ลำนำรักใต้แสงจันทร์ ตอนที่ 4
แสงแดดอุ่นยามสายสาดจับร่างของบรรดาชายฉกรรจ์ที่มารวมตัวกันอยู่บริเวณลานโล่งด้านหน้าอาคารก่อด้วยอิฐสีน้ำตาลแดงขรึมขลังซึ่งเป็นทั้งคลังเก็บอาวุธและที่พักของทหารองครักษ์ด้วยในตัวพวกเขากำลังตั้งหน้าตั้งตาฟาดดาบเข้าใส่กันอย่างเอาเป็นเอาตายจนเสียงของโลหะที่กระทบกันดังออกไปไกลถึงถนนด้านนอก
สตรีสาวร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อกางเกงสีเข้มทะมัดทะแมงเดินลอดซุ้มประตูศิลาที่ขนาบสองข้างด้วยหอคอยสูงเข้ามาหยุดยืนอยู่หลังกำแพงหนาอันเป็นอาณาเขตชั้นนอกของวังหลวงนางกวาดสายตาผ่านบรรดาชายหนุ่มที่กำลังฝึกซ้อมอาวุธไปยังอาคารทรงเหลี่ยมหลังใหญ่เบื้องหน้าแล้วมองเรื่อยไปถึงเพิงพักริมกำแพงซึ่งสร้างอย่างง่ายๆ ด้วยเสาไม้เพียงสี่ต้นดาดด้วยผ้าทอมือเนื้อหยาบหนาแทนหลังคาใต้ร่มเงาของผ้าผืนใหญ่ที่สะบัดพึ่บพั่บตามแรงลมคือโต๊ะและเก้าอี้ไม้ตัวยาวมีทหารองครักษ์นั่งกันอยู่แล้วหลายคน หนึ่งในนั้นคือเจ้าของดวงหน้าที่นางคุ้นเคยหญิงสาวตั้งท่าจะเดินเลี่ยงไปเสียทางอื่น หากแล้วกลับเปลี่ยนใจ สาวเท้าตรงเข้าไปหาชายผู้นั้น
ชายกลางคนร่างผอมสูงท่วงท่าผึ่งผายสง่างามในเครื่องแบบทหารระดับหัวหน้าองครักษ์เบือนสายตาจากบรรดาลูกศิษย์ที่กำลังซ้อมฟันดาบอยู่อย่างขะมักเขม้นหันไปมองสตรีผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
ขัดคำสั่งท่านแม่อีกแล้วสินะลูกพ่อ ก็อยู่บ้านเฉยๆ มันเบื่อนี่คะ ข้าเลยออกมาเดินเล่นสูดอากาศสักหน่อยท่านพ่ออย่าบอกท่านแม่นะคะ ลูกสาวยิ้มประจบแล้วรีบตั้งคำถามด้วยเรื่องอื่นที่ไกลตัวเพื่อเบนความสนใจของผู้เป็นบิดา
คนเยอะจริง พวกนี้เป็นทหารกลุ่มใหม่ที่จะส่งไปกรีนแลนด์หมดเลยหรือคะ
ใช่แล้วลูก องค์ราชาของกรีนแลนด์ทรงขอกำลังทหารจากเราเพิ่มขึ้นอีก
หญิงสาวทำเสียง ฮึ ออกมาอย่างไม่ชอบใจ
เสียแรงกรีนแลนด์เป็นประเทศใหญ่โตมั่งคั่งซะเปล่า แต่กลับต้องอาศัยกำลังทหารจากประเทศของเราอยู่ตลอดเวลาไม่รู้ว่าองค์ราชาของประเทศนั้นจะทรงรู้สึกละอายพระทัยบ้างหรือไม่ที่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจอยู่แบบนี้
อย่าพูดอย่างนั้นสิเมลมันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ต่างฝ่ายต่างก็ได้รับต่างหากแลมพ์ตันต้องการเงินและความอุดมสมบูรณ์ของกรีนแลนด์ในขณะที่กรีนแลนด์เองก็ต้องการกำลังทหารของแลมพ์ตันต่างคนต่างก็ให้ในสิ่งที่ตนมีและรับในสิ่งที่ตนขาด ซึ่งพ่อเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรดีเสียอีกที่ทั้งสองฝ่ายต่างตกลงกันได้ด้วยสันติวิธี แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่กรีนแลนด์มีกำลังทหารอันเข้มแข็งเป็นของตัวเองนั่นแหละจึงจะถือเป็นความเสียหายร้ายแรงของแลมพ์ตัน
แต่กรีนแลนด์ก็ไม่ได้มีกำลังทหารที่เข้มแข็งไม่ใช่หรือคะถ้าแลมพ์ตันต้องการเงินต้องการทรัพยากรของกรีนแลนด์แค่ใช้กำลังบุกเข้ายึดก็ได้แล้ว ง่ายนิดเดียว
เมลเอ๊ย...
ผู้เป็นพ่อหัวเราะเบาๆ มือใหญ่แข็งแรงลูบศีรษะของลูกสาวด้วยความเอ็นดู แล้วเรามีความจำเป็นอะไรที่จะต้องทำอย่างนั้นเล่าลูกสงครามไม่ใช่เรื่องที่น่าพิสมัยนักหรอกประชาชนชาวแลมพ์ตันจะต้องสู้รบเพื่อสิ่งที่สามารถได้มาง่ายๆด้วยการแลกเปลี่ยนอย่างตรงไปตรงมาทำไมกัน ที่องค์ราชาของพวกเรายังทรงปฏิบัติตามพันธสัญญากับกรีนแลนด์อย่างเคร่งครัดไม่ใช่เพราะพระองค์กลัวแต่เป็นเพราะนั่นคือวิธีที่ดีที่สุดต่างหาก เมลิอานาร์นิ่งไปไม่เถียงต่อ ผู้เป็นบิดาจึงคิดว่านางยอมจำนนด้วยเหตุผล หากในความเป็นจริงแล้วหญิงสาวแทบไม่ได้ฟังในสิ่งที่เขากล่าวเลยด้วยซ้ำเพราะมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตามองหาใครคนหนึ่งในหมู่ทหารที่กำลังฝึกอาวุธอยู่กลางลานเมื่อไม่พบ จึงแกล้งเปรยถามขึ้นเหมือนจงใจเปลี่ยนเรื่องว่า
ลูกศิษย์คนสำคัญของท่านพ่อเสด็จไปไหนเสียล่ะคะวันนี้ไม่เห็นอยู่ที่สนามฝึกอย่างเคย
อ๋อ พระองค์เสด็จกลับตำหนักไปแล้วล่ะลูก เห็นว่าพระชายาประชวรเจ้าชายเอเดรียนก็เลยพลอยขาดคู่ซ้อมไปด้วย
ท่านหัวหน้าองครักษ์จ้องหน้าลูกสาวอย่างลังเล ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไป
ไหนๆ เจ้าก็มาถึงนี่แล้วอยากจะเป็นคู่ซ้อมให้เจ้าชายเอเดรียนสักหน่อยมั้ยล่ะตอนนี้พระองค์คงจะสนทนากับท่านปราชญ์อยู่ที่วิหารหลวง
โอ๊ย ไม่ดีกว่าค่ะ ข้าขี้เกียจถูกท่านแม่ดุอีก หญิงสาวปฏิเสธแล้วเถลไถลอยู่คุยกับบิดาต่ออีกครู่หนึ่งก็ขอตัวแยกจากมานางแสร้งเดินย้อนไปที่ประตูใหญ่ทำทีเหมือนว่าจะกลับบ้านหากพอลับตาคนก็แอบเลี้ยวไปทางซ้ายมือลอดผ่านซุ้มประตูโค้งที่มีทหารยามยืนตรวจตราอย่างเข้มงวดเข้าสู่เขตวังหลวงชั้นในมุ่งหน้าตรงไปทางทิศที่ตั้งของอาคารสีขาวอีกฟากของกำแพงอันมีหอคอยสูงตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นเด่นชัดอยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี
เมลิอานาร์ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการตามหาตัวเจ้าชายเอเดรียนนานนักเพราะเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าหากพระองค์เสด็จมาที่วิหารหลวงถ้าไม่ได้อยู่ที่สวนดอกไม้ด้านหลัง ก็มักจะแอบหลบไปบรรทมอยู่เพียงลำพังในหอสมุดเวลานี้ยังเช้าเกินไปสำหรับการลอบจู๋จี๋กับนางข้าหลวงในสวนดอกไม้ดังนั้นหญิงสาวจึงมุ่งหน้าตรงไปยังหอคอยสีขาวทรงแปดเหลี่ยมโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
อันที่จริงหอสมุดของวิหารหลวงน่าจะถูกเรียกว่าโกดังเก็บหนังสือมากกว่าเพราะตั้งแต่ผนังส่วนที่อยู่ต่ำสุดเรื่อยไปจนกระทั่งถึงเพดานสูงประดับโคมทองเหลืองล้วนแต่อัดแน่นไปด้วยตำรับตำราทางวิชาการเต็มพรืดไปหมดเรียกได้ว่าแทบจะไม่เหลือที่ว่างให้เห็น ยกเว้นเพียงทางเดินแคบๆ และบันไดสำหรับไต่ขึ้นไปหยิบหนังสือบนชั้นสูงๆเท่านั้น แม้พวกนักบวชจะจัดเรียงเอกสารและหนังสือต่างๆแยกเป็นหมวดหมู่ไว้ในช่องชั้นรอบผนังอย่างดีแต่ภายในหอคอยก็ยังดูมืดทึบชวนให้รู้สึกอึดอัดจนหอสมุดของวิหารหลวงกลายเป็นสถานที่ซึ่งหากไม่มีความจำเป็นแล้วก็ไม่มีนักบวชคนไหนอยากจะย่างกรายเข้ามา
ที่โต๊ะสี่เหลี่ยมตัวยาวกลางห้องมีชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งอยู่เพียงลำพังเขากำลังอ่านตำราเล่มหนาอยู่ด้วยท่าทางสนอกสนใจยิ่งแสงสีเหลืองทองจากตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะสาดจับใบหน้าหล่อเหลาที่ก้มน้อยๆก่อให้เกิดเงาลึกบริเวณโหนกแก้มและสันจมูก แลดูงดงามปนลึกลับราวกับรูปสลักสัมฤทธิ์
พอได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นแถวหน้าประตูห้องชายหนุ่มก็ละความสนใจจากหนังสือ เงยหน้าขึ้นมอง แล้วรอยยิ้มพึงใจก็สว่างวาบขึ้นทั้งที่ริมฝีปากและดวงตา
ว่าไงเมล ลมอะไรพัดเจ้ามาหาข้าได้ล่ะวันนี้
เขาเอ่ยทักพลางปิดหนังสือ เอนกายลงพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่วงท่าเรื่อยเฉื่อยตามสบาย
หญิงสาวผู้มาใหม่ก้าวฉับๆ เข้าไปหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะไม้ตรงข้ามชายหนุ่มนางไม่แม้แต่จะเสียเวลาลากเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดมาทิ้งตัวลงนั่งหากแต่เปิดฉากถามเข้าประเด็นเลยทีเดียว
ทรงทราบข่าวการหมั้นหรือยังเพคะ
ของใครล่ะ
ก็ของพระองค์กับหม่อมฉันนี่ไงเพคะ สาวใช้ของหม่อมฉันเล่าว่าได้ยินคนเขาลือกันที่ตลาดแต่หม่อมฉันเพิ่งทราบเรื่องจากปากท่านแม่เมื่อครู่นี้เอง
เจ้าชายเอเดรียนทอดพระเนตรริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงรวดเร็วจนน่ากลัวลิ้นพันกันของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเอ็นดูเป็นพิเศษจะว่าไปเมลิอานาร์กับพระองค์ก็รู้จักคบหากันมานานตั้งแต่ต่างฝ่ายต่างยังเป็นเด็กด้วยซ้ำแต่น่าแปลกที่พระองค์ไม่เคยรู้สึกสนใจในตัวญาติสาวผู้นี้มาก่อนเลยจนกระทั่งคืนนั้น...
งั้นก็เรื่องนี้สินะที่ทำให้เจ้าหน้าตาตื่นมาหาข้าจนถึงที่นี่
เพคะ
ทำไมล่ะเมล เจ้าไม่เห็นด้วยหรือไง
แน่นอนอยู่แล้วเพคะ ท่านแม่เล่นคิดเองตัดสินใจเองคนเดียวเสร็จสรรพไม่ถามหม่อมฉันเลยสักคำ พระองค์เองก็คงจะถูกองค์ราชาบังคับเหมือนกันใช่มั้ยล่ะเพคะเพราะฉะนั้นหม่อมฉันคิดว่าเราสองคนควรมาร่วมมือกันดีกว่า
ประโยคแสดงความหงุดหงิดที่เผยออกมาจากปากหญิงสาวผู้เป็นญาติ เรียกรอยแย้มสรวลให้ผุดขึ้นบนเรียวโอษฐ์ของเจ้าชายเอเดรียนได้อีกครั้งพระองค์เองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านางจะหาทางดิ้นหลุดไปจากเรื่องนี้ได้ด้วยวิธีไหน
ร่วมมือยังไงล่ะ เจ้ามีแผนดีๆ แล้วหรือ
เมลิอานาร์ชะงักไปอึดใจหนึ่ง จะว่าไปสิ่งที่นางคิดไว้คงเรียกว่าแผนดีๆไม่ได้ ถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่มีแผนเสียมากกว่า เพราะนางตั้งใจจะชวนเจ้าชายเอเดรียนไปเข้าเฝ้าราชาซาเรียเพื่อขอให้ทรงยกเลิกการหมั้นตรงๆเลยทีเดียว แต่ขืนบอกไปอย่างที่คิดน่ากลัวเจ้าชายเอเดรียนจะไม่ทรงยอมร่วมมือด้วยเป็นแน่
อย่าเรียกว่าแผนดีกว่าเพคะ เอาเป็นว่าหม่อมฉันมีวิธีก็แล้วกัน
หญิงสาวเหลียวไปมองประตูห้องด้วยท่าทางร้อนใจ ก่อนจะหันกลับมาทางชายหนุ่มร้องชวนแกมบังคับว่า
เชิญเสด็จเถิดเพคะ ขืนช้าเดี๋ยวจะไม่ทันการณ์
เจ้าจะให้ข้ารีบไปไหนกันล่ะ
อ้าว ก็ไปเข้าเฝ้าพระบิดาของพระองค์น่ะสิเพคะถ้าเราสองคนช่วยกันกราบทูลให้ทรงทราบว่าต่างฝ่ายต่างก็ไม่เต็มใจที่จะหมั้นหม่อมฉันคิดว่าคนมีเหตุผลอย่างราชาซาเรียต้องทรงเข้าพระทัยแน่
เจ้าผิดแล้วเมล เจ้าชายเอเดรียนทรงพระสรวลหึๆแล้วขยายความต่อไปด้วยท่าทางสบายอารมณ์อย่างยิ่ง
ข้าเต็มใจหมั้นต่างหาก เมลิอานาร์จ้องมองคนพูดตาค้าง เป็นไปไม่ได้ นางต้องหูฝาดแน่นอนคนอย่างเจ้าชายเอเดรียนน่ะหรือจะทรงเห็นด้วยกับการหมั้นแบบคลุมถุงชนเช่นนี้
แปลกใจอะไรล่ะเมล ข้าเต็มใจแล้วมันผิดตรงไหน
ก็ตรงที่พระองค์ทรงมีทั้งเลดี้โจเซฟิน เลดี้โรซามุนนด์แล้วยังบรรดาเลดี้อะไรต่อมิอะไรอีกตั้งโขยงที่หม่อมฉันจำชื่อไม่ได้เป็นคนรักอยู่แล้วนะสิเพคะหญิงสาวทำท่านับนิ้ว กระแทกเสียงตอบอย่างหมั่นไส้เต็มแก่
พระองค์จะเต็มพระทัยหมั้นกับหม่อมฉันได้ยังไงแล้วพวกนางล่ะเพคะทรงเอาไปทิ้งไว้ที่ไหน อย่าบอกนะว่าทรงลืมพวกนางไปหมดแล้ว เจ้าชายเอเดรียนเท้าศอกลงบนโต๊ะประสานพระหัตถ์เข้าด้วยกันเป็นรูปสามเหลี่ยมขณะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินจัดของสาวสวยตรงหน้าตรัสด้วยรอยยิ้มขบขัน
ไม่ลืมหรอก พวกนางก็ยังอยู่ในใจของข้าทุกคนนั่นละ รวมทั้งเจ้าด้วย...เมล
เมลิอานาร์ทำท่าขนลุกขนพองจนเจ้าชายเอเดรียนต้องกลั้นพระสรวล
ทำไม่ล่ะ รังเกียจข้ามากหรือไง
ไม่ใช่อย่างนั้นเพคะ แต่หม่อมฉัน...
ไม่อยากจะแต่งงานกับข้า ชายหนุ่มช่วยต่อประโยคให้แล้วเลยพูดต่อไปด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
ข้าไม่สนหรอกนะเมลว่าเจ้าจะคิดยังไงเพราะสุดท้ายแล้วเจ้าก็ต้องยอมแต่งงานกับข้าอยู่ดี แต่ถ้าเจ้าเชื่อว่าจะสามารถหาทางเลี่ยงได้ก็ลองดูสิข้าเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะใช้วิธีแบบไหนทำให้เสด็จพ่อและท่านอายอมรับการตัดสินใจของเจ้าแต่บอกไว้ก่อนนะว่าลูกไม้ตื้นๆ อย่างการถอดหมุดยึดเพลาล้อรถน่ะใช้กับเรื่องคราวนี้ไม่ได้ผลหรอก เมลิอานาร์ฟังคำตอบจากพระโอษฐ์ของเจ้าชายเอเดรียนแล้วก็ได้แต่อึ้งพูดอะไรไม่ออกความหวังสุดท้ายของนางดูเหมือนจะหลุดลอยไปแล้วแถมสถานการณ์ยังทำท่าจะพลิกไปสู่ความเลวร้ายชนิดที่คาดไม่ถึงเสียอีกแล้วนี่นางควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
หญิงสาวเดินวนเวียนกลับไปกลับมาอยู่ในห้องนอนของตนหลายตลบหลังจากที่ได้คุยกับเจ้าชายเอเดรียนเมื่อตอนสายนางก็พยายามคิดหาวิธีที่จะไม่ต้องเข้าพิธีหมั้นในวันรุ่งขึ้นอย่างเอาเป็นเอาตายแต่วิธีเดียวที่นางพอจะคิดออกคือ
หนี!
ไม่ว่านางจะคิดทบทวนกี่ครั้งกี่หนคำตอบที่ได้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
เมลิอานาร์ไม่อยากหนี เพราะถ้านางหนีหายไปก่อนวันหมั้นผู้ที่จะต้องเดือดร้อนอย่างหนักก็คือบิดาและมารดาของนางเองดีไม่ดีท่านทั้งสองอาจจะต้องผิดใจกับองค์ราชาไปเลยหรือถ้าโชคร้ายหนักกว่านั้นก็อาจจะถูกลงโทษซึ่งเป็นสิ่งที่นางไม่ต้องการให้เกิดขึ้นแม้แต่น้อย ...แต่ถ้าไม่หนี นางก็ต้องเข้าพิธีหมั้นและแต่งงานกับเจ้าชายเอเดรียนเรื่องนี้นางเองก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน
โอ๊ย ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม เมลิอานาร์เดินไปเปิดประตูไม้กรุกระจกใสด้านหลังแล้วเลยออกไปยืนรับลมที่ริมระเบียงด้วยหวังว่าสายลมเย็นและอากาศบริสุทธิ์จะช่วยให้สมองปลอดโปร่งขึ้นมาบ้าง
บรรยากาศรอบกายเงียบสงัดเพราะเป็นเวลาเลยเที่ยงคืนมานานแล้วดวงจันทร์รูปเคียวทอแสงสีเงินซีดจาง มัวหม่น ดาวดวงน้อยๆที่เคยกระจายเกลื่อนเต็มท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะพร้อมใจกันซ่อนตัวอยู่หลังกลุ่มเมฆหนาทึบทำให้คืนข้างแรมที่มืดมิดอยู่แล้วยิ่งมืดหนักขึ้นไปอีก แม้แต่สายลมเย็นที่เคยพัดต้องยอดไม้เสียงดังซู่ซ่าก็ยังนิ่งสนิทเสียจนใบไม้ไม่กระดิกสักใบ
...ช่างเป็นคืนที่เหมาะกับการหนีออกจากบ้านดีแท้!
หญิงสาวคิดอย่างประชดประชันพลางทอดตามองไปยังถนนด้านหลังคฤหาสน์ระหว่างที่กำลังชั่งใจว่าจะหนีหรือไม่หนีอยู่นั้น จู่ๆ แสงสีแดงสุกใสก็สว่างวาบขึ้นตรงหน้าเมื่อแสงจางลงจึงปรากฎร่างของสัตว์ประหลาดขนาดเท่าลูกสุนัข หน้าตาคล้ายมังกรลอยอยู่กลางอากาศในระดับสายตา ลำตัวกลมป้อมสีแดงของมันเคลื่อนไหวขึ้นๆ ลงๆอยู่ระหว่างปีกคู่เล็กที่กระพือไม่หยุด
เมลิอานาร์จำเจ้าภูติรับใช้ตัวน้อยได้ในทันที นางเป็นคนมอบมันให้กับเจ้าหญิงกาอิยาห์ในวันที่พระองค์ต้องเสด็จกลับกรีนแลนด์เพื่อไว้ใช้ติดต่อกันในยามฉุกเฉินหรือเวลาที่เจ้าหญิงทรงต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนจากนาง
มีอะไรหรือวาย เจ้าหญิงทรงเป็นอะไรหญิงสาวเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วง
เจ้าสัตว์ตัวน้อยขยับปากคล้ายกำลังพูดตอบทว่าเสียงที่ดังออกมากลับกลายเป็นเสียงแหลมใสของเด็กสาววัยแรกรุ่น ข้าต้องการความช่วยเหลือด่วน ให้มาที่ลินเด็นทันที
เมลิอานาร์ขมวดคิ้วข้อความที่เจ้าหญิงกาอิยาห์ส่งมากับภูติรับใช้สั้นเสียจนเดาอะไรไม่ได้เลยเจ้าหญิงทรงต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไร หรือว่า...พระองค์จะตกอยู่ในอันตราย! เจ้ามังกรจิ๋วไม่ได้ให้คำตอบที่เมลิอานาร์สงสัยมันเพียงแต่บินวนไปมาอยู่รอบร่างนางพูดซ้ำประโยคเดิมอีกหลายเที่ยวด้วยน้ำเสียงของเจ้าหญิงกาอิยาห์จนหญิงสาวชักรำคาญ
เอาล่ะวาย กลับไปทูลเจ้าหญิงว่าข้าเข้าใจแล้ว
เมื่อได้รับคำตอบอย่างที่ต้องการเจ้ามังกรน้อยก็ส่งเสียงร้องแหลมออกมาครั้งหนึ่ง แล้วบินจากไปด้วยปีกคู่เล็กๆของมันจนหายวับไปในความว่างเปล่าเบื้องหน้า
เมลิอานาร์ยังคงยืนมองถนนด้านล่างอย่างใช้ความคิดโดยมิได้ขยับเขยื้อนจากตำแหน่งเดิมหากนางเดินทางไปกรีนแลนด์เสียคืนนี้ย่อมจะสามารถหลบเลี่ยงการหมั้นไปได้อย่างไม่มีข้อสงสัยและกว่านางจะจัดการกับปัญหาของเจ้าหญิงกาอิยาห์เสร็จเรียบร้อยบางทีเจ้าชายเอเดรียนอาจจะทรงเปลี่ยนพระทัยเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับคนอื่นไปแล้วก็ได้
หญิงสาวอมยิ้มกับตัวเองในความมืด...นับว่าเจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงขอความช่วยเหลือมาได้ถูกเวลาจริงๆ
นางเดินย้อนกลับเข้าไปภายในห้องนอน ตรงดิ่งไปยังโต๊ะเขียนหนังสือมุมห้องหยิบปากกาขนนกกับกระดาษขึ้นมาเขียนจดหมายถึงบิดา-มารดาโดยอาศัยแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะเมื่อเขียนเสร็จก็พับจดหมายนำไปวางไว้บนหมอน จากนั้นก็ใช้เวลาอีกครู่หนึ่งในการจัดเตรียมของใช้จำเป็นสำหรับการเดินทางหยิบดาบพร้อมเข็มขัดมาคาดเข้าที่เอวเหน็บมีดสั้นอันเล็กพร้อมปลอกหนังไว้ด้านในรองเท้าคว้าเสื้อคลุมตัวหนาแบบมีฮู้ดมาสวม เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วหญิงสาวก็ก้าวตรงไปยังระเบียงด้านหลัง โหนตัวข้ามขอบระเบียง ปีนลงไปสู่ความมืดมิดเบื้องล่างอย่างเงียบกริบ
เสียงฟ้าร้องครืนครางดังมาแต่ไกลสลับกับแสงฟ้าแลบแปลบปลาบที่มองเห็นอยู่ลิบๆ บนท้องฟ้าทางทิศตะวันออกคงจะมีฝนตกที่ไหนสักแห่งในหุบเขา อากาศร้อนอบอ้าวเมื่อกลางดึกจึงค่อยคลายลงสายลมที่สงบมาเกือบทั้งคืนเริ่มพัดเข้ามาทางประตูระเบียงที่ถูกเปิดทิ้งไว้หอบเอากระไอฝนและกลิ่นดินชื้นเย็นมาด้วยม่านลูกไม้สีขาวบางเบารอบเตียงนอนว่างเปล่าปลิวสะบัดตามแรงลมจดหมายฉบับน้อยบนหมอนถูกกระแสลมพัดปลิวไปตกอยู่บนพื้นใต้ชายผ้าม่านแล้วทอดตัวนิ่งสนิทอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเป็นเวลานาน...
Create Date : 14 เมษายน 2559 |
Last Update : 21 เมษายน 2559 6:04:11 น. |
|
4 comments
|
Counter : 635 Pageviews. |
|
|
มีความสุขมากๆค่ะ