บันทึกคนเพี้ยน
Group Blog
 
All Blogs
 
ลำนำรักใต้แสงจันทร์ ตอนที่ 18



         ร้านขายของชำร้านนั้นดูแปลกตากว่าร้านอื่นตรงที่เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวหลังคามุงด้วยหญ้าแห้ง ประตูด้านหน้าเปิดโล่งมองเข้าไปเห็นกระสอบและลังไม้วางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ด้านข้างปิดทึบ บริเวณหน้าจั่วสูงขึ้นไปเกือบถึงหลังคาเว้นช่องลมเอาไว้พอให้อากาศถ่ายเทได้บ้าง


         ที่เพิงเล็กๆมุมร้านมีลังเปล่าและกระสอบเก่าๆ กองระเกะระกะอยู่ข้างรถเข็นสองล้อถัดไปไม่ไกลนักคือร่างของสตรีวัยกลางคนเจ้าของร้านนางทำปากขมุบขมิบนับนิ้วอยู่ไปมา ก่อนจะหันไปใช้หินสีขาวขีดเขียนสัญลักษณ์บางอย่างบนแผ่นกระดานที่แขวนอยู่ตรงผนังข้างประตู


“สวัสดีครับท่านป้า”


เอลเดินเข้าไปใกล้พลางร้องทักพยายามปั้นยิ้มหวานสุดชีวิตส่งไปให้แม่ค้าวัยกลางคน เมื่อมาอยู่ในระยะประชิดขนาดนี้เขาจึงเห็นว่านางเป็นผู้หญิงอ้วนที่มีร่างกายสูงใหญ่ทีเดียว อาจจะไล่เลี่ยกับเขาเสียด้วยซ้ำที่สำคัญหน้าตาของนางดูบึ้งตึงไม่เป็นมิตรเสียจนชายหนุ่มนึกขยาดแต่จะหันหลังกลับตอนนี้ก็ทำไม่ได้เพราะเจ้าคนในชุดนักบวชคอยจ้องเป๋งคุมเชิงอยู่ไม่ห่าง


         “คือ.. ข้ามีเรื่องอยากจะรบกวนถามท่านสักหน่อย”


เขาเอ่ยต่อด้วยเสียงห้าวทุ้มที่ปรับจนนุ่มหูน่าฟังรอยยิ้มทรงเสน่ห์ยังไม่เลือนหายไปจากใบหน้าหล่อเหลา


         แม่ค้าร่างอ้วนจ้องมองหนุ่มหล่อต่างถิ่นที่ตรงรี่เข้ามาทักนางด้วยความสงสัยแกมไม่ไว้ใจนางเลื่อนสายตาผ่านใบหน้าชวนมองของเขาไปจับอยู่ที่เสื้อกางเกงมอมไปด้วยฝุ่น ก่อนตวัดสายตากลับไปที่ใบหน้าอีกครั้งชั่งใจว่าควรจะเสียเวลาพูดด้วยดีหรือไม่ ริมฝีปากอวบหนายังคงหุบสนิท ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา


         หนุ่ม ‘เสน่ห์แรง’กลืนน้ำลายลงคอบรรจงยิ้มอวดฟันขาวอีกรอบในขณะที่สมองเร่งคิดหาวิธีที่จะไม่ทำให้ตนเองถูกไล่ตะเพิดกลับไปเสียก่อนมันน่าโมโหเจ้านักบวชกำมะลอนักเชียวที่อยู่ดีๆก็ยัดเยียดภาระอันน่าอึดอัดใจนี้มาให้เขา


         “เอ่อ... ข้าชื่อเอลนะครับท่านป้าส่วนนั่นสหายของข้าชื่อเมล”ชายหนุ่มยกนิ้วโป้งชี้ไปด้านหลังแล้วพยายามอธิบายต่อ “เราสองคนเป็นนักเดินทางเพิ่งมาที่เมืองนี้เป็นครั้งแรก ก็เลย...เอ่อ...หลงทางน่ะครับ ท่านป้าจะกรุณาช่วยเราหน่อยได้มั้ยครับ”


แม่ค้าวัยกลางคนเบนสายตาไปยังคนในชุดนักบวชที่ยืนอยู่เยื้องไปทางด้านหลังผู้พูดคิ้วที่ขมวดเข้าหากันค่อยคลายออกเล็กน้อย นางหันกลับมาพยักหน้าให้ชายหนุ่มนิดหนึ่งแทบสังเกตไม่เห็น


“เจ้าจะให้ข้าช่วยอะไรล่ะ”


         “คือ ข้ากับเพื่อนได้ยินมาว่ามีวิหารแห่งหนึ่งอยู่แถวนี้ชื่อวิหารรีอา ท่านป้าพอจะรู้จักมั้ยครับ”


ใบหน้าที่ขมวดบึ้งของผู้ฟังคลายออกทันทีความระแวงสงสัยเลือนหายไปจากแววตา พร้อมๆ กับที่เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังขึ้น


“โถ่เอ๊ย นึกว่าเรื่องอะไร รู้จักสิคนเมืองนี้ไม่มีใครไม่รู้จักวิหารรีอาหรอกพ่อหนุ่ม”


         “จริงหรือครับท่านป้า”


         น้ำเสียงตื่นเต้นยินดีเหมือนเด็กๆของชายหนุ่มแปลกหน้า ทำให้ผู้สูงวัยกว่าอดยิ้มออกมาไม่ได้หากประโยคต่อไปของเขากลับละลายรอยยิ้มนั้นลงไปกว่าครึ่ง


         “ท่านพอจะบอกทางไปวิหารให้ข้าได้มั้ยครับ”


         แม่ค้าร่างอ้วนจ้องมองหนุ่มหล่อต่างถิ่นด้วยสายตาพิกล


“เจ้าจะไปที่นั่นทำไม”เผลอหลุดปากถามออกไปแล้ว นางก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัล


         “ช่างเถอะๆ ไม่ต้องตอบหรอกข้าเองก็ไม่ได้อยากรู้ธุระของเจ้านักแต่บอกไว้ก่อนว่าที่นั่นไม่ใช่สถานที่ที่ใครก็เข้าไปได้ง่ายๆ”


“ทำไมล่ะครับท่านป้า”


         “ก็ที่นั่นมีแต่ผู้หญิงเจ้าไม่รู้หรือไงว่าถ้าไม่ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากท่านหัวหน้านักบวชละก็ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิเข้าไปในวิหารทั้งนั้น อีกอย่าง”ผู้พูดมีทีท่าลังเลเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อไปด้วยเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ


“ลูกค้าอย่างพวกเจ้าก็ไม่ได้มีมาบ่อยๆ เสียด้วย”


         “ลูกค้า” หนุ่มหล่อต่างถิ่นทวนคำงงๆ


         “อ้าว ก็ใช่น่ะสิ หรือว่าเจ้าไม่ได้เป็นลูกค้าของวิหารกันล่ะ” ความหวาดระแวงในตัวชายหนุ่มตรงหน้าเริ่มหวนกลับมาอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะไปที่วิหารทำไม”


“เอ่อ...ข้าก็...ข้าเป็นลูกค้าสิครับท่านป้าเป็นลูกค้าของวิหารรีอาแน่นอน” เอลรีบตอบ แล้วฉีกยิ้มหวานกลบเกลื่อนอาการพิรุธถามต่อไปว่า


“ท่านป้าจะช่วยบอกทางไปที่นั่นให้ข้าทราบได้มั้ยครับ”


เมื่อเห็นหญิงกลางคนร่างอ้วนทำท่าคิดเอลก็รีบรุกด้วยวิธีถนัด


“รับรองว่าข้าไม่เอาเปรียบท่านป้าแน่ ขอเพียงแค่บอกทางไปวิหารรีอากับข้าท่านป้าอยากได้อะไร ข้ายินดีมอบให้ทุกอย่าง”


         ชายหนุ่มนึกไปถึงเหรียญทองในถุงข้างเอวที่คงจะต้องลดจำนวนลงอีกแต่ช่างเถอะ ถ้าแลกกับการที่ไม่ต้องคลำหาทางไปวิหารเอาเองก็นับว่าคุ้ม


แม่ค้าชาวบัลซาร์จ้องมองแผงอกกำยำและท่อนแขนแข็งแรงที่ซ่อนอยู่หลังเสื้อเชิ้ตเนื้อดีของหนุ่มหล่อตรงหน้านิ่งนานความพึงพอใจฉายชัดออกมาทางแววตาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างบนริมฝีปากอวบหนา


“เจ้ายินดีให้ข้าทุกอย่างจริงๆ น่ะหรือพ่อหนุ่ม” นางถามย้ำ


         “ครับ”


         “ดี ถ้างั้นตามข้าเข้ามาข้างใน”


         เอลยังไม่ทันจะได้ทำความเข้าใจกับคำสั่งที่เพิ่งได้ยินให้แน่ชัดก็ถูกอุ้งมือใหญ่คว้าหมับที่ต้นแขนแล้วเจ้าของมือก็ใช้เรี่ยวแรงมหาศาลทำอาการคล้ายจะ ‘ยก’ ตัวเขาให้ลอยขึ้นก่อนจะลากเข้าไปในร้านค้ามืดทึมอย่างง่ายดาย ทว่านางยังมีมารยาทดีพอที่จะหันไปขออนุญาตชายหนุ่มในชุดนักบวชที่ยืนยิ้มมองดูอยู่ด้วยน้ำเสียงสุภาพ


         “ท่านคงไม่ว่าอะไรนะคะท่านนักบวชถ้าข้าจะขอยืมตัวสหายของท่านสักครู่”


         “อ๋อ ตามสบายเลยครับท่านป้า” เมลิอานาร์ตอบกลั้วหัวเราะหันไปส่งยิ้มกว้างพลางโบกไม้โบกมือให้เพื่อนร่วมทาง...ที่คงต้องแยกทางกันชั่วคราวแล้วตอนนี้


“โชคดีนะเอล ข้าจะกลับไปรอเจ้าที่ห้องพักก็แล้วกัน”


         “เฮ้ย เดี๋ยวซี่ ท่านเมล..”


         เอลพยายามร้องเรียกแต่สหายนักบวชของเขาไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ พอพูดจบฝ่ายนั้นก็รีบหันหลังกลับ ฮัมเพลงไปตามทางอย่างอารมณ์ดีปล่อยให้เสียงร้องตะโกนโหวกเหวกของชายหนุ่มค่อยๆ จางหายไปเองในสายลมเย็นต้นฤดูใบไม้ร่วงโดยที่ไม่คิดจะหันกลับมามองด้วยซ้ำว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร




โชคยังดีที่เอลสามารถรอดชีวิตกลับมาถึงที่พักได้ในค่ำวันนั้นแม้ว่าสภาพจะสะบักสะบอมเอาการอยู่ก็ตาม


         “โอ้โห นี่เจ้าไปรบกับใครมาหรือ ถึงได้ดูไม่จืดขนาดนี้”


เมลิอานาร์อดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเดินไปเปิดประตูห้องพักแล้วเห็นสภาพหน้าเป็นมันไปด้วยเหงื่อผมเผ้ายุ่งเหยิง ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกมานอกขอบกางเกง ของผู้ที่เพิ่งก้าวเข้ามาภายในเอลตวัดสายตาคล้ายจะค้อน เดินตรงไปยังเตียงนอนมุมห้องโดยไม่พูดไม่จาพอถึงก็ถอดรองเท้าออก ล้มตัวลงนอนแผ่หราอย่างเหนื่อยอ่อน


         คนในชุดนักบวชปิดประตูหันกลับมาจับตามองอาการของสหายหนุ่มอย่างขำๆ ก่อนจะตั้งคำถามซ้ำอีกรอบ


“เป็นอะไรหรือเอล แล้วได้ความหรือเปล่าเรื่องวิหารน่ะ”


         “ท่านก็ห่วงแต่เรื่องวิหารนั่นแหละไม่คิดจะห่วงสวัสดิภาพของข้าหรอก”เอลตัดพ้อราวกับผู้หญิงแสนงอน


“อ้าว ข้าก็ถามอยู่นี่ไงว่าเจ้าเป็นอะไร เจ้าไม่ตอบเองนี่นา”


         ชายหนุ่มตวัดสายตาขุ่นขวางผ่านหน้าเจ้าของประโยคอีกครั้งตอบเสียงสะบัดว่า


“ข้าก็โดนยัยแม่มดจอมโหดคนนั้นใช้งานหนักจนปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวน่ะซีแล้วดูท่านสิ มีอย่างที่ไหน ไปด้วยกันแท้ๆ กลับทิ้งกันได้ลงคอ”


         เมลิอานาร์หัวเราะเฉยเสียไม่พูดอะไรอีกจะว่าไปนางก็จงใจแกล้งทิ้งเขาเอาไว้กับแม่ค้าหน้าดุคนนั้นจริงๆ นั่นแหละความรู้สึกผิดเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในใจทำให้หญิงสาวเดินไปคว้าย่ามส่วนตัวขึ้นมาค้นหาอะไรกุกกักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินข้ามห้องไปหาชายหนุ่มพร้อมด้วยขวดแก้วเจียระไนทรงสูงในมือภายในบรรจุน้ำมันหนืดข้นสีเขียวใส


“เอ้า ถอดเสื้อออกสิเอลข้าจะชโลมสมุนไพรแก้ปวดเมื่อยให้เจ้า”


         ราชาแห่งกรีนแลนด์มองหน้าคนออกคำสั่งอย่างไม่ค่อยไว้ใจนักแต่ก็ยอมขยับลุกขึ้นมาถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมอยู่ออกแต่โดยดีแล้วพลิกตัวลงนอนคว่ำหน้า สอดแขนสองข้างไว้ใต้หมอนขนนกฟูนุ่มเกยคางไว้ด้านบนด้วยท่าทางสบายๆ ปากก็บ่นต่อไปราวกับอัดอั้นตันใจมานาน


“ยัยป้าคนนั้นโหดชะมัดเลยท่านรู้มั้ยกว่าจะยอมบอกทางไปวิหารนางก็ใช้ข้าแบกกระสอบข้าวสาลีกระสอบมันฝรั่งจนปวดไปหมดทั้งตัว เท่านั้นยังไม่พอยังใช้ให้ข้าตระเวนส่งของแทนลูกชายของนางอีกตั้งครึ่งค่อนวัน”


เมลิอานาร์ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างชายหนุ่มบรรจงชโลมน้ำมันเหนียวข้นกลิ่นฉุนรุนแรงลงบนแผ่นหลังของเขาแล้วออกแรงนวดเพื่อคลายกล้ามเนื้อให้ด้วยความรู้สึกขบขันอย่างบอกไม่ถูกนางต้องพยายามกัดริมฝีปากสะกดกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้แทบตายหากดูเหมือนไม่ค่อยได้ผล เพราะยังมีเสียงคิกๆ คักๆเล็ดรอดออกมาให้คนนอนคว่ำหน้าได้ยินอยู่นั่นเอง


“หัวเราะอะไรของท่านคนเค้าอุตส่าห์...โอ๊ย...เบาหน่อยได้มั้ย ท่านนี่มือหนักเป็นบ้า”


         “เงียบเหอะน่ะ เจ้าไม่อยากหายปวดหรือไง น้ำมันสมุนไพรพวกนี้ทาแล้วก็ต้องนวดให้ซึมเข้าไปในกล้ามเนื้อทั้งนั้นแหละ”


“ท่านก็นวดให้มันนุ่มนวลกว่านี้หน่อยซี่มือหนักอย่างนี้จะฆ่ากันหรือไง“


“เสียใจด้วยนะเอล มือข้ามันก็หนักอย่างนี้แหละถ้าอยากได้คนนวดมือเบาๆ เจ้าต้องไปใช้บริการของแม่สองสาวเอสเม่กับริต้าโน่น”


         เอลยิ้มน้อยๆกับน้ำเสียงประชดของอีกฝ่าย “ความคิดไม่เลวนี่ ว่าแต่ท่านจะไปพาพวกนางมานวดให้ข้าจริงหรือเปล่าล่ะ”


คำตอบนั้นทำให้แรงกดบนกล้ามเนื้อแข็งเกร็งของชายหนุ่มเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจนเจ้าตัวแทบสะดุ้ง


“เอ้า เสร็จแล้วรับรองว่าพรุ่งนี้เช้าเจ้าจะหายปวดเป็นปลิดทิ้ง”คนนวดขยับถอยออกมายืนดูผลงานตาขุ่นอยู่ข้างเตียง


เอลลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือไปคว้าเสื้อเชิ้ตตัวเก่าขึ้นมาทำท่าจะสวม หากแล้วกลับชะงักไว้หันไปจ้องหน้าหนุ่มหล่อในชุดนักบวชนิ่งด้วยดวงตาเป็นประกายระยับ ริมฝีปากได้รูปพราวยิ้มกรุ้มกริ่ม


“มีอะไรอีกล่ะ” ฝ่ายถูกจ้องชักระแวงขึ้นมาบ้าง


“แขนของข้า ท่านยังไม่ได้นวดน้ำมันให้เลย ข้าก็ปวดแขนจนแทบจะยกไม่ขึ้นเหมือนกันนะ”


“มากไปละเอล แขนเจ้าเจ้าก็นวดเองสิ เอื้อมถึงอยู่แล้วนี่อีกอย่างคนมือหนักอย่างข้ายังไม่นึกอยากจะหักกระดูกใครตอนนี้ด้วย”


         เมลิอานาร์โยนขวดน้ำมันในมือส่งให้เพื่อนร่วมห้องก่อนจะเดินกลับไปนั่งห้อยขาบนเตียงนอนของตนซึ่งตั้งอยู่ชิดผนังอีกด้านจับตามองดูเอลค่อยๆ เทน้ำมันสมุนไพรลงบนแขนข้างซ้ายอย่างทุลักทุเล แล้วจู่ๆคำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด


         เอลเป็นใครกันแน่?


หน้าตาผิวพรรณของเขาดูดีเกินกว่าจะเชื่อได้ว่าเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาจะว่าเป็นทหารก็ไม่น่าใช่ แม้รูปกายภายนอกของเอลจะดูแข็งแรงบึกบึนแต่ท่าทางเขาไม่ใช่คนที่คุ้นเคยกับการทำงานหนักมาก่อนโดยเฉพาะงานแบกหามอย่างที่เขาต้องทำในวันนี้ดูจากอาการปวดเมื่อยมากมายที่เกิดขึ้นก็พอจะเดาออก สงสัยว่าชีวิตที่ผ่านมาของชายหนุ่มคงมีแต่ความสุขสบายจนน่าหมั่นไส้เสียด้วยซ้ำ


         นางยังจำถ้อยคำกำชับของเจ้าชายกันนาร์ตอนจะออกเดินทางจากกรีนแลนด์ได้ดีดูเหมือนพระองค์ทรงเป็นห่วงสหายผู้นี้มากมายจนผิดสังเกตถ้าหากเอลไม่ใช่หญิงคนรักของเจ้าชายกันนาร์อย่างที่นางเคยเข้าใจบางทีเขาอาจจะเป็นเชื้อพระวงศ์คนใดคนหนึ่งของกรีนแลนด์ก็ได้ พอคิดมาถึงตรงนี้ความสงสัยอีกประการก็ผุดซ้อนขึ้นในใจของหญิงสาวทันที


         ถ้าเป็นเช่นนั้นเหตุใดเอลจึงต้องแสร้งทำตัวเป็นหญิงรับใช้ประจำวิหารด้วยเล่า


“...พอหรือยัง”


เสียงห้าวๆไม่สบอารมณ์ของคนถูกมองดังขึ้นขัดจังหวะความคิดหญิงสาว


         “อะไรนะ”


“ข้าถามว่า ท่านวิเคราะห์ข้าพอหรือยังเห็นจ้องข้าจนแทบจะทะลุไปถึงฝาห้องด้านหลังแล้ว”


เมลิอานาร์ยิ้มเก้อๆ


“วิเคราะห์ที่ไหนกัน ข้าก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วว่าไงล่ะเรื่องวิหารน่ะเจ้ายังไม่เล่าให้ข้าฟังเลย”


         เมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่อง เอลก็ไม่ได้ติดใจที่จะคาดคั้นอีกเขายักไหล่แล้วกล่าวด้วยเสียงเรียบเรื่อย ซ่อนความกังวลใจลึกๆ เอาไว้มิดชิด


“ก็ไม่มีอะไรมาก นางบอกว่าที่ด้านหลังหมู่บ้านมีทางเกวียนอยู่ถ้าขี่ม้าไปตามทางนั้นจนถึงชายป่าก็จะพบลำธารสายหนึ่งให้ขี่ม้าเลียบลำธารไปจนกระทั่งเจอเนินเขา พอขึ้นเขาไปสักพักก็จะเห็นวิหารตั้งอยู่ท่าทางคงจะหาไม่ยากหรอก เพียงแต่ ข้าไม่คิดว่าเราจะถือตลับเดินดุ่มๆเข้าไปเที่ยวถามใครต่อใครในวิหารได้เหมือนที่ถามริช ไคลี่ถึงพวกนักบวชจะเคยเห็นตลับอันนี้และรู้เรื่องยาพิษ ก็คงไม่มีใครยอมบอก”


“นั่นสิ” คนฟังพยักหน้าเห็นด้วยทันที


         “อีกอย่างนะท่านเมล” ชายหนุ่มพูดต่อ “ข้ายังติดใจเรื่องลูกค้าที่ท่านป้าคนนั้นพูดถึงไม่หายนักบวชที่วิหารนั่นขายอะไรให้ลูกค้าของพวกนางกันแน่”


“ถ้าอยากรู้ก็มีทางเดียวคือเราต้องแอบเข้าไปข้างในวิหารให้ได้ข้าสังหรณ์ใจว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวพันกับยาพิษในตลับนั่นปัญหามันอยู่ที่ว่าพวกเราจะเข้าไปในนั้นได้ยังไงมากกว่า”


เมลิอานาร์ลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าเตียงด้วยท่าทางคิดหนักสักพักก็หันกลับมาถามชายหนุ่มเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


         “ท่านป้าคนนั้นเคยไปที่วิหารบ่อยหรือเอล”


“ไม่รู้สิ ก็คงบ่อยมั้งนางต้องขึ้นไปส่งของที่วิหารอยู่แล้วนี่”


“ส่งของ”


“ฮื่อ ก็พวกมันฝรั่ง ข้าวสาลี น้ำผึ้ง อะไรทำนองนี้แหละนักบวชที่วิหารจะลงมาสั่งซื้อที่ร้านของนางประมาณสองเดือนครั้ง”


“งั้นแสดงว่านักบวชหญิงที่เราเห็นคุยอยู่กับท่านป้าเมื่อกลางวันก็มาสั่งซื้อของพวกนั้นน่ะสิ” ผู้พูดทบทวนเหตุการณ์ช้าๆอย่างตรึกตรอง


         “ก็คงใช่ก่อนกลับมานี่ข้ายังถูกนางบังคับให้ช่วยขนของขึ้นบรรทุกเกวียนอยู่เลยเห็นว่าพรุ่งนี้นางจะนำไปส่งที่วิหารแต่เช้า”


“ถ้างั้นก็เหมาะ”


         เมลิอานาร์ดีดนิ้วเสียงดังจนอีกฝ่ายต้องเงยหน้าขึ้นมองถามงงๆ


         “อะไรเหมาะ”


         หญิงสาวไม่ตอบหากแต่ยิ้มกว้างเหมือนไม่ได้ยินคำถามนั้น นางรู้แล้วว่าจะแอบเข้าไปในวิหารรีอาได้อย่างไร




เกวียนขนของขนาดกลางคลุมด้วยผ้าเนื้อหนาอย่างมิดชิด แล่นไปตามถนนดินขรุขระผ่านเข้าไปในป่าโปร่งเลียบลำธารตั้งแต่แสงอรุณแรกเพิ่งทอทาบขอบฟ้า น้ำหนักตัวของสตรีร่างอ้วนใหญ่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าบวกกับน้ำหนักของสินค้าที่บรรทุกมานั้นคงจะมากเอาการเกวียนเลยเคลื่อนที่ได้ค่อนข้างช้าไม่ทันใจเจ้าของ แส้หนังในมือนางจึงหวดกระทบหลังเจ้าม้าแก่ผอมกะหร่องสองตัวอยู่บ่อยๆสลับกับเสียงร้องเร่งอย่างใจร้อน


แม่ค้าชาวบัลซาร์อยากจะให้งานส่งของช่วงเช้าเสร็จสิ้นก่อนเที่ยงวันเพราะตอนบ่ายนางยังต้องไปส่งของให้ลูกค้าอีกเจ้า จึงรีบขนของขึ้นบรรทุกเกวียนเตรียมไว้ตั้งแต่เย็นวานโชคดีที่ได้หนุ่มต่างถิ่นมาช่วยทำให้เบาแรงไปมากโขเช้านี้นางจึงเพียงแค่นำม้าสองตัวมาเทียมเข้ากับเกวียนก็สามารถออกเดินทางได้ทันที


หญิงกลางคนตวัดแส้ลงบนหลังม้าอีกครั้งส่งผลให้เกวียนพุ่งทะยานไปข้างหน้าเร็วขึ้นเล็กน้อยเพราะมัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับจุดหมายปลายทางและจำนวนเงินที่จะได้รับนางจึงไม่ทันสังเกตเห็นหลุมขนาดเล็กที่ขวางทางอยู่ล้อเกวียนจึงกระแทกลงไปในหลุมนั้นโดยแรงโชคดีที่หลุมไม่ลึกมากจึงไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเพียงแต่มีเสียงข้าวของกระทบกันกราวใหญ่แทรกด้วยเสียงคล้ายคนร้องอุทานอย่างตกใจดังมาจากท้ายเกวียน


คนเป็นแม่ค้าเหลียวมองรอบกายเลิ่กลั่กหาที่มาของเสียงหากพอตั้งใจฟังกลับไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงฝีเท้าม้าและเสียงล้อไม้หมุนบดพื้นถนนตามปกตินางรู้สึกขนลุกขึ้นมาเฉยๆจึงเร่งหวดแส้ลงบนหลังเจ้าสัตว์น่าสงสารทั้งสองตัวถี่ขึ้นเพื่อให้มันวิ่งไปสู่จุดหมายปลายทางโดยเร็ว มิได้นึกเฉลียวใจเลยสักนิดว่าเจ้าของเสียงอุทานที่นางได้ยินแล้วนึกว่าหูฝาดไปเองนั้น กำลังนอนคลำศีรษะป้อยอยู่ท่ามกลางกองกระสอบและลังไม้ภายใต้ผ้าคลุมผืนหนาข้างหลังนางนี่เอง




Create Date : 14 กรกฎาคม 2559
Last Update : 14 กรกฎาคม 2559 5:06:13 น. 2 comments
Counter : 508 Pageviews.

 


โดย: ป้าทุยบ้านทุ่ง วันที่: 7 สิงหาคม 2559 เวลา:19:51:45 น.  

 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:13:33:07 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

akihiro
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






...โอ้สงสารสุริยาฟ้าพยับ จะเลื่อนลับยุคนธรสิงขรเขา พระอาทิตย์ดวงเดียวเปลี่ยวเหมือนเรา กำสรดเศร้าโศกมาเอกากาย ถึงมีเพื่อนก็เหมือนพี่ไม่มีเพื่อน เพราะไม่เหมือนนุชนาถที่มาดหมาย มีเพื่อนเล่นก็ไม่เหมือนกับเพื่อนตาย มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนกับเพื่อนชม...

คนตัวเล็กในโลกกว้างใหญ่ รักการอ่าน ชอบการเขียน แต่ที่ชอบที่สุดคือการนอน ความสามารถพิเศษคือการนอนมาราธอน มีพรสวรรค์ในด้านการอ่านหนังสือแบบไม่ต้องเสียตังค์


...งานเขียนใน blog นี้ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ความ แต่เจ้าของก็หวงค่ะ หากใครต้องการนำไปเผยแพร่ที่อื่นกรุณาติดต่อเจ้าของก่อนเน้อ...
Friends' blogs
[Add akihiro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.