Shoshazan หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Mount Shosha เป็นสถานที่ตั้งของวัดที่มีประวัติยาวนานกว่าหนึ่งพันปี ตั้งอยู่บนภูเขา ขอบของเมือง Himeji ล้อมรอบด้วยป่าที่เงียบสงบ และที่นี่เอง เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังใหญ่อย่าง The Last Samurai (ตามรอยพี่ครูซมาเลย)

ตั้งต้นจากสถานี Himeji แวะที่ Tourist Information ซะหน่อย จะได้ตารางเวลารถบัส เพื่อที่จะไปต่อ Ropeway ขึ้นเขาและเดินอีกเป็นกิโลบนเขา (โปรดเตรียมใจก่อนเดินทาง) ค่ารถบัสเที่ยวละ 270 เยน ค่าเคเบิ้ลคาร์เที่ยวละ 500 เยน หรือซื้อไป-กลับลดเหลือ 900 เยน แต่ๆๆๆๆๆๆ เค้ามีบัตรรวมคอมโบ้ขายนะแจ๊ะ สามารถซื้อได้ที่สถานีรถบัส ครอบคลุมค่ารถบัสไปกลับ ค่า Ropeway ไปกลับ ในราคา 1,300 เยน ประหยัดไปได้นิดหน่อย จาก Information Center เดินออกไปข้ามถนน ไปกล่องสีฟ้าๆ ที่เขียนว่า Bus Ticket Center ซื้อตั๋วคอมโบ้ได้เลย แต่ถ้าจะจ่ายเป็นเที่ยวๆ ไป สามารถจ่ายบนรถบัสได้เลยค่ะ

จากนั้น ก็จะได้ตั๋วแบบปรุๆ มา 4 อัน เอาไว้ขึ้นบัสและ Ropeway ไปรอที่ป้ายเบอร์ 10 รถบัสเบอร์ 8 นะค่ะ ตามเวลารถออกเลย มาตรง ออกตรง นั่งรถบัสไป 30 นาทีแล้วไปต่อที่ Ropeway ต่อเลย ใช้เวลาอีกสองสามนาที ก็ถึงข้างบนค่ะ

วิวทางขึ้น Ropeway ถ้าเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี คงสวยน่าดู (ไว้หาข้ออ้างมาอีกรอบ เอิ๊กๆๆ  )

พอขึ้นมาถึง ก็เริ่มเดินทางกันได้เลย ค่าเข้า 500 เยน เปิดตั้งแต่ 8.30 - 18.00 ไม่มีวันหยุด ตอนนี้เราอยู่ตรงลูกศรสีฟ้านะคะ หนทางอีกยาวไกล 5555+

จากตรงนี้ เดินตามทางฟรีสไตล์ได้เลยค่ะ ทางเริ่มต้นจะดูยาวไกล เดินไม่ถึงซะที แต่พอถึงกลางๆ สัดส่วนแผนที่ระยะสั้นลงเยอะค่ะ 

จุดแวะชมวิว เขียวชะอุมในฤดูร้อน ถ้าถึงตรงนี้ แปลว่าเกือบจะถึงครึ่งนึงละค่ะ 55555+

จุดที่ต้องแวะพีคๆ จุดแรกคือ Maniden Temple เจอร้านขายไอติมและทางขึ้นนี้นะคะ จุดแรกมาถึงแล้วค่ะ

เดินขึ้นไปเจอกับ Meniden Temple สร้างขึ้นในปี 970 หลังจากนั้นเกิดไฟไหม้ในปี 1921 และได้มีการบูรณะในปี 1933 ส่วนตัวชอบตรงหลังคา สวยมาก

เดินต่อไปตามทาง ก็จะเจอกับลานกว้าง ที่เป็นจุดพีคของที่นี่ และตรงนี้แหละที่พี่ครูซบาดเจ็บมารักษาตัว ท่ามกลางเหล่าซามูไร ตรงลานนี้คือ Jogyodo Hall, Jikido Hall และ Daikogo Lecture Hall นะคะ อยู่รอบลานกว้างๆ (วันที่ไปแอบเซ็งนิดหน่อย มีฝรั่งแก๊งค์นึง มาเปลี่ยนชุดเป็นชุดซามูไร จองลานเก๊กท่าถ่ายรูป ทำเสียบรรยากาศไปเลย ของก็วางกองเต็มไปหมด ฝรั่งก็ใช่จะมารยาทดีนะ  ขุ่นเคืองมาก ฟังภาษาไม่ออก แต่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษแน่ Y_Y) 

ส่วนอื่นๆ สามารถเดินดูตามเส้นทางได้ค่ะ เป็นการเดินเขาที่สงบสุข มีวัดให้เยี่ยมชมตามทางเลย

มีจุดนึง อยากให้ระวังให้มากค่ะ ส่วนของ Hakusangongen ในแผนที่อยู่ส่วนบนสุด ด้วยความที่อยากได้ชื่อว่าไปถึงทุกส่วน เห็นทางชันๆ ก็คิดว่า ไม่น่าเกินความสามารถ แต่แล้ว บอกเลย ทั้งชัน ทั้งเปลี่ยว (ขนาดเจอกวางยืนชิวอยู่ด้วย) เดินยากยิ่ง ตอนขึ้นไม่เท่าไหร่ ตอนลงนิซิ เบรคกันจนรองเท้าสึก ใครไม่แข็งแรง โปรดระวังกันด้วยนะคะ นึกว่าจะหลงป่าซะแล้ว  ณ จุดนั้น คิดไปไกลมาก

ภาพระหว่างทาง มีแต่รากต้นไม้

สรุปค่าใช้จ่ายและการเดินทาง เริ่มต้นจากสถานีรถไฟ Himeji

1. รถบัสจากสถานี Himeji ไปยังสถานี Ropeway ท่ารถ #10 รถบัส #8 เที่ยวละ 270 เยน ไป-กลับ 540 เยน

2. จาก Ropeway ขึ้นไปยัง Mt. Shosha เที่ยวละ 500 เยน ซื้อไป-กลับลดเหลือ 900 เยน

3. ค่าเข้าสถานที่ 500 เยน