว่าเราเจ็บตรงไหน คุณหมอจะได้ดูให้ละเอียด ว่าไปทำซีทีบ่อยๆก็ไม่ดีนะเพราะมันเป็นรังสี" "ใช่" ฉันตอบห้วนๆ หมอมองหน้าฉันแบบเก็บอาการแต่ในใจอาจจะอยากตบกะโหลกฉันซักที ฮ่า ฮ่า


แล้วขั้นตอนเดิมๆก็เวียนกลับมาอีกรอบ นั่งรอให้ปวดฉี่ กลั้นไว้ แล้วไปทำ ultrasound กว่าจะได้ทำก็เที่ยงนู่น คุณหมอที่มาทำให้เป็นคุณหมอผู้หญิงตัวเล็กๆ คุณหมอสุภาพแต่ไม่ค่อยพูด วันนั้นฉันอารมณ์สวิงสุดกู่อยู่แล้ว เลยหุบปากเงียบ ในเมื่อคุณหมอไม่พูดคนไข้ก็ไม่ถาม พอเสร็จน้องผู้ช่วยพยาบาลชายที่มาส่งก็บอกให้ฉันไปทานข้าวได้ และให้กลับขึ้นไปพบคุณหมอตอนบ่ายโมงถึงบ่ายโมงครึ่ง


บ่ายโมงฉันขึ้นไปรอหน้าห้องคุณหมอ รอแค่อึดใจคุณหมอก็มา นั่งรอผลอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง น้องผู้ช่วยพยาบาลก็เรียกฉันเข้าไปพบคุณหมอ คุณหมอบอกว่าผลการตรวจปรกติดีไม่มีอะไรน่ากังวล ฉันเลยถามว่าแล้วฉันเป็นอะไร คุณหมอหัวเราะบอกว่าไม่รู้เพราะผลทุกอย่างปรกติดี แล้วถามต่อว่าได้บอกคุณหมอที่ทำอัลตร้าซาวด์รึเปล่าว่าเจ็บตรงไหนยังไง ฉันส่ายหัว คุณหมอเลยหัวเราะหนักกว่าเดิม "เอ๊า ก็หมอบอกแล้วว่าให้ถามให้บอกไป ทำไมล่ะหมอดุเหรอ หรือว่าหมอรีบ" หมอคงขำกับอาการผีเข้าของฉัน เลยเอาแต่นั่งหัวเราะ ฉันเลยหัวเราะไปด้วยและรู้สึกผิดว่าฉันไปเหวี่ยงใส่หมอทำไม แค่งานผ่าตัดก็เครียดแสนเครียดแล้ว นี่ยังต้องมานั่งรักษาอาการบ้าของฉันอีก เมื่อสงบสติอารมณ์ได้ ฉันก็ถามคุณหมอว่าแผลผ่าตัดควรเอาอะไรทาดี "หมอเย็บแผลออกจะสวย ไม่ต้องทาอะไรหรอก" "จ้า ชมตัวเองด้วยนะคะคุณหมอ" ตอนนี้ฉันหัวเราะขำจนเจ็บแผล "อ้าว ก็จริงๆนี่ หมอเย็บแผลอย่างดีเลยนะ ไม่ต้องเอาอะไรไปทาหรอก เพราะมันไม่ได้ลบรอย แต่ถ้าไม่อยากให้มันเป็นคีลอยด์ ต้องหาอะไรมาปิดไม่ให้โดนอากาศ" ฉันก็ถามมาจนได้ว่าควรใช้อะไร แม้ว่าหมอจะไม่อยากให้ใช้ก็ตาม แหม.... ฉันยังไม่แก่ขนาดนุ่งบิกินี่ไม่ได้นะ ก็ต้องห่วงรอยแผลกันหน่อย


วันนี้คุณหมอให้เวลาฉันค่อนข้างมาก บอกให้ฉันไปเที่ยวบ้าง ช้อปปิ้งบ้างจะได้หายเครียด(อาการของฉันคงเกิดจากความเครียดที่ใกล้ปรอทแตก) แล้วก็หัวเราะบอกว่าแทนที่จะได้กลับมาเที่ยวไทยให้สนุก ดันมาป่วยซะนี่.... ฉันคุยเรื่อยเปื่อยกับคุณหมออีกซักพักก็ลากลับด้วยรอยยิ้มและความรู้สึกดีๆ


อยากจะบอกคุณหมอว่าขอบคุณและชื่นชม ขอเป็นกำลังใจให้กับความทุ่มเทของคุณหมอ และอยากให้คุณหมอพักผ่อนบ้าง แต่ก็ไม่ได้พูดเพราะรู้สึกว่ามันมากไป อาจจะดูไม่เหมาะสม เพราะคนไทยยิ่งถือเรื่องพวกนี้อยู่ด้วย ทั้งที่ฉันคิดว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลย การให้กำลังใจคน เราก็ควรจะบอกเค้าไปตรงๆ ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน แต่อย่างว่าแหละสังคมไทยมันซับซ้อนจะพูดจะทำอะไรตรงไปตรงมาไม่ได้


จากการขึ้นเขียงครั้งนี้ทำให้ฉันระลึกตน ว่าตอนนี้ฉันผ่านวัฎจักรชีวิต เกิด แก่ เจ็บไปแล้ว ยังเหลืออีกข้อเดียวเท่านั้นที่รออยู่วันข้างหน้า ฉันควรใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยความไม่ประมาท ทำสิ่งที่อยากทำ จะได้ไม่เสียดายเวลาว่าทำไมตอนนั้นไม่ทำนั่นทำนี่


และสิ่งที่ฉันแปลกใจที่สุดคือ

@ ทำไมฉันถึงดิ้นรนกลับไทยช่วงนี้ ทั้งๆที่ตลอดสิบปีฉันจะกลับไทยช่วงเดือนพฤศจิกาทุกปี เหมือนจะรู้ตัวล่วงหน้าว่าต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ดังนั้นกลับไปป่วยที่ไทยเถอะยังไงก็อบอุ่นกว่า เพราะถ้าผ่าตัดที่อิตาลี่เดี๊ยนอาจตายได้เพราะขาดกำลังใจ และฉันก็ป่วยก่อนกลับไทยวันเดียว.... เอาซี๊

@ ไส้ติ่งอักเสบจนแตกแต่ฉันก็ปลอดภัยอยู่ได้ตั้งห้าหกวัน.... ตกลงฉันเป็นคนรึเปล่า

@ นัดกับคุณหมอโรงพยาบาลเอกชนที่นึงเรียบร้อยว่าจะไปแอดมิท แต่เอาเข้าจริงฉันกลายเป็นคนไข้อีกโรงพยาบาลนึงแบบไม่ทันตั้งตัว.... ใครลิขิต

"Things happen for a reason"


((ใครที่เขียนคอมเม้นท์บล๊อกนี้ไม่ได้ กดตัวอีโมใส่ไปก่อนหนึ่งตัวนะคะ แล้วหลังจากนั้นถึงจะพิมพ์ได้ค่ะ....ขอบคุณ คุณกุ้ง amskye ที่แนะนำมาค่ะ))


@@@@....บล๊อกนี้จะแสดงผลผิดเพี้ยน หากเข้ามาด้วย firefox หรือ safari จะเห็นตัวหนังสือสีขาวกลายเป็นสีดำ หรือทิ้งคอมเม้นท์ไว้ไม่ได้ หากเข้ามาด้วย IE ทุกอย่างปรกติค่ะ....@@@@










Create Date : 17 กันยายน 2554
Last Update : 18 ตุลาคม 2554 18:50:48 น. 33 comments
Counter : 17098 Pageviews.

 
มาจองที่ไว้ก่อนป้าแอ๊ก คิดถึงมั่กๆ ค่ะ
เดี๋ยวดึกๆ จะกลับมาอ่านละเอียดๆ อีกครั้ง
ตอนนี้กะลังจะทำของหวานทานหลังมื้อค่ำ

คิดถึงป้าแอ๊กค่ะ



โดย: diamondsky วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:0:37:12 น.  

 
ลืมๆๆๆๆ เอาพาสต้ามาให้ด้วย เพิ่งทำไปวันนี้เองค่ะ



โดย: diamondsky วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:0:37:55 น.  

 


อ่านจนจบเลยค่ะป้าแอ๊ก
ลุ้นๆๆๆและเห็นภาพตามเลย
เสียดายที่ไม่มีรูปไส้ติ่งป้าแอ๊กมาลงด้วย



โดย: Suessapple วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:1:03:31 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าแอ๊ก ป้าแอ๊กเล่าเรื่องได้ละเอียดมากๆ ค่ะ
อ่านแล้วนึกถึงตอนที่ผ่าไส้ติ่งเหมือนกันเด๊ะๆ เลยค่ะ
ตอนนั้นบุ๊งยังอุ้มท้อง Otto ลูกคนแรกอยู่เลย (น่าจะประมาณ 4 เดือน)
ถ้าเป็นไส้ติ่งตอนไม่ท้องก็คงไม่กลัวเท่านั้นค่ะ
ที่แย่ที่สุดคือก่อนหมอให้ดมยาสลบ หมอดมยาถามว่าได้คุยกับหมอผ่าตัดแล้วใช่ไหมว่าดมยามีความเสี่ยงจะทำให้แท้ง โอ๊ยยยย ฟังแค่นั้นก็อยากกระโดดลงจากเตียงผ่าตัดเลยค่ะ แต่พอหมอผ่าตัดเข้ามาก็ถามก่อนเลย หมอบอกว่าไม่เป็นอะไร บุ๊งก็ถามย้ำแล้วย้ำอีก จนสุดท้ายก็มืดดดดด ตื่นอีกทีก็ปวดดดดแผลเหมือนป้าแอ๊กเขียนเลยค่ะ

และทรมานมาตอนตื่นมาแล้วคอแห้งต้องไอ เจ็บแผลที่สุดเลย เข้าใจความรู้สึกเลยค่ะ

หลังจากผ่าไส้ติ่งคราวนั้นบุ๊งก็ตั้งใจไว้เลยว่า
จะไม่มีทางผ่าคลอดแน่นอน (จริงๆ ตั้งใจคลอดเองแต่แรกอยู่แล้วค่ะ)

ตอนนี้ป้าแอ๊กเป็นยังไงบ้างคะ


โดย: Close To Heaven วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:2:31:38 น.  

 
ขอขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆีที่มาแบ่งปันกันนะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ ขอให้หายเร็วๆ นะคะ


โดย: คนไม่มีบล๊อค IP: 94.211.78.190 วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:2:33:55 น.  

 
ป้าวิสกี้อ่านทุกตัวอักษรเลยค่ะป้าแอ๊ก ไม่อยากข้ามสักตัวเลย เป็นประสบการณ์ที่ต้องจดจำนะคะ อ่านตอนปวดแผลจากการผ่าตัดแล้วป้าวิสกี้วูบท้องไปด้วยเลย คิคิ แต่ป้าวิสกี้ว่าถึงแม้จะต้องเสียตังค์ที่เมืองไทยแต่ก็อบอุ่นที่ได้อยู่กับครอบครัวนะคะ ว่าป่าว

อ่านแล้วก็สาธุ ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ ค่ะ แต่ก็คนเราก็ไม่แน่นอนเลย อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

ปล แอบขำเรื่องทาเล็บสีแรงนะคะ นี่ถ้าล้างไม่หมดแล้วหมอจะสังเกตเล็บได้มะเนี่ย คิคิ


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:3:36:36 น.  

 
ยกมือ. ....อ่านจนจบด้วยคนค่ะ

เล่าเรื่องสนุกมากแอบลุ้นตลอดว่าจะเป็นอะไรไม๊

ไม่เป็นอะไรมากก้อดีเเล้วค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ



โดย: LOVELY JAFE วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:3:38:19 น.  

 
ป้าน้องถ่ายทอดได้แจ่มมั่ก.. เห็นภาพมันเต้นยิบๆในตัวอักษรเลยจ้ะ ทั้งหวาดเสียวทั้งขำ แล้วยังเห็นหน้าหงิกๆของคนเหวี่ยงอีกด้วยนะเอ้า

หะแรกยังสงสัยว่าทำไมต้องล้างเล็บ หรือกลัวไปตะกายเอาหลังหมอเข้า กร๊ากกก..

ขำมากตรงกด like ให้คุณหมอ แหม่..ป้าน้องเอ๊ยยย.. บ่งบอกถึงไอ้อาการติดเน็ตอย่างงอมแงมเลยนะนั่น กร๊ากกก..

อาการกลัวตอนเข้าไปรอผ่าตัดป้าโซเข้าใจดีจ้ะ เพราะเคยเ้ข้าผ่าตัดอยู่สามครั้งในชีวิต ครั้งแรกเป็นผ่าตัดเล็กเรื่องต่อมทอนซิลแค่ครึ่งชม. อีกสองครั้งเป็นผ่าตัดคลอดลูกจ้ะ ไอ้สองตัวนี่ออกมาทางหน้าท้องเพราะเริ่มจากไอ้พี่มันดื้อไม่ยอมกลับหัวลง

สิ่งที่ทรมานจากการผ่าตัดน่าจะเป็นการรอในห้องพักฟื้นนั่นแหละ มันไม่สบายตัวสบายใจเอาเลยจริงๆ แถมบางครั้งมี่อาการต่อเนื่องจากยาที่ยังเหลืออยู่ในตัวเราอีก ..

โชคดีแล้วแหละที่ได้กลับไปผ่าัตัดที่บ้านเรา ยังไงก็อบอุ่นคุ้นเคยมากกว่านิ อย่างน้อยก็ภาษา.. ป้าโซยังนึกภาพหมอญี่ปุ่นไม่ออกว่าจะเป็นยังไงถ้าต้องกระทำการผ่าตัดอย่างป้าแอ๊ก หมอไทยเราน่าจะอบอุ่นมากกว่านะ ไม่ห่างเหิน..

อัพบล็อกแล้วนะจ๊ะ เชิญป้ายกเข้าไปยกกันได้ตามเหมาะจ้ะ


โดย: ป้าโซ วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:7:46:34 น.  

 
แว๊บๆมาทักทายค่ะป้าแอ๊กแต่ๆนกคงยังไม่มีเวลานั่งอ่านตอนนี้ อ่านถึงตรงสีเล็บสีแรงน่ะค่ะ อิอิ

รักษาสุขภาพนะคะป้าแอ๊ก


โดย: LoveParadise วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:12:08:54 น.  

 
ขอบคุณ คุณไม่มีบล๊อกมากๆนะคะที่แวะเข้ามาอ่าน และเป็นกำลังใจให้
ตอนนี้หายเกือบเป็นปรกติแล้วค่า.... รักษาสุขภาพเช่นกันนะคะ


((ส่วนคนอื่นๆเดี๋ยวป้ากลับไปหาที่บล๊อกนะคะ ช้าบ้างอะไรบ้าง อย่าเหวี่ยงใส่กันเน้อเจ้า))


โดย: ปลาทอง9 วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:12:23:17 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าแอ๊ก..

ไปผ่าตัดถึงรพ.สวนดอกเชียว..

เป็นประสพการณ์อย่างหนึ่งเน้อ..

อ้อมแอ้มก็โดนผ่าไส้ติ่งไปแล้ว..

หลายสิบปีแล้วค่ะ..

มีรอยแผลผ่าตัดนิ๊ดเดียวฮิๆ

แต่เจ็บๆคันๆชะมัด..ฮ่าๆ



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:12:44:56 น.  

 


น่ารักจังเลยค่ะ
มีคนตามมาอ่านเรื่องโม้ของป้าแอ๊กเยอะมากกกกกกก



ไส้ติ่งป้าแอ๊กหยองมากเลยเหรอคะ
อะจื๊ยยยยยยยย...กัวววววววว



โดย: Suessapple วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:13:04:45 น.  

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:16:48:45 น.  

 
มาแล้วค่ะป้าแอ๊ก คราวนี้ตามมาอ่านแบบละเอียดๆ
เมื่อคืนมาแป๊บเดียว แต่บล็อกนี้อยากใช้เวลาอ่านเยอะๆ

คุณหมออานนท์ละเอียดมากเลยค่ะ ดูแลทุกรายละเอียด
นึกถึงถ้าเอิงเป็นคนป่วย ได้หมอแบบนี้จะสบายใจมากๆ

อ่านเรื่องไส้ติ่งแตก จริงๆ แล้วเป็นอันตรายทีเดียว
แต่ของป้าอยู่กับที่ แสดงว่าป้าแข็งแรง ทานอาหารดี
คนดูแลตัวเองดี เวลาป่วยเชื้อมักไม่ค่อยแพร่กระจาย
(อันนี้ทฤษฎีเอิงเองค่ะ อิอิ สังเกตคนรอบข้างเอาด้วย)

ที่อิตาลี ค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลฟรีจริง
แต่ป่วยนอกบ้านนี่อาจทำจิตตกได้เหมือนกัน
ถ้าไม่มีอะไรด่วนบางทีต้องรอคิวนานเป็นเดือนเลยนะคะ

ขอให้ป้าแอ๊กกลับมาแข็งแรงไวๆ (ไม่ใช่มาม่า 55+)
แผลหายสนิท ไม่มีอาการแทรกซ้อน มีจิตใจแจ่มใส
เรื่องเหวี่ยง วีน ตอนป่วยนี่เอิงก็เป็นค่ะ
อาจเพราะร่างกายเราทำงานไม่ปกติเนอะ มีผลต่อฮอร์โมน

ป้าเที่ยวเผื่อ ทานเผื่อด้วยนะคะ
ไว้จะมาเยี่ยมป้าที่บล็อกบ่อยๆ ค่ะ



โดย: diamondsky วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:20:31:19 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าแอ๊ก...++++ขอตบมือคู่น้อยคู่นี้ให้ป้าดังๆๆเลยค่ะ...อดทนสุๆๆดสมแล้วที่เป็นหญิงแกร่ง...อิอิ...ป้าจ้า อ่านไประทึกไป...กลัวด้วยค่ะ...
ของหนูแรงสุดก้อตอนไปผ่าก้อนน้ำเหลืองโตที่บำรุงราษฎร์ค่ะป้า เหมือนป้าเลย ไม่มีอาการอะไรนอกจากตัวร้อนตอนค่ำ่ๆๆน้ำหนักตัวลดและไอตลอดไปหาหมอ ประโยคที่บอกประจำ คออักเสบค่ะ...มารู้ตัวอีกทีตอนลงจากภูกระดึง เออ..ทำไมคอเราบวมจังมีก้อนๆๆด้วย...หาหมอปุ๊บผ่าทันทีเหมือนกันค่ะ...เล่นเอาหนูหันคอไม่ได้อยู่เกือบอาทิตย์...ดีแล้วค่ะป้าที่กลับเมืองไทยก่อน ยังไงก้อไม่มีที่ไหนอุ่นใจเท่าที่บ้านหรอกค่ะ...ขอให้ป้าหายป่วยไวๆๆค่ะ แข็งแรงในเร็ววันนะค่ะ...คิดถึงป้าจังเลย....


โดย: Miacara วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:22:01:36 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าแอ๊ก ได้ยินว่าใกล้จะหายก็ค่อยยังชั่วค่ะ
บุ๊งน่ะไม่ชอบเลย ตอนผ่าน่ะไม่รู้สึก แต่หลังผ่านี่เจ็บแผลจัง
เดินเหินก็ไม่สะดวก หัวเราะก็เจ็บ
แต่เดี๋ยวนี้แผลผ่าไส้ติ่งเล็กนิดเดียว
ของบุ๊งยาวประมาณ 1 นิ้วค่ะ ขนาด 1 นิ้วยังเจ็บเลยนะคะเนี่ย


โดย: Close To Heaven วันที่: 18 กันยายน 2554 เวลา:9:03:21 น.  

 
คุณเพื่อน นี่ขนาดอิชั้นรับรู้เรื่องราว อิชั้นต้องบอกคุณนายอีกรอบว่า คุณนายแกร่งมากก และอึดมาก ขอบอก ๆ (แต่ถ้าจะมีบางช่วงที่นอนกอดน้องหมีแล้วทำให้อบอุ่นใจ ก้อกอดไปเถอะ หญิงแกร่งมีมุมแบบนี้บ้าง มันก้อน่ารักไม่เบาเน้ ฮี่ฮี่ฮี่)

แล้วอิชั้นก้ออดขำคุณนายไม่ได้จริงๆ แหม ๆ มีชู 2 นิ้วด้วย 5555

และอิชั้นก้อยืนยันคำเดิมนะว่า พักผ่อนให้หายขาดก่อนแล้วค่อยออกไปเริงร่านะคุณนายนะ อิชั้นเป็นห่วง เพื่อนสนิทอิชั้นยิ่งมีน้อย ๆ อยู่ ฮี่ฮี่ฮี่


โดย: เพื่อนคุณนายคนสวย IP: 93.146.220.198 วันที่: 18 กันยายน 2554 เวลา:23:02:24 น.  

 




ขอให้หายป่วยไวไวนะคะคุณแอ๊ก
มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 19 กันยายน 2554 เวลา:0:09:51 น.  

 
พี่แอ๊กพักให้สบายๆ ค่ะ มาเยี่ยมวาเมื่อไหร่ก็ได้
ไม่ต้องเกรงใจค่ะ ยิ่งช่วงนี้ด้วยแล้ว
ขอให้พี่แอ๊กหายเร็วๆ นะคะ
กำลังใจที่เมืองไทยเยอะเลย ช่วงไม่สบายได้อยู่กับครอบครัวแบบนี้ค่ะ
วามาส่งกำลังใจให้อีกคนค่ะ
พี่แอ๊กอย่าลืมเดินเบาๆ ตามคุณหมออณุญาตด้วยนะคะ
แผลจะได้หายเร็วๆ ค่ะ


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 19 กันยายน 2554 เวลา:13:51:56 น.  

 
หายป่วยไวๆ นะคะ แล้วรักษาสุขภาพด้วยค่ะ


โดย: แม่ทัตโกะ IP: 119.42.69.215 วันที่: 19 กันยายน 2554 เวลา:14:39:05 น.  

 
แวะมาทักทายป้าแอ๊กด้วยความคิดถึง
มีขนมพื้นบ้านเมืองคอนมาฝากค่ะ





โดย: diamondsky วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:16:01:33 น.  

 
มารายงานตัวก่อนค่ะป้าแอ๊กตอนนี้กลับถึงบ้านปลอดภัยแล้วค่า เดี๋ยวนกต้องไปไล่อ่านตั้งแต่ตอนแรกก่อนนะคะ

รักษาสุขภาพค่ะป้าแอ๊ก

ปล นกอาจจะอ่านช้านิดนึงนะคะเพราะกำลังจิตตกเรื่องเครื่องบินอยู่ค่ะป้า


โดย: LoveParadise วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:20:23:57 น.  

 
ดีจ้าพี่แอ๊ก ...

เมื่อกี้ไปบ้านป้าโซมาค่ะ เลยคลิกชื่อตามมาหา
อ่ะ เลยเพิ่งรู้เลยค่ะว่า เกิดเรื่อง ไส้ติ่งเป็นเหตุนี้มา
พอประมาณแล้ว กว่าจะมาหาพี่แอ๊กได้ก็เล่นเอานาน
เลยเหมือนกันค่ะ ...


อ่านแบบเต็มเอี๊ยดตั้งแต่เริ่มแรก .. จนบล็อกนี้
บอกได้คำเดียวค่ะว่า บันทึกได้ละเอียดมากอ่านแล้ว
แอบเจ็บตัวไปด้วยนะค่ะนี่ แบบว่าอ่านแล้วได้อารมณ์
อย่างแรงเลยค่ะ ...

หายเร็วๆ นะค่ะ ... ขอให้แผลหายไวๆ ค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:21:48:31 น.  

 
ป้าแอ๊กขา นกนั่งอ่านเกือนชั่งโมงได้น่ะค่ะ ป้าแอ๊กบันทึกได้ทุกรายละเอียดมากๆเลยค่ะ ไม่รู้จะเม้นต์ยังไงดีค่ะ


น่าแปลกมากจริงๆนะคะไส้ติ่งแตกแต่ยังดูเหมือนคนปกติตั้งห้าวัน หุหุ และรายละเอียดขั้นตอนก่อนการผ่าตัด การดมยาสลบ อีก เหมือนทุกอย่างน่ากลัวมากๆเลยนะคะแต่ป้าแอ๊กก็เขียนและเล่าได้(ยังมีแอบฮาอยู่ค่ะ อิอิ ) อ่านแล้วแทนที่จะเครียดกับอมยิ้มได้อ่ะค่ะ เฮ้อออ แต่ดีนะคะที่ป้าแอ๊กป่วยก็ได้อยู่กับครอบครัวด้วย ไม่มีที่ใหนอุ่นใจเท่าบ้านเราจริงๆ สงสัยฟ้าจะลิขิตจริงๆค่ะ

แอบขำคำถามในใจว่า คุณหมอแต่งงานรึยัง กร๊ากก

เห็นด้วยกับป้าแอ๊กมากๆค่ะที่ว่าคำชื่นชมอะไรนี่ถ้าเป็นเมืองนอกนี่สามารถบอกได้เลย แต่อย่างว่าสังคมไทยสับซ้อนจริงๆ

รักษาสุขภาพค่ะป้าแอ๊ก ขอให้แผลหายไวไวค่ะ


โดย: LoveParadise วันที่: 21 กันยายน 2554 เวลา:15:55:53 น.  

 
สวัสดีคะน้องแอ๊ก ไปเห็นน้องแอ๊กที่กระทู้คุณภัศ นางฟ้าของชาลี
เลยติดตามมา โอววว มาได้อ่านเรื่องราวอาการเจ็บป่วย
แม้นจะผ่านไปด้วยความเรียบร้อย แต่ส่งแรงใจตามมานะคะ
ถ้าเป็นคนโบราณจะพูดว่า "เลือดตกยางออกไปแล้ว"
"นับแต่นี้ไปจะมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา" พี่บี๊ก็ขอให้เป็นเช่นนั้นนะคะ

อ่านเรื่องราวมากว่าครึ่งแล้ว ขอกลับไปหัวฟูกับกองงานก่อน
เดี๋ยวจะกลับมาอ่านให้ละเอียดอีกรอบ รอบนี้มาส่งแรงใจคะ จุ๊บจ๊วบ


โดย: บ่งบ๊ง วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:11:37:47 น.  

 
เล่าได้ละเอียดดีค่ะ เห็นภาพเลย


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:21:41:31 น.  

 
คุณแอ๊กทำเอานางฟ้าอ่านตามอย่างลืมหายใจไปเลยนะคะนี่

อ่านแล้วเสียวค่ะ ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง
เพราะกลัวการผ่าตัดมาก ๆ
นางฟ้าเคยผ่าตัดที่ต้องวางยาสลบ แต่ก็ไม่ได้เจ็บมากมาย ก็ยังกลัวแทบตาย

จะว่าไปในความโชคร้าย (ต้องผ่าตัดไส้ติ่ง)
ก็มีความโชคดีหลาย ๆอย่างเกิดขึ้น
ทั้งเจอคุณหมอที่เก่ง เจ็บป่วยอยู่กับครอบครัวมีคนดูแล เป็นกำลังใจ

ในที่สุดทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีแล้วนะคะ

* อ่านตรงที่พยาบาลเรียกชื่อคุณแอ๊ก นางฟ้าล่ะสะดุ้งตามค่ะ


โดย: นางฟ้าของชาลี วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:22:25:32 น.  

 
ขอให้หายเร็วๆ นะคะ


โดย: สเตสซ่า IP: 84.222.12.181 วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:21:25:12 น.  

 
แวะมาสวัสดี มาเจอข้อความตกใจเลยหญิงพจ
รักษาสุขภาพนะ เราคงได้เจอกันเน้อ
คิดถึงนะ


โดย: มาซา วันที่: 25 กันยายน 2554 เวลา:9:46:50 น.  

 
เอ.. ท่าจะหายไปสืบว่าหมอที่ผ่าตัดยังโสดอยู่รึป่าว..แหงมๆ

รึว่าแผลกำเริบ? รึว่าชีพจรลงเท้า? รึว่าจัดสรรที่ทางให้น้องสวนครัวทั้งหลายย้ายถิ่นเข้ามาอยู่ในบ้านเตรียมรับความหนาว .. หลายรึละ.. ไม่เดาดีกว่าเพราะคงผิดหมด กร๊ากกก..

แต่เห็นหายๆไปอย่างนี้ เป็นห่วงนะนี่ เด๋วต้องตามไปสืบตามบล็อกเพื่อนๆก่อนละว่าป้าน้องยังไปเม้นท์อยู่หรือเปล่า ถ้ายังเม้นท์แสดงว่ายังอาการปกติ อุ๊ย..คิดมากไปป่าว?

ป้าโซอัพบล็อกคนตัวเล็กเรื่องที่สองแล้วจ้า เชิญสดับตามอัธยาศัยนะจ๊าาา


โดย: ป้าโซ วันที่: 26 กันยายน 2554 เวลา:21:25:57 น.  

 
วาเข้ามาเยี่ยมค่ะพี่แอ๊ก
เผื่อว่าพี่แอ๊กมีอัพเดทที่บลอค
ตอนนี้พี่แอ๊กคงดีขึ้นมากๆแล้วนะคะ
หายปกติไวๆ ค่ะ


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 27 กันยายน 2554 เวลา:14:12:08 น.  

 
มาเฝ้าบ้านให้ป้าแอ๊กค่ะ เรียบร้อยดี ไม่มีหยากไย่ อิอิ

วันนี้มีพาสต้ามาฝากจานนึงค่ะ




โดย: diamondsky วันที่: 29 กันยายน 2554 เวลา:2:39:15 น.  

 
ขอปิดคอมเม้นท์ชั่วคราวนะคะ

ช่วงนี้เนทที่บ้านช้ายืดยาด ยิ่งวันไหนฝนตกหนักๆ ปิดคอมพ์และสะบัดบ๊อบไปทำอย่างอื่นได้เลย.... แต่จะพยายามตามกลับไปทุกบ้านค่ะ

ขออภัยในความล่าช้า เพราะตอนนี้เชียงใหม่น้ำท่วม(เกี่ยวกันมั้ย) .... ขอส่งกำลังใจ(และกำลังทรัพย์เท่าที่จะช่วยได้) ให้ผู้ประสบภัยทั่วประเทศด้วยนะคะ ตอนนี้คนไทยเดือดร้อนจากอุทกภัยเยอะมาก คนไทยต่างดาวคงได้เห็นข่าวกันบ้างแล้ว ใครพอจะช่วยกันได้ก็ช่วยกันเน้อเจ้า


โดย: ปลาทอง9 วันที่: 29 กันยายน 2554 เวลา:14:02:48 น.  

ปลาทอง9
Location :
Hamburg Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 130 คน [?]





เจ้าของบล๊อกจะผลุบโผล่ อัพเดทบล๊อกไม่สม่ำเสมอ ใครอย่าเล่นทีเผลอมาลักโขมยทรัพย์สินใดๆ ในบล๊อกนี้นะคะ อยากได้อะไรขอมาหลังไมค์....ไม่หวงหรอกค่ะ แต่ต้องมาขอกันดีๆ และบอกจุดประสงค์ที่จะเอาไปใช้ด้วย ไม่งั้นเจอ(ค)ดีแน่ๆจ้า

ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือค่ะ





ไม่ได้ดุ ไม่ได้ว่า....แต่ป้าไม่รับ TAG นะจ๊ะ





ขอบคุณ Color Codes, BG จากบล๊อกป้ามด




มองย้อนหลัง




@@..Food For Fun :: Hot Wok Return #2 : เมนูของแม่.... "ขนมจีนซาวน้ำ"

@@..หลีเป๊ะ & Serendipity Beach Resort

@@..Mode Sathorn Bangkok Hotel

@@..Oriental Residence Bangkok

@@..อาหารขึ้นชื่อของโอกินาวา

@@..ขอไว้อาลัยกับผู้ที่จากไป.... The Battle of Okinawa

@@.. คิดถึงเธอ Tinkerbell Privacy Resort.... เกาะกูด

@@.. Hotel Sonne Füssen

@@.. คิดถึงเกาะกูด.... @Away Resort Koh Kood

@@..ครัวดอกไม้ขาว

@@..Rimklong Boutique Hotel และชุมชนคลองพระจังหวัดตราด

@@.. On8 Bangkok Hotel

@@.. นิทราลานนา.... เชียงใหม่

@@.. คนชอบถ่ายรูปต้องชอบโรงแรมนี้แน่ๆ .... At Pingnakorn Huaykaew

@@.. เมืองไทยใน 6 สัปดาห์

@@.. VC@SUANPAAK Hotel & Serviced Apartment…. เชียงใหม่

@@..Wernigerode เมืองน่ารักในแคว้น Sachsen-Anhalt

@@..วิ่งตามหาซากุระ.... จากใต้ขึ้นเหนือ

@@..จุดชมซากุระสวยๆ.... ในเขตคันไซ

@@..ใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น

@@..Tonkatsu Maisen Aoyama Honten

@@..เค้กบ้านเปี่ยมสุข.... เชียงใหม่

@@..Afternoon Tea.... @Tobu Ikebukuro F6

@@..Hua Chang Heritage Hotel Bangkok

@@..Renaissance Bangkok Ratchaprasong

@@..Hotel Muse Bangkok

@@..อร่อยสุดๆ....@W by Wanlamun เชียงใหม่

@@..The Phoenix Hotel & Tune Hotel Asoke

@@..เค้กมะพร้าวอ่อน.... สูตรคุณจุ๋ม(แม่สลิ่ม)

@@..ชิมอาหารโอกินาว่า.... ที่ร้าน Ashibina ใกล้สถานีชิบุยะ

@@..ช้อปปิ้ง ชิคแอนด์ชิล.... @Omotesando

@@..ยำแซลมอนสมุนไพร

@@..ต้มจับฉ่าย

@@..ส่งการบ้านพี่โอเนินน้ำ.... กุ้งยำคำสมุนไพร

@@..ทอดมันปลากราย

@@..ส่งการบ้านพี่บี๊(บ่งบ๊ง).... ส้มตำกรอบมันฝรั่ง

@@..Phuket Casa Blanca Boutique Hotel.... Phuket

@@..Hotel Ichiei Osaka

@@..Il Cuore Hotel Osaka

@@..Grande Centre Point Hotel Terminal 21

@@..Hansar Bangkok

@@..เมื่อคนเจียงใหม่ไปแอ่วภูเก็ต

@@..ภูเขาซากุระ.... Yoshinoyama

@@..Ping Nakara Boutique Hotel & Spa.... เชียงใหม่

@@..Nimman Mai Design Hotel.... เชียงใหม่

@@..จิบชายามบ่าย.... @Ping Nakara

@@..Kitchen Hush.... เชียงใหม่

@@..Ristr8to Coffee Chiangmai

@@..ไก่ย่างเชิงดอย.... เชียงใหม่

@@..เก็บตก บนเกาะฮอกไกโด

@@..Miso Ramen, Genghis Khan, Soup Curry.... Sapporo

@@..Maruyama Park.... Sapporo

@@.. Nanda 難陀 seafood buffet restaurant (Sapporo)

@@.. Siam Kempinski Hotel Bangkok

@@.. Macarons.... ลองผิดลองถูกกันอีกที

@@..อร่อยและสนุก ที่ Nemuro Hanamaru sushi.... Sapporo

@@..Otaru.... พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี

@@..Almond Slice Cookies.... ส่งการบ้านสองอาจารย์ คุณโอเนินน้ำ และหนูบุ๊ง Close To Heaven

@@..Otaru.... ชีสเค้กเนียนๆที่ LeTAO

@@..ส่งการบ้านพี่บี๊(บ่งบ๊ง).... ผัดหมี่กะทิโบราณ

@@..Masa Zushi.... Otaru

@@..Otaru.... ขนมอร่อยที่ร้าน Kitakaro

@@..Otaru วันฝนพรำ.... เมืองเล็กๆที่โด่งดังเรื่องซูชิ

@@..Japan trip 2012

@@..Macarons.... แสนอ่อนใจ

@@..Dried cranberries and muesli cookies

@@..Strawberry Cake Roll.... ส่งการบ้านคุณนางฟ้าของชาลี

@@..เอนทรีนี้สีเขียว.... ผัดคะน้าปลาเค็ม, คะน้าเนื้อน้ำมันหอย ,แกงจืดใบกระเพราและโหระพา

@@.. เส้นแบ่งเวลาที่ Greenwich.... หนึ่งในมรดกโลกของเกาะอังกฤษ

@@..ตลาดนัด Isemarkt และ Macarons

@@..มะระผัดปลาสลิด

@@..The Tower of London

@@.. Decoupage.... กล่องไม้, กระถางเซรามิก

@@.. Decoupage.... กรอบแคนวาส, ขวดแก้ว, กล่องพลาสติก

@@..ขาหมูพะโล้โบราณ(สูตรพี่หมูแดง)

@@..Decoupage.... บนกรอบแคนวาส

@@..ของเก่าอย่าทิ้ง จับมาแต่งตัวให้ปิ๊งๆกันดีกว่า

@@..จิบกาแฟหอมๆ ในโรงคั่วกาแฟที่ Speicherstadt Kaffeerösterei.... Hamburg

@@..ส่งการบ้านคุณโอเนินน้ำ.... ยำเห็ดเข็มทอง + กุ้ยช่ายทอด

@@..All Seasons Chiang Mai

@@..Din Hau & Pho Duc vietnamese cuisine.... Hamburg

@@.. Baiyoke Ciao Hotel.... เชียงใหม่

@@.. ส้มตำยกครก.... เชียงใหม่

@@..Raming Tea House Siam Celadon.... มุมสงบบนถนนท่าแพ เชียงใหม่

@@..จากเกี๊ยวแห้งต้มยำ.... แตกออกมาได้อีก 3 เมนู

@@..เครื่องสำอางกับอากาศติดลบ

@@..หมู่บ้านชาวประมง Blankenese.... Hamburg

@@..Window shopping in Hamburg

@@..Winter Magic in Hamburg

@@..Vieng Joom On Teahouse.... ความสุขริมน้ำปิง

@@..หนึ่งในสถานีรถไฟใต้ดิน ที่สวยที่สุดในโลก.... มอสโคว

@@..Izmailovo & Yeliseyevsky สองแบบสองสไตล์กับการช้อปปิ้ง.... มอสโคว

@@..Saint Basil's Cathedral.... มอสโคว

@@..The Salad Concept & iberry .... Chiangmai

@@..วัดโลกโมฬี.... เชียงใหม่

@@..เชียงใหม่....กินไรดี

@@..ไส้ติ่ง.... บทสรุปสุดท้าย

@@..ไส้ติ่ง.... CT scan และรอผล

@@..ไส้ติ่ง.... อีกหนึ่งติ่งของชีวิต

@@..Madison hotel Hamburg.... & ....Adina Apartment Hotel Hamburg Michel

@@..ผักสวนครัว.... ไม่มีรั้วก็ปลูกได้

@@..Hanse Clipper Haus Hamburg.... อีกครั้งกับเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ดีๆที่ Hamburg

@@..Kazan city.... เมืองใหญ่อันดับสามของรัสเซีย

@@..คนรสเซียเค้าทานอะไรกัน.... อยากรู้ ตามมา(ตอนที่ 2)

@@..คนรสเซียเค้าทานอะไรกัน.... อยากรู้ ตามมา

@@..Russia.... หลังม่านเหล็ก หลงไหล หรือน่ากลัว

@@..Russia.... ดินแดนที่น่าค้นหา

@@..สำหรับคนรักช๊อกโกแลต.... Cologne Chocolate Museum

@@..ข้าวอบเผือก.... บ้าน บ้าน

@@..หลนปูเค็ม.... ยากๆไม่ ง่ายๆทำ

@@..แกงไตปลา.... อยู่ไกลบ้านก็ทำได้

@@..แกงส้มผักปลัง

@@..Cologne.... ในหนึ่งวัน

@@..ยำผลไม้กับทูน่ากระป๋อง.... อร่อยแบบง่ายๆ

@@..Bakery my heart.... เบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่น Düsseldorf (Germany)

@@..Takumi & Seoul.... Düsseldorf (Germany)

@@..อีกครั้งกับร้านอาหารญี่ปุ่น NA NI WA.... Düsseldorf (Germany)

@@..Brauerei Schumacher.... อร่อยแบบอ้วนๆกับโรงเบียร์ Schumacher

@@..ขนมอร่อย ห้องน้ำสุดเซ็กซี่.... ที่ Cafe Reichard ณ เมืองโคโลญจน์

@@..Villaggio Crespi d'Adda.... อีกหนึ่งมรดกโลกของแดนมักกะโรนี

@@..อีกครั้งกับงานแฟร์ดีๆในมิลาน.... Fa' la cosa giusta (Do the right thing)

@@..Lebua at State Tower Hotel Bangkok

@@..Hobby show ณ มิลาน.... สำหรับผู้รักงานฝีมือ

@@..เค้กหลงเทศกาล.... Japanese Christmas cake

@@..กระเจี๊ยบมอญผัดพริกแกงใส่ไก่(สูตรพี่บ่งบ๊ง) & กระเจี๊ยบเขียวต้มกะทิปลาสลิด.... ง่าย อร่อย

@@..V Residence.... Bangkok

@@..ชเลราญ.... หัวหิน

@@..กระเพาะปลา

@@..Strawberry Cupcakes.... สูตรคุณแหม่ม Bakingmonster

@@..กระทู้เลียนแบบป้าโซ.... สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า "มิตรภาพ"

@@..รองพื้นของป้า.... แบบป้าๆ

@@..เรื่องของแป้ง.... ของป้า

@@..อีกหนึ่งในใจ.... พุทธรักษา หัวหิน

@@..อารมณ์เสีย

@@..ZARA & MNG.... End Of Season Sale

@@..บ้านแม่ไก่.... The Hen Hua-Hin

@@..เหนื่อยนัก.... ก็พักซะหน่อย

@@..บอกกล่าว

@@..หนึ่งปีผ่าน.... กับงาน Decoupage

@@..ผัดไทย.... สูตรคุณวัฒน์(ชายกาง) แห่งห้องก้นครัว

@@..แกงคั่วสัปปะรด.... หอยแมลงภู่

@@..หน้าหนาวมา.... ผักสวนครัวลาก่อน

@@..ใบไม้(ใกล้)เปลี่ยนสี ที่ปารีส.... ตอนสุดท้าย

@@..ขนมจีนทรงเครื่อง(บี่บุ๋น)

@@..ใบไม้(ใกล้)เปลี่ยนสี ที่ปารีส.... ตอนที่5 สุดเศร้าที่ Montmartre

@@..ก๋วยจั๊บญวน.... เมนูอุ่นๆยามหนาว

@@..Ladurée Paris@Milan & Peck Milano.... สองร้านที่แนะนำ

@@..ใบไม้(ใกล้)เปลี่ยนสี ที่ปารีส.... ตอนที่4 Musée du Louvre

@@..ใบไม้(ใกล้)เปลี่ยนสี ที่ปารีส.... ตอนที่3 สองร้านที่เหลือ.... Angelina Paris & Fauchon Paris

@@..ใบไม้(ใกล้)เปลี่ยนสี ที่ปารีส.... ตอนที่2 สองร้านอร่อยที่ต้องลอง.... Chartier & Léon de Bruxelles

@@..ใบไม้(ใกล้)เปลี่ยนสี ที่ปารีส.... ตอนที่1 สุดยอด Macaron.... Ladurée & Pierre Hermé

@@..ตามหาสี่สหายนักดนตรี ณ เมือง Bremen

@@..วันฟ้าใส....ใน Düsseldorf

@@..Gyoza....ไม่ยากอย่างที่คิด

@@..Burns Art & Culture Apartments....Düsseldorf (Germany)

@@..Hanse Clipper Haus .... Service apartment โดนใจ....ที่ Hamburg

@@..โปรตุเกส....ตอนสุดท้าย ปิดทริปกับอีกหนึ่งมรดกโลก Palace of Monserrate (Sintra)

@@..Shirakawa-go หมู่บ้านมรดกโลก....Kanazawa ชมหมู่บ้านเกอิชา

@@..Takayama....Little Kyoto, Hida Folk Village (Hida no Sato)

@@..อิ่ม อร่อย กับหลากหลายร้านบน Japanese street....Düsseldorf (Germany)

@@..Cranberry Cream Scones....สูตรคุณลูกสน

@@..เย็นตาโฟ....อะไรๆก็ต้องทำเอง(ฮือก้วย ซอสเย็นตาโฟ)

@@..Marzipan หวาน อร่อย....ที่เมือง Lübeck

@@..ยำใหญ่....ใส่หลายเมือง(Germany)

@@..ประกาศ....พักบล๊อก

@@..อีกครั้ง กับเครือเซ็นเตอร์พ้อยท์....Centre Point Silom

@@..Meoto-Iwa....หินแต่งงานแห่งเมืองอิเสะ

@@..ขนมจีนน้ำยาโคราช....สูตรคุณหยี(แม่น้องKevin and Jasmin)

@@..Nagoya....Nagoya Castle, Osu Kannon Temple และแหล่งช้อปปิ้งย่าน Osu

@@..Decoupage....วาดฝัน ฝันว่าอยู่ซานโตรินี่

@@..แกงผักหวานปลาทู....ควงคู่มากับลาบคั่ว

@@..ขนมจีนน้ำพริก....มหากาพย์การทำครัว

@@..White chocolate strawberry swirl cheesecake....สูตรคุณปูขาเก

@@..Le Méridien....Chiangmai

@@..Yantarasri Boutique & Resort....ความสงบเล็กๆ บนถนนนิมมานเหมินทร์

@@..เพราะมันเป็นน้ำพริกโจร....จึงต้องขยำ

@@..ขนมจีนน้ำเงี้ยว....อาหารแสนไกล ที่แสนจะคิดถึง

@@..เรียบง่าย หลับสบาย....ณ Rickshaw Inn TAKAYAMA

@@..Nagoya, Shirakawago, Kanazawa....กินอะไรดี

@@..อุตส่าห์ไปถึง Takayama....จะพลาด Hida Beef ได้อย่างไร

@@..เกาะสวรรค์ของคนรักไข่มุก....Mikimoto Pearl Island

@@..สวัสดี....ปี 2553

@@..หลินปิง อายุครบ 209 วัน

@@..กินอิ่ม นอนหลับ ที่....Grande Centre Point Ratchadamri Hotel & Residence

@@..Decoupage....บนจานใสๆ ของขวัญวันคริสต์มาส

@@..Santorini....ตอนที่ 6 สามวันสุดท้ายบนเกาะแสนสวย

@@..ปลาทอด....ยำเต้าเจี้ยว

@@..ไม่ได้รีวิว เอารูปมาให้ดูเฉยๆ....Samed Cabana Resort

@@..มะ มาทำกิมจิกัน....ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

@@..ข้าวซอย....ของคนคิดถึงบ้าน

@@..Santorini....ตอนที่ 5 พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ที่หมู่บ้าน Oia

@@..มะม่วงน้ำปลาหวาน....แซ่บบบบบบ

@@..Sheraton Grand Sukhumvit Bangkok

@@..The Bedroom Bangkok Hotel

@@..Santorini....ตอนที่ 4 Fira เมืองหลวงบนเกาะสวรรค์

@@..ก๋วยเตี๋ยวเป็ด....ง่ายๆแบบป้าๆ

@@..Santorini....ตอนที่ 3 Fira เมืองหลวงบนเกาะสวรรค์

@@..Santorini....ตอนที่ 2 วันที่ 2 ใน Imerovigli หมูบ้านฟ้าขาวบนเกาะสวรรค์

@@..The Key Bangkok Hotel

@@..Santorini....ตอนที่ 1 Imerovigli หมูบ้านฟ้าขาวบนเกาะสวรรค์

@@..โปรตุเกส....ตอนที่ 6 ก่อนจะถึงวันสุดท้ายในลิสบอน

@@..โปรตุเกส....ตอนที่ 5 สองมรดกโลก Mosteiro dos Jerónimos และ Torre de Belém

@@..โปรตุเกส....ตอนที่ 4 Sintra....เมืองมรดกโลก The Pena National Palace

@@..แก้ปัญหาง่ายๆ....สำหรับท่านที่ใช้ Firefox และไม่สามารถเขียนคอมเม้นท์ได้

@@..โปรตุเกส....ตอนที่ 3 Sintra....เมืองมรดกโลก Sintra National Palace

@@..Decoupage....คราวนี้ไม่ขาด แต่ย่นนิดนึง

@@..โปรตุเกส....ตอนที่ 2 Lisbon....ในวันถัดมา

@@..โปรตุเกส....ตอนที่ 1 Lisbon

@@..สโลเวเนีย....ตอนที่ 7 อำลา Ljubljana....มุ่งหน้าสู่ Postojna Cave

@@..สโลเวเนีย....ตอนที่ 6 Ljubljana....ล่องเรือและชมเมือง

@@..สโลเวเนีย....ตอนที่ 5 Lebanese food

@@..สโลเวเนีย....ตอนที่ 4 Ljubljana เมืองหลวงที่แสนสดใส

@@..สโลเวเนีย....ตอนที่ 3 Vintgar gorge

@@..Decoupage....ขาดๆย่นๆ งานแรกของป้า

@@..สโลเวเนีย....ตอนที่ 2 Bled เมืองในฝันของใครหลายๆคน

@@..สโลเวเนีย....ตอนที่1 Kranjska Gora

@@..ฟ่อนคำวิลเลจ รีสอร์ท....เชียงใหม่

@@..เกาะล้าน....ไปกับเค้าบ้าง

@@..สองขาพาช้อปปิ้ง....ในกรุงโซล

@@..Seoul....อีกหนึ่งความประทับใจ

@@..หน้าร้อนที่แสนหนาว....บนเกาะ Hokkaido

@@..เก็บตกรอบโตเกียว....Kamakura, Hakone

@@..เมื่อข้าเจ้าปิ๊กเจียงใหม่....ไปไหน กินอะไร

@@..พิพิธภัณฑ์อียิปต์(Museo Egizio)....Turin

@@..Turin....เมืองหลวงเก่าของอิตาลี่

@@..Helsinki....เทพธิดาแห่งบอลติค(ตอนพาชมตลาด)

@@..ตำมั่ว(ซั่ว)....ครั้งแรกในชีวิต

@@..Helsinki....เทพธิดาแห่งบอลติค

@@..Tallinn ดั่งเมืองในเทพนิยาย....Estonia ((ตอนที่2))

@@..Tallinn ดั่งเมืองในเทพนิยาย....Estonia ((ตอนที่1))

@@..หอยทอด..ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกระดูกอ่อน..ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระสด....ง่ายอีกแล้ว

@@..เค้กมะม่วง....จากแป้ง Farro

@@..ก๋วยจั๊บน้ำข้น....ง๊าย ง่าย

@@..อร่อย อร่อย....ที่ Hokkaido

@@..เดินเล่น....ที่ Nanjing

@@..Holy House of Loreto....Italy

@@..ทงคัตสึเจ้าอร่อย....ที่ Hakone

@@..ขนมจีนน้ำยาสูตรพิสดาร....เหมาะสำหรับคนไกลบ้าน

@@..เค้กกล้วยหอมสูตรเนย....กับพิมพ์ซิลิโคนแสนน่ารัก

@@..หมูปิ้ง....ข้าวเหนียวแดง

@@..Kantary Hills Hotel....เชียงใหม่

@@..ราคาสินค้าจากแดนปลาดิบ....วาระสอง

@@..บ้านกางมุ้ง....หัวหิน

@@..Wora Bura resort & spa....หัวหิน

@@..เดอ นาคา....เชียงใหม่

@@..วิลล่าดวงจำปา....เชียงใหม่

@@..Hiroshima....และอำลา Fukuoka

@@..Hiroshima-อนุสรณ์สถานแห่งความเศร้า....Iwakuni-สะพานไม้ไร้ตะปู....Miyajima-Torii กลางน้ำ

@@..Nagasaki....Huis Ten Bosch

@@..KIKO....เครื่องสำอางสัญชาติอิตาเลี่ยน แต่ราคาคนไทย

@@..Nagasaki....Glover garden

@@..Fukuoka....ปราสาทคุมาโมโต้

@@..Fukuoka....และ....Dazaifu

@@..ของกิ๋นบ้านเฮา....ตามมา จะพาไปหม่ำของอร่อยในเมืองเจียงใหม่เจ้า

@@..Pap smear....ไม่เจ็บ ไม่น่ากลัว ไม่ควรอาย....แต่

@@..ราคาสินค้าจากแดนปลาดิบ

@@..Osaka....จากปราสาทโอซาก้า สู่ฮิเมจิ

@@..Osaka....กิน กิน กิน

@@..สวัสดี....ปีที่จะมา

@@..กลับบ้านก่อนนะ

@@..Sicily....Italy

@@..Kyoto....ภาคจบ(Fushimi Inari , Kiyomizu Temple , Gion Corner)

@@..Kyoto....จากเส้นทางนักปราชญ์ สู่....วิหารเงิน

@@..Kyoto....เมืองหลวงเก่าที่แสนงดงาม

Friends' blogs
[Add ปลาทอง9's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.