The space between DREAM and HAPPINESS... o^^o
Group Blog
 
All blogs
 

สูตรหน้าสวยด้วยแอปเปิ้ล...

สาวๆคนไหนอยากมีผิวหน้าใสอมชมพู วันนี้เรามีวิธีการบำรุงหน้าให้สวยใสมาบอก

เริ่มจาก นำแอปเปิ้ลปอกเปลือก แล้วคว้านเอาเฉพาะเนื้อมาปั่นรวมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นล้างหน้าตามปกติ นำครีมที่ได้ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วนวดเบาๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น นอกจากนี้ยังช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป ทำให้ใบหน้าดูสดใสเปล่งปลั่ง

วิธีง่ายๆลองนำไปใช้ดูได้.


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 04 มิถุนายน 2553    
Last Update : 4 มิถุนายน 2553 21:51:36 น.
Counter : 378 Pageviews.  

วิธีทำให้ผิวขาว 27 วิธี... บอกลาผิวหม่นหมอง

1. การขัดผิว (Exfoliating) หมายถึง การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวหน้า รากศัพท์ของมันมาจากคำว่า "foliage" ซึ่งแปลว่าใบพืช เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า อิพิเดอร์มิส (Epidermis) หรือผิวชั้นนอกเกิดขึ้นมาโดยผ่านกระบวนการสร้างจนมาเติบโตเต็มที่อยู่ชั้นบนสุดของผิวหนัง โดยเซลล์ที่ อยู่ล่างสุดของชั้นนี้ที่เรียกว่า เซลล์แรกเริ่ม (Basal Cells) จะสร้างเซลล์ลูกซึ่งจะเคลื่อนตัวขึ้นไปจนกลายเป็นผิวชั้นนอก เซลล์เหล่านี้มีหน้าที่เป็นตัวกั้นระหว่างร่างกายเรากับสิ่งแวดล้อมภายนอก ทั้งยังช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นภายในและป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าสู่ผิว หลังจากเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงกว่า อยู่ประจำที่บนชั้นผิวหนังแล้ว เซลล์ผิวเก่าก็จะหลุดลอกออกโดยธรรมชาติ หากยังตกค้างอยู่บนผิวก็จะทำให้ผิวดูไม่มีชีวิตชีวา และดูเป็นสะเก็ด การขัดหน้าจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการกำจัดเซลล์เก่าที่บดบังความสดใสนั่นเอง

2. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการขัดผิว ก็ได้แก่ ฟองน้ำขัดรูปแบบต่างๆ เช่น ใยบวบ หรือครีม เช่น เอเอชเอ แม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถใช้ขัดผิวได้ การขัดผิวอย่างนุ่มนวลจะช่วยให้ผิวของคุณดูชุ่มชื่นและใสกระจ่าง

3. ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวด้วยวิธีรุนแรง และหากขัดมากเกินไป ก็อาจรบกวนหน้าที่ในการสกัดกั้นสิ่งแปลกปลอมของผิว รวมถึงทำให้ผิวอ่อนไหวมากขึ้นจนเกิดความแห้งกร้าน ไหม้แดด หรือปัญหาอื่นๆ ได้ง่าย

4. ถ้าไม่กำจัดออกไป ผิวจะเกิดการอุดตันและหายใจไม่ได้ ผลก็คือ ผิวจะหม่นหมอง ดูแล้วมีความมัน หรือบางทีอาจทำให้เกิดสิวอุดตัน รวมทั้งทำให้กระบวนการไหลเวียนของโลหิตใต้ผิวไม่ดี ทำให้ของเสียเกิดการสะสมตัว

5. ถ้าต้องการขัดผิวหน้า ก็ควรทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง และขัดผิวกายเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าใครมีเซลลูไลท์ แนะนำให้ขัดผิวบริเวณส่วนนั้นทุกวัน โดยใช้ถุงมือผ้าที่ใช้สำหรับอาบน้ำนวดขัด เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และกำจัดของเสียออกทางระบบน้ำเหลือง

6. วิธีการขัดผิวที่ถูกต้อง สิ่งที่ต้องมีคือ ฟองน้ำสำหรับขัดผิวกาย ถุงมือผ้า อาบน้ำหรือใยบวบ และผลิตภัณฑ์ขัดผิว เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ถ้าไม่แน่ใจลองปรึกษาคนขาย

7. เริ่มต้นที่ทำผิวเปียก นำผลิตภัณฑ์ขัดผิวเทใส่ใยบวบ ฟองน้ำ หรือถุงมือ แล้วทาลงบนผิวเบาๆ นวดผลิตภัณฑ์บนผิวด้วยการวนมือเป็นลักษณะวงกลมเบาๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นระบบไหลเวียน ใช้น้ำล้างออกให้สะอาด ซับให้แห้ง แล้วทาครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นในขณะที่ผิวยังชื้น

8. ผลิตภัณฑ์สำหรับขัดผิวควรเลือกที่เป็นครีมหรือเจล เนื้อครีมควรมีลักษณะเป็น เม็ดกลม เพื่อปกป้องผิวจากการระคายเคือง หรือเป็นแผลถลอก ขณะที่ขัดนวดผิวบริเวณนั้นควรมีความชื้นพอหมาด แล้วล้างออกด้วยน้ำมากๆ

9. ใยบวบ หรือใยขัดธรรมชาติ เป็นอุปกรณ์ขัดผิวที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ถ้าออกแรงขัดมากเกินไป อาจทำให้แสบผิวได้ เพราะใยเหล่านี้มีลักษณะสาก และหยาบ เวลาขัด จึงควรขัดเบาๆ ไปทั่วร่างกายขณะอาบน้ำ และเมื่อใช้เสร็จแล้วควรล้างทำความสะอาดและผึ่งให้แห้ง

10. การใช้ผ้าสำหรับถูตัว หรือฟองน้ำถูตัวเวลาอาบน้ำ ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งของการขัดผิว โดยใช้ร่วมกับสบู่ หรือเจลอาบน้ำก็ได้

11. เลียนแบบจากสปาชั้นนำ โดยการใส่น้ำให้เต็มอ่าง เติมเกลือเม็ดลงไป และเวลาที่ลงไปแช่ตัวอยู่ในอ่างให้ใช้เกลือ 1 กำมือ ขัดไปมาเบาๆ ให้ทั่วตัว และล้างตัวด้วยน้ำสะอาด

12. แปรงแปรงผิวสามารถใช้ได้ดี โดยขัดเบาๆ บนผิวที่แห้งก่อนอาบน้ำ เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดไป หรือจะใช้ในขณะอาบน้ำร่วมกับสบู่ หรือเจลอาบน้ำก็ได้

13. การปรนนิบัติผิวให้นุ่มนวลขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ควรเริ่มด้วยการใช้น้ำมันนวดผิวก่อนอาบน้ำ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนของการขัดผิว เพื่อช่วยปรนนิบัติ ผิวสะอาดหมดจด สวยเนียนสดใสไปอีกนานๆ

14. เราสามารถทำครีมขัดผิวใช้เอง โดยการใช้เกลือเม็ดเล็กๆ ผสมกับน้ำมันทาผิว (Baby Oil) หรือน้ำมันมะกอกทาทั่วตัวทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที นวดให้ทั่ว แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

15. สครับสำเร็จรูปมักมีลักษณะคล้ายๆ กัน คือมีบีด (bead) ซึ่งอาจทำจากเกลือ, น้ำตาล, อัลมอนด์ ฯลฯ ช่วยในการขัดผิว มีน้ำมันช่วยหล่อลื่นมีกลิ่นหอม อีกทั้งมีส่วนประกอบในการบำรุงผิวอีกหลายชนิด

16. เราสามารถทำสครับใช้เองง่ายๆ ด้วยการใช้ผักผลไม้ชนิดที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ในตัวเดียว คือมีผิวสัมผัสที่ให้ความหยาบเล็กน้อย แต่ต้องไม่ถึงกับให้ผิวระคายเคือง มีน้ำช่วยหล่อลื่นและมีวิตามินตรงกับความต้องการ

17. มะขามเปียก, สับปะรด มีเส้นใยช่วยขจัดขี้ไคล มีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิว ทำให้ผิวขาวใส มีวิตามินซึ่งเป็นแอนติออกซิแดนท์สูง มะละกอมีเอนไซม์อ่อนๆ ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้ว วิตามินสูง แต่เนื้อมีความละเอียดมาก มะนาวเป็นกรด เหมาะใช้กับผิวส่วนที่หยาบกร้าน เช่น ข้อศอก, ส้นเท้านุ่มขึ้น แตงกวาช่วยให้ผิวสดชื่น มะพร้าวขูดมีน้ำมันช่วยบำรุงผิว แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งมากต้องระวัง ลองใช้ส้มเช้งมีคุณสมบัติ คล้ายสองชนิดแรก แต่ไม่เป็นกรดมาก

18. ถ้าคุณเลือกส่วนผสมหลักที่มีความพร้อมในตัวเดียว เช่น มะขามเปียกก็สามารถ นำมาสครับได้เลย แต่ถ้าเลือกมะละกอก็ควรหาสิ่งที่เป็นบีดเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะบีดช่วยเพิ่มความสากในสครับ ทำให้สามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ง่ายขึ้น

19. เพื่อความปลอดภัยควรเลือกสิ่งที่อยู่ในครัวเรือนและมีโอกาสแพ้น้อยที่สุด เช่นเกลือมีฤทธิ์ช่วยสมานผิว, ข้าวสารบดละเอียดช่วยให้ผิวขาว, น้ำตาลทรายมีทั้งความสากและความหนืดอยู่ในตัวเอง, งาเนื้อไม่หยาบเกินไป มีน้ำมันอยู่ในตัวช่วยลดความระคายเคือง และกาแฟกระตุ้นให้ร่างกายขับสารพิษ สิ่งที่ควรระวังคือบีดบางชนิดมีเหลี่ยมคม จึงต้องนำมาบดให้ละเอียดก่อนนอกจากนั้นอาจเพิ่มน้ำมันลงไปเพื่อช่วยลดการเสียดสี

20. ถ้าคุณมีผิวมัน ใช้มะขามเปียกหรือสับปะรดซึ่งมีความเป็นกรดช่วยขจัดความมันผสมกับเกลือ มีฤทธิ์ช่วยสมานผิว เติมโยเกิร์ตช่วยบำรุงผิวก็ได้

21. ถ้าคุณมีผิวแห้ง ใช้ส้มเช้งเป็นส่วนผสมหลัก...ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแว่นพอจับถนัดมือ ใส่งาขาวเป็นตัวช่วยขัด เพิ่มน้ำมันมะกอกเล็กน้อยลดความระคายเคือง

22. ถ้าคุณมีผิวแพ้ง่าย ใช้แค่งาขาว, งาดำผสมน้ำผึ้งหรือโยเกิร์ตก็พอ

23. การใช้น้ำมัน จุดประสงค์สำคัญคือช่วยหล่อลื่น และเป็นตัวช่วยลดความเข้มข้นของกรดสำหรับคนผิวแห้งเช่น ถ้าคุณต้องการใช้สับปะรดขัดผิว แต่เกรงว่าผิวจะแห้ง เกินไป การเพิ่มส่วนผสมน้ำมันก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะนอกจากช่วยให้ลื่นแล้ว น้ำมันยังช่วยเคลือบผิวไม่ให้มีการสูญเสียน้ำมากเกินไป

24. การเพิ่มนม, โยเกิร์ต, น้ำผึ้ง หรืออื่นๆ ที่ช่วยบำรุงผิว สามารถทำได้ แต่ต้องดูไม่ให้สครับข้นหรือเหลวเกินไป ลักษณะของสครับที่ดีควรมีความหนืดเล็กน้อย จับตัว อยู่บนผิวได้ และสะดวกแก่การขัด

25. ใครที่ชอบความหอมรื่นรมย์ สามารถเสริมกลิ่นด้วยการหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไป 2-3 หยด ซึ่งต้องเป็นน้ำมันหอมระเหยสำหรับนวดตัว ซึ่งมักผสมที่ความเข้มข้นประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่สำหรับใส่เตาเผาน้ำมันเพราะน้ำมันหอมระเหย เข้มข้นจะทำให้ผิวไหม้

26. คนที่มีโรคเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง เช่น ต่อมน้ำเหลืองอักเสบรุนแรง, ต่อมน้ำเหลือง-โต, มีแผลเป็นหนอง หรือแม้แต่เป็นสิวอักเสบ ควรงดการสครับชั่วคราวจนกว่าจะหายเพราะการขัดเป็นการกระตุ้นให้อักเสบมากขึ้น

27. ถ้าจะสครับหน้าต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนที่สุด ขัดอย่างเบามือเพื่อกระตุ้นน้อยๆ เน้นไปที่ร่องจมูก เลี่ยงจุดที่บอบบางมากๆ เช่น รอบดวงตา

ที่มา: 247 city magazine




 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2553 8:30:27 น.
Counter : 293 Pageviews.  

8 วิธีสวยด้วยน้ำผึ้ง

1. น้ำผึ้งช่วยปรับสมดุลของร่างกายและควบคุมน้ำหนัก ใครที่มีปัญหาปวดข้อ ปวดกระดูก เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือแม้กระทั่งโรคอ้วน ก็สามารถดื่มน้ำผึ้ง เพื่อช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้

วิธีคือ นำน้ำผึ้ง 3 ช้อนผสมกับน้ำส้มสายชูหมักแอ๊ปเปิ้ล (หรือ Apple Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอนและระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น

2. หน้าแห้งแตกเป็นขุย สาวที่มีผิวหน้าแห้งกร้านเหมือนอีสานแล้ง ควรทำเป็นอย่างยิ่ง นำไข่แดง 1 ฟอง และน้ำผึ้ง 1ช้อนผสมให้เข้ากัน พอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

3. น้ำผึ้งสยบสิ้วเสี้ยนบนใบหน้า หลังล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เช็ดหน้าให้แห้ง จากนั้นนำกล้วยหอมครึ่งลูก บดผสมกับน้ำผึ้ง นำมาทาบนใบหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก น้ำผึ้งมีเอนโซม์ที่ทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นนุ่มนวลขึ้น และยังบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ด้วย

4. ผมหยาบกระด้างเกินเยียวยา ต้องลองสูตรนี้ หลังสระผมเสร็จ นำน้ำผึ้งผสมกับน้ำมันมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ ชโลมผมแล้วทิ้งไว้ 3-5 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมคุณจะนิ่มและเงางามดุจเส้นไหม

5. ใครที่นอนไม่หลับ ฟังทางนี้ด่วน ผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่น หรือนมร้อนดื่มก่อนนอน จะช่วยให้คุณหลับสบายขึ้น

6. สครับหน้าแบบง่าย ๆ เพียงนำน้ำผึ้งผสมกับแอ๊ปเปิ้ลมาปั่นรวมกัน ทาให้ทั่วใบหน้า พร้อมกับนวดเบา ๆ ความหยาบของแอ๊ปเปิ้ลจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าให้ออกไปให้ผิวหน้าสดใสเปล่งปลั่งขึ้น

7. สูตรไล่ตีนกาออกจากหน้า นำแครอท 1 หัวเล็กมาปอกเปลือกและปั่นให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้ง และนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 5-10 นาที ริ้วรอยตีนเป็ดตีนกาทั้งหลายจะค่อย ๆ โบยบินออกจากหน้าของคุณในเร็ววัน

8. เสียงใสเหมือนระฆังเงิน หากใครเกิดอาการเจ็บคอ รู้สึกคอแห้งเสียงแหบร้องราคาโอเกะไม่สนุกละก็ เพียงผสมน้ำมะนาว 1 ลูก + น้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะ + น้ำเดือด 2 ช้อนโต๊ะ จิบบ่อย ๆ แก้เจ็บคอ แต่หากกินไม่หมดก็นำมาทาหน้าได้ด้วย ทาทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผิวหน้าจะขาวใสและเต่งตึงขึ้นทันตาเห็น




 

Create Date : 04 ตุลาคม 2552    
Last Update : 4 ตุลาคม 2552 13:04:48 น.
Counter : 197 Pageviews.  

หยิบสวยจากตู้เย็น2

สูตร 7
เอามะนาว ผสมกับดินสอพอง
ใช้มือบี้ให้เข้ากันจนเป็นแป้งเนื้อเหนียวๆ
เสร็จแล้วทาลงบนใบหน้า เว้นเฉพาะรอบดวงตา
ทิ้งไว้จนเนื้อแป้งแห้งสนิทแล้วค่อยล้างออก
ทำเป็นประจำ จะช่วยลดความมันบนใบหน้า ทำให้ผิวใสขึ้น


สูตร 8
แตงกวาเป็นผักที่ให้ความเย็นและความชุ่มชื่น
เหมาะมากสำหรับผิวที่เผชิญแดดจนระอุและอ่อนล้า
นำแตงกวาสดจากตู้เย็นมาล้างให้สะอาด
ปอกเปลือกออกแล้วบดให้ละเอียด
พอกผิวหน้าทิ้งไว้ 15-20 นาที จึงล้างออก
จะช่วยปลอบประโลมให้ผิวผ่อนคลายลัเย็นขึ้น


สูตร 9
คนผิวหน้ามัน ลองใช้สูตรนี้
บดมันฝรั่งดิบให้ละเอียด ผสมน้ำอุ่นเล็กน้อย
ก่อนนำมาทาลงบนใบหน้า ให้ทาผิวหน้าด้วยเบบี้ออยล์บางๆก่อน
มาส์กทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
เท่านี้ผิวก็กระชับ เต่งตึงและเรียบเนียน


สูตร 10
บำรุงเส้นผมให้ดกดำนิ่มสลวยด้วยมะกรูดกันเถอะ
เพียงแค่ผ่ามะกรูดเป็น 2 ซีก แล้วคั่นเอาแต่น้ำ (กรองเม็ดและกากออก)
หลังจากสระผมจนสะอาด
นำน้ำมะกรูดมานวดเส้นผมและหนังศรีษะ
หมักทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วจึงล้างออก
สำหรับคนที่หนังศรีษะมันมากๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดตาม
จะช่วยลดอาการคันศรีษะได้ด้วย


สูตร 11
นำส้มเขียวหวานแช่เย็นๆมาปอกเปลือก
แกะเป็นกลีบๆ ลอกใยและแคะเม็ดออก
แปะลงบนใบหน้าทิ้งไว้สัก 15-20 นาที จะรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที
ถ้าทำบ่อยๆ สัปดาห์ละครั้ง ติดต่อกันประมาณ 3 เดือน
ผิวจะดูสดใส เปล่งปลั่งขึ้น


สูตร 12
มะขามเปียกก็สามารถใช้บำรุงหน้าได้
แต่ต้องระวังโดยเฉพาะคนที่แพ้สาร AHA ไม่ควรใช้ค่ะ
วิธีการคือ เอามะขามเปียกมาแช่น้ำ
แล้วคั้นเอาแต่น้ำมาผสมกับโยเกิร์ต พอกทิ้งไว้ 5-10 นาที
ระหว่างพอก ถ้ารู้สึกคันมากจนแสบให้รีบล้างออก
สูตรนี้สามารถผลัดเซลล์ผิวเก่า ให้ผิวหน้าใสขึ้น
ถ้าทำเป็นประจำจะช่วยลดริ้วรอยตื้นๆได้อีกด้วย




 

Create Date : 27 มีนาคม 2552    
Last Update : 27 มีนาคม 2552 16:31:57 น.
Counter : 206 Pageviews.  

หยิบสวยจากตู้เย็น1

สูตร 1
ผิวกายที่หมองและหยาบกระด้างเป็นกระดาษทราย จัดการขัดให้ใสเนียนนุ่มด้วย “มะขามเปียก”
โดยฉีกเอามะขามเปียกเหนียวๆ มาประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แกะเม็ดและใยออกจนเหลือแต่เนื้อล้วนๆ
ชะโลมผิวด้วยน้ำแล้วใช้เนื้อมะขามเปียกขัดให้ทั่วตัว ทิ้งไว้ 2-3 นาทีแล้วล้างออก ผิวจะเนียนใสดังนี้


สูตร 2
คนที่มีผิวกายแห้งมากๆ ลองใช้วิธีนี้ดูนะ
บดกล้วยที่สุกงอมผสมกับเบบี้ออยล์ ถ้ามีงาขาวก็ผสมลงไปด้วยเล็กน้อย
นำมาพอกตัว ตรงไหนแห้งก็พอกทิ้งไว้เลยประมาณ 10 นาที
จากนั้นค่อยๆใช้มือถูวนตรงบริเวณที่พอกแล้วค่อยล้างออก
จะช่วยขัดผิวที่แห้งให้ลอกออกไปพร้อมกับบำรุงให้ผิวชุ่มชื่น


สูตร 3
วิธีแก้ไขขอบตาคล้ำๆ
นอกจากจะใช้แตงกวาแล้ว ยังสามารถใช้มันฝรั่งฝานบางๆ
แล้ววางลงบนเปลือกตาทั้ง 2 ข้าง ทิ้งไว้ 10-15 นาที
รอบดวงตาจะชุ่มชื่นขึ้น ลดรอยหมองคล้ำได้


สูตร 4
ไม่รู้ว่าที่บ้านยังมีดินสอพองกันอยู่รึเปล่า
ถ้ามี นำมาบดให้ละเอียดเลยนะคะ
แล้วหยิบนมสดเย็นๆ มาผสมให้เข้ากันจนได้เนื้อแป้งเหนียวๆ
สำหรับคนผิวแห้ง จะเติมน้ำผึ้งอีกหน่อยก็ได้
นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วจึงล้างออกให้สะอาด
ดินสอพองจะช่วยบรรเทาผดผื่น กระชับรูขุมขนทำให้หน้าเนียน
ส่วนนมสดจะทำให้ผิวนุ่ม น้ำผึ้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว


สูตร 5
บางคนเชื่อว่า กินมะเขือเทศมากๆ แก้มจะเปล่งปลั่งอมชมพูใส
แต่ถึงแม้ไม่ได้กินเข้าไป แค่เอามาแปะไว้ที่หน้า ก็สวยได้แล้วค่ะ
ฝานมะเขือเทศเป็นแว่นบางๆ แปะให้ทั่วใบหน้า
ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออก
หรือจะคั้นเอาแต่น้ำมะเขือเทศสดมาทาผิวหน้าทิ้งไว้
แล้วค่อยล้างออกก้อได้ค่ะ


สูตร 6
อยากผิวหน้านุ่มใส
ลองเองน้ำผึ้งผสมไข่ขาว
ทาให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบดวงตา
ทิ้งไว้จนแห้งแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น




 

Create Date : 20 มีนาคม 2552    
Last Update : 20 มีนาคม 2552 14:30:56 น.
Counter : 313 Pageviews.  

1  2  

หม่ามี๊ของมูมู่
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หม่ามี๊ของมูมู่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.