Somebody's me... Nobody's know.. You are what you thinks.. and.. I am who i am.. Whatever will be, will be..
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 
อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก (กิจกรรมยามว่างกับวันฝนพรำ)

ยามว่างกับวันฝนพรำ

ช่วงนี้ฝนตกทุกวันโดยเฉพาะช่วงบ่ายถึงเย็น  ต้นไม้ใบไม้ชูช่อเขียวขจีสดชื่นมองแล้วสบายตา แต่ฉันไม่ค่อยชอบนักเพราะฟ้าอึมครึมของฤดูฝนทำให้รู้สึกเหงาโดยไม่มีเหตุผล และที่สำคัญนอกเหนือจากความเหงาแล้ว สายฝนพรำมักทำให้ฉันเป็นไข้หวัดไม่ค่อยสบายอยู่ร่ำไป

พอคิดว่าอยากจะเก็บภาพฝนพรำก็มัวแต่คิดช้าไม่ทันสักที  เก็บได้แต่ภาพต้นไม้ฉ่ำน้ำหลังฝนที่พอจะไปวัดไปวากับเขาได้บ้าง   บางทีเวลาพยายามทำอะไรอย่างตั้งใจบางครั้งฉันมักจะเกร็งและทำไม่ได้ดีอย่างที่คิด

ที่สุดฉันก็หมดความพยายามที่จะรอถ่ายภาพฝนสวยๆ...กลับมาทำกิจกรรมโปรดที่ชอบ

วันนี้ได้ดูข่าวเด็กหญิงสี่ขวบป่วยเป็นโรคลูคีเมียและจัดงานแต่งงานกับบุรุษพยาบาลที่เธอแอบชอบแล้ว  ฉันก็นึกถึงซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงของหญิงสาวมัธยมที่ป่วยเป็นโรคลูคีเมียและจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน 

ซีรีย์ที่มีกิมมิคเป็น ‘ฝน’ถึงสามช่วงเวลา


Crying Out Love In The Center Of The World

อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก

ซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องราวของ ‘ความรัก การจากลา และ One Moment in Time’

เปิดฉากมาที่พระเอก“ซากุทาโร่” ในวัย 34 ปี เป็นคุณหมอผู้คร่ำเคร่งกับงานหนักและอมทุกข์อยู่เสมอเขาได้รับจดหมายจากคุณครูสมัยมัธยมว่าโรงเรียนที่เคยเรียนกำลังจะถูกปรับปรุงใหม่อยากให้เขากลับไปเยี่ยมสักครั้ง หลังจากไม่ได้กลับไปนานเกือบยี่สิบปีนับตั้งแต่จากมา


ความทรงจำในอดีตย้อนกลับมาหาเขาอีกครั้งซากุทาโร่เดินสะเปะสะปะไปจนหมดสติท่ามกลางสายฝนกลางถนนผู้คนพลุกพล่านในคืนหนึ่ง เขาถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลวันต่อมาซากุทาโร่ตัดสินใจกลับบ้านเกิดพร้อมกับ เถ้ากระดูกในขวดแก้วที่มี ‘อากิ’ อยู่ในนั้น ซากุทาโร่เลือกที่จะเก็บบางส่วนของคนรักไว้กับตัวเขาตลอดเวลาโดยไม่ได้โปรยเถ้าที่อูลูลู่จนหมดดั่งตั้งใจแต่แรก

17ปีแห่งความทรงจำวัยเยาว์ที่มีต่ออากิเป็น 17 ปีแห่งความทรมาน มีหญิงสาวคนหนึ่งที่อยากเข้ามาเติมเต็มซากุทาโร่รู้ทุกอย่าง  แต่เขาปฏิเสธไม่รับรู้ว่าหล่อนมีใจให้ เขากลับไปยังสถานที่ที่มีอากิอยู่ในทุกอณูของเรื่องราวและความทรงจำช่วงที่มีความสุขก็ย้อนกลับมาในห้วงคำนึง

อากิเป็นตัวแทนนักเรียนกล่าวคำอำลาในงานศพของครูซากุทาโร่ก้าวไปยืนเคียงข้างพร้อมร่มคันหนึ่ง  แต่ถึงอย่างไรฝนทำให้เปียกปอนไปด้วยกันทั้งคู่เป็นความประทับใจเล็กๆ ที่ก่อตัว  ก่อนจะสานสัมพันธ์ผ่านเทปคาสเซ็ทและรายการวิทยุ เกิดเรื่องราวมากมาย  จนถึงวันที่อากิป่วยด้วยโรคลูคีเมีย

เป็น11 ตอนของซีรีย์ที่ชอบมาก อาจเพราะดูซีรีย์ก่อนจะได้มาอ่านนิยายและอาจเพราะเวลาที่มากกว่าเวอร์ชั่นหนังที่มีเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเศษ  ทำให้ซึมซับความรู้สึกของเรื่องราวได้ดีกว่าและสุดท้ายซีรีย์ก็ทำให้ฉันยิ้มออก  

เมื่อซากุทาโร่เลือกที่จะปลดปล่อยเถ้ากระดูกที่เหลือของอากิในลานวิ่งที่เป็นสถานที่แห่งความทรงจำเธอสามารถวิ่งได้อย่างเป็นอิสระเหมือนดั่งเถ้ากระดูกที่ล่องลอยไปกับสายลมและ ในที่สุดเขาก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งกับผู้หญิงคนใหม่...

ซีรีย์โดดเด่นที่นักแสดงนำรุ่นเล็กแจ้งเกิดทั้ง ยามาดะ ทาคายูกิ และฮารุกะ อายาเสะ ให้โด่งดังและกวาดรางวัลมากมายจนเป็นคู่ขวัญและร่วมแสดงด้วยกันต่อใน Byakuyakou (พระอาทิตย์เที่ยงคืน) ซีรีย์แห่งความอึมครึมมืดมน  ซึ่งต่อยอดความสำเร็จจากเรื่องนี้ด้วยทีมนักแสดงและทีมกำกับชุดเดียวกันทั้งหมด


Crying Out Love In The Center Of The World

พร่ำหัวใจเพรียกหารักที่กลางโลก

             เวอร์ชั่นหนังจากเรื่องเดียวกัน  ได้รับเสียงตอบรับและรางวัลมากมายเช่นกัน แต่ส่วนที่ไม่เหมือนกันคือตัวแสดงเวอร์ชั่นนี้โดดเด่นที่ซากุทาโร ในวัย 34 ได้นักแสดงดังอย่าง โอซาวะ ทาคาโอะ เจ้าของบทบาทสุดฮิตจากดร.จิน มาแสดงนำร่วมกับ โค ชิบาซากิ ที่รับบทคู่หมั้นของซากุทาโร่ (ที่ในหนังสือและซีรีย์ไม่มี) เธอเป็นบทที่เพิ่มมาอย่างดีงามตามท้องเรื่อง


โค ชิบาซากิ  รับผิดชอบบท ริสสึโกะสาวขาพิการได้อย่างน่าสงสาร  และเธอคือบทเฉลยของเรื่องราวทั้งหมดในเวอร์ชั่นหนัง  นอกจากโค จะแสดงได้ดีแล้ว  ยังร้องเพลงประกอบเวอร์ชั่นซีรีย์ของเรื่องเดียวกันจนได้รางวัลเพลงนำยอดเยี่ยมมาครอง  และส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ อากิ ในเวอร์ชั่นหนังอย่าง นากาซาวะ มาซามิ ก็โดดเด่นมากและเป็นนักแสดงวัยรุ่นยอดนิยมในขณะนั้น

             บทที่แตกต่างจากทั้งหนังสือ และซีรีย์ เหมือนหนังคนละม้วนทำให้เวอร์ชั่นหนังกวาดทั้งเงินและรางวัลไปครองได้มากมายจากการตีความที่แตกต่าง แต่อิ่มในอีกรูปแบบหนึ่งได้เช่นกัน  จนมีการซื้อลิขสิทธิ์นิยายไปสร้างเป็นเวอร์ชั่นหนังเกาหลี


My Girl & I

รักสุดท้ายของนายเจี๋ยมเจี้ยม

เวอร์ชั่นเกาหลีได้นักแสดงนำหญิงสุดโด่งดังในขณะนั้นอย่าง ซองเฮเคียว จากรักนี้ชั่วนิรันดร์ มาประกบกับ ชาแตฮุน พระเอกดังจาก My Sassy Girl ผลงานกำกับของผู้กำกับอินดี้ กวักแจยอง เจ้าของผลงานรางวัลมากมายจาก The Classic คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต

เป็นเวอร์ชั่นที่ทำได้ใกล้เคียงบทประพันธ์มากที่สุด  แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จและ นับว่าเป็นการแสดงหนังใหญ่เรื่องแรกของซองเฮเคียวที่ไม่ประสบความสำเร็จและไม่ทำให้หนังได้เงินเท่าที่ควร

จะเห็นได้ว่าทั้งสามเวอร์ชั่นสร้างจากนวนิยายเล่มเดียวกัน แต่กลับมีแค่แก่นเรื่องที่คล้ายกันแต่รายละเอียดปลีกย่อยไม่เหมือนกันเลย 

ซึ่งนี่อาจเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของนวนิยายขายดีระดับเบสต์เซลเลอร์ยอดขายสูงถึง 4 ล้านเล่ม เรื่องนี้


อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก

Sekai No Chushin De Ai Wo Sakebu

By…Kyoichi Katayama

“คนบางคน พระเจ้าแค่ให้มาให้เจอกันแต่ไม่ได้ให้มาอยู่ด้วยกัน”


            ไม่ใช่ว่าทุกชีวิตที่เกิดมาจะพบกับรักแท้หรือได้อยู่กับคู่ของเราอย่างสุขสมหวังเสมอไป บางครั้งความรักอาจผ่านมาชั่วประเดี๋ยวเหมือนสายลมพัดผ่าน ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกอ้างว้างและค่อยๆ รางเลือนไปเมื่อมีใครอีกคนเข้ามาใครบางคนที่พอจะทดแทนความรู้สึกที่ขาดหายไป

            ทว่า...บางคนเมื่อคนรักจากไป เขาไม่อาจเริ่มต้นกับรักครั้งใหม่ได้อีกเลย

             คำนำจากนวนิยายอยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก วรรณกรรมละเมียดละไมแห่งรักของคนที่ได้มาพบกันในช่วงเวลาหนึ่งแล้วก่อกำเนิดรักแท้ที่สร้างความประทับใจเนิ่นนานให้ผู้อ่าน

             เปิดฉากมาที่ 4 เดือนหลังการจากไปของ ‘อากิ’ หญิงสาววัย 17 ปี ที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคีเมียทำให้ซากุทาโร่ หรือ “ซัคจัง” คนรักเดินทางร่วมกับพ่อและแม่ของเธอเพื่อไปโปรยเถ้ากระดูกให้เธอยัง ‘อูลูลู่” สถานที่แห่งหนึ่งในออสเตรเลียที่ว่ากันว่า ณ.ที่แห่งนี้คือ  ใจกลางของโลก...สถานที่ที่อากิใฝ่ฝันอยากจะไปให้ได้สักครั้งและเธอก็ได้ไปจริงๆ

              กระดูกของอากิถูกโปรยให้ล่องลอยไปกับสายลมของขุนเขาสีแดงกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาของอูลูลู่แต่ซัคจังแอบเก็บเถ้าของเธอใส่ไว้ในโหลแก้วเล็กๆ ไม่ได้โปรยออกไป และพกติดตัวตลอดเวลาเป็นเวลานานถึง17 ปี โดยที่พ่อแม่ของอากิก็ยังไม่รู้

              หนังสือเล่าย้อนไปเริ่มตั้งแต่ทั้งคู่เจอกันเมื่อครั้งม.2 เป็นการเล่าเรื่องผ่านสรรพนามบุรุษที่ 1 คือ ซัคจังตลอดเรื่องราวดำเนินไปจากการเล่าในมุมมองของเขาที่มีต่อ อากิ ต่อความรักของเขา ต่อญาติพี่น้องโดยเฉพาะความรักของปู่ของซัคจังที่มีต่อหญิงสาวคนหนึ่ง เป็นเหมือนตัวอย่างความรักที่มั่นคงให้ซัคจังเห็น และเป็นต้นแบบของเขาในทุกๆเรื่อง

การได้รู้จักกับอากิและใช้ไปรษณียบัตรสื่อสารเล่าเรื่องราวจริงบ้างแต่งบ้าง  ผ่านรายการวิทยุเพื่อหวังของรางวัลเล็กน้อยสร้างความประทับใจให้แก่อากิ จนทั้งสองสนิทสนมกัน  ก่อนที่เธอจะป่วย ด้วยโรค ‘โลหิตจางเพราะระบบหมุนเวียนเลือดไม่ดี’

เธอไม่เคยรู้ตัวว่าเป็นโรคร้ายแต่คนฉลาดอย่างอากิ ไม่นานก็รู้จนได้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร จากในหนังสือตอนหนึ่ง สื่อถึงความกลัวในจิตใจของทั้งสองได้แม้เป็นเพียงคำพูดสั้นๆ


            “อากิเกิดวันที่ 17 ธันวาใช่ไหม”

            “ส่วนซัคจังก็เกิดวันที่ 24 ธันวา”

            “นี่ก็หมายความว่าตั้งแต่วินาทีที่ฉันลืมตาดูโลกใบนี้ ฉันก็มีอากิอยู่แล้วไม่เคยไม่มีเลยแม้แต่วินาทีเดียว”

            “หยั่งงั้นเหรอ”

            “โลกที่ฉันเกิดมา เป็นโลกที่มีอากิ สำหรับฉันแล้วฉันไม่เคยรู้จักโลกที่ไม่มีอากิ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าโลกแบบนั้นมีจริงหรือเปล่า”

            “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ถึงฉันจะไม่อยู่ แต่โลกนี้ก็จะดำรงอยู่ต่อไป”

            “ความสั้นยาวของกาลเวลาสำคัญมากขนาดนั้นเชียวเหรอช่วงเวลาที่ได้อยู่กับซัคจังนั้นสั้นก็จริง  แต่ก็มีความสุขมากมากเสียจนคิดว่าคงไม่มีอะไรสุขใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว  ฉันคิดว่าตัวเองคงจะมีความสุขมากกว่าใครๆ ในโลกนี้แม้แต่เสี้ยววินาทีนี้...มันเพียงพอแล้วสำหรับฉัน เราเคยคุยกันแล้วไงสิ่งที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้ แม้ฉันจะตายไปแล้ว มันก็จะยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์”


             หลังงานศพของอากิผ่านไป ซัคจังใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร้ความสุข  แต่สิ่งที่เหลืออยู่เป็นแรงผลักดันให้เขาตั้งใจเรียนโดยไม่วอกแวกถึงสิ่งใดนอกจากคิดถึงอากิ  ในที่สุดเขาก็สอบเข้าเป็นนักศึกษาแพทย์ด้วยความตั้งใจว่าอยากหาทางรักษาผู้ป่วยด้วยโรคแบบเดียวกับที่อากิเป็น

             ความทุกข์ทรมานของซัคจังถึงจุดสิ้นสุดในที่สุด...เมื่อเขาได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิด และเปิดลิ้นชักแห่งความทรงจำที่มีรอยโหว่แหว่งวิ่น และเติมเต็มความทรงจำใหม่อีกครั้ง

หลังผ่านไป17 ปี ในที่สุด ‘ซัคจัง’ ก็ปลดปล่อย ‘อากิ’ ให้ล่องลอยไปกับสายลมอีกครั้ง...


 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณของแต่งบล็อคสวยๆ จากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ค่ะ

ขอบคุณภาพและเพลงประกอบจากอินเตอร์เนตค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เอนทรีนี้ร่วมกิจกรรม 'ภาพเล่าวันฝนพรำ' กับบล็อกแกงค์ค่ะ





Create Date : 26 กรกฎาคม 2558
Last Update : 26 กรกฎาคม 2558 1:36:16 น. 25 comments
Counter : 3807 Pageviews.

 

ที่นี่ฝนตกทุกวันเหมือนกันค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องซึ้งๆ น่ารักๆ นะคะคุณนุ่น
♥♥♥


โดย: นัน IP: 192.99.14.36 วันที่: 26 กรกฎาคม 2558 เวลา:3:58:18 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณนุ่น...

ดูหนังไปก้ร้องไห้ไปค่ะ...

บ้าซี่รี่ย์เหมือนกันค่ะ..อิอิ


โดย: อ้อมแอ้ม IP: 49.230.209.50 วันที่: 26 กรกฎาคม 2558 เวลา:6:40:10 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับน้องนุ่น

พี่ก๋าดูซีรี่ย์เหมือนกัน
แต่เป็นซีรีย์หนังสงครามครับ 555

หนังรักดูน้อยมากๆ

ขอบคุณนะครับ
ดีใจที่เพื่อนน้องนุ่นชอบหนึ่งภาพพันคำ
ก๋าราณีก็อยากรวมเล่มนะ
เคยส่งไปที่ สนพ. แต่ไม่ผ่านครับ 5555

ไว้มีโอกาสอาจจะเอามาทำเองครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กรกฎาคม 2558 เวลา:7:22:05 น.  

 
อ่านแล้วซึ้งมากเลยค่ะ
และได้รู้ว่ามีการต่อยอดเรื่องราวจากนิยายไปหลายมุมมองเลย

พี่เขียนเรื่องราวความรักแบบละมุนละไมไม่ค่อยถนัดนัก แต่ช่วงนี้เนปากับเพนนีเขากำลังอยู่ในช่วงอินเลิฟก็เลยต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมให้มากๆไว้ อิอิ


ดีใจด้วยที่ร้อยรักพลางตะวันถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
พี่ก็กำลังกางใบสิงหลาให้ถึงฝั่งสักทีเช่นกันค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้เสมอ


โดย: ~My Birthday is on April 14~ วันที่: 26 กรกฎาคม 2558 เวลา:7:48:17 น.  

 
ยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้... เคยดูหนังอินโดนิเซีย
เค้าโครงเรื่องคล้ายกัน..ครับ

ยอมรับเลยว่า เนื้อเรื่องทำเอาน้ำตาซึม... คนเขียน
หนังสือเก๋ง ได้คนเขียนบทหนังดีด้วย...

ฝนที่ตก ตกน้อยมากนะครับ... ขนาดกระถางต้น
ไม้เปียก พื้นเปียกด้านเดียว.. ตอนนี้ต้องทำใจ
เรื่องฝน... เอ..คุณนุ่นตอนนีอยู่ภาคใต้ ฝนคง
จะตกมากกว่าทุกภาค... โชคดีจัง

พูดถึง ต้นผักพืช...ความที่เราชอบ ผักเซียงดา
ผักฮ้วนหมู.. ผมไปเชียงใหม่ก็ขุดใส่ถุงดำ นำไป
ปลูก ที่ไร่ส่วนที่ชุ่มน้ำหน่อย.... ขึ้นดี สวยงาม
แต่ไม่ได้บอกคนสวน..

พอกลับไปอีกที คนสวนตัดทิ้งเฉยเลย สอบถาม
เขาบอกว่า มันรก คิดว่าหญ้า เลยตัดทิ้ง เฮ้อ
คนต่างถิ่นไม่รู้จัก..

แต่ผมก็นำกิ่งผักเฮีอด ต้นที่ อ.แม่แตง ไปปลูก
ที่สวนจันทบุรี ขึันงามดี ทีนี้เขียนบ้ายติดไว้เลย
ต้นผักเฮีอด แกงกินได้ 555 เลยรอดพ้น..

คุณพ่อคุณนุ่นขยัน ปลูกผัก ตัดต้นไมยราบยักษ์
ทิ้ง... ใช่เลยเสียค่าน้ำมันรถตัดหญ้าเยอะ ผมเอง
ตอนแรกก็ใช้รถตัดหญ้า ใช้น้ำมันเบ็นซิน 91

น้ำมันแพง...ตอนหลังเลยเปลี่ยนวิธีการ.. ยังไม่
บอกหรอกว่าอะไร 555 บอกใบ้ว่า คอยอ่านตอน
ต่อก็แล้วกัน ไปละครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 26 กรกฎาคม 2558 เวลา:11:46:15 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณนุ่น

ภาพน้ำชุ่มใบไม้ งดงามเสมอค่ะ

ส่วนหนังซีรีส์ ปอป้าไม่เคยดูสักเรื่องเลยค่ะ

โดยเฉพาะหนังเกาหลี กะญี่ปุ่น เป็นคนไม่ติดทีวีเอาเสียเลย

จะติดหนึบก็ตอนฟุตบอลพรีเมี่ยลีคอังกฤษเปิดฤดูกาล

อันนั้นจะเป็นบ้าไปประมาณ ๙ เดือน ฮ่า ๆ ๆ ๆ

ปอป้าโหวตหมวดนี้ให้คุณนุ่นนะคะ

lovereason Movie Blog ดู Blog

ป.ล. วันนี้ ปอป้าก็อัพบล๊อกใหม่แล้วค่ะ ที่บล๊อกปอป้าฝนเลิกพรำแล้วค่ะ อิ ๆ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 26 กรกฎาคม 2558 เวลา:11:55:24 น.  

 
ฝนตกเรื่อยๆ เลยช่วงนี้ พี่เองก็เพิ่งทำเรื่องวันฝนพรำเสร็จ แต่ไม่ได้ตั้่งหน้าแรก ^^


โดย: sawkitty วันที่: 26 กรกฎาคม 2558 เวลา:16:53:57 น.  

 
แอบอ่านรายละเอียดมาตั้งแต่เมื่อคืนที่นอน 555
เวลานอนเด๋วนี้ต้องมีแทบแลตไว้อ่านบล็อค หรือดุวีดีโอ จนง่วงแล้วค่อยหลับค่ะ เป็นทั้งสองตายาย ไม่รู้บ้านอื่นเป็นหรือ่ปาว
เรื่องนี้ พี่มิลยังไม่เคยดูเรื่องนี้ แต่เท่าที่อ่านรีวิวจากน้องนุ่น เป็นเรื่องนึงที่น่าประทับใจมาก


โดย: Mintra-april วันที่: 26 กรกฎาคม 2558 เวลา:18:24:10 น.  

 
นานเท่าไหร่แล้วไม่ได้เข้าบล๊อก
อดตามมาอ่านไม่ได้
เป็นกำลังใจให้นะ


โดย: แหม่แม่ของอาเดียว IP: 1.47.106.85 วันที่: 26 กรกฎาคม 2558 เวลา:20:12:14 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณนุ่น
เขียนได้เก่งมากๆเลยค่ะ พล๊อตเรื่องก็ตรงคอนเซ็ปต์ น่าอ่าน
คนรักการเขียนต้องอ่านเยอะ ใช่มั๊ยค่ะ เก็บเรื่องราวซีรี่เกาหลีไว้ได้เยอะเลย
จริงๆค่ะหนังเกาหลีมีความน่ารักและชอบมีบทฝนตกเวลาพระเอก-นางเอก
รักกัน หรือแยกกันนะค่ะ เราก็ชอบมากเหมือนกัน แต่ไม่ได้ดูบ่อยช่วงนี้ คริ คริ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
Close To Heaven Parenting Blog ดู Blog
lovereason Literature Blog
ปล. รักษาสุขภาพนะค่ะ


โดย: Tui Laksi วันที่: 27 กรกฎาคม 2558 เวลา:8:34:09 น.  

 
แค่อ่านก็ซึ้งแล้วค่ะ น่าดูจัง


โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 27 กรกฎาคม 2558 เวลา:12:47:56 น.  

 

ซึ้งจังน้องนุ่น วันนี้ที่บ้านป้าฝนตกหนักเพิ่งเจอวันแรกข้างนอกอาจ

รถติด มีน้ำท่วมกทมอีก


lovereason Movie Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: พรไม้หอม วันที่: 27 กรกฎาคม 2558 เวลา:15:10:57 น.  

 
พี่น่าจะเคยดูเวอร์ชั่นแรก คุ้นๆ เหมือนกัน

ภาพฝนพรำ... พี่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมกับเค้าเลยจ้ะนุ่น

....


อาหารวันนั้นอร่อยหมด ยกเว้น ผัดโป๊ยเซียนแปลกๆ หน่อย

พี่ก็พูดเหมือนเดิมล่ะ ว่างๆ ค่อยแวะมาจ้ะ เอาที่สะดวกๆ เนาะ





โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 27 กรกฎาคม 2558 เวลา:17:29:29 น.  

 
ส่งกำลังใจให้คุณนุ่น สำหรับภาพยนต์ที่น่าประทับใจนะคะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
lovereason Movie Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น




วันนี้ปอมแวะไปทักทายที่ถนนฯมาด้วยค่ะ

ก่อนจะหายตัวอีกครั้ง



โดย: กาปอมซ่า วันที่: 27 กรกฎาคม 2558 เวลา:18:39:37 น.  

 
ยังไม่เคยได้ดูสักเรื่องเลยครับ หนังสือก็ไม่ได้อ่าน แต่น่าสนใจมากๆเลยครับคุณนุ่น


โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 27 กรกฎาคม 2558 เวลา:18:51:00 น.  

 
ภาพต้นไม้ฉ่ำน้ำหลังฝน
ดูแล้วสดชื่นเย็นใจขึ้นมาเลย
ขอบคุณกำลังใจด้วยครับผม


โดย: moresaw วันที่: 28 กรกฎาคม 2558 เวลา:8:59:40 น.  

 
เรื่องนี้เหมือนเคยดูเลยครับ จำไม่ได้
แต่อ่านรีวิวแล้วทำให้อยากจะไปหามาดูเลยครับ


โดย: PZOBRIAN วันที่: 28 กรกฎาคม 2558 เวลา:11:17:56 น.  

 
ยังไม่เคยดูและไม่เคยอ่านเลยค่ะน้องนุ่น
แต่ภาพต้นไม้ชุ่มฉ่ำหลังสายฝนพรำ ก็ทำให้สดชื่นได้เยอะนะคะ
เพราะภาพฝนตกถ่ายยากจริง ๆ ค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 28 กรกฎาคม 2558 เวลา:11:30:09 น.  

 
อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก
One Moment in Time ...

แค่ชื่อก็ซึ้งแล้ว ... ฟังคุ้นหูมาก แต่ไม่เคยดูหรือเคยก็ไม่แน่ใจ
พล็อตเรื่องแนว ๆ นี้ มีเยอะแยะไปหมดนะคะ

ช่วงนี้ฝนพรำแทบทุกวัน ตอนนี้ก็กำลังพรำอยู่
มืดแล้วคงได้แต่หลับสบายอย่างเดียวแหละเนอะ
หลับฝันดีนะคะ



โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 28 กรกฎาคม 2558 เวลา:22:03:55 น.  

 
พล็อตเรื่องซึ้งๆแบบนี้ทำเอาคนดูซึ้งไปตามๆกันค่ะ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่นำมาสร้างถึง 3 เวอร์ชั่น
นิคชอบซีรี่ย์ญี่ปุ่นตรงที่นอกจากดูสนุกแล้วยังแทรกข้อคิดไว้ด้วย
เก่งค่ะคุณนุ่น ที่จับเอา 3 เรื่องมาเล่าเคล้าสายฝน



โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 28 กรกฎาคม 2558 เวลา:23:03:14 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับน้องนุ่น

พี่ก๋าเป็นคนคุยไม่เก่งนะครับ
ยิ่งไม่สนิทยิ่งไม่คุยเลย 555

ชอบฟังมากกว่า
เวลาอยู่กับคนเยอะๆ
เป็นคนฟัง สนุกดี



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 กรกฎาคม 2558 เวลา:7:33:16 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณนุ่น

วันนี้ปอป้าส่งงานตะพาบล่วงหน้าหนึ่งวัน
เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ แล้วค่ะ
จากนั้นก็มีภารกิจทางพระศาสนาที่ต้องทำ
จะหายพระกะเฮ๊ดไปจากบล๊อกหลายวันหน่อยนะคะ
เสร็จภารกิจแล้วจะรีบกลับมาประจำการค่ะ

มีความสุขมาก ๆ นะคะ


โดย: พรหมญาณี วันที่: 29 กรกฎาคม 2558 เวลา:12:27:10 น.  

 
สวัสดียามบ่ายครับ




โดย: ก้อนเงิน วันที่: 29 กรกฎาคม 2558 เวลา:14:05:48 น.  

 
วันนี้วันพระใหญ่
ขอบารมีแห่งพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย
ช่วยดลบันดาลให้นุ่นพบแต่ความสงบเย็นเทอญ




โดย: พันคม วันที่: 30 กรกฎาคม 2558 เวลา:9:49:16 น.  

 
สวัสดีวันฝนพรำจ้า

เนื้อเรื่องออกแนวเศร้าปนซึ้งนะนนี่
ไม่เคยอ่านและไม่เคยดูเลยจ้า
แต่จากที่นุ่นเล่าให้ฟัง นับว่าเป็นเรื่งราวซาบซึ้งกินใจพอควรเลยล่ะ

สุขสันต์วันหยุดนะจ๊ะ



โดย: NENE77 วันที่: 31 กรกฎาคม 2558 เวลา:9:38:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lovereason
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 76 คน [?]









+ ++
Friends' blogs
[Add lovereason's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.